記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ - ตอนที่ 6.2 กิจกรรมโอชิของฮินะ 2
- Home
- 記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ
- ตอนที่ 6.2 กิจกรรมโอชิของฮินะ 2
บทที่ 6.2 กิจกรรมโอชิของฮินะ (2)
[มาสายอีกแล้วน้า]
หลังจากคาบเรียนจบลง อริสึคาวะที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะร่าออกมา
สรุปให้ฟังเลยว่าผมเข้าคาบเรียนแรกไม่ทัน เพราะฉะนั้นเลยเถียงอะไรกลับไม่ได้
[มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ช่วยไม่ได้หรอก]
อริสึคาวะหัวเราะคิกคักขณะที่กำลังเก็บอุปกรณ์การเรียน
[เอ๋–แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอ?]
[นาฬิกาปลุกไม่ดังน่ะ!]
[งั้นเองเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้ละเนอะ]
พอเห็นการตอบสนองที่ต่างจากอาสึกะก็ทำเอาผมตาค้างเลย
ขณะนั้นทาคาโอะที่นั่งอยู่ข้างผมก็แทรกเข้ามา
[เฮ้ย ไม่น่าใช่ช่วยไม่ได้นะ? ถ้าซานาดะใช้เหตุผลนั้นแล้วโอเคฉันก็อยากทำบ้างนะเฟ้ย!]
[นั่นสิเนอะ พอพูดมาก็อยากทำมั่งเลย]
อริสึคาวะหันไปหัวเราะทางทาคาโอะ
ทาคาโอะเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนสำหรับคาบถัดไปแล้วพูดต่อ
[อริสึคาวะกับซานาดะนี่เข้ากันดีจังเลยนะ ถึงจะคิดว่าควรจะตื่นให้เช้าเหมือนคนปกติบ้างก็เหอะ]
[เพื่อนสมัยเด็กฉันก็พูดอะไรแบบนั้นเหมือน…]
ผมหัวเราะออกมานิดหน่อย ทาคาโอก็เช่นกัน
[นั่นสินะ อื้ม มินาโตะก็คงจะประมาณนี้แหละ]
[ปฏิเสธไม่ได้ละนะ แต่ก็มีบางส่วนที่ขาด ๆ เกิน ๆ เหมือนกัน]
ผมนึกถึงออมไรซ์เมื่อคราวก่อนแล้วก็เผลอตอบกลับไปเล็กน้อย
แต่ทาคาโอะตอบมาแค่ว่า [เพื่อนสมัยเด็กนี่ดีจังนะ] ออกมาอย่างสบาย ๆ
ทาคาโอะ ยามาโตะ
ความประทับใจที่มีต่อเขาคือผู้ชายไว้ผมทรงทูบล็อกสีน้ำตาลที่มีบรรยากาศเหมือนกับนักกีฬา
เนื้อหาในคาบเรียนที่แล้วเป็นการให้แชร์ความรู้ในหนังสือกันสี่คน ก็มีทาคาโอะนี่แหละที่คอยถามผมตลอดทั้งที่ผมเอาแต่เงียบ พอรวมกับความประทับใจของเมื่อวานแล้วก็สรุปได้ว่าคนคนนี้เป็นคนดี
ทาคาโอะหันสายตาไปด้านข้างแล้วถามอริสึคาวะ
[จะว่าไปแล้วอาริสึคาวะไม่เคยมาสายเลยไม่ใช่เหรอ?]
[เห~ อย่างนั้นเหรอ]
เพราะว่าเห็นหลับในห้องเมื่อวานเลยตกใจนิดหน่อย
ไม่รู้เหมือนกันว่างานนางแบบเป็นงานแบบไหน แต่ดูเหมือนจะยุ่งมากด้วยสิ
แต่แอบแปลกใจกับคำพูดของทาคาโอะนิดหน่อย แต่อรึสึคาวะก็สางผมสีเทาดำของเธออย่างเงียบ ๆ
ขณะที่ทาคาโอะเอียงคอสงสัยอยู่ในที่สุดก็พูดอะไรออกมา
[เราไม่สนใจหรอกนะว่าจะมาสายหรือไม่สายน่ะ]
[ฮ่าฮ่า ยังไม่สนใจอะไรไม่เปลี่ยนเลยนะ]
[…ก็เป็นคนแบบนี้ตลอดนี่ คุณอริสึคาวะน่ะ]
ผมหันไปมองเสียงที่มาจากข้าง ๆ ของทาคาโอะ
ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงผมแดงที่กำลังปลิวไสว ยูเมซากิกำลังหันตัวเองมาทางนี้
ผมแอบยิ้มนิดหน่อยเพราะตกใจกับการที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามาในบทสนทนาเหมือนกัน
อริสึคาวะที่อยู่ข้าง ๆ บอกให้ฟังว่า [เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อนน่ะ] อื้ม บรรยากาศไม่เลวเลย
แล้วก็ก่อนหน้านี้ที่ฟังมาเหมือนว่าสามฝ่ายใหญ่อะไรนี่เป็นแค่กลุ่มในนามเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน
เพราะฉะนั้นก็คุยกันแบบปกติได้อยู่เนอะ
[ว่าแล้วเชียว คุณอริสึคาวะสนิทกับซานาดะจริง ๆ นะ]
เฮ้ย “จริง ๆ ” ที่ว่าเนี่ยมันคืออะไรกันครับนั่น
ติดใจคำพูดนั้นนิดหน่อยเลยหันไปมองอริสึคาวะ
แต่เจ้าตัวกำลังทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวมองยูเมซากิอยู่
[อาเร๊ะ หรือว่าจะอิจฉาเราที่ยึดยูกิคุงไว้คนเดียวเหรอ?]
[จะไปอิจฉาได้ยังไงกันละ คิดยังไงถึงได้แบบนั้นเนี่ย]
[อืม~ ก็คิดอาจจะอยากคุยกับยูกิคุงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานหรือเปล่าเอง]
[คือว่านะ อย่าให้ตอบอะไรที่ชวนให้ลำบากใจได้ไหม]
[ทั้งสองคนหยุดก่อนดีไหม ลืมไปหรือเปล่าเจ้าตัวก็อยู่ตรงนี้นะ? เรื่องพวกนี้ไปแอบคุยลับหลังเถอะ]
พอผมแทรกพูดเข้าไปยูเมซากิก็หัวเราะออกมายกใหญ่
[ว่าแต่ว่ายูเมซากิกับอริสึคาวะนี่เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อนเหรอ]
[ก็ใช่น่ะสิ จำชื่อฉันไม่ได้ก็เลยไม่รู้ละสินะ…แต่จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ? ไม่เคยได้ยินชื่อฉันมาก่อนเลยงั้นเหรอ?]
ผมรู้สึกหนาวสันหลังกับยูเมซากิที่รัวคำถามมา
เวรแล้ว
จะว่าไปแล้วผมเพิ่งจะมารู้เรื่องหัวหน้าสามฝ่ายใหญ่อะไรนั่นก็เพิ่งจะเมื่อวานเองนะ
[ขอ …ขอโทษนะ พอดีว่าฉันเป็นพวกขี้ลืมน่ะ]
หวังว่านี่จะไม่เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของยูเมซากินะ
[อื้ม ช่างมันเถอะ]
ยูเมซากิตอบมาแค่สั้น ๆ ส่วนอริสึคาวะหันมาทางนี้
หลังจากนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ อริสึคาวะก็พูดอะไรที่ไม่น่าเชื่ออกมา
[หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ยูกิคุงเขาลืมเรื่องของทุกคนไปหมดเลยละ เพราะงั้นก็เลยคุยกันได้แบบนิด ๆ หน่อย ๆ กันหมด เพราะยูกิคุงลืมไปหมดเลยนี่เนอะ?]
[อุหวาา จู่ ๆ พูดอะไรออกมาเนี่ย!?]
ผมตื่นตระหนกมากกับคำที่อริสึคาวะพูดออกมา
แต่ทาคาโอะที่อยู่ตรงนั้นทำแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
[อ๋อ—เมื่อวานถึงได้ดูอึดอัดขนาดนั้นนี่เอง!]
ผมหยุดเคลื่อนไหวในทันที
คิดว่าทำได้ดีแล้วแท้ ๆ เลยนะ โดนจับได้ตั้งแต่คุยกันครั้งแรกเลยเหรอ
[ชื่อของฉันนี่ซานาดาก็ลืมไปหมดเลยงั้นเหรอซานาดะ ถึงเราจะเคยคุยกันแค่ครั้งเดียวตอนงานกีฬาก็เถอะนะ]
ทาคาโอะพูดเหมือนไม่ได้โกรธอะไรเลยแถมยังจับไหล่ผมเหมือนเป็นเรื่องตลกด้วย
ผมก็เลยทำได้แค่ [ไม่หรอก อะฮะฮะ] แล้วยิ้มออกมาอย่างสับสนเท่านั้น
[ใช่ใช่ มีแค่เราคนเดียวทีไม่ถูกลืมได้แบบเฉียดฉิวเลยละนะ]
อริสึคาวะส่งสัญญาณการช่วยเหลือมาแล้ว
อยากจะบอกว่าอย่าสร้างเรื่องตั้งแต่แรกสิเหมือนกันนะ
[ขนาดนางแบบชื่อดังยังเฉียดฉิวแบบนี้ ยูเมซากิกับฉันจะไม่ผ่านเกณฑ์ก็ไม่แปลกละเนอะ อะฮะฮ่า]
[หนวกหู อย่าเอาฉันไปรวมกับนายนะ!]
[โหดร้ายเกินไปจนจะร้องไห้แล้วนะ]
จังหวะที่ทาคาโอะกำลังห่อเหี่ยวกับโต้กลับขอยูเมซากินั้นก็มีเสียงของผู้ชายคนอื่นดังขึ้นมา
[คนที่เป็นเวรลบกระดานดำออกมาทำหน้าที่เร็ว! วิชาต่อไปเป็นของครูซาวาดะ ลบให้เกลี้ยงเลยนะ!]
ทาคาโอะร้องว่า [ซวยละ] แล้วก็ปลีกตัวออกไป
เป็นคนที่หลากหลายอารมณ์จังนะ
ส่วนยูเมะซากิเหมือนจะหมดอารมณ์คุยแล้วก็เลยบอกว่า [ฉันก็ต้องไปเตรียมตัวเหมือนกัน] แล้วก็กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
เสียงโหวกเหวกหายไปแม้ว่าจะยังไม่หมดเวลาพัก
…อย่างที่คิดเลย น่าคิดถึงจังนะ
ถึงจะจำเรื่องทาคาโอไม่ได้ก็เถอะ แต่เวลาพักแบบนี้ก็ทำให้สบายใจดีเหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังดื่มดำกับความคิดที่อธิบายไม่ได้นี้ อาริสึคาวะก็ [เอ้าฮึบ] แล้วขยับเข้ามาใกล้ ๆ
กลิ่นอายที่แสนลึกลับเข้ามาในจมูก ทำให้นึกถึงฉากบางฉาก
—ริมฝีปากที่นุ่มนวล
ฉากอันตราตรึงในห้องผู้ป่วย การจูบกระทันหัน ผมเผลอเกร็งร่างโดยไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
จากนั้นก็ส่งเสียงกระซิบข้าง ๆ หูผม
[นี่? ถ้าบอกใครว่าความจำเสื่อมน่ะนะ ส่วนใหญ่คนไม่เชื่อหรอก]
[…แต่ครั้งหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะ ไม่ดีต่อหัวใจเลย]
[หัวใจมีปัญหาด้วยเหรอ?]
[แค่อุปมาเฉย ๆ น่า!]
อริสึคาวะหัวเราะเสียงดังออกมา
ขณะที่ผมกำลังจะพูดอะไร จังหวะนั้นก็พบกับร่างที่คุ้นเคยเดินมาจากโถงทางเดิน
นักเรียนหญิงผมสีทอง เพื่อนสมัยเด็กควบสถานะคนรักของผม อาสึกะนั่นเอง
มีผู้ชายคนหนึ่งเห็นอาสึกะเข้าก็ตะโกนว่า [เอ๋!? เอาจริงดิ!] ออกมาเสียงดัง
บางคนก็บอกว่า [เหลือเชื่อเลย] ออกมา
—-ปีสองห้องสามตอนนี้มีหัวหน้าฝ่ายทั้งสามคนรวมตัวกันอยู่
[ขอโทษนะ ขอเวลาหน่อยได้ไหม?]
อาสึกะเดินทะลุเข้ามาพูดกับพวกเรา
อริสึคาวะพอได้ยินเสียงนั้นก็หันสายตาไปหาอาสึกะ
ตอนนี้ใจผมเต้นรัวเลย ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในตัวผม เรื่องฝ่ายอะไรเนี่ยดูไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับผมแล้วแฮะ
ทำไมทั้งสองคนนี้ถึงได้มาเป็น—-
[เอ๋ คุณอาสึกะ มีอะไรเหรอ?]
เสียงที่เย็นชาไร้หัวใจกว่าปกติดังออกมา
ผมภาวนาว่าให้ไม่เกิดอะไรแปลก ๆ พร้อมกับมองสลับไปมาระหว่างสองคน
[ซากิ]
[อะไรเหรอ? อ๊ะ หรือว่าจะสนใจไปเป็นนางแบบแล้วเหรอ?]
[ไม่ใช่น่า จะเชิญกี่ครั้งก็ไม่ไปหรอกนะ]
อาสึกะถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อ
[…ขอยืมตัวยูกิหน่อยได้ไหม ฉันต้องพายูกิไปหาครูยูคาวะน่ะ]
ผมใช้เวลาสองถึงสามวินาทีในการนึกว่าซากิคือชื่อต้นของอริสึคาวะและใช้เวลาอีกพักนึงในการนึกว่ายูคาวะคือชื่อของครูประจำชั้นที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้
ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือกนอกจากการเป็นผู้ชมในการคุยกันของทั้งสองคน
หวังว่าอริสึคาวะจะไม่พูดอะไรแปลก ๆ ออกมานะ
แต่อริสึคาวะก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความร่าเริงผิดปกติ
[งั้นให้เราไปด้วยได้ไหม? อยู่ห้องเดียวกันนี่นา]
[อือ ไม่เป็นไร อยู่ห้องเดียวกันใช่ไหม งั้นรบกวนจดโน๊ตของยูกิให้หน่อยได้หรือเปล่า เพราะกว่าจะกลับต้องใช้เวลาสักพักน่ะ]
แคร๊ก!
เหมือนมีเสียงอะไรแตกหักระหว่างที่สองคนนี้คุยกันเลยแฮะ
[คือ คือว่าน้า…]
ผมพยายามส่งเสียงไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่สองคนนั้นไม่ได้สนใจผมเลย
อริสึคาวะกระพริบตาหนึ่งครั้งแล้วก็เม้มปากเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
…ประโยคต่อไปต้องไม่ใช่ประโยคที่ดีแน่นอน
ก่อนจะกิดอะไรขึ้นผมกระแอมไอดัง ๆ หนึ่งทีเพื่อแทรกเข้าไป
อริสึคาวะหันมาหาผมแล้วถอนหายใจหนึ่งที
[…ฟิ้ว ได้ซี่~ ไปดีมาดีน้า]
[…ขอบคุณนะ งั้นตามมานะยูกิ]
[โอะ โอ้ว]
ผมได้ข้อสรุปมาอย่างนึงหลังจากจบบรรยากาศสุดจะผันผวนนี้
อย่าให้สองคนนี้เจอกันในโรงเรียนจะดีกว่า
โดยเฉพาะต่อหน้าผม