死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ - ตอนที่ 3.3 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 3
- Home
- 死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ
- ตอนที่ 3.3 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 3
บทที่ 3.3 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? (3)
ชานอนมุ่งหน้าเดินต่อด้วยตัวเองคนเดียว
ลูกบอลกลิ้งจู่โจม ห่าฝนหอก ระลอกกลุ่มอันเดต ถ้าเป็นปกติแล้วคงต้องใช้นักผจญภัยหลายคนรวมพลังกันเข้าสู้กับกับดักเหล่านี้ แต่ตัวชานอนนั้นแค่คนเดียวก็เหลือเฟือ
ขอเพียงมีเวทมนตร์ ของแค่นี้ก็เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ก่อนหน้านี้แค่สนุกสนานกับการโดนกับดักจึงใช้พลังแค่ปานกลางเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ค่อยได้ใช้เวทมนตร์ด้วย แต่ตอนนี้เป้าไม่ใช่การทำให้ตัวเองตายหรือบาดเจ็บแต่มาทำหน้าที่แทนโรว์ นั่นคือการเข้าไปสู่ส่วนลึกสุดของเขาวงกตและเก็บกู้ซากมานั่นเอง
ชานอนตอนนี้ทำแค่เพียงสะบัดคฑาและคิดแต่จะมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น
ทำลายวัตถุทรงกลมด้วยเวทมนตร์ ใช้พลังลมในการคุ้มครองตัวเองขณะที่ห่าฝนหอกลงมา ชำระล้างเหล่าอันเดตด้วยเวทมนตร์ธาตุศักดิ์สิทธิ์ สำหรับชานอนที่เคยต่อสู้มาทุกยุคที่ทุกที่ทุกสมัยนั้น เขาวงกตนี้ก็เป็นเพียงสนามเด็กเล่น
ก้าวข้ามกับดักอย่างง่ายดาย ทะลวงผ่านเขาวงกตอันมืดมิดต่อไป
จนถึงตอนนี้ศพที่ปรากฎก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
จำนวนที่เห็นบ่งบอกได้ว่ามีนักผจญภัยเพียงไม่กี่คนที่ฝ่าฟันมาถึงที่นี่ได้
หลังจากนั้น จากที่เป้าหมายเปลี่ยนจากการไปตายเป็นการตั้งใจไปให้ถึงปลายทางของเขาวงกตแทนนั้นยังคงดำเนินต่อไป จนในที่สุดก็ได้พบกับประตูบานใหญ่กว่าตัวเองประมาณเท่าตัวนึงมาอยู่ตรงหน้า
การแกะสลักประตูที่ชวนให้น่าเกรงข้ามนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือสุสานของกษัตริย์
ประตูบ้านนี้คงแทบไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อนเลย ราวกับว่ายังใหม่เอี่ยมอยู่ ไม่มีแม้รอยขีดข่วนเลยสักนิด
[ที่นี่เหรอสุสานกษัตริย์ คงเป็นห้องสุดท้ายแล้ว…สินะ]
ชานอนค่อย ๆ เปิดผลักประตูบานนั้นเข้าไป
สัมผัสได้ถึงความรู้เย็นสบาย จากนั้นประตูก็ค่อย ๆ ขยับ
กึก กึก เสียงประตูขยับดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นที่ร่วงหล่น ประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ
เมื่อประตูเปิดออก ภาพที่ลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าก็คือ
[ทอง! สุดยอด!]
ภาพข้างหน้าคือทองจำนวนมาก โลงศพและถ้วยที่ทำมาจากทอง ทองคำแท่ง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารจากทอง ทุก ๆ อย่างส่องแสงประกายอยู่
นี่คือสมบัติของกษัตริย์
[พะ…ภาพแบบนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย]
ชานอนที่ไม่ได้สนใจในตัวของเขาวงกตนั้น ทำให้พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ตั้งใจจากการได้เห็นภาพอันน่าพิศวงนี้
แม้จะเป็นชานอนที่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองมากนักก็เริ่มให้ความสนใจกับกองสมบัตินี้แล้ว
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเคยได้แตะต้องมาก่อน สมบัติจึงถูกวางอย่างเรียบร้อยและไร้รอยขีดข่วน
โลงศพททองที่อยู่ตรงกลางห้องนั้น คาดว่าคงเป็นโลงศพของกษัติริย์
ชานอนมองไปรอบ ๆ เพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์
[เย้ย ไม่ใช้แล้ว ต้องทำเป้าหมายให้เสร็จก่อน]
เป้าหมายไม่ใช่สมบัติแต่เป็นลูกชายของโรว์—เลโอต่างหากที่เป็นป้าหมายในการเก็บกู้ครั้งนี้
ทางเดินจนมาถึงตรงนี้ยังไม่เห็นร่องรอยแม้แต่นิด หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในห้องนี้ ต้องลองดูรอบ ๆ ให้ดีเสียก่อน
ชานอนที่อยู่ท่ามกลางกองสมบัติที่ส่องประกายนั้นกำลังค่อย ๆ ตามหาตามจุดบอดต่าง ๆ อยู่
ทันใดนั้นเมื่อมองไปด้านหน้าโต๊ะที่วางทองคำแท่งก็พบกับโครงกระดูกสีขาวกระจัดกระจายอยู่
[นี่มัน…]
เมื่อลองเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่าไม่ใช่แค่ของคน ๆ เดียว ที่เห็นคือมีกะโหลกทั้งหมดสามหัว คาดว่าจะเป็นกลุ่มคนสามคน
สรุปคือคนเหล่านี้ตายที่นี่นั่นเอง
เนื้อหนังมังสาไม่อยู่แล้ว เหลือไว้เพียงแค่โครงกระดูกกับสัมภาระ
ในกระดูกที่กระจัดกระจายนั้นก็มีทองคำปนกันอยู่
[จับไปที่ทองคำแล้วจะตาย…เหรอ อย่างนี้นี่เอง ความรู้สึกไม่สบายใจในห้องนี้ออกมาจากทองสินะเนี่ย]
ด้วยเหตุนั้นชานอนจึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในห้องนี้
พอลองหยิบทองแท่งขึ้นมาแล้วลองร่ายเวทมนตร์ใส่ดู จากนั้นของเหลวสีม่วงก็ออกมาจากทองคำแท่ง
เป็นเวทมนตร์เดียวกับที่ใช้ถอนพิษของโรว์ สรุปคือทองคำแท่งถูกอาบยาพิษนั่นเอง
สมบัติที่นี่ถูกอาบไปด้วยพิษจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการร่ายเวทมนตร์ให้หลงเสน่ห์อีกด้วย
แม้แต่ชานอนยังเผลอจับจ้องไม่วางตา หากเป็นคนธรรมคงไม่อาจต้านทานได้
ล่อลวงด้วยสมบัติ ทำให้หลงเสน่ห์ จากนั้นก็ปิดฉากด้วยพิษ
เอาเป็นว่าตอนนี้มาตรวจสอบซากกันดีกว่า
[เอ–อืม…]
กระเป๋าและเสื้อผ้า อาวุธและอื่น ๆ กระจัดกระจายกันไป ลองมองผ่านของเหล่านี้ไปเพื่อตามหาสิ่งที่ต้องการ
ทันใดนั้น
[อ๊ะ นี่มัน]
ชานอนเจอจี้ห้อยคอเส้นหนึ่งวางอยู่ใต้กระโหลกหัวหนึ่ง
จี้แวววาวสีเงินนั้นได้ทำการสลักตัวอักษร L เอาไว้อยู่
ลักษณะตรงกับที่โรว์ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้
[…งั้นเหรอ มุ่งมั่นเต็มที่ที่จะมาให้ถึงเป็นคนแรกสินะ]
ชานอนจ้องมองไปที่เหล่าซากกระดูก
แม้ว่าจะจบลงที่นี่ แต่ภาพที่ตัวเองพึงปราราถนานั้นคงได้เห็นมันแล้วเป็นแน่แท้
ส่วนลึกของเขาวงกตที่ยากที่สุด คงไม่มีอะไรที่สุดยอดได้ไปกว่านี้อีกแล้ว
ชานอนเก็บซากเหล่านั้นเข้าไปในโกดัง
[เอาละ กลับไปหาคุณโรว์ด้วยกันเถอะ]
****
[อุก]
โรว์ที่มีสีหน้าทรมาณ ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น
[อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์จ้า]
[เอ๋…ที่นี่คือ…?]
โรว์ตื่นขึ้นมาบนเตียง กรอกสายตาไปรอบ ๆ
จากตอนนั้นตัวเองหลับไปงั้นหรือ แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่สุสานกษัตริย์ แต่รู้สึกตัวขึ้นมาในโรงแรมที่ของหมู่บ้านใกล้ ๆ กับเขาวงกต
[โรงแรม…? เขาวงกตละ—อึก!]
เมื่อขยับร่างกายโรว์ก็มีสีหน้าเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บที่ขา
เขาเอามือทั้งสองกุมขาเอาไว้และร้องครวญคราง
[อ๊ะ ๆ ไม่ได้นะ นอนพักไปก่อนเพราะว่ายังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ หมอรักษาให้เรียบร้อยแล้วก็จริงแต่ยังไม่ได้ให้ขยับตัวนะ]
[งั้นรึ บาดเจ็บเพราะพลาดแท้ ๆ เลย…จะว่าไป ซะ ซากของเจ้านั่นละ…!? ข้าได้นำมันกลับมา…]
สีหน้าของโรว์พลันเศร้าโศก
ชานอนหยิบจี้เส้นหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ เตียง จากนั้นจึงชูขึ้นมาตรงหน้าโรว์
จี้สีเงินทอประกายแวววาว
[นะ…นี่มัน…]
โรว์เบิกตากว้างยื่นมือออกไปด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ
รับจี้นั้นมาและค่อย ๆ เอานิ้วลูบด้วยความอ่อนโยน
บนจี้นั้นสลักตัวอักษร L เอาไว้อยู่
วินาทีนั้นโรว์ก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นบิดเบี้ยวและมีรอยย่นบนใบหน้า ครั้งนี้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้
[เลโอ…!]
[เท่านี้ก็เหมือนได้เจอกันอีกครั้งแล้วเนอะ]
[อา…! ขอบคุณจริง ๆ ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเอากลับมาได้แบบนี้…]
น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของโรว์
กุมจี้เอาไว้แน่นแล้วค่อย ๆ นำหน้าผากเข้ามาชิด
[จริง ๆ แล้วไม่ได้กะจะไปเก็บกู้ตั้งแต่แรกใช่ไหม?]
[เปล่า คิดว่าจะทำจริง ๆ นั่นแหละ…แต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายนักน่ะนะ ข้าน่ะแก่มากแล้ว ทั้งภรรยาทั้งลูกก็จากกันไปหมด ข้าจึงคิดว่าสำหรับชีวิตนักผจญภัยก็อยากจะเป็นครั้งสุดท้าย…ที่ข้าคิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายน่ะ ว่าหากพิชิตที่นั่นได้ก็คงจะดี]
ชานอนยักไหล่ให้กับคำพูดสุดล้ำลึกของโรว์
ความรู้สึกแบบนี้ ชานอนเองก็เข้าใจได้
[แปลว่านี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเปล่านะ]
[ไม่ใช่แบบนั้นเลย! ข้าขอบคุณมากจริง ๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ทำเป้าหมายสำเร็จและยังมีชีวิตอยู่หรอก]
[ถ้างั้นก็ดีแล้ว …เฮ้อ แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ตายอีกแล้วแฮะ]
เผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ทันใดนั้นดวงตาก็โรว์ก็โตขึ้นและจ้องมาที่หน้าของชานอน
[อะ อะไรเหรอ?]
[คำพูดนั้น…จริง จริงด้วย นึกออกแล้ว…!]
[?]
[สงครามระหว่างอาณาจักออสโทกับจักรวรรดิบัลเคียที่ทุ่งราบชิราโน…ตอนนั้นเธอก็อยู่ด้วยนี่นา]
โรว์เอามือปิดปากตัวเองไว้ด้วยท่าทางมั่นใจกับอะไรบางอย่างอยู่
[ผมสีทองผิวสีขาว…ดวงตาสีเขียวมรกต ถ้าจำไม่ผิดที่นั่นข้าได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะมาเด็กสาวที่สวยขนาดนี้จะมีอยู่สองคนได้หรอก]
[ทุ่งราบชิราโน…อ๋อ]
หลังโรว์พูด ชานอนก็ขุดคุ้ยความทรงจำส่วนลึกที่เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นออกมา
เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องจริง ชานอนถูกจ้างโดยฝั่งจักรวรรดิบัลเคียในลักษณะการเลียนแบบทหาร
พูดแบบบ้าน ๆ ก็คือเป็นทหารรับจ้างนั่นเอง และเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่างทำให้ต้อไปยืนบนสนามรบดังกล่าวและใช้เวทมนตร์มากมายเพื่อให้การรบดำเนินต่อไป
[อ๊ะ อยู่ที่นั่นด้วยเหรอ]
[จะ จะจำได้แล้วงั้นรึ!?]
[ไม่อ่า คือจำไม่ได้เลยสักกะนิดว่าคุณโรว์อยู่ที่นั่นด้วยแต่ว่า…ฉันน่ะอยู่จริง ๆ ]
[กะ กะแล้วเชียวว่าคนนั้นต้องเป็นคุณหนู…?]
โรว์ส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
คาดว่าความทรงจำเมื่อครั้งเก่าจะหวนกลับมาก็เป็นได้
[อื-ม คิดว่าไงอะ? ก็จริงว่าอยู่ตรงนั้นนะ แต่ที่ว่าคุณโรว์เห็นต่อหน้าก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่เลยนะ]
[ไม่น่า ไม่หรอก…ถ้าอยู่ตรงนั้นละก็ ยังไงก็เป็นคุณหนูไม่ผิดตัวแน่นอน! ข้าน่ะได้เจอเจ้าในสนามรบนั่นจริง ๆ ! แล้วก็ตอนนั้นน่ะเป็นจุดเปลี่ยนของข้าเลยนะ]
โรว์หรี่ตาลงด้วยความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง
[มั่นใจเลยว่าตอนนั้นคุณหนูพูดว่า “ไม่ได้ตายอีกแล้วแฮะ” ออกมาตอนที่ตั้งแคมป์กันอยู่ ข้าน่ะนึกอยู่เสมอว่าคนคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่ …แต่แล้วหลังจากนั้นคุณหนูก็มาบังลูกธนูให้กับข้า ใช้ตัวที่อาบเลือดนั้นไสข้าให้หนีออกมาจากแดนศัตรูได้ ด้วยเหตุนั้นข้าถึงได้มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้…! คุณหนูน่ะ ในตอนนั้นตายไปแล้วแน่นอนนี่…]
[แหม คือว่าฉันน่ะนะ เป็นอมตะน่ะ]
[หา…]
โรว์ที่ได้ฟังคำของชานอนนั้น เผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่ทว่าก็ยกมุมปากพูดต่อในทันที
[ฮ่า…ฮ่า ๆ …! ไม่แปลกใจเลย…! ถ้ารูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนขนาดนี้ก็ต้องเป็นอมตะแน่แท้อยู่แล้ว]
[อาฮะฮะ เชื่อง่ายจังนะ]
[ข้าเห็นมาด้วยตาตัวเองแล้วไงถึงได้เชื่อ สรุปก็คือที่ข้าเห็นเมื่อวันนั้นก็คือคุณหนู และที่อยู่ตรงหน้าข้าตอนนี้ก็เป็นคุณหนูเช่นกัน ทั้งหมดนี่เป็นคนเดียวกัน เรื่องอมตะอะไรนั่นก็ไม่แปลกแล้ว แผลฉกรรจ์ขนาดนั้นแต่ก็ยังรอดมาได้นะ]
โรว์ลูบเคราไปพลางหัวเราะไป
[ข้าน่ะเพราะเหตุการณ์นั้นถึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าจะบอกว่าทุกอย่างที่ข้าสร้างขึ้นมาเป็นเพราะคำพูดของคุณหนูก็ไม่เกินจริงไปเลย ขอบคุณนะ]
[ไม่นา ไม่ใช่เรื่องน่าขอบคุณขนาดนั้นหรอก ไม่ต้องคิดเยอะ! เพราะฉันน่ะก็แค่อยากจะตาย ๆ ไปตามอำเภอใจเท่านั้นเอง]
[อย่างนี้นี่เองนะ เหตุผลที่ออกเดินทางคือแบบนี้งั้นรึ สนามรบในตอนนั้น เขาวงกตในตอนนี้ ข้าได้ถูกช่วยไว้ถึงสองครั้งสองครา และทั้งสองครั้งนั้นก็เป็นเพราะคุณหนูด้วย โชคดีสุด ๆ เลยละ]
โรว์ยิ้มกว้างให้อย่างเต็มที่
การพบกันหลังไม่ได้พบกันนาน สรุปคือที่ร้านเหล้าตอนนั้นไม่ได้เพราะเผลอไผลคิดไปเอง แต่เป็นความทรงจำที่มีอยู่จริงแท้แน่นอน
โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาล หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนนาน ทำให้แทบไม่ได้พบกับคนที่เคยเจอกันมาก่อนเลย
สำหรับมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ให้ชานอนนั้นเวลาชีวิตที่ว่าสั้น และการจะได้พบกับชีวิตอันแสนสั้นนั้นได้ก็หมายความว่าเป็นเรื่องที่ยากเอามาก
ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่าการได้พบกันครั้งนี้อาจเป็นความโชคดีอย่างที่โรว์บอกจริง ๆ
[แล้วจะ ยังไปตามหาที่ตายที่อื่นอีกอย่างนั้นรึ]
[ใช่แล้วละ สิ่งที่จะทำในหมู่บ้านนี้ก็หมดแล้วด้วยสิ คงได้เวลาไปที่อื่นต่อแล้ว]
[จะตายได้จริงไหมเนี่ย คุณหนูน่ะ]
พอพูดจบชานอนก็ยักไหล่ให้
[ยังเชื่ออยู่ว่าได้นะ แต่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วแหละ]
[ดูท่าจะยากของยากเลยนะ ถ้างั้นเราคงมีโอกาสได้เจอกันอีกสินะ]
[กว่าจะกันอีกทีก็คงตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง คุณโรว์น่ะ]
[วะฮ่า ๆ ! ปากร้ายจริงนะ! แต่ก็นั่นสินะ ข้าก็รอดมาสองครั้งแล้วด้วยสิ หลังจากนี้จะมีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะ]
โรว์หัวเราะออกมาด้วยท่าทางสนุกสนาน
เก็บกู้ของของลูกชายกลับมา เรื่องนั้นคงทำให้มีชีวิตมาได้ขนาดนี้
แต่บัดนี้ด้ายแห่งความเครียดได้หย่อนลงมาแล้ว เหลือเพียงสีหน้าที่แสนอ่อนโยนยิ่งกว่าที่เจอกันที่ร้านเหล้า
[ถ้างั้นไปก่อนดีกว่า รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยน้า~ ตั้งใจฟื้นฟูร่างกายด้วยนะ]
หลังจบคำกล่าวชาอนนก็สะพายกระเป๋าขึ้นหลัง
[รีบร้อนจังนะ จะไปแล้วรึ]
โรว์จ้องมองมาทางนี้ด้วยแววตาโศกเศร้าเล็กน้อย
[แบบว่าก็มาที่พักที่หมู่บ้านนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง แต่สนุกมากเลยนะ โดนหลีด้วย]
[ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!]
[อาฮะฮะ งั้นไปแล้วนะ ถ้าเจอกันอีกก็มาจีบกันอีกนา]
[ก็บอกว่าไม่ใช่แบบนั้นไง]
จากนั้นชานอนก็โบกมือให้เบา ๆ แล้วออกจากห้องไป
โรว์ก็โบกมือกลับและจ้องมองไปตรงประตูที่ปิดลง
หันมามองที่จี้ของลูกชายตัวเองอีกครั้ง และกุมมันไว้แน่น
ได้เจอกับเด็กสาวที่เคยช่วยตัวเขาไว้เมื่อห้าสิบปีก่อน เป็นประสบการณ์ที่หากเอาไปเล่าที่ไหนคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่
โรว์แอบเผยยิ้มออกมาอยู่คนเดียว