死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ - ตอนที่ 3.2 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 2
- Home
- 死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ
- ตอนที่ 3.2 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 2
บทที่ 3.2 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? (2)
พื้นที่ทางตะวันของหมู่บ้านถูกครอบคลุมไปด้วยป่าใหญ่ที่ชื่อว่าลันซาลุสอยู่
เมื่อสิบปีก่อนมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่จนทำให้พื้นดินพังทลายลงมา และสุสานกษัตริย์ซาโดราก็ปรากฎขึ้นมาเช่นกัน
[เหมือนทางเข้าจะมีแค่ทางนี้ทางเดียว เขาวงกตในยุคนี้ตามปกติแล้วจะมีทั้งหมดสามชั้นและคาดว่าที่นี่ก็เหมือนกัน ถ้าไปได้สวยสองวันคงได้กลับมากันแล้ว]
[แต่ก็ไม่เคยมีใครกลับมาเลย]
โรว์พยักหน้า
[เอาล่ะ ตอนนี้ข้ามีอาหารและน้ำ มีด ชุดสำหรับเปลี่ยน ผ้าพันแผล เชือก ชุดปฐมพยาบาล เข็มกับด้าย…เตรียมมาเยอะเลยน่ะ…]
ระหว่างที่พูดก็พลางมองชุดบาง ๆ ของชานอนไปด้วย
[ใส่ชุดแบบนั้นจะไม่เป็นไรจริงรึ? เสื้อคลุมก็สะบัดไปสะบัดมา กางเกงขาสั้นยิ่งทำให้ผิวออกมาเยอะอีก อีกอย่างกระเป๋าใบเมื่อวานละ? แทบจะเรียกว่ามือเปล่าเลยนี่]
[ลืมแล้วเหรอ ฉันเป็นจอมเวทนะ?]
พอจบคำพูดชานอนก็หยิบคฑาออกมาจากต้นขาของตัวเอง แล้วเริ่มสะบัด
ทันใดนั้นห้วงอากาศที่อยู่ตรงหน้าก็พลันบิดเบี้ยว
พอชานอนเอามือสอดเข้าไป ไมนานก็ดึงกระเป๋าใบหนึ่งออกมา
[วะ…เวทมนตร์มิติงั้นเรอะ!? น่าแปลกใจจริง]
สายตาที่มองมิตินั้นก็เผลอกระพริบตารัว ๆ
[ใช่แล้ว ถ้าเป็นเจ้านี่ก็ใส่ของได้เพียบพอเวลาเกิดอะไรก็ไม่มีปัญหา ถ้าเกิดคุณโรว์ตายขึ้นมาก็เอาศพใส่เข้าไปแล้วเอากลับไปให้ได้นะ ถ้าใส่คนเป็นเข้าไปจะตายก็จริง แต่ก็ถ้าตายแล้วก็ใช้ได้]
[ฮ่า ๆ ไว้ใจได้จริง ๆ เลย ถ้าเอาศพกลับมาละก็ขอให้ฝังไว้ใกล้ ๆ สุสานนี่แล้วกัน …ดูท่าจะเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสิ งั้นไปกันเถอะ]
จากนั้นทั้งสองคนก็ย่ำเท้าเข้าสู่เขาวงกต
[ข้างในนี้มืดจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ไปต่อยากแน่]
บันไดค่อย ๆ บีบแคบลงเรื่อย ๆ เคราะห์ดีที่ยังมีคบเพลิงติดอยู่ตามกำแพงบ้าง แต่แสงสว่างที่ส่องจากทางเข้าก็ค่อย ๆ จางลงไปเช่นกัน
[อ๊ะ งั้นรอเดี๋ยวนะ]
ชานอนเอ่ยปากจากนั้นก็หยิบคฑาออกมาสะบัด
วินาทีนั้น ที่ปลายคฑาก็มีแสงสว่างออกมา เป็นแสงที่สว่างกว่าตาเห็นมาก ค่อนข้างเห็นพื้นที่รอบข้างได้ชัดขึ้นอีก
[โฮ่ ใช้เวทมนตร์แล้วงั้นรึ! สะดวกจริงเชียว]
[ใช่ม้า เท่านี้ก็ไปต่อได้สบาย ๆ แล้วเนอะ]
[อา—โอ๊ะ]
โรว์ส่งเสียงดังแล้วกระโดนกลับไปด้านหลัง
[อะไรเหรอ?]
[ดูที่พื้นสิ]
พอลองมองตามที่โรว์ชี้ไปก็พบว่ามีบันไดขั้นหนึ่งขาดหายไป แม้แต่แสงจากคฑาก็ไม่สามารถส่องเห็นความลึกได้
ฟิ้ว มีเสียงลมพัดขึ้นมาจากหลุมที่ว่า คาดว่าจะค่อนข้างลึก
[แบบนี้ตกไปตายแหง]
[อา ถึงจะเป็นแค่กับดักพื้น ๆ แต่ถ้าประมาทล่ะก็ได้แย่แน่ อย่างนี้นี่เอง จะจุดไหนตรงไหนก็อันตรายไปหมดจริง ๆ ]
[เริ่มน่าตื่นเต้นแล้วเนอะ]
[ไม่ใช่แล้วมั้ง! จริง ๆ เลย เด็กสมัยนี้ไม่กลัวตายกันเลยรึ?]
[อะฮ่า ๆ น่าจะแค่ฉันนี่แหละ]
จากนั้นทั้งสองคนก็มุ่งหน้าต่อ
[ซวยแล้วเหยีบกับดัก! หมอบเร็ว!]
จังหวะนั้นก็มีเสียงบางอย่างลอยมาของบางอย่างเข้ามาในหู
[ฮึบ]
[ย๊าก!!]
โรว์ชักดาบที่ห้อยอยู่บนเอวออกมาแล้วเหวี่ยงไปอย่างแรง
มีเพียงฉึบฉับดังขึ้นและมีบางอย่างตกลงพื้น
สมกับเป็นทหารรับจ้างเก่า การเคลื่อนไหวไม่สูญเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียว
พอลองหยิบสิ่งที่โดนตัดขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นลูกศรที่ปลายเคลือบไว้ด้วยของเหลวสีม่วง
[ศรพิษหรือเปล่านะ?]
[อา กระเบื้องบนพื้นมีแค่แผ่นนี้ที่เผยอออกมาด้วย เหมือนจะเป็นกับดักประเภทที่จะทำงานเมื่อมีการลงน้ำหนัก…สินะ เฮ้ยคุณหนู ลูกศรที่เอวนั่น—]
[อ๊ะ ไม่เป็นไร นี่ไง ทะลุแค่เสื้อคลุมอย่างเดียวเอง]
พอจบคำพูดก็พลิกเสื้อคลุมไปมาให้ดู
[—จริงด้วย เหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ ค่อยโล่งอก ถ้าตายเพราะกับดักง่าย ๆ คงลำบากใจแย่]
[ไว้ใจได้อยู่แล้วจ้า!]
ระหว่างที่พูดชานอนก็โยนลูกศรที่เปื้อนเลือดเข้าไปในความมืดโดยไม่ให้รู้สึกตัว
แน่นอนว่าลูกศรเข้าเนื้อแน่นอน พอดีเลยด้วย
เพียงแต่ กับพิษเพียงเท่านี้ไม่อาจคร่าชีวิตของชานอนไปได้ และรอยแผลก็หายไปในทันทีเช่นกัน
[นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ เขาวงกต! เอาจริงล่ะน้า~!]
[ร่าเริงจริงนะ…อ๊ะ ศพอีกแล้ว]
โรว์ค่อย ๆ เดินข้ามตัวของศพที่นอนอยู่บนพื้นอีกครั้ง
[เจอศพเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ สงสัยจะพลาดตรงนี้กันเยอะ]
เมื่อชานอนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามีศพที่กลายเป็นโครงกระดูกอยู่เต็มไปหมด คงตายเพราะกับดักเมื่อครู่กันแน่นอน
[รอเดี๋ยวนะ ขอไปดูหน่อย]
พอพูดจบก็เดินไปที่โครงกระดูกและถอดของออกพร้อมกับตรวจค้นของทุกอย่าง
ขุดคุ้ยศพราวกับเป็นโจรปล้นสุสาน
[—ไม่ใช่ลูกชาย ไม่ว่าศพไหนก็ตายมาก่อนที่ลูกชายข้าจะเข้ามาทั้งนั้นเลย]
[จะว่าไปแล้วลูกชายที่ว่านี่มีจุดสังเกตอะไรไหม?]
[อา ตอนที่เจ้านั่นออกไปผจญภัยข้าได้ให้จี้ห้อยคอไปน่ะ คิดว่าคงอยู่ใต้หน้าอก บนจี้นั่นสลักตัวอักษรแรกของชื่อเลโอเขาไว้ จะมีตัว L อยู่]
[อย่างนี้นี่เอง ถ้าเกิดไม่มีใครเคยรอดจากเขาวงกตนี้ได้เลยแปลว่าคงไม่มีโจรมาขโมยสินะ งั้นก็ต้องลองหาจุดสังเกตนี้ดูเนอะ]
[อา ฝากด้วยนะ แต่ตอนนี้ระวังกับดักไว้ด้วย แล้วก็ช่วยระวังหลังให้ข้าที ไม่งั้นจะปกป้องไม่ได้เต็มที่]
[พึ่งพาได้จัง~ ฝากด้วยน้า]
และทั้งสองคนก็มุ่งไปข้างหน้าต่อ
หลุมพราง ลูกศรพิษ ห้องรมพิษ สะพานแคบที่ด้านล่างอุดมไปด้วยหนามแหลม กำแพงบีบจากรอบด้าน กลุ่มโครงกระดูกพเนจร
ทั้งความไม่ประมาทและพลังต่อสู้ต่างก็จำเป็นในการพิชิตกับดักและสัตว์เวททั้งหลาย
สรุปง่าย ๆ คือ กับดักที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารจำนวนมากที่ไม่ยอมเลิกราก็ยังคงฆ่าฟันเราต่อไป
[ย๊าก!!]
[ฮ่า! ฟู่ว!]
ด้านโรว์ใช้ดาบที่เคลือบด้วยธาตุศักดิ์สิทธิ์ฟันเหล่าอันเดตทั้งหมด ส่วนทางชานอนนั้นใช้เวทมนตร์ห่อหุ้มหมัดด้วยธาตุศักดิ์สิทธิ์และใช้ศิลปะการต่อสู้เข้าชำระล้างเหล่าอันเดตจนสลายกลายเป็นผง
[โห น่ากลัวนะ…คุณหนูเนี่ยถ้าไปทำให้โกรธต้องโดนต่อยเละแน่เลย]
[ระวังหน่อยนะ ไม่รู้ด้วยหรอกว่าหมัดจะลอยไปหาเมื่อไหร่]
ระหว่างที่พูดจบก็ได้จัดการอันเดตแต่งชุดดูหรูหราที่ออกมาจากโลงศพโลงสุดท้ายได้พอดี จากนั้นโลงศพที่ใหญ่ที่สุดของห้องก็เลื่อนไปด้านข้างเผยให้เห็นทางไปต่อ
[แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…ดูท่าร่างแก่ ๆ นี่จะยังไหวนะ]
โรว์ลงไปนั่งบนพื้นแล้วหอบหายใจแรง
[แต่กลไกที่นี่อย่างเจ๋งเลยเนอะ…พวกเวทมนตร์ก็ใช่ แต่กลไกลอื่น ๆ นี่ลึกลับสุดเลยล่ะ]
[รู้สึกเหมือนเป็นเขาวงกตสุดยากตามที่บอกแล้วใช่ไหม]
[ก็น้า แต่ว่าเราพักก่อนหน่อยเถอะ ลุยมาทั้งวันแล้วด้วยสิ มางีบกันสักนิดเนอะ ]
[นั่นสินะ คิดว่าคงมาได้ครึ่งทางแล้วด้วย ช้าลงหน่อยก็ดี]
ทั้งสองคนเตรียมกางเต็นท์กันที่กลางห้องที่เก็บศพของฟาร์โรห์กันและนำอาหารที่พกมาวางเรียงราย
เนื้อตากแห้ง ขนมปัง ส่วนที่ชานอนเตรียมมาคือผลไม้และผักสด
[โฮ่ ถ้าใส่เข้าไปในเวทมนตร์มิติก็จะไม่เสียความสดไปด้วยงั้นรึ]
[อื้อ เพราะแบบนั้นเลยสามารถกินของสดใหม่ได้ตลอดเลยล่ะ เพื่อนคู่ใจของสาวน้อยเลย]
[แบบนั้นก็ดี งั้นมาทำแซนวิชกินกันเถอะ]
ทั้งสองคนกินอาหารเข้าไปเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจของพวกตน
เพราะว่าต่อสู้ด้วยความระแวดระวังมาตลอด จึงเหมือนได้รับการเยียวยา
[จะว่าไปแล้ว ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้ได้นี่คือปกติของจอมเวทเหรอ]
[แหม ก็มีประสบการณ์เดินทางมานานนี่นา ศิลปะการต่อสู้แค่นี้ใช้ได้อยู่แล้ว]
[ดูท่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้ามีพลังขนาดนี้ไปเป็นทหารรับจ้างได้สบายเลย แล้วใช้อาวุธอะไรได้บ้างล่ะ?]
[เคยใช้มาหลายอย่างนะ อย่างดาบหรือหอก ธนูก็เคย แล้วก็มีพวกอาวุธประเภทโยโย่ก็พอจะจำวิธีใช้ได้อยู่ แบบว่ามีเวลาว่างเยอะเลยน่ะ]
[เป็นจอมเวทที่เหลือเชื่อจริง…อายุแค่นี้ต้องผ่านชีวิตมาแบบไหนกันนะ…ทำเอาอยากออกเดินทางบ้างเลย]
[แหม แบบว่าต่างออกไปนิดนึงอะนะ…]
[อีกอย่างเวทมนตร์ก็โดดเด่นมากด้วย ข้าก็เห็นจอมเวทมามากแต่ไม่เคยมีใครเข้าตาเลย เหมือนกับเป็นผลผลิตก็การฝึกฝนมานับสิบปีเลย ข้ารู้สึกนับถือจริง ๆ แล้วเคยไปต่อสู้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?]
ขณะที่โรว์หัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกนั้นทางชานอนก็ยิ้มแห้ง ๆ พลางเกาแก้มเบา ๆ
[ก็ เมื่อก่อน มีนิดหน่อยน่ะ เพราะว่าเดินทางอยู่เลยเข้าไปพัวพันกับหลาย ๆ เรื่องเลย ]
[…งั้นรึ อายุเท่านี้เอง แต่คนที่มีพลังย่อมเป็นที่พึ่งงั้นสินะ]
ความงียบงันไหลผ่านเข้ามา
เมื่อนานมาแล้ว ในฐานะทหารรับจ้างก็เคยใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้เช่นกัน แม้เป็นเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังคงจำความรู้สึกตอนฆ่าศัตรูมาได้จนถึงตอนนี้
เรื่องฆ่าคนนั้นเป็นสิ่งที่ชานอนไม่อยากจะทำมากที่สุด ต่อให้ถูกทำร้ายมากเท่าไหร่ ก็แค่คืนชีพกลับมาให้ได้เท่านั้นก็พอ
ทั้ง ๆ แบบนั้นตัวเองกลับมีความคิดจะฆ่าตัวตาย แม้จะมีความขัดแย้งในตัวเช่นนี้ แต่เพราะแบบนั้นถึงได้เป็นเด็กสาวที่ชื่อว่าชานอนนั่นเอง
[แต่จะว่าไป แถวนี้ไม่ค่อยเจอศพเกลื่อนแล้วเนอะ]
พอมองไปรอบ ๆ ทางเดินก็ไม่เห็นว่ามีศพนอนอยู่
จุดที่อยู่นี้คือหน้าศพฟาโรห์ เห็นได้ชัดเลยว่าศพน้อยกว่าที่เห็นตอนแรกจริง ๆ
[อา คงจะโดนกับดักด้านบนตายกันหมดนั่นแหละ ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวข้าและเวทมนตร์ของคุณหนูก็คงไม่ต่างกัน]
[ถ้าพูดแบบนั้นล่ะก็ แปลว่าลูกชายที่ลงมาถึงนี่ได้ค่อนข้างเก่งเลยสิเนอะ]
พอพูดแบบนั้นสีหน้าของโรว์ก็แอบยิ้มขึ้นมา
[ก็นั่นมันลูกชายข้านี่ เคี่ยวเข็ญมากับมือเลยล่ะ ใช้อาวุธพิเศษที่เรียกว่าคาตานะด้วย แข็งแกร่งจริง ๆ แถมยังเด็กคนนั้นยังหัวดีด้วย ข้าไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่เห็นว่าท่านเจ้าเมืองมาขอยืมมันสมองอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะ]
โรว์ลูบเคราพลางหรี่ตาเหมือนจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตไปด้วย
[แต่แล้ววันนึงก็พูดขึ้นมาว่าอยากเป็นนักผจญภัย ตามหลังข้ามาติด ๆ เลย ถ้าอะไรจะทำให้สะกิดใจอยากเห็น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่ถ้าให้เดาคงเป็นเพราะว่าฉลาดเกินไปจนอยากจะหาคำตอบหลาย ๆ อย่างของปัญหาที่กวนใจนั่นแหละ ข้าเลยตอบเห็นด้วยไปอย่างว่าง่าย และไม่นานนักก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา จากนั้นเพื่อจะทดสอบคาตานะของตัวเองจึงได้ใช้ชีวิตทุ่มเทไปกับการพิชิตเขาวงกตและปราบปรามสัตว์เวทมากมายเลยล่ะ]
[เห…คงจะเป็นนักผจญภัยที่เก่งมากเลยนะเนี่ย]
โรว์หัวเราะ
[ก็เหมือนกับข้านั่นแหละ เป็นคนทะเยอทะยาน ในสุสานแห่งนี้จะต้องมีสมบัติที่ยังไม่เคยมีใครค้นพบหลับไหลอยู่อย่างแน่นอน แต่ที่นี่เป็นเขาวงกตที่ไม่เคยมีใครรอดออกมา ถ้าพิชิตมันได้ทั้งชื่อเสียงและอำนาจในฐานนักผจญภัยต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน เจ้านั่นคงจะบอกว่าจะกลับมาอย่างแน่นอนแล้วมุ่งหน้าไป สุดท้ายแล้ว—]
[ก็ไม่กลับมาสินะ]
โรว์พยักหน้าให้
[จริง ๆ เลย เป็นลูกชายเจ้าปัญหาจริง ๆ สร้างปัญหาให้กระทั่งช่วงสุดท้ายของสุดท้ายเลย จนถึงตอนนี้ก็ด้วย เข้าไปในเขาวงกตที่ยากแบบนี้แล้วจะจัดงานศพให้ได้ยังไงกัน]
[…]
ความเงียบลอยผ่านเข้ามา โรว์จึงหัวเราะออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
[วะฮ่า ๆ! โทษทีนะ เหมือนจะพูดมากไปหน่อย เป้าหมายที่มาที่นี่ของคุณหนูก็ขอให้สำเร็จนะ วันนี้นอนเถอะ]
[อื้ม ขอบคุณนะ นั่นสินะ นอนกันเถอะ]
หลังจากนั้น ทั้งสองก็หลับไหลไปท่ามกลางความเงียบ
****
วันถัดมา ทั้งสองก็ยังคงมุ่งมั่นเดินทางต่อ
ว่ากันตามความรู้สึกแล้ว คิดว่าน่าจะผ่านมาสองในสามเป็นที่เรียบร้อย
และด้วยเวทมนตร์ของชานอนก็ทำให้เริ่มเข้าใจโครงสร้างได้ในระดับนึงแล้วด้วย
กับดักก็เริ่มคุ้นชินทำให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องต่อสู้ก็สมกับเป็นทหารรับจ้างเก่า ถึงชานอนไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ก็ยังคงผ่านไปได้ด้วยดี
หลุดออกมาจากแอ่งน้ำโคลนไหลได้สำเร็จ จังหวะที่ชุดแห้งและทั้งสองกำลังไปข้างหน้าต่อแต่แล้วชานอนก็พบกับดักที่วางโจ๋งครึ่มอยู่
เป็นกับดักที่ชัดเจนต่างจากที่ผ่าน ๆ มา มีกลิ่นของความตายตลบอบอวลอยู่
รอบ ๆ กับดักนั้นไม่มีศพเลยแม้แต่ศพเดียว บนพื้นถูกย้อมไปด้วยสีดำสนิท มีแค่จุดเดียวที่เป็นสีน้ำตาลแต่ก็ไม่ใช่เพราะมันสกปรก แต่เป็นเพราะพื้นที่ส่วนอื่นถูกย้อมไปด้วยเลือดทั้งหมดแล้วมากกว่า
จุดนี้เป็นจุดที่มีคนตายเป็นตำนวนมาก สาเหตุที่จนถึงตอนนี้แทบไม่เห็นศพเลยนั้นอาจจะโดนเจ้ากับดักนี่เป่าออกไปนอกทางเดินก็เป็นได้
และกับดักที่อยู่ตรงหน้านี้อาจเป็นประเภทที่ไวต่อการสัมผัส แถมเท่าที่รู้คือในทุกชั้นจะมีกับดักทุก ๆ สิบเมตรอยู่ สรุปก็คือไม่ว่าจะระวังตัวยังไงกับดักก็จะทำงานอยู่ดี
อุปกรณ์สังหารที่แสนซับซ้อน ถ้าหากเป็นมันบางที หากเป็นมันอาจจะทำได้ก็เป็นได้
สัญลักษณ์แห่งการฆ่าฟันที่วางอยู่ตรงหน้านี้ ทำให้เอาชานอนสั่นสะท้านไปทั่งร่างกาย อาจจะได้ตายที่นี่ก็เป็นได้
โรว์ตอนนี้เดินตามหลังมา แน่อนว่าร่างกายของคนที่มีอายุนั้นมีขีดจำกัดอยู่จึงได้พลัดกันเดินนำ ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็คงจะได้โดนกับดักก่อนแน่นอน
[เพื่อการทดลองน่ะนะ เอ้าฮึบ!]
พอเดินก้าวออกไปหนึ่งก้าว ก็พบกับวัตถุทรงกลมสีฟ้ากับส่องแสงอยู่บนพื้นทางเดิน
[นั่นมัน…]
สิ่งนั้นกำลังกักเก็บพลังเวทเอาไว้ พูดให้ชัดเจนก็คือมันอันตรายกว่ากับดักอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
สัญชาติญาณจอมเวทของชานอนร้องเตือนมาเช่นนั้น
[นี่ คุณโรว์ ตรงนั้นน่ะ—]
ชั่วพริบตาต่อมานั้น โรว์ที่ควรจะอยู่ด้านหลังก็ปรากฎตัวออกมาอยู่ข้าง ๆ
[หืม? อะไรเหรอ?]
ทว่าโรว์นั้นไม่ได้ยินเสียงของชานอนและตะโกนออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปด้านหน้า
[เลโอ! ทำไมกัน ทำไมถึงหนีกันเล่า! รอก่อน รอข้าก่อน โรว์…พ่อเองนะลูก!]
[เลโอนี่เป็นลูกชาย…แต่แถวนี้ไม่มีใครเลยนะ?]
พอมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอใครสักคนเลยก็จริง
เพียงแต่ตอนนี้เหมือนเสียงของชานอนจะส่งไปไม่ถึงโรว์แล้ว ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
[นี่มัน…]
นัยต์ตาของโรว์นั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีดำใหญ่ ท่าทางเหม่อลอยไม่จดจ่อกับสิ่งใด เป็นดวงตาที่กลวงเปล่า
[เวทมนตร์จิตใจ…! หรือว่าเจ้ากลม ๆ สีฟ้านั่น…!]
[เลโอ! ไป….—อะไรตรงนั้น? อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว จริง ๆ เลย โตขนาดนี้แล้วทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้]
แต่แม้ดวงตาจะกลวงเปล่า แต่สีหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
สิ่งที่โรว์กำลังเห็นอยู่ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ดี ตรงหน้านั้นมีลูกชายของเขาอยู่
[คุณโรว์ ได้สติสักที!]
ทันใดนั้นดาบของโรว์ก็ฟันเข้าที่แขนของชานอน
[!?]
[จะไปเดี่ยวนี้แหละ เลโอ! กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเถอะ!]
จากนั้นโรว์ก็กระโจนเข้าไปในทุ่นกับดักด้วยความเร็วสูงสุด
[ซวยแล้ว ทางนั้นมัน!]
ขณะที่กำลังยื่นมืออกไป วิศัยทัศน์ก็พลันบิดเบี้ยว
รู้สึกตัวอีกทีบรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
จากนั้นภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือใบหน้าที่คุ้นเคย
ใบหน้า อาจจะดูอ่อนไปหน่อยที่จะเรียกเช่นนั้น
เสื้อผ้าหน้าผมยังคงเหมือนก่อน แต่ใบหน้านั้นถูกทาด้วยสีดำจนทำให้มองเห็นไม่ชัด
[…ถ้าเป็นฉันก็ต้องเจอกับคุณงั้นสินะเนี่ย]
ด้วยรูปร่างที่คุ้นเคยนั้น ทำให้หัวใจเผลอตอบสนองไปโดยไม่ตั้งใจ
[ไปกันเถอะชานอน วันนี้กลับกันก่อนนะ อาจารย์ยกโทษให้แล้ว]
[…ยังชอบโพล่งเข้าเรื่องไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ขนาดเป็นภาพหลอนนะเนี่ย]
เพราะเป็นภาพหลอนจึงเข้าใจจุดประสงค์ได้ไม่ยาก
เพียงแต่ถึงอย่างนั้นก็เผลอยอมรับไปอย่างง่ายดาย
ทั้งน้ำเสียง บรรยากาศ กลิ่นอาย ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเก่า ทำให้เชื่อว่าเป็นของจริงโดยสัญชาติญาณไป เป็นเวทมนตร์จิตใจที่รุนแรงมาก
[ชานอนเนี่ยจะจริงจังเกินไปแล้วนะ]
ภาพหลอนหัวเราะคิกคัก จนถึงตรงนี้ก็ด้วย ยังเหมือนเดิมเลย
ภาพหลอนของเด็กสาวหันกลับมาทางนี้อีกครั้งพร้อมกับยื่นมือออกมา
[นี่ ชานอน ตอนนี้น่ะ ทิ้งทุก ๆ อย่างไปเหมือนแต่ก่อน—]
ชั่วพริบตานั้นแสงสว่างวาบก็ปรากฎก็มา จากนั้นภาพหลอนก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวไป
ชานอนสะบัดคฑาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
แสงจากธาตุศักดิ์สิทธิ์ทำให้ภาพหลอนที่อยู่ตรงหน้าของชานอนสลายหายไป และดึงตัวเองกลับมาสู่โลกความเป็นจริง
[ขอโทษนะ]
ความทรงจำในอดีตอันยาวนั้น ได้กลับกลายเป็นภาพที่ไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว คนที่ยังคนเก็บสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ ในโลกใบนี้ก็มีเพียงชานอนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ภาพหลอนหายไปแล้ว ตรงหน้ากลับไปเป็นภาพกับดักสลัว ๆ บนทางเดินเช่นเดิม
[คุณโรว์!]
รีบส่งเสียงออกไปด้วยความลนลาน เวลาไม่มีแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปโรว์ต้องทำให้กับดักทำงานแน่ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็คงหลีกเลี่ยงความตายไม่ได้
งั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือใช้เวทมนตร์ทำลายมันไปทีละส่วน—
เวลาต่อมานั้นเคลื่อนไหวของโรว์ก็พลันหยุดพอดี
[…เอ๊ะ?]
โรว์ค่อย ๆ เปิดปากอย่างเงียบ ๆ
[…เลโอน่ะ ตายไปแล้ว คิดว่าข้าเป็นใครกัน เอาคนตายมาล้อเล่นแบบนี้ เวทมนตร์ที่สร้างความสับสนให้คนเป็นแบบนี้ คิดว่าข้าจะติดกับอย่างนั้นรึ…!]
ผลั่ก!! โรว์ตบแก้มของตัวเองทั้งสองข้าง
[ข้าคือหนวดขาวโรว์! ไม่ใช่นักผจญภัยที่จะมาพ่ายที่นี่!]
จากนั้นจึงหยิบมีดพกที่ห้อยอยู่ตรงเอวออกมาแล้วตัดวัตถุทรงกลมที่ส่องแสงอยู่
มีดพกแทงเข้าที่ใจกลางของวัตถุทรงกลมและเสียงแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ก็ดังขึ้น
[ว๊าย เท่จัดเลย!]
[เท่านี้ก็น่าจะปลอดภัยแล้วนะ]
โรว์กลับมาจากภาพหลอนได้ด้วยพลังของตัวเอง
โดยส่วนมากแล้วมักจะมีความรู้สึกว่าไม่อยากจะจากภาพหลอนเหล่านั้นไป ทำให้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะออกมาได้ด้วยตัวเองเช่นนี้
[เกือบไปแล้วเชียว เพราะได้เสียงของคุณหนูแท้ ๆ เลย]
[ก็เป็นคู่หูสู้วงกตด้วยกันนี่นะ]
[ฮึ ก็เป็นแบบนั้นล่ะนะ พึ่งพาได้จริง ๆ ]
[เอาล่ะ ถึงจะแค่ที่นี่ก็เถอะ…ว่าแต่จะฝ่าไปยังไงกันดี]
จริงอยู่ที่ภาพหลอนถูกจัดการไปแล้ว แต่กับดักยังคงเหลืออยู่
สำหรับชานอนแล้วโอกาสที่อาจจะตายก็ได้นั้นถือเป็นจุดที่ยอดเยี่ยม จะติดอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่เป็นไร
แต่ว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเอาโรว์มาพัวพันด้วย
ในขณะที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงดีอยู่นั้น
ก๊อง
เสียงดังขึ้นมาจากในความมืดมิด
[เสียงอะ—]
[อันตรายนะคุณหนู!!]
ได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาพร้อมกับมีความรู้สึกว่าคอถูกรัดไว้
วินาทีที่เสียงนั้นดังขึ้นโรว์ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างจึงได้พุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อยื่นมือไปคว้าส่วนฮู้ดของเสื้อคลุมชานอนและเหวี่ยงออกไปโดยแรงทั้งหมดที่มี
[อุก!]
โรว์นั้นออกมาข้างหน้าเพื่อบังให้
พริบตานั้นพื้นตรงหน้าก็หายไป กำแพงซ้ายขวาก็พลิกกลับด้าน
และช่วงเวลาเดียวกันนั้น ลูกศรก็พุ่งเข้ามาจากทั้งสองด้านโดยไม่ให้ตั้งตัว
[โธ่เว้ย…!]
โรว์ใช้กำลังกายที่เหลืออยู่ในการฟันมันลงไป ร่างกายที่กำลังจะล้มลงไปนั้นก็ได้ใช้พลังของแขนเพียงข้างเดียวในการพยุงตัวไว้
เป็นพลังที่เหลือล้นกว่าคำว่ามนุษย์ ราวกับว่าไม่ใช่แค่ทหารรับจ้างธรรมดา
เพียงแต่ลูกศรนั้นมีมากเกินไปจนทำให้จนทำให้ไม่สามารถระวังบนหัวได้
ด้านบนนั้นมีขวานขนาดยักษ์อยู่
สิ่งนั้นถูกเหวี่ยงลงมาบนหัวของโรว์
[อะไรวะเนี่ยย!!]
เพราะความฟุ้งซ่านทำให้ขาขวาถูกศรทิ่มเข้า ใบหน้าของโรว์บิดเบี้ยว เหงื่อไหลลงจากหน้าผา
ในเวลานั้นชานอนที่อยู่ข้างหลังก็สะบัดคฑาของตน
[“วอร์แฮมเมอร์”!!]
พริบตานั้นด้านหน้าของโรว์ก็พลันปรากฎค้อนแสงยาวสามเมตรออกมา มันขยับสอดรับกับการเคลื่อนไหวคฑาของชานอน
ซ้าย ขวา ขึ้นบน
แก๊ง! ขวานที่ว่านั้นตัดผ่านขวานยักษ์ที่ตกลงมาจนส่งเสียงดัง
ขวานที่ถูกทำลายก็ร่วงหล่นลงไปในหลุม
[ฟู่ว… คุณโรว์เป็นอะไรไหม!?]
[อุก…]
โรว์กำลังก้มหน้ากุมขาที่ถูกศรแทงอยู่
[ศรพิษ… ปลายศรมันแหลมเกินไป ถ้าดึงออกทั้ง ๆ แบบนี้ล่ะก็แย่แน่]
ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของมนุษย์ได้
เหตุผลก็คือการที่ร่างกายของคนเวลาจะรักษาบาดแผลนั้นจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งของทั้งกายและจิตใจ โครงสร้างร่างกายที่พังไปแล้วไม่สามารถจะหายเองได้
ที่พูดได้เพราะว่ามีชีวิตมานาน ตลอดหลายพันปีที่มีชีวิตอยู่นั้นก็ไม่เคยใครใช้เวทมนตร์ในการรักษาแผลเลยสักครั้ง
แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่อย่างนึง นั่นคือตัวเองที่คงความอมตะอยู่นั่นเอง
ก่อนอื่นก็ต้องปรับพลังการรักษาของตัวเองให้สูงขึ้น
ชานอนหยิบคฑาออกมาแล้ววนไปรอบ ๆ บาดแผล
ฟิ้..ว แสงสีเขียวส่องสว่างออกมา เลือดที่ไหลออกมาจากปากแผลของโรว์ก็เริ่มหยุดไหล
[ก่อนที่พิษจะลามไปทั่ว จะแยกออกมาก่อนนะ]
[อา…]
สะบัดคฑา เริ่มใช้งานเวทมนตร์
แสงสว่างส่องขึ้นมาจากปลายคฑา พิษเม็ดสีดำจึงค่อย ๆ ลอยออกมาจากปากแผล
พอลอยออกมาหมดแล้วก็ขว้างมันทิ้งไปบนกำแพง
[—เอาล่ะ เอาพิษออกให้แล้วนะ ถึงจะไม่หมดก็เถอะแต่เท่านี้คงไม่ตายแล้ว]
ชานอนหยิบผ้าพันแผลใหม่สะอาดออกมา จากนั้นจึงพันรอบ ๆ ขาของโรว์เพื่อยืดศรพิษไว้และห้ามเลือด การปฐมพยาบาลเสร็จสมบูรณ์
แบบนี้คงไม่เป็นไรไปสักพัก
[ทะ โทษทีนะ…ข้าพลาด]
โรว์ยืนพิงกำแพงแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย
ตอนนี้บาดแผลเต็มตัว หลังจากที่ใช้เวทมนตร์ที่เร่งให้ร่างกายฟื้นฟูตามธรรมเร็วขึ้นไปนั้น ทำให้ร่างกายเริ่มล้าขึ้นมา
[ขอโทษนะ เพราะฉันประมาทเอง]
[ข้าก็ด้วย ข้าเตรียมใจมาดีไม่พอเอง…จึงไม่สามารถตัดใจกับคนตายที่อยู่ข้างหน้าได้]
หัวใจพลันรู้สึกเจ็บปวด
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกปกป้อง นี่เป็นความรับผิดชอบของตน
[ถอยกัน…สักครั้งก่อนเถอะ ขาไม่ไหวแล้วน่ะ ถ้าดูแล้วยังพอมีเวลา—]
[ไม่เอา ฉันจะไปต่อจนถึงปลายทาง! จะเก็บกู้ซากมาให้ได้เลย วางใจได้]
หลังจากพูดจบชานอนก็ลุกขึ้นยืดจากนั้นก็ปัดทรายที่ติดอยู่ที่กางเกงออก
[ฮะ เฮ้ย ก็คุยกันแล้วนี่ว่าคนเดียวไม่ไหว! แค่ก ๆ !]
[เห็นไหม อย่างฝืนตัวเองสิ เอาเป็นว่าจะทิ้งคบเพลิงกับอาหารไว้ให้นะ]
ชานอนเปิดกระเป๋าของโรว์ออกมาโดยพลการ จากนั้นก็ส่องไฟให้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ สว่างขึ้น
ถ้าหากดูแลสภาพแวดให้เป็นเช่นนี้ได้ตลอดก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร
[เดี๋ยวจะรีบกลับมา สัญชาตญาณบอกว่าทางข้างหน้านี้ไม่ไกลมากแล้ว บางทีคงจะใกล้จบแล้ว แถมยังทำให้คุณโรว์บาดเจ็บด้วย จะไม่ให้ปล่อยให้เกือบตายอีกแล้ว จะทำเป้าหมายให้สำเร็จเอง]
[อย่าพูดบ้า ๆ น่า ไม่ไหวหรอก…ไปคนเดียวน่ะ!]
[ค่า ๆ อยู่นิ่ง ๆ ไปเถอะนะ]
[ฮะ เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน!]
ชานอนเมินเฉยต่อการกระทำของโรว์แล้วเดินเข้าไปข้างในต่อคนเดียว
เสียงของโรว์ที่พยายามจะหยุดชานอนไว้ดังก้องไปทั่วเขาวงกต ไม่นานนักรูปร่างด้านหลังของชานอนก็ค่อย ๆ หายวับไปในความมืด