ตอนที่ 1.2 ลองให้มังกรกินดูค่ะ 2
บทที่ 1.3 ลองให้มังกรกินดูค่ะ (3)
สามวันต่อมาหลังจากที่ชานอนมาที่หมู่บ้านแห่งนี้
ตามคำขอของชานอนแล้ววันนี้จึงเดินทางไปที่ร้านค้าประจำหมู่บ้าน ดูเหมือนจะอยากเห็นว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างไหม
ส่วนคนที่รับหน้าที่ก็คือไคล์ ทั้งคู่รีบกินอาหารเช้าแล้วเดินไปพร้อมกัน
นับว่าเป็นฉากที่ชวนให้รู้สึกคุ้นเคย
ตอนนี้ชานอนถือว่าเป็นคนดังในหมู่บ้าน คนที่ไม่รู้จักเธอจึงมีน้อยมาก
[อื้-ม วันนี้ก็อากาศดีเนอะ]
ชานอนพูดพลางบิดขี้เกียจไปด้วย
ด้วยนิสัยของชานอนแล้วทำให้คนในหมู่บ้านต้อนรับกันเป็นอย่างดี
[จริงด้วยเนอะ ตั้งแต่คุณชานอนมาอากาศก็ดีตลอดเลย อย่างกับเป็นสาวเรียกแดดเลย]
[สาวเรียกแดด? ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ พายุทราย พายุหิมะหรือฟ้าปั่นป่วนยันพายุใหญ่…ระหว่างการเดินทางก็เจอมาหมดแล้วด้วยน่ะสิ]
[อ๊ะ นั่นสินะ ถึงจะจินตนาการไม่ออกว่าเป็นแบบไหนก็เถอะ แต่คงหนักเอาเรื่องเลยสินะ]
การได้มาเห็นเด็กสาววัยใกล้กันแบกกระเป๋าใบเดียวออกเดินทางนั้น ในความเป็นจริงแล้วไคล์ก็มีความรู้สึกอิจฉาในดวงตาและเกิดความเคารพเวลาอยู่ในใจเช่นกัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยคิดมาก่อน เรื่องการออกจากหมู่บ้านนี้ หรืออนาคตที่ออกเดินทางไปด้วยตัวคนเดียว
[ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน้า ยังไงก็สนุกมากเลยแหละ! แต่ที่หมู่บ้านนี้ก็สนุกเหมือนกันนะ ทุกคนใจดีกันมากด้วยสิ]
พอพูดอย่างนั้นแล้วชานอนก็เผยยิ้มออกมา
ทันใดทันก็พลันได้ยินเด็ก ๆส่งเสียงเรียก
[อ๊ะ จอมเวทมาแล้ว! วันนี้ก็ใส่เสื้อคลุมสีดำอีกแล้วนะ!]
[เล่นมัน! จัดการเลย!]
เป็นเสียงที่กระหายเลือดใช่ย่อย
[โอ๊ะโอ๋ เจอกันอีกแล้วนะ]
พอชารอนได้ยินเสียงแหลม ๆ ของเด็ก ๆ แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายจากนั้นก็มองไปรอบ ๆ พุ่มไม้ พอส่งไคล์ไปเป็นเหยื่อล่อแล้วก็พบร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งกับลังพุ่งออกมาพร้อมกับอาวุธ
ไคล์ส่งเสียงกระซิบกับชานอน
[พวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้านนี่นะ]
[นั่นสิเนอะ ร่าเริงกันจัง ดีแล้วแหละ]
ทันใดนั้นเหล่าเด็ก ๆ ก็กระโดดออกมาเรียงหน้ากัน ในมือมีดาบกับธนูที่ทำจากกิ่งไม้เล็งจะโจมตี
เห็นดังนั้นชานอนก็เอี้ยวตัวหลบ
[วะฮะฮ่า ของพรรค์นั้นไม่ได้ผลหรอกนะ]
ระหว่างพูดชานอนก็สะบัดผ้าคลุมแล้วเอาไม้คฑาออกมาควง
[หวา…อะ อะไรกัน!?]
[ไม่นะ ดาบของผม]
[โดนเล่นอีกแล้ว!!]
อาวุธของเด็ก ๆ หลุดออกไปจากมือทั้งหมด จากนั้นก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วหยุดอยู่อย่างนั้น
เทคนิคเแบบนี้ก็คือเวทมนตร์ของชานอนนั่นเอง
ยังไม่พอชานอนก็ขยับคฑาอีกครั้งทำให้อาวุธที่กำลังล่องลอยอยู่ก็พุ่งเข้าไปที่เธอ
[ว้าว เวทมนตร์นี่ยังสุดยอดไม่เปลี่ยนเลยนะ]
สิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้ แม้เป็นแค่ภาพธรรมดา ๆ แต่ก็เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจนกระทั่งชานอนมาเช่นเดียวกัน
เวทมนตร์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ขัดกับกฎของธรรมชาติต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งเวทมนตร์ของชานอนนั้นสามารถจะแย่งชิงวิธีการโจมตีของอีกฝ่ายได้ด้วย เป็นเวทมนตร์ที่ไร้ปราณีจริง ๆ
เพียงแต่เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้เห็นว่าภาพนี้เป็นเรื่องที่สุดยอดอย่างไร (อาจกล่าวได้ว่าไม่เข้าใจถึงความสุดยอดของเรื่องแบบนี้) เด็ก ๆ เมื่อได้เห็นเวทมนตร์ก็ทำเพียงกรีดร้อง หัวเราะออกมาและวิ่งอย่างสนุกสนาน
[หุหุ จะแย่งคืนไปได้ไหมน้า~]
ชานอนทำหน้าตาซุกซนและหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
[จะ เจ้าจอมเวท! คืนอาวุธของทุกคนมานะ!]
[โอ้!]
เด็ก ๆ เริ่มออกวิ่งด้วยร่างกายเล็ก ๆ ไล่ตามชานอนที่วิ่งหนีไป
สมกับเป็นคนที่ออกเดินทางคนเดียวเลย ร่างกายขยับคล่องแคล่วมาก
[—เอ้าไคล์ เปลี่ยนตัวจ้า!]
[เอ๊ะ เอ๋!]
ไคล์รับอาวุธที่ถูกโยนมาอย่างกระทันหันได้โดยไม่หล่น
ทันใดนั้นเด็ก ๆ ที่กำลังไล่ตามชานอนอยู่ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาหาไคล์แทน
[พี่ไคล์นี่นา! ถ้าแบบนี้ชนะได้แน่!]
[เอ๊ะ เดี๋ยว!?]
[เล่นมันเลย!]
เด็ก ๆ พุ่งโจมตีไคล์พร้อมกัน
[ว๊าก! เอาไงดีคุณชารอน!?]
[อะฮะฮ่า! หนีเร็วเข้า! เดี๋ยวโดนจับเอาน้า]
[อะไรเนี่ย เด็กพวกนี้ร่าเริงกันเกินไปแล้ว!]
[หยุดนะเจ้าบ้า!]
[น่ากลัว!! จะบ้าดีเดือดกันเกินไปไหม!?]
เด็ก ๆ วิ่งไล่ตามอย่างสนุกสนาน บางคนก็ทำหน้าตาน่ากลัวนิดหน่อยแต่ภาพแบบนี้ในชีวิตของไคล์ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
อีกอย่างพอเห็นแบบภาพแบบนี้แล้วก็เริ่มมีความสุขเช่นกัน
พอได้ยินเสียงหัวเราะแล้วก็เริ่มสนุกขึ้นไปอีก
แต่การหายใจหอบและสิ้นหวังกับการวิ่งหนีเด็ก ๆ ก็มีเหมือนกัน
[หวา พี่ไคล์วิ่งเร็วจังเลย…]
[ดีแต่หนีจริง ๆ เลย…]
[โธ่ คิดว่าจะอ่อนกว่าจอมเวทซะอีก]
พอวิ่งไปได้สักพักก็ส่งอาวุธให้กับชานอนที่กำลังกอดอกมองดูอยู่
[แฮ่ก แฮ่ก…เอ้า…คืนให้…]
[ฟุฟุฟุ ยังใช้ไม่ได้นะ เด็ก ๆ ทั้งหลาย]
[ขะ ขี้โกงนี่ มีตั้งสองคนแบบนี้!]
[นี่คือวิถีของจอมเวทไงละ ถ้าเจ็บใจก็มาแย่งคืนไปให้ได้นะ]
ชานอนดูจะสนุกกับการเล่นเป็นตัวร้ายมาก
[แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พี่ชาย…]
[โธ่เอ๊ย พรุ่งนี้จะต้องชนะให้ได้! ทอยทัพ!]
พอพูดแบบนั้นเด็ก ๆ ก็พากันวิ่งนีไป
[หวา รอด้วยสิพี่ชาย!]
เหลือไว้เพียงคนน้องที่กำลังไล่ตามกลุ่มแรกไป
[นะ นี่ ไอนี่ไม่ต้องการอะ! เดี๋ยวมาเอาคืนด้วยนะ]
พอพูดเสร็จก็ชานอนก็วางอาวุธที่ยึดมาไว้ พวกเด็ก ๆ เลยหันมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วกลับมาเงียบ ๆ จากนั้นก็รีบคว้าอาวุธไปทั้ง ๆ แบบนั้น ชารอนที่มองดูภาพนั้นก็ยิ้มออกมา
[คุณชารอนนี่เป็นคนดังไม่เปลี่ยนเลยนะ เด็ก ๆ พวกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแท้ ๆ ]
[เอ๋ เป็นแบบนั้นเหรอ? ก็เป็นเด็กดีนี่นา แค่ร่าเริงก็พอแล้วน่า เด็ก ๆ ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ]
[เด็กพวกนั้นอายุน้อยกว่าผมสองปี…คงจะเบื่อกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ละมั้ง แต่ว่าตั้งแต่คุณชานอนมาก็ดูสนุกขึ้นเยอะเลย]
[แหะแหะ แบบนั้นก็เยี่ยมเลยนะ]
พอเดินผ่านไปก็เจอคนในหมู่บ้านคนแล้วคนเล่าเข้ามาทักทายกับชารอนตลอด
แค่เป็นนักเดินทางก็หายากมากแล้ว แต่ชานอนยังเป็นจอมเวทด้วย
สำหรับคนในหมู่บ้านที่กระหายความใคร่รู้แล้วจะสนใจในตัวชานอนกันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
[ทั้งที่ตอนมาครั้งแรกวุ่นวายกันกว่านี้แท้ ๆ ปรับตัวกันเร็วจังนะ]
วันถัดมาที่ชานอนมาที่หมู่บ้าน ไคล์ก็รับหน้าที่พาเดินนำจนทั่ว
ตอนที่รู้กันว่าชานอนเป็นจอมเวทกระจายไปทั่วนั้น คนทั้งหมู่บ้านก็แห่กันมารุมตัวเธอ
ทำไมถึงมาที่หมู่บ้านนี้ จอมเวทมีไว้เพื่ออะไร เหตุใดจึงมาเป็นจอมเวท แล้วเกิดอะไรขึ้นเด็กสาวคนเดียวถึงต้องออกเดินทางแบบนี้และคำถามจำนวนมาก หรือคำขออย่างใช้เวทมนตร์ให้ดูหน่อย ช่วยงานหน่อยได้ไหม สรุปก็คือวุ่นวายมาก
ด้วยความที่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนั้นไม่เคยเห็นจอมเวทมาก่อน แถมการที่มีเด็กหน้าตาน่ารักมาแบบนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลายตื่นเต้นได้เช่นกัน
เรียกได้ว่าเป็นกระทำที่หยาบคายสำหรับชานอนมาก เพียงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม มีปัดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องบ้างนิดหน่อย
ด้วยเหตุนั้นจึงเกิดความกังวลว่าชานอนจะออกจากหมู่บ้านเร็วกว่าที่คิดเนื่องจากความเหนื่อยล้า แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่การตีตนไปก่อนไข้เท่านั้น
[ตัวฉันไม่ได้คิดอะไรมากเลยนะ? ความสนใจเวลาเจอของหายากก็ปกติไม่ใช่เหรอ?]
[คุณชานอนนี่ใจกว้างจังเลยนะ]
[ทั้งพวกเด็ก ๆ ที่เล่นกันเมื่อกี้แล้วก็คนในหมู่บ้านเป็นดีทั้งนั้นเลยนี่นา ที่เข้ามาคุยอย่างเป็นมิตรเนี่ยดีใจมากเลย บางสถานที่หรือบางยุคอะนะ พวกคำดูถูกอย่าง เจ้าคนนอก! บ้าง หรือพวกนอกรีต! เจ้าจอมเวทชั่ว! แล้วไม่เปิดใจให้กันเลยก็มีอยู่นะ พอเทียบกันแล้วที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีกว่าโดนโยนหินใส่เป็นร้อยเท่าเลย]
[งะ งั้นเหรอ มีประสบการณ์แบบนั้นด้วยนี่เอง]
พอได้ฟังประสบการณ์แบบนี้แล้วก็เผลอก้มหน้าอย่างไม่ตั้งใจ
[โยนหินใส่เนี่ย…มีเรื่องแบบนั้นอยู่จริง ๆ เหรอ?]
ประสบการณ์ที่ชวนให้ตกใจของชานอนชวนให้ไคล์สงสัยขึ้นมา
การที่คนจากโลกภายนอนจะขับไล่เด็กผู้หญิงคนนึงได้ลงคอนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ลง
เพียงแต่ชารอนพูดว่า [ก็มีน่ะซี่] แล้วขยับเข้ามาใกล้ ๆ แล้วมองจ้องตาไคล์แล้วพูด
[หมู่บ้านนี้น่ะชอบจอมเวทกันก็จริง แต่ที่อื่นเขาไม่ได้ชอบแล้วก็ไม่ได้ต้อนรับกันนักหรอกนะ เป็นเรื่องคำสอนบ้างละ ลัทธิบ้างละ หลาย ๆ ทำให้หลาย ๆ ที่ไม่อยากจะให้เข้าไปใกล้เลย หรือช่วงเวลาโหด ๆ อย่างโดนจับติดคุกก็โดนมาแล้วนะ!]
[ติดคุก! แค่ใช้เวทมนตร์ได้เนี่ยนะ…]
[ใช่ม้า โหดร้ายเนอะ?]
ชานอนพูดราวกับเรื่องนี้เป็นแค่เหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น ทั้งที่คนธรรมดาทั่วแค่ติดคุกครั้งนึงยังแทบจะไม่มีโอกาส
[แหม แต่ยุคสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีเรื่องแบบนั้นแล้วละนะ]
ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกว่าชานอนนั้นเดินทางมาอย่างยาวนานกว่าที่ตาเห็นขึ้นมา
แต่ในความจริงแล้วควรจะอายุไม่ต่างกันมากแท้ ๆ ไม่ควรจะรู้สึกว่ามีช่วงเวลายาวนานขนาดนั้นได้เลย
[ชานอนเคยมีประสบการณ์มาหลายแบบนี่เอง ถึงได้รับมือกับความวุ่นวายของคนในหมู่บ้านได้สินะ]
[ตามนั้นจ้า! ถ้าไคล์ได้ออกเดินทางก็จะเข้าใจเหมือนกันว่าโลกใบนี้มีผู้คนมากมายหลายแบบเลยละ]
พอพูดจบชารอนก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
ไคล์ไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่าโลกใบนี้เป็นเช่นไร แต่เรื่องที่ชานอนสนุกสนานเวลาอยู่ในหมู่บ้านนั้นเป็นความจริง ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาเหมือนกัน
[—-อ๊ะ ถึงแล้วนะ]
ด้านหน้าเป็นบ้านไม้เรียงรายกันเต็มไปหมด มีลานกว้างทรงกลมอยู่ตรงกลาง
มีร้านเหล้า ร้านค้าทั่วไปและยังมีแผงลอยมากมาย แม้จะเป็นตอนเช้าแต่คนในหมู่บ้านก็ออกมาเดินกันตรงลานกว้างอยู่หลากหลายคน
[จะเจอของที่น่าสนใจบ้างไหมนะ]
[ที่นี่ครั้งนึงเลยมีของท้อนถิ่นด้วยนะ แล้วก็อะไรนะ คิดว่าไม่น่ามีของที่แพงมาก ๆ อยู่หรอก]
[ดีจังเลยน้า เริ่มตื่นเต้นแล้วสิ! ถ้ามีของที่ทำให้คิดถึงหมู่บ้านนี้ก็คงจะดีนะ]
[ทำให้นึกถึง…จริงด้วย เดี๋ยวชานอนก็ต้องออกเดินทางแล้วสินะ]
มาถึงหมู่บ้านนี้ก็สามวันแล้ว
ชานอนไม่ได้ตั้งเป้าจะมาที่หมู่บ้านนี้ตั้งแต่แรก แต่จะอยู่ถึงเมื่อไหร่นั้นยังไม่เคยพูดมาก่อน
เพียงแต่พอจะทราบว่าอีกไม่นานก็จะออกไปแล้ว
[จะซื้อของหลาย ๆ อย่างก่อนจะออกเดินทางเหรอ?]
[ใช่แล้วละ เดี๋ยวตอนเอาออกมาดูทีหลังก็น่าสนุกดีน่ะนะ แถมมีประโยชน์เกินคาดด้วย]
[เอ แต่กระเป๋าก็มีใบเดียวนี่จะแบกไปยังไงกัน…]
[อ๋อ เรื่องนั้นไม่เป็นไร ก็ฉันเป็นจอมเวทนี่นา]
จบคำพูดนั้นไคล์ก็เอียงคอด้วยความงุนงง
ส่วนชานอนนั้นเอามือล้วงเข้าไปในอากาศ
[ก็อย่างเช่น—]
จังหวะนั้นก็พลันเห็นภาพอันแสนประหลาด
[นะ…นี่ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?]
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมือของชานอนที่ล้วงเข้าไปในอากาศได้หายไป
[หุหุ ดู-ให้ดีนะ]
พอตั้งใจดูตามคำบอกก็พบว่าพื้นผิวบริเวณแขนนั้นเกิดเป็นคลื่นคล้ายน้ำกระเพื่อมขึ้น
[อากาศมัน…บิดเบี้ยว]
[อื้ม ประมาณนั้นแหละ เรียกว่าเวทมนตร์มิติน่ะนะ อะไรที่ใส่กระเป๋าไม่ได้ก็มาใส่ไว้ในนี้แทนไง]
[เอ๋..นั่นก็นับว่าเป็นเวทมนตร์เหรอ…?]
เหนือกว่าที่จินตนาการไปมาก
สิ่งที่นึกออกก็มีเพียงเวทมนตร์ที่ทำให้ของลอยได้และคิดว่าเวทมนตร์มิติน่าจะเป็นเช่นเดียวกัน
[ใช่ ๆ ในนี้มีของเพียบเลยละ…เหมือนกับโกดังเก็บของมั้ง?]
[ฮ่า ฮ่า…เวทมนตร์เนี่ยยอดไปเลยนะ]
พอรู้สึกว่าไม่รู้จะตอบอะไร ก็เลยได้แต่หัวเราะเบา ๆ
[เอ– น่าจะอยู่แถวนี้น้า…]
ชานอนแลบลิ้นแล้วขยับมือไปมาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหาเหรียญที่ตกอยู่หลังตู้ จากนั้นก็
[เจอแล้ว! ดูนี่สิ เจ้านี่น่ะของหายากเลยนะ]
สิ่งที่อยู่ในมือของชารอนที่ดึงของออกมาจากมิติที่บิดเบี้ยวคือจี้ชิ้นหนึ่ง
จากนั้นก็ถูกนำมาใส่มือ
เป็นจี้เหล็กเก่า ๆ ที่คาดว่าเคยปิดด้วยสีทองมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้มันลอกไปหมดแล้ว ขนาดประมาณปลายเล็บมือแต่รู้ได้ทันทีว่าเป็นของมีราคา
[ได้มาจากอาณาจักรทางใต้เมื่อนานมากแล้วน่ะน้า มีของแบบนี้อยู่ในโกดังมิตินี้เพียบเลยละ]
[ยอดเลย…! แต่ว่าไม่รู้เลยว่าจะไปหาของที่เจ๋งแบบนี้ในหมู่บ้านได้ยังไง]
[จริง ๆ แล้วจะเป็นอะไรก็ได้นะ ถ้าเจอของน่าสนใจก็แค่ซื้อไว้เท่านั้นเอง ไม่ยากหรอก แล้วก็ฉันตั้งตารอจะไปซื้อของกับไคล์อยู่นะ!]
[จะ จริงด้วยสินะ]
พอได้ฟังคำนั้นแล้วก็ทำให้รู้สึกเขินอายขึ้น
จึงได้กระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อลบออก
[งะ งั้นไปดูหลาย ๆ อย่างกันเถอะ]
[ฝากตัวด้วยหน้าคุณไกด์]
[ไว้ใจได้เลย! งั้นถ้าเป็นแถว ๆ นี้ก็—]
วินาทีนั้น
เสียงโค~~รกดังขึ้นราวกับแผ่นดินสะเทือน
[คือว่า…คุณชานอน]
เสียงนั้น…มาจากชานอนนั่นเอง
กลับไปที่ด้านชานอนนั้น เธอแอบเขินอายเล็กน้อย
[อ๊ะ คือว่า อะฮะฮะ ขอโทษน้า…ท้องร้องซะแล้วละ]
[อ๋อ เสียงท้องร้องนี่เอง]
[ก็แหม เมื่อเช้ากินข้าวเช้ามานิดเดียวเองนี่นา]
ชานอนที่รู้สึกผิดก็กระสานมือแล้วยกขึ้นเหนือหัว
[ถึงเร็วกว่าเวลาเที่ยงไปสักหน่อย แต่เราไปที่ร้านตรงนั้นแล้วกินมื้อเที่ยงกันเลยเถอะ]
[อะโอ้ ดีเลยนะ ไปกัน ๆ ]
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในร้านเหล้าที่อยู่ข้างหน้าของตน
แต่ตอนนี้เพิ่งจะสายแก่ ๆ เท่านั้นลูกค้าเลยไม่เยอะเท่าไหร่
แต่ที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์ก็พบคนที่เมาแต่หัววันอยู่ด้วยเช่นกัน
[ว้าว ร่าเริงกันแต่เช้าเลยเนอะ คนพวกนั้นอะ]
[นั่นมัน…พวกคุณเรจิรัลด์นี่นา]
[คนรู้จักเหรอ?]
[อื้ม เป็นพวกรักษาความปลอดภัยน่ะ คงเลิกกะดึกแล้วละมั้ง]
ทันใดนั้นกลุ่มคนเมาก็สังเกตทั้งสองคนและโบกมือมาให้
[ว่าไงไคล์ ไม่เจอกันนานนะ!]
[สวัสดีครับคุณเรจิรัลด์]
เรจิรัลด์ที่เป็นชายร่างใหญ่ล่ำบึก หนวดเคราเฟิ้มกำลังเดินโซซัดเซแล้วหันไปมองชานอน
[เธอคือแม่มดสาวที่เล่าลือกันใช่ไหม? เห็นปราดเดียวก็รู้เลยละ หมู่บ้านเราไม่มีคนแบบนี้นี่]
เรจิรัลด์นั่งข้าง ๆ ที่นั่งของชานอน
[สักแก้วไหม? แลกกับเล่าเรื่องให้ฟังหน่อยสิ]
[คะ คุณเรจินัลด์ครับ เมามากแล้วนะครับ…]
[หือ?? ไม่ได้เมาสักหน่อย! ยังน่า! พวกข้าน่ะเบื่อจะแย่แล้ว! ดูสิ แม่หนูก็มาดื่มกันนะ!]
เรจินัลด์ส่งแก้วไม้ที่เพิ่งเติมให้กับชานอน
[โอ๊ะโอ๋ ตั้งแต่มาที่หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่ได้ดื่มเลยแฮะ แก้วเดียวพอละกัน พอดีมีนัดกับไคล์ด้วยน่ะ]
[โอ้ ใจได้เหมือนกันนี่ เหล้าหมู่บ้านนี่อย่างแซ่บเลยนะ?]
ชานอนรับแก้วมาแล้วก็กระดกลงคอ
[—อื้ม! อร่อยจริงด้วย! ลื่นคอมากเลย]
[ใช่ไหมล่า? ว่าแล้วว่าพวกนักเดินทางต้องชอบ! โดนใจเลยแม่หนู!]
เรนัลด์ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
สุดท้ายก็จบที่เรนัลด์เลี้ยงมื้อกลางวันให้ด้วยความอารมณ์ดี ส่วนชานอนก็ได้สนุกกับการคุยกับพวกเขาด้วย
เรนัลด์ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอนั้นดูสนุกสนานขึ้นมามากเมื่อได้คุยกับชานอน
ส่วนไคล์ทำได้เพียงนั่งจิบน้ำเท่านั้น
เพราะเนื้อหาที่คุยกันดูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เข้าไปแทรกได้ยาก
แต่ชานอนก็ปรับหัวข้อที่คุยให้เข้ากับไคล์ได้ด้วย ทำให้ทั้งสามคนคุยกันได้อย่างราบรื่น
ทักษะการสื่อสารของชานอนนั้นเรียกได้ว่าสูงมาก ทักษะเหล่านี้ต้องได้รับมาจากการเดินทางเป็นแน่
ไคล์นั้นรู้สึกดูถูกตัวเองและเคารพในตัวเธอจากใจจริง
จากนั้นก็เอาขนมเข้าปาก
[งานรักษาความปลอดภัยนี่ก็ลำบากแต่เช้าเลยเนอะ]
[ไม่หรอก ไม่ขนาดนั้นนะ จะบอกว่าเป็นศัตรูก็ไม่ใช่ เจอแต่สัตว์เวทตัวเล็ก ๆ แค่นั้นเอง เป็นงานน่าเบื่อสุดเลยละ]
[แต่ว่าก็ต้องขอบคุณคุณเรจินัลด์ที่ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขนะ]
[ฮ่าฮ๋า ดีใจจัง แล้วจอมเวทเนี่ยต้องต่อสู้หรือเปล่า?]
[อื้-ม จะบอกว่าไม่สู้คงไม่ได้ ก็จอมเวทเดี๋ยวนี้หาตัวอยากใช่ไหมละ? เพราะงั้นเลยตกอยู่ในอันตรายบ่อย ๆ น่ะ]
เป็นเรื่องจริงที่ว่าถ้ามีพลังขนาดนี้ละก็คงมีคนที่คิดจะใช้ในทางที่ไม่ดีอยู่เยอะ การที่จะหนีหรือปกป้องตัวเองนั้นก็ต้องมีพลังกายและพลังใจที่แข็งแกร่งเช่นกัน
[โห เจ๋งดีนี่! สักวันนึงอยากจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับจอมเวทเหมือนกันนะเนี่ย ส่วนจอมเวทที่เคยมาก็มีแต่พวกอ่อนหัดทั้งนั้น มีแต่เธอนี่แหละนี่ดูของจริงที่สุด]
[เวทมนตร์ก็เรื่องนึง แต่ศิลปะการต่อสู้ก็มีเหมือนกัน ฉันน่ะแกร่งน้า~]
ระหว่างที่พูดชานอนก็หัวเราะไปด้วย แล้วก็ลองเบ่งกล้ามให้ดูด้วย
[โฮ่ เป็นกล้ามเนื้อที่ดีนะ ไคล์เอ๋ย เอ็งนี่สู้แม่หนูนี่ไม่ได้เลยนี่?]
[ชะ ช่างผมเถอะน่า พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องจริง!]
ใช่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องออกไปสู้นี่นา เก็บผักบนภูเขาก็ทำได้ดีแล้วด้วย แถมยังเป็นพวกอินดอร์อีก
ไคล์บ่นพึมพำกับตัวเอง
[ฮะฮ่า โทษทีนะ แต่ว่านะไคล์ เอ็งอาจจะได้มาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้นะ?]
[คือผมไม่คิดจะไปสู้กับใครที่ไหนนะ…อีกอย่าง…]
จริงอยู่ที่งานรักษาความปลอดภัยเป็นอะไรที่เท่มาก แต่ว่าพอได้พบกับชานอนแล้วความรู้สึกที่อยากจะเห็นโลกภายนอกก็เพิ่มพูนขึ้นในใจเช่นกัน
และในทางกลับกันก็รู้สึกว่าหมู่บ้านนั้นน่าเบื่อ
ความกระหายความบันเทิงในตัวของคนในหมู่บ้านนั้นได้ชานอนช่วยเติมเต็มให้ แต่นอนว่าตัวไคล์ก็ด้วย เพียงแต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
ถ้าหากวันหนึ่งชานอนหายไปก็ต้องกลับไปเป็นหมู่บ้านที่น่าเบื่ออย่างเคยแน่ และเมื่อคิดขึ้นมาก็ทำให้รู้สึกเหงานิดหน่อย
ถึงจะรู้สึกเช่นนั้นก็ไม่อาจคิดได้ว่าถ้าหากตัวเองได้โบยบินไปสู่โลกภายนอกจะเป็นอย่าไร
เพียงแต่ก็มีความคิดที่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านไปจนตายเลยเหรอผุดออกมาเช่นกัน
ทันใดนั้นเรจินัลด์ที่ดูท่าทางจะเดาอะไรออกก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
[เอ้า ช่างมัน ไองานนี่มันก็ไม่ได้ต้องเจออะไรร้ายแรงมีแต่น่าเบื่ออยู่แล้วด้วย ถ้าหางานที่เหมาะกับเอ็งได้คงจะดีกว่า ยังไงหมู่บ้านเราก็สงบสุขดีนี่นะ]
จังหวะนั้นชานอนก็ส่งเสียง [อ๊ะ] ออกมา
[บ่ายแล้วนะ คุยกันนานเลย ไปกันเถอะไคล์]
ออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เมื่อมองไปด้านนอกก็พบว่าตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว
[อ๊ะ จริงด้วย]
[เอ้า จะไปแล้วเหรอ?]
เรจินัลด์มองชานอนอย่างเศร้า ๆ
[อื้ม สนุกมากเลยคุณลุง ถ้ามีโอกาสมาคุยกันอีกนะ]
[เห ไว้เจอกันนะแม่หนู! จะมาเมื่อไหร่ก็ได้เลย ได้ดื่มเหล้ากับสาวสวยแบบสนุกมากเลยนะ ขอบคุณมาก]
[คุณลุงก็เองก็เพลา ๆ เหล้าหน่อยน้า~ งั้นไว้เจอกัน!]
เรจินัลด์พ้นสายตาออกไป ทั้งสองออกมาจากร้านเหล้าแล้ว
สายลมสบาย ๆ พัดผ่านมาทำให้แก้มที่ร้อนผ่าวนั้นจางลงไป
[ฟู่ว~ สนุกมากเลยเนอะ]
[ไม่ได้เห็นคุณเรจินัลด์อารมณ์ดีแบบนั้นมานานแล้วแหละ เพระางานกะกลางคืนมันหนักมากนี่นา]
[งั้นเหรอเนี่ย เป็นงานที่ลำบากเอาเรื่องเลย—เอาละ โทษน้า ไปกันเถอะ!]
จากนั้นทั้งสองก็คุยกันไปแล้วก็เดินไปสู่เป้าหมายอย่างร้านค้า
ในช่วงบ่ายก็เจอผู้คนมากมายเช่นกัน คุยกันไปหลายเรื่องแต่คราวนี้ไม่ได้ถูกรุมล้อมคุยเหมือนก่อน
ชานอนเดินวนดูของในร้านค้าและซื้อเครื่องประกับหน้ากากแปลก ๆ มา
ถึงจะคิดว่าไม่ใช่ของจำเป็นนักก็ตาม แต่คงสำคัญสำหรับชานอนมากเป็นแน่
จากนั้นเวลาอันแสนสนุกก็พัดผ่านไปไว้ราวกับเรื่องโกหก
[ฮ้า~ ดีจังน้า! สนุกจังเลย ไม่ได้มีแผนมาที่หมู่บ้านนี้ก็จริงแต่พอได้เจอกับไคล์แล้วได้มาเนี่ยดีใจจัง ขอบคุณนะ]
ชานอนทำหน้าตาสนุกสนานและกล่าวขอบคุณ
[เหะเหะ ดีใจจัง! แต่ว่ายังแนะนำไม่หมดทุกร้านเลยสิ ไว้พรุ่งนี้มาอีกนะ]
[อื-ม ไม่ได้รีบออกเดินทางด้วยสิ ขอพักอีกสักคืนได้ไหมน้า~]
ระหว่างที่พูดชานอนก็บิดขี้เกียจไปด้วย
[เยี่ยมเลย ต้องแบบนั้นสิ!]
อยากไม่อยากให้ตัวตนที่ทำให้รู้สึกกระหายความอยากรู้อยากเห็นและความสนุกหายไป
[งั้นกลับก่อนที่มืด—]
ในขณะที่กำลังจะหันเท้ากลับ ชั่ววินาทีนั้น
เงาขนาดใหญ่ผ่านศีรษะไป สายลมแรงอันหนักอึ้งพ้ดผ่านเข้ามา
[อึก…!]
[เหวอ! อะไร—]
[กรรรรรรรรรรรร!]
[[!?]]
เสียงคำรามดังจนทำให้หูอื้อ
แต่บอกว่าเป็นเสียงกรีดร้องน่าจะใกล้เคียงกว่า เป็นเสียงคำรามในลักษณะนั้น
พอมองหน้าขึ้นไปก็พบกับสิ่งที่ไม่อาจะเชื่อได้ในทันที
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีเงินกำลังลอยอยู่จนมิดผืนท้องฟ้า
[มังกร…!]
เมื่อชานอนเงยหน้าขึ้นมาก็พึมพำออกมาเช่นนั้น
[มังกร!? ของแบบนั้น…มีอยู่จริงเหรอ!?]
มังกรเป็นนั้นตัวตนที่หายากยิ่งกว่าจอมเวทเสียอีก
เพราะหากพูดถึงสัตว์ในตำนานก็เป็นตัวตนที่เชื่อได้ยากว่ามีจริงตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้ชานอนกำลังทำสีหน้าจริงจังขั้นสุด
[อืม มังกรจริงด้วยแหละ ไม่ได้เห็นมานานเลยน้า ช่วงนี้แทบไมเห็นกับตาเลยแท้ ๆ มาทำอะไร…ในที่แบบนี้กันนะ]
[สุดยอด…ของจริงด้วย…]
ความจริงแล้วไคล์เคยเห็นมังกรแค่ในสมุดภาพเท่านั้น ของจริงไม่เคยเจอมาก่อน
แต่ในขณะที่กำลังตื่นเต้นนั้นก็มีความรู้สึกแย่ ๆ แผ่ออกมาเช่นกัน
[…เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิ มังกรตัวนั้น…หมู่บ้านกำลังตกอยู่ในอันตราย…]
รู้สึกได้เลยว่าเลือดไม่เลี้ยงหัวแล้ว
[บินต่ำด้วยสิ…อาจจะแย่จริง ๆ ได้]
มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมาก
มีเรื่องเล่ามากมายที่กล่าวว่ามังกรนั้นทำล้ายล้างเมืองจนพินาศ กับหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน
[ดูสิ มังกรกำลังบินลงมาแล้ว]
ชานอนพูดพลางชี้ไปที่มังกร
มังกรกำลังร่อนลงไปในป่าลึกที่ใกล้กับทางเข้าหมู่บ้าน
[ต้องรีบไปบอกทุกคน…]
[นั่นสินะ ถ้าไม่รีบอพยพเดี๋ยวจะแย่เอา…]
ทั้งสองรีบวิ่งกลับไปที่หมู่บ้าน
และเป็นไปตามคาด ตอนนี้หมู่บ้านกำลังแตกตื่นกันหมด
ต่างจากภาพความสงบก่อนหน้า ตอนนี้ใครก็ใครก็ต่างกรีดร้องกันอย่างหวาดกลัว
กลายเป็นความโกลาหลอย่างสมบูรณ์
[เฮ้ย มังกรงั้นเหรอ!]
[ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะ!?]
[บินจะถึงป่าอูดะแล้วนะ!? หมู่บ้านนี้ไม่ซวยเอาเหรอ!?]
[ฉันยังไม่อยากตาย!?]
[หนีกัน…เปล่าประโยชน์แล้ว!]
[พูดอะไรกันอยู่ สู้สิโว้ย! บรรพบุรุษอุตส่าห์บุกเบิกกันมา ตั้งทีมปราบปรามเร็ว! จะปล่อยให้หมู่บ้านนี้เป็นกองเพลิงงั้นเรอะ!!]
เสียงกรีดร้องและปลุกเร้าดังก้องไปทั่ว
พวกผู้ใหญ่หลายคนวิ่งไปทั่วหมู่บ้านเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ
ความน่ากลัวของมังกรไม่ว่าใครก็เคยได้ยินแค่ในเฉพาะเรื่องเล่าเท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ทุกคนก็เข้าใจถึงความน่ากลัวของมันได้แค่เพียงบินผ่าน
ถ้าหากตัวแบบนั้นเข้ามาถึงหมู่บ้านได้ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองแน่นอน
ไคล์จับแขนเสื้อชองชานอนแน่นในขณะที่ดูชาวบ้านวิ่งไปวิ่งมา
[ทะ ทำไงดี…]
จ้องมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความกังวลที่เอ่อล้น
แน่นอนว่าชานอนก็ทำสีหน้าจริงจังมากเช่นกัน
[เอาจริง ๆ อาจจะแย่แล้วก็ได้…แต่ว่าเห็นบอกจะตั้งทีมปราบปรามกันแล้วนี่]
[ก็ใช่อยู่หรอก…]
แน่นอนว่าไม่มีใครจะเห็นภาพเลยว่าคนในหมู่บ้านจะโค่นมังกรเลยได้อย่างไร เพราะในประวัติอันยาวนานของหมู่บ้านนั้นก็ทำได้เพียงจัดการสัตว์เวทตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
[ในอดีตก็เคยมีประวัติว่ามนุษย์เคยขับไล่มังกรได้เหมือนกันะน ถ้าร่วมมือกันคงทำอะไรได้บ้างแหละ]
[….]
[แต่ว่า…คนในหมู่บ้านนี้น่ะ…]
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าผู้ที่ปกป้องหมู่บ้านอย่างนักล่า กลุ่มรักษาความปลอดภัยและชายที่แข็งแกร่งก็รวมมาตัวกันอยู่หน้าบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อต่อต้านกับมังกร
[เฮ้ แม่หนู!]
[อ๊ะ คุณลุงคนเมื่อกี้นี่]
ลุงที่เจอที่ร้านเหล้าเรจินัลด์นั่นเอง ภาพที่เมาแอ๋ได้หายไปหมด เหลือเพียงภาพคนที่ถืออาวุธอย่างกล้าหาญเท่านั้น
[ยังอยู่อีกเรอะ เดี๋ยวที่นี้จะเป็นสนามรบรีบหนีไปได้แล้ว เธอตัวคนเดียวน่าพ้นนี่]
ลุงคนนั้นพูดด้วยท่าทางแปลกประหลาด
[แหม จะให้หนีไปคนเดียวมันก็น้า]
[ฮ่าฮ่า ไม่ต้องการความเห็นใจหรอกนะ เดี๋ยวพวกข้าจัดการไอมังกรนี่เอง ออกไปจากหมู่บ้านก่อนได้เลย]
[…]
[งั้นไว้เจอกันนะ รอบหน้าเอาเหล้าดี ๆ มาด้วยละ]
เรจินัลด์ทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้แล้วเข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
แผ่นหลังของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียด
[ทีมปราบปรามเหรอ…คิดจะทำยังไงกับมังกรกันนะ พวกเราเข้าไปฟังด้วยไหม]
[เอ๊ะ?]
[ไคล์ก็กังวลใช่ไหมละ? เป็นเรื่องใหญ่โตด้วยสิ ไปลองฟังกันเถอะ ฉันอาจจะพอช่วยอะไรได้ก็ได้นะ]
[นะ นั่นสินะ!]
ทั้งสองเดินตามเรนัลด์เข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ข้างในมีเหล่าผู้ชายท่าทางแข็งแกร่งหลายคนและตรงกลางก็มีหัวหน้าบ้านยืนอยู่
[ขอความช่วยเหลือจากเมืองใกล้ ๆ ไม่ได้เหรอ?]
[พูดถึงเวสทีเรียหรือไง? เปล่าประโยชน์น่า กว่าจะส่งถึงก็ห้าวัน ถ้ารอมาช่วยอีกหมู่บ้านพังยับหมดแน่]
[ส่งจดหมายไปแล้ว ถ้าอดทนรออีกอาทิตย์นึงได้ความช่วยเหลือต้องมาแน่]
[เราเป็นแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ คิดว่าเมืองคงไม่ส่งคนมาหรอก ขนาดกับเมืองใหญ่ยังต่อกรกับมังกรยากเลย พวกนั้นคงไม่ปล่อยคนมาตาย ๆ ง่าย ๆ มาสุดคงแค่ส่งคนมาสังเกตการณ์แหละ]
บรรยากาศการโต้เถียงจบ ทุกคนเข้าสู่ความตึงเครียด
ในสถานการณ์แบบนี้การจะเตรียมสู้อะไรก็เป็นไปได้ยาก
[ขอความช่วยเหลือก็คงไม่ได้…งั้นมารือเรื่องการรับมือกัน]
[ถึงมีแค่พวกเราก็ต้อง…]
จังหวะนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็สังเกตเห็นทั้งสองคน
[โอ้ ไคล์เหรอ แล้วก็…]
[ชานอนค่ะ]
ชานอนก้มหัวทักทาย
[อ๋อ ท่านจอมเวทที่เดินทางอยู่นี่เอง]
[จะ จริงด้วยคุณชานอน! ขอยืมพลังทีทีเถอะครับ!]
ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าหันไปที่ชานอนแล้วก้มลงคุกเข่าขอร้อง
[งะ เงยหน้าขึ้นเถอะนะคะ]
ชานอนมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าลำบากใจ
[ทะ ถ้าเป็นจอมเวทละก็คงทำอะไรมังกรตัวนั้นได้ใช่ไหมครับ!? ขอร้องละ…! ช่วยหมู่บ้านนี้ที…!]
[ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็จะทำเต็มที่ค่ะ รบกวนหมู่บ้านนี้ไว้เยอะด้วย แถมฉันเองก็ชอบหมู่บ้านนี้ด้วยค่ะ]
[จริงเหรอครับ!? งะ งั้นก็—]
[หยุดเดี๋ยวนี้!]
หัวหน้าหมู่บ้านตะคอกเสียงดังออกมา
ทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองและหันกลับมามอง
[หะ หัวหน้าหมู่บ้าน…]
[…ขออภัยนะ ท่านนักเดินทาง ทุกคนแค่กำลังกลัวกันน่ะ แต่ว่านี่เป็นปัญหาของหมู่บ้านเรา ไม่คิดจะรบกวนท่านหรอกนะ]
[ไม่ได้รบกวนอะไรเลยนะคะ…]
[ท่านถูกใจหมู่บ้านของเราเลยพยายามจะช่วยอะไรเราสักอย่างเรานั้นเข้าใจ แต่ถึงจะเป็นจอมเวทแต่การจะต่อกรกับมังกรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สมัยก่อนที่เคยเจอจอมเวทนั้นก็เห็นว่าสู้เก่งและรักษาตัวเองได้ดีก็จริง แต่ไม่รู้ว่าจะใช้กับท่านได้หรือเปล่าเพราะไม่ใช่ว่าจอมเวทจะเป็นแบบนั้นทุกคน นี่เป็นปัญหาของหมู่บ้านเรา จะให้ขอร้องให้นักเดินทางเช่นท่านมาเสี่ยงชีวิตไม่ได้ ขอแค่รับความรู้สึกไว้แล้วหนีไปก่อนก็พอ]
ทุกคนฟังคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็หันไปมองหน้าเหล่าผู้ชายที่มารวมกัน
[พึ่งพาคนที่พึ่งพาได้สิ ทำไมพวกเจ้าถึงได้ยึดติดกับเด็กผู้หญิงอายุเพียงนี้ขนาดนั้นกัน?]
[นะ นั่นมัน…]
[หมู่บ้านของเราก็ต้องปกป้องกันเอง ถ้ามัวแต่เอาสะดวกพึ่งพาคนแข็งแกร่งตลอดต่อไปจะทำยังไงกัน เราจะใช้พลังของตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแสดงพลังของเราให้เห็น]
พอได้ฟังคำของหัวหน้าหมู่บ้านแล้วสีหน้าของกองปราบปรามก็เปลี่ยนไป
[จะ…จริงด้วยสินะ…พวกเรามาพยายมกับเถอะ!]
[ใช่แล้ว มาลุยกันเถอะ!]
[เออ หมู่บ้านของเรา เราจะปกป้องไว้เอง!]
เสียง โอ้! ดังขึ้น บรรยากาศเปลี่ยนไปฮึกเหิมขึ้น
ทุกคนตะโกนใส่กันเพื่อเรียกกำลังใจ
ขณะนั้นชานอนที่กำลังมองดูท่าทางเหล่านั้นก็ทำสีหน้าซับซ้อน
[ไม่ให้ช่วยเลยจริง ๆ เหรอ…มังกรน่ะแข็งแกร่งนะ?]
ชานอนนั้นรู้ถึงความน่ากลัวของมังกรดีอยู่แล้ว
[ชอบหมู่บ้านนี้ใช่ไหม งั้นแค่ความรู้สึกก็พอไม่ต้องการความช่วยเหลือหรอก ท่านหนีไปก่อนได้เลย ถ้าครั้งหน้ามาตอนสงบสุขกว่านี้จะต้อนรับอย่างดีเลย]
หัวหน้าหมู่บ้านหรี่ตาแล้วยิ้มให้
จากนั้นการประชุมหารือก็เริ่มต้นขึ้น ไม่สามารถจะให้ชานอนหรือใครเข้าไปแทรกได้อีกแล้ว
[จะ จะเป็นอะไรไหมนะ…]
[ตอบไม่ได้หรอกนะ…มังกรมันแกร่งนี่นา]
แต่เข้าใจความรู้สึกของหัวหน้าหมู่บ้านได้ คนในหมู่บ้านเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
จะมายืมมือของคนนอกอย่างชานอนก็ไม่ใช่เรื่อง
[นะ นั่นสินะ…แต่ว่าแค่หอกกับดาบแค่นั้นมันก็…]
ไคล์กัดฟันพร้อมกับหน้าซีด ถ้าหากทีมปราบปรามจัดการมังกรไม่ได้หมู่บ้านนี้ก็จะพินาศสิ้น การบอกว่าไม่คิดแบบนั้นเลยก็คือคนที่ไม่มองความเป็นจริงเท่านั้น
แม้กำลังใจของพวกเขาจะสูงแต่ก็ยังคงมีสีหน้าตึงเครียดจากพลังที่ต่างกันเกินไป
[มังกรน่ะมีเขี้ยวที่แหลมคมแล้วก็เล็บที่แข็งแรงมาก อย่างพวกรักษาความปลอดภัยหรือนักล่าเนี่ยเอาจริง ๆ ก็สู้ยากมากเลยนะ]
[ชะ ใช่ไหมละ…]
[แถมไฟที่ออกมาจากปากก็ทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในทันที ถ้าโดนกินเข้าไปแล้วก็หมดหวัง—]
อยู่ ๆ คำพูดชวนไม่คาดฝันของชานอนก็หยุดลง
[คุณชานอน…?]
เมื่อมองหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ก็ต้องพบว่าสีหน้าของชานอนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
และสีหน้านั้นก็คือ—กำลังนึกสนใจอยู่
[ทำไมถึงไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้เนี่ย…]
ดวงตาของชานอนกลายเป็นประกาย
ราวกับว่าได้พบกับสิ่งที่ตามหามายาวนาน เป็นสีหน้าที่เหมือนกับความสุขได้ถูกเติมเต็ม
[ปะ เป็นอะไรเหรอ…?]
สังหรณ์ใจไม่ดีเลย
จากนั้นต้นตอของลางสังหรณ์ก็ปรากฎขึ้น
[ถ้าเป็นมังกรละก็ ฉันคง…! ไคล์ ฉันขอไปหามังกรก่อนนะ!]
[ห๊ะ…เอ๋!? เดี๋ยว ทำไมเล่า!? คิดจะทำอะไรน่ะ!?]
ไคล์พยายามจะจับมือรั้งตัวของชานอนไว้ แต่ชานอนพุ่งตัวออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว
[ระ รอก่อนสิ! คุณชานอนคิดอะไรอยู่เนี่ย! กองปราบปรามจะออกไปแล้วเนี่ย คิดจะออกไปทำอะไรคนเดียวน่ะ!?]
ไคล์ตื่นตระหนกและวิ่งไล่หลังไป
[ก็แค่จะไปเจอมังกรเอง!]
[พูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!?]
แม้ไคล์จะหายใจแรงด้วยความเหนื่อยล้าแต่ชานอนยังคงวิ่งไปด้วยความตื่นเต้น
[หนีไปเถอะไคล์! ลากันตั้งแต่ตรงนี้เลย สนุกมากเลยนะ! รักษาตัวด้วย!]
พอพูดเช่นนั้นชานอนก็เร่งความเร็วไปอีก
เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่าทำไมชานอนถึงได้รีบออกไปในเวลาแบบนี้
[คุณชานอนเป็นอะไร…รักษาตัวเหรอ…หรือว่า…!]
เป็นไปได้ว่าชานอนนั้นกำลังจะตอบแทนไคล์โดยการออกไปสู้กับมังกรคนเดียว
ถึงหัวหน้าหมู่บ้านจะบอกให้อย่าเข้ามาเกี่ยวข้องแต่สำหรับจอมเวทแล้วถ้าออกไปคนเดียวแล้วทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องหมู่บ้านใครก็หยุดไม่ได้อยู่ดี
—หรือก็คือกำลังจะไปตายนั่นเอง
[ไม่ได้นะ…เรื่องแบบนั้นมัน…]
ต่อให้ชานอนเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งขนาดไหนแต่การสู้กับมังกรคนเดียวก็ฝืนก็เกิน
อีกทั้งตัวเองก็ไม่เคยร้องขอให้ชานอนปกป้องเลยแม้แต่ครั้งเดียวและสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการที่จะไปตายคนเดียวมากกว่า
[คุณชานอน…!]
ไคล์ที่ไม่สามารถจะหยุดตัวเองได้นั้นก็วิ่งไล่ชานอนเข้าไปในป่า
Chapters
Comments
- ตอนที่ 3.3 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 3 มิถุนายน 7, 2023
- ตอนที่ 3.2 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 2 มิถุนายน 6, 2023
- ตอนที่ 3.1 เขาวงกตลับกับดักถึงตายค่ะ? 1 มิถุนายน 6, 2023
- ตอนที่ 2.3 โอเวอร์โดส 3 มิถุนายน 4, 2023
- ตอนที่ 2.2 โอเวอร์โดสค่ะ 2 มิถุนายน 2, 2023
- ตอนที่ 2.1 โอเวอร์โดสค่ะ 1 มิถุนายน 2, 2023
- ตอนที่ 1.3 ลองให้มังกรกินดูค่ะ 3 มิถุนายน 1, 2023
- ตอนที่ 1.2 ลองให้มังกรกินดูค่ะ 2 พฤษภาคม 31, 2023
- ตอนที่ 1.1 ลองให้มังกรกินดูค่ะ 1 พฤษภาคม 31, 2023
- ตอนที่ 0 บทนำ พฤษภาคม 31, 2023
MANGA DISCUSSION