記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ - ตอนที่ 4.2 ไปโรงเรียนครั้งแรก 2
- Home
- 記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ
- ตอนที่ 4.2 ไปโรงเรียนครั้งแรก 2
บทที่ 4.2 ไปโรงเรียนครั้งแรก (2)
ความทรงจำของผมที่มีต่อโรงเรียนมีลักษณะแบบเดียวกับที่บ้านหรือทางที่มา
ระหว่างที่กำลังเดินบนทางเดิน ทุกวิวทิวทัศน์ที่ผ่านเข้ามาทำให้ผมรู้สึกคุ้นตา
สีสันที่จางไปค่อย ๆ กลับคืนมาทีละเล็กทีละน้อย ถึงจะมีสิ่งที่ยังพร่ามัวอยู่บ้าง แต่เวลาผ่านไปคงจะช่วยให้กลับคืนมาได้เหมือนกัน
ผมกับอาสึกะเข้าใกล้ห้องเรียนแล้ว
ที่นี่คือตึกเรียนตะวันออกชั้น 2 ห้องเรียนที่ใกล้กับบันไดที่สุดตอนนี้เป็นของปีสองห้องสามที่ผมเคยอยู่
[งั้น ฉันจะปล่อยนายไว้ตรงนี้นะ]
[ทำไมละ!?]
[ก็ฉันเรียนอยู่ห้องสองนี่ พยายามเข้านะ เดี๋ยวพักเที่ยงจะไลม์ไปหา]
[เดี๋ยว—]
หลังจากนั้นอาสึกะก็หายวับเข้าไปในห้องสอง
ตอนนี้ผมยืนอื้งอยู่ตรงทางเดินที่ไม่มีใครสักคนอยู่ คิดว่าจะอยู่ห้องเดียวกันซะอีก ถ้ารู้ว่าอยู่กันคนละห้องละก็ก่อนหน้านี้น่าจะคุยกันให้มากกว่านี้อีกหน่อยแฮะ
อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ผมก็ยืนอยู่ในตำแหน่งทีไม่มีใครในห้องจะเห็นทะลุหน้าต่างมาได้
ตึก ตึก
รับรู้ได้เลยว่าหัวใจกำลังเต้นรัวเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
…ผมอยู่ตัวคนเดียว
หน้าประตูห้องเรียนนี้มีแค่ผมคนเดียว
ฝ่ายต่าง ๆ ของโรงเรียนงั้นเหรอ
พอคิดว่าจะต้องทักทายกัน ร่างกายก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
ถ้าทุกคนไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีแค่ผมคนเดียวที่ไม่รู้จักใครเลยสักคน
[พวกนักเรียนแลกเปลี่ยนก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันไหมนะ…]
ผมพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว
นักเรียนแลกเปลี่ยนคงจะลำบากกว่าเยอะเลยนะ เพราะกรณีของผมคืออีกฝั่งยังจำผมกันได้นี่นา
…แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องทักทายให้ดีซะก่อน
เพราะปฏิกิริยาตอนที่เห็นการทักทายนี่แหละจะเป็นการกำหนดจุดยืนในห้องเรียนของผม
ถึงจะกลัวก็เถอะ แต่จะอยู่ตรงนี้ไปตลอดก็ไม่ได้
ผมเริ่มขยับตัวและ
—อมิตาพุทธ!
เปิดประตูพร้อมกับปณิธานอันยิ่งใหญ่
หลังจากเข้าไปในห้องเรียน ก็เริ่มมีการตอบสนองทีละคนทีละคน
สายตาหลากหลายจ้องมาที่ตัวผม
ผมเปิดปากพูดระหว่างที่กำลังมีสายตาจับจ้องอยู่
[อรุณสวัสดิ์ครับ!]
เสียงดังก้องไปทั่วห้อง
เอาล่ะ ทักทายกลับมาได้เลย!
[「…………….」]
…..ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน
โกหกปะเนี่ย เฮ้
เหมือนกับเวลาหยุดเดิน
ผมตั้งสมมติฐานไว้ว่าถ้าทักทายแล้วจะมีคนตอบ
แต่ไม่มีใครส่งเสียงกลับมาเลย ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดสักนิด
ผิดพลาดเหมือนกับในฝันเลย ผมกำหมัดแน่น
…ได้มาโรงเรียนหลังจากไม่ได้มานานก็แอบคิดว่าต้องมีเพื่อนสักคนนึงทักกลับมาอย่างอ่อนโยนอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะมีใครปรากฎตัวมาแต่อย่างใด ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อจะดูว่ามีใครอยู่บ้าง
คนแรกที่เห็นก็คือนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าต่างแถวหน้าสุด
เป็นผู้หญิงผมสีแดงเพลิงดวงตาสีม่วง ดั้งจมูกโด่งและดวงตากลมโตที่เห็นเด่นชัดขนาดว่าอยู่ไกลกว่าสองเมตร
อาสึกะเคยบอกไว้ว่า [มีสิ่งที่เรียกว่าฝ่ายอยู่นะ] เพราะงั้นเป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นผู้นำของฝ่ายที่ว่านั่นก็ได้
ผมแอบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไป แต่แล้วผู้หญิงผมแดงคนนั้นก็ทำหน้าสงสัยออกมา
[…มองอะไร?]
—-เวรแล้วไง
คาดหวังว่าจะได้รับปฏิกิริยาตอบสนองที่อ่อนโยนกว่านี้นะเนี่ย
แต่พอจะสรุปได้ความว่าคนพวกนี้รู้จักกันมาก่อนก็เลยไม่ได้ตอบกลับการเล่นใหญ่ของผมมากนัก
เพราะงั้นก็เลยบอกได้ว่าคงไม่มีใครในห้องเรียนนี้ตอบกลับผมมาแน่นอน
ไม่รู้ทำไมครูถึงยังไม่มา ตอนนี้เพื่อนร่วมห้องทุกคนเลยเอาแต่มองมาทางผมอยู่อย่างเงียบ ๆ
อย่างน้อยเธอคนนั้นก็ตอบกลับมานี่นา งั้นลองเข้าไปคุยตรง ๆ กันเถอะ
ผมก้าวเท้าเดินไปหาผู้หญิงผมแดงแล้วพูดกับเธอด้วยเสียงเบา ๆ ว่า
[อรุณสวัสดิ์ มะ ไม่เจอกันนานเลยนะ]
[….]
[เมินกันเหรอ…?]
[…เอ่อ โทษที….อรุณสวัสดิ์?]
ทำไมเป็นประโยคคำถามละเนี่ย
เหมือนจะบอกว่า “ไอหมอนี่มันเข้ามาคุยกับฉันด้วย” อะ
…หรือว่าตัวผมจะไม่มีเพื่อนสักคนในห้องเลยเหรอ?
คนที่ไม่มีเพื่อนเข้าไปเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้าฝ่ายแบบกระทันหันนี่ หรือไม่ควรกันนะ
เกินคาดเลย เกินคาด
ผมคิดว่าตัวผมเป็นคนร่าเริงเสียอีก อย่างน้อยก็น่าจะมีเพื่อนสักหน่อยนะ
เพียงแต่ว่าถ้าผมมีแฟนสุดจะเด่นทั้งสามคนได้ก็ไม่น่าจะปกติแล้วนะ
ไม่สิ เพราะว่าแบบนั้นถึงได้คิดไปเองมากกว่า—
จะว่าไปนี่คือสาเหตุที่อาสึกะไม่ยอมบอกเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคนอื่น ๆ สินะ
ก็ไม่มีใครให้คุยด้วยนี่นา
ถ้ารู้แบบนั้นละก็ คงจะอิดออดไม่อยากมากว่านี้แน่
ไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้ผมมีแฟนถึงสามคน แต่ถ้าเข้าใจนิสัยของคนที่มีแฟนสามคนได้เนี่ยก็คงแปลกแล้วแหละ
ถ้ามีแฟนสามคนแปลว่าอาจจะไม่ได้สนใจจะสานสัมพันธ์กับคนอื่นอีกก็เป็นได้
แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาละนะ ภาวนาไม่ให้เป็นแบบนั้นจริงทีเถอะ
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าที่นั่งของผมอยู่ตรงไหน
ตอนนี้มีที่นั่งว่างอยู่สามที่ จะนั่งมั่วก็คงไม่ใช่ต้องถามใครสักคน
[คือ คือว่านะ ตั้งแต่วันนี้ไปฉันอยากจะเป็นเพื่อนของเธอน่ะ…]
พอพูดแบบนั้นออกไปก็มีเสียงโหวกเหวกมาจากรอบ ๆ ทันที ส่วนผู้หญิงผมแดงก็ขมวดคิ้วอยู่พักนึงแล้วตอบออกมา
[…ได้สิ ฝากตัวด้วย]
[อื้อ ฝากตัวด้วยนะ!]
ผมโค้งคำนับด้วยความรวดเร็ว
เห็นดูแข็งกระด้างขนาดนั้น ดีจังที่เป็นคนดี
เท่านี้ผมก็เข้าเรื่องหลักได้แล้ว ถ้ากระซิบไปคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ถามด้วยเสียงปกตินี่แหละ
[คือ ฉันอยากจะรู้ที่นั่งของตัวเองน่ะ…]
[เอ๋?]
ผู้หญิงผมแดงทำหน้างงงวยแล้วก็รีบพยักหน้าในทันที
[อ๋อ!…จริงด้วย ไม่ได้มาตั้งแต่เปลี่ยนที่นั่งเลยนี่เนอะ อ้อ ต้องบอกว่าไม่ได้มาตั้งแต่เปลี่ยนชั้นเรียนเลยมากกว่าสินะ]
หลังจากฟังคำที่ผู้หญิงผมแดงคนนั้นบอกผมก็อึ้งตาค้าง
…..ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายปีสองมาผมไม่เคยมาโรงเรียนสักครั้งเลยเหรอ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอบสนองกันแบบนี้
เพิ่งคิดได้เมื่อกี้เลยว่าผมไม่เคยถามอาสึกะเกี่ยวกับชีวิตโรงเรียนของตัวเองสักครั้งนี่นา ถ้าอย่างนั้นการจะถามชื่อจะเธอคนนี้ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรนะ
[ฉันชื่อซานาดะ ยูกินะ]
[เห]
ผู้ผมแดงคนนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เงียบไป
เงียบไปเลย
จะเงียบไปเลยแบบนั้นจริงเหรอ
ไม่คิดเลยว่าจะตอบกลับการแนะนำตัวมาด้วยเสียงสั้น ๆ แบบนั้น แค่นั้นเลยเหรอ? ขอเถอะ จะเงียบแบบนั้นไปเลยเหรอ
หลังจากใช้เวลาอยู่พักนึง เธอก็พูดอะไรออกมาราวกับเพิ่งนึกออก
[…เพิ่งรู้จักชื่อเป็นครั้งแรกเลยนะ ฉันชื่อ ยูเมซากิ เคียวโกะ]
ตามคาด ในที่สุดก็บอกชื่อมาแล้ว
[คุณยูเมซากิสินะครับ—]
พอลองดูดี ๆ อีกที เธอคนนี้สวยเริ่ดเชิดสุด ๆ เลยนี่นา
สิ่งแรกที่เห็นชัดคือเลยคือดวงตา เปลือกตาของเธอถูกปัดแต่งด้วยอายแชโดว์สีแดงเข้ม และท่ายืนที่ทำให้ยิ่งดูสง่างามเข้าไปอีก
ทั้งหน้าตาและท่าทางชวนให้รู้สึกหนักแน่นน่าเชื่อถือเหมาะกับการเป็นหัวหน้าจริง ๆ
เป็นคนที่ถ้ารู้ว่าผมมีแฟนสามคนละก็ต้องโดนบอกเลิกเป็นคนแรกแน่นอน
[หยุดจ้องขนาดนั้นก่อนได้ไหม?]
[ขอโทษครับ!]
ผมรีบก้มหัวขอโทษทันที
ในสวนกล่องที่เรียกว่าห้องเรียนแห่งนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าหัวหน้าก็ไม่แปลก
ถ้ายูเมซากิเป็นหัวหน้าอยู่ละก็ การจะทำอะไรให้ถูกเกลียดคงจะแย่แน่
แล้วถ้าเกิดเป็นหัวหน้าขึ้นมาจริง ๆ ละ
และในพริบตานั้น คำถามของผมก็กระจ่างในทันที
ยูเมซากิวางดินสอกดลง และเอนตัวไปข้างหลัง
[ทุกคน ฝากดูแลซานาดะคุงด้วยนะ]
[เอ๊ะ]
แค่ประโยคที่ถูกพูดออกมาเพียงประโยคเดียว
แค่คำพูดสบาย ๆ ที่ออกมาเท่านั้นทำให้ทุกคนหันเหสายตามาทางผม
ขณะที่ผมกำลังไม่รู้จะทำยังไงดีนั้น ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยูเมซากิก็ลุกขึ้น
[ท่าทางดูดีเลยนี่หว่า ฝากตัวด้วยนะซานาดะ]
สิ้นสุดคำพูดนั้น ทุก ๆ คนก็เปิดปากพูดตาม
[ฝากตัวด้วยนะ!] [ครูประจำชั้นของเราชื่อยูคาวะนะ] [ห้องเรียนเราสุดยอดเลยนะรู้ป่าว~] [ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ] [ด้วยน้า~]
ทุกคนหยุดการกระทำทุกสิ่งและหันมาทักทายผมกันหมดเลย
[รบกวนด้วย! ฝากตัวด้วย! ฝากตัวด้วยนะ!]
ส่วนผมที่กำลังดีใจที่ไม่โดนหัวหน้าคนนั้นเกลียดกำลังทักทายทุกคนกลับอย่างดีใจ
เหมือนจะเป็นอย่างที่คิดผมไม่มีเพื่อนสักคนจริง ๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้โดนเกลียดเอา
เพียงแต่ได้ยินใครอะไรแบบนี้มาเหมือนกันอย่างพวก [เป็นมิตรกว่าที่คิดนี่นา?] หรืออย่าง [ดูร่าเริงดีนะ] ออกมาด้วย
รู้สึกได้ถึงสีหน้าอันสดใสของทุกคนเลย บรรยากาศห้องเรียนแบบนี้ก็ไม่เลวเลยนะ
ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรน่าสมเพชอยู่นั้น ยูเมซากิก็สะกิดผม
[ที่นั่งของซานาดะอยู่ตรงนี้ อยู่เยื้องกับฉันตรงข้างหลังทาคาโอะพอดี ทาคาโอะก็คือคนที่ล้อเลียนเรื่องท่าทางของซานาดะเมื่อกี้นั่นแหละ]
[ไม่ได้ล้อเลียนน่า! พูดจริงนะเออ!]
ผู้ชายคนที่ถูกเรียกว่าทาคาโอะพยายามพูดยืนยันเสียงแข็ง คิดว่าคงเป็นพวกเรียกอารมณ์ขันของห้องสินะ
ยูเมซากิไม่สนใจเสียงตะโกนของทาคาโอะแล้วยกนิ้วขึ้นชี้เพื่อยืนยันที่นั่งของผมและข้างหลังของยูเมซากินั้น มีผู้หญิงผมสีเทาดำกำลังฟุบหัวหลับอยู่
[แล้วก็ คุณอริสึคาวะอยู่ข้าง ๆ ด้วยนะ]
เมื่อกี้ว่าอะไรนะ
[เอ๊ะ อรึสึคาวะ?]
ผมเผลอย้อนชื่อที่คุ้นเคยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ยูเมซากิพูดต่อว่า [สนิทกันไม่ใช่เหรอ] ออกมา
สนิทกันงั้นเหรอ
ถึงจะมาพูดตรงนี้ไม่ได้ว่าคบกันอยู่ แต่ก็คิดว่าคงจะสนิทกันนะ ก็เป็นแฟนกันนี่
ไม่เห็นมีใครบอกกันเลยนะว่าอริสึคาวะอยู่ห้องเดียวกัน
ระหว่างที่กำลังมึน ๆ งง ๆ อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงสับเท้าเข้ามาใกล้ข้างหลัง
พอหันไปมองก็เจอกับครูที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อยู่
ใส่ชุดสูทสีเทาทั้งตัว ผมยาวดัดลอนมัดอยู่ เป็นครูผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบปลาย ๆ น่าจะเท่า ๆ กับคุณพยาบาลที่เคยดูแลผมเลย
[ขอโทษนะ ครูมาสายไปหน่อย— อ้า!!]
ครูที่มองเห็นผมก็ตะโกนออกมาในทันใด
[ซานาดะคุง! ขอโทษนะ ครูลืมไปเลยว่าวันที่เธอจะมา…ไม่ได้มาโรงเรียนมานานมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?]
[คะ ครับ คือว่าขอโทษนะครับที่หยุดไปนานเลย]
[สบายดีสิเนอะ งั้น ที่นั่งขอเธออยู่ตรงโต๊ะที่ว่าง ๆ ข้างคุณอริสึคาวะนะ คุณอริสึคาวะ คุณอริสึคาวะ!]
พอครูตะโกนชื่อเรียกของเธอเพื่อปลุก ผมก็ส่งสายตาไปมองด้านผมหัวสีดำเทาที่เป็นแฟนสาวสุดจะมั่นใจในตัวเองที่กำลังหลับยาวอยู่
[อริสึคาวะ!]
หลังจากเสียงตะโกนครั้งล่าสุดออกไป อรึสึคาวะก็หัวเด้งขึ้นมาด้วยความตกใจ ทำหน้างุนง่วงแล้วทำเสียง [มุ] ออกมาอย่างอู้อี้แล้วจึงยกตัวขึ้น
อริสึคาวะดูท่าจะหลับสนิทจริง ๆ แต่ขนาดว่าเพิ่งตื่นก็ยังสวยเลยนะเนี่ย
[อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอริสึคาวะ]
พอครูทักทายเสร็จอรึสึคาวะก็รีบตอบกลับ
[อรุณสวัสดิ์ค่าคุณครู เห็นฝันดี ๆ ด้วยละค่ะ]
ไม่ต่างกับตอนเจอกันที่ห้องผู้ป่วย ยังคงพูดไปเรื่อยเหมือนเดิมเลย
หลังจากตอบกลับเพื่อนในห้องก็เริ่มหัวเราะกันออกมา
ผมคิดนะว่าผู้หญิงผมแดงทรงทวินเทลที่ชื่อยูเมซากิ เคียวโกะคือหัวหน้าของชั้นเรียนนี้
เพียงแต่ตัวตนที่เรียกสายตาได้มากที่สุดก็คงจะเป็น—
[อ้าว ยูกิคุงก็อยู่ด้วยนี่ วันนี้ไม่ได้จะหยุดเหรอ?]
และห้องก็กลับมาสู่บรรยากาศอึดอัดอีกครั้ง
บรรยากาศแปลก ๆ ที่จะไม่มีใครมารบกวนผมกับอริสึคาวะ
ผมกลืนความรู้สึกเข้าไปแล้วพูดกับอริสึคาวะ
[ไม่อะ จะหยุดได้ยังไงเล่า…]
[หือ?]
เป็นเสียงแปลก ๆ แบบที่เคยได้ยินที่โรงพยาบาล
แต่ครั้งนี้เป็นเสียงที่ได้รับความรู้สึกต่างออกไปนิดหน่อย
เป็นความรู้สึกเวลาเราได้ยินเสียงคุยกันของชายหญิงที่ชายหาดแล้วพอคลื่นซัดเข้ามาเสียงก็เบาบางจนหายไปแล้วทำให้ได้สติอีกครั้ง เป็นความรู้สึกประมาณนั้น
[ที่นั่งของยูกิคุงก็ อยู่ข้าง ๆ เราเองแหละ]
อยู่ดี ๆ ก็เปล่งเสียงเสียงดังออกมาโดยไม่มีสาเหตุแล้วก็โบกมือให้แบบลังเลนิดหน่อย ในห้องเรียนนี้เธอเองก็เป็นตัวตนที่เด่นกว่าคนอื่นเยอะเลยสินะ ก็ผมสีเทาดำนี่นา ในห้องเรียนที่มีแต่ผมดำก็ต้องเด่นอยู่แล้วแหละ เพียงแต่ถ้าแค่สีผมละก็คงไม่พอหรอก เพราะยูเมซากิเด่นกว่าอีก แต่ทั้งเสียงและท่าทางของอริสึคาวะเองมีความดึงดูดอย่างน่าประหลาด ขนาดตัวผมเองก็เผลอถูกดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน และนั่นคือเสน่ห์ซ่อนอยู่ของอริสึคาวะ
…ตัวตนแบบนั้นมาเป็นแฟนของผมเนี่ยนะ
การที่ตัวตนแบบนั้นมาเป็นแฟนของผมได้เนี่ย ผมควรต้องโดนฟ้าลงโทษ ไม่สิ หรือว่าโดนไปแล้วกันนะ
[เดี๋ยวเถอะซานาดะคุง ไปนั่งที่ได้แล้วนะ]
[คะ ครับ]
พอครูบอกผมแบบนั้นผมก็รีบเดินไปนั่งที่
…พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้คือผมไม่มีเพื่อนสักคนเลยในห้องเรียน
แต่ตอนนี้ผมมีพรรคพวกที่แข็งแกร่งกว่าทัพใหญ่อยู่ส องคน ถ้ารวมยูเมซากิ เคียวโกะไปด้วยอะนะ
และตอนนี้ยูเมซากิคนนั้นกำลังมองผมที่หยุดยืนอยู่ตรงข้าง ๆ อริสึคาวะ
[ขอบคุณมากนะ หลังจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย]
[จะฝากตัวอีกกี่ครั้งกันหือ ไว้คุยกันทีหลังนะ]
ยูเมซากิยิ้มให้เล็กน้อยและเลื่อนสายตากลับไปที่สมุดโน๊ตของเธอ
ผมเหลือบไปเห็นสมุดโน๊ตแว๊บ ๆ ก็เห็นว่าเนื้อหาการเรียนถูกจดไว้แล้วเพราะงั้นผมก็ต้องจริงจังเหมือนกัน
ดูจากนิสัยของเธอแล้วถือว่าเป็นคนทัศนคติดีมากตรงกันข้ามกับลักษณะภายนอกที่ดูจัดจ้านสุด ๆ เลย
หลังจากนี้ผมคงได้เจออะไรไม่คาดฝันอีกเรื่อย ๆ แน่
ความกังวลของผมตอนนี้ลดลงไปบ้างแล้ว
อย่างแรกเลยก็เพราะว่ายูเมซากิยอมคุยกับผมเป็นคนแรก
อย่างที่สองคือได้เจอกับแฟนสาวที่เคยมาเยี่ยมกันตอนเข้าโรงพยาบาลอย่างอริสึคาวะ
ระหว่างที่ผมคิดถึงตัวตนของเธอทั้งสองคนอยู่ผมก็ลงไปนั่งที่
โต๊ะตั้งอยู่ในตรงแถวที่สองและตัวที่สองจากหน้าต่าง
ที่นั่งตรงนี้คือที่นั่งของผู้ชายที่ชื่อซานาดะ ยูกิ(ผม)นั่นเอง
—–จะว่าก็ว่าเถอะ ตอนนี้มาถึงโรงเรียนแล้วนะ
ถึงก่อนหน้านี้จะมีสิ่งที่กังวลอยู่บ้าง แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ก็ช่วยให้มันดีขึ้นมากเลย
ขณะที่ผมกำลังจะหยิบของในกระเป๋า อริสึคาวะก็ชวนผมคุยด้วยเสียงสดใส
[มาสายสุดเบอร์ขนาดนี้เนี่ย เอาเรื่องเลยนะเธอเนี่ย]
อริสึคาวะเอียงคอมาทางผม
[ไม่ตั้งใจสักหน่อย แค่นอนเพลินเท่านั้นเอง]
[งั้นเหรองั้นเหรอ ก็คงงั้นละเนอะ]
อริสึคาวะหัวเราะคิกคักจนมีเสียงดังออกมาจากด้านหน้า
[ตรงนั้นน่ะ ครูกำลังสอนอยู่ ถ้าจะคุยก็ไปคุยกันทีหลังนะ]
[ค่า คุณครู]
อริสึคาวะโบกมือแล้วยิ้มตอบ
วิชาแรกเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมเริ่มหยิบของที่จำเป็นออกมา
สมุดโน๊ตและดินสอกดที่เพิ่งเอาออกมา เป็นสีขาวเช่นเดียวกับความทรงจำของผม
เขียนชื่อ วันที่และเริ่มจดเนื้อหาบนกระดานดำ
…ตั้งแต่วันนี้แหละ
ตั้งแต่วันนี้ที่ผมจะเริ่มบันทึกเรื่องราวเข้าไป
ผมตั้งปณิธานไว้อย่างนั้นแล้วเริ่มกลับไปจริงจังกับเนื้อหาบนกระดาน