未練タラタラの元カノが集まったら/จุดเริ่มเรื่องราวคือเหล่าแฟนสาวที่ไม่ยอมตัดใจมารวมตัวกัน (LN) - ตอนที่ 9 หากได้ไปเดตกับคนรักเก่าขึ้นมา 2
- Home
- 未練タラタラの元カノが集まったら/จุดเริ่มเรื่องราวคือเหล่าแฟนสาวที่ไม่ยอมตัดใจมารวมตัวกัน (LN)
- ตอนที่ 9 หากได้ไปเดตกับคนรักเก่าขึ้นมา 2
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
หลังจากนั้น MICHIKA แชนแนลก็มีวิดีโอถูกโพสต์ลงไปมากมาย แต่ไม่ว่าจะอันไหนก็ไม่มีผู้ชมเพิ่มมากขึ้นเลย
โดยเนื้อหาก็มีจะมีชาเลนจ์กินราเมงจุของทั้งสามคน ลองเล่นการ์ดเกม(เกมเศรษฐี) กิจวัตรยามเช้าของจินัตสึ และอีกหลาย ๆ อย่าง
โดยวิดีโอที่มียอดผู้ชมเยอะที่สุดก็จะเป็นกิจวัตรยามเช้าของจินัตสึ แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเนื่องจากทั้งสามคนไม่สามารถจะหาเวลามารวมตัวกันได้ และเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดคือสุดสัปดาห์นี้พวกเขาก็ไม่สามารถมาไลฟ์สตรีมได้อีกด้วย
สมาชิกยังคงมีบรรยากาศอึดอัดอย่างเดิมไม่เปลี่ยน ดูเหมือนว่าจะไม่ลงรอยกันจริง ๆ
สรุปคือตั้งแต่หลังเปิดตัวมาเมฆดำก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ
หลังเลิกเรียนวันนั้น ฮิโรกิเดินทางไปที่โรงยิมก่อนจะเริ่มงานพิเศษ เนื่องจากว่าเคยได้ยินว่าคานอนจะซ้อมบัลเล่ต์อยู่คนเดียวในโรงยิม
เนื่องจากว่าคานอนได้ให้กำหนดการการซ้อมบัลเล่ต์เอาไว้ จึงได้ตรวจสอบแล้วว่าวันนี้ไม่มีบทเรียน
(ถ้าอยู่ก็คงจะดีนะ)
โรงยิมนั้นนั้นประกอบไปด้วยผนังที่ทำจากกระจกขนาดใหญ่อยู่ โดยปกติแล้วจะมีไว้สำหรับชมรมเต้น ชมรมเคนโด้ แถมยังมีชมรมยูโดและอื่น ๆ อีกมากมาย
คานอนจะใช้สถานที่นี้ก็ต่อเมื่อชมรมอื่นไม่มีกิจกรรม จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าคานอนจะไม่อยู่ ฮิโรกิจึงแอบมองผ่านทางเข้าและ────
สาวบางร่างเล็กในชุดพลคนหนึ่งกกำลังเต้นอยู่เบา ๆ อยู่บนพื้น
รองเท้าบัลเล่ต์ตั้งตรงขึ้น หมุนไปครั้งแล้วครั้งราว ราวกับเป็นภูตหรือนางฟ้า
แสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างบานเล็ก เผยให้เห็นร่างของคานอนที่กำลังซ้อมด้วยตัวเองอยู่
อาจะเป็นเพราะกำลังจดจ่ออยู่ คาอนนจึงไม่ทันสังเกตเห็น
หลังจบการซ้อมของเธอแล้ว ฮิโรกิปรบมือให้อย่างเป็นธรรมชาติ
[อ๊ะ รุ่นพี่ฮิโระ!]
คานอนที่สังเกตเห็นวิ่งเข้ามาทางนี้ด้วยสีหน้าสดใส
ร่างที่วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจราวกับสัตว์น้อยน่ารัก สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความอยากจะปกป้องขึ้นมา
[ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยนะ คานอนจัง]
[ถ่อมาหากันแบบนี้เลยเนี่ย ดีใจสุด ๆ ไปเลยค่ะ]
[มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ ขอเข้าไปได้ไหม?]
[ค่ะ เชิญเลย]
ฮิโรกิถอดสลิปเปอร์แล้วเข้าไปข้างใน คานอนเว้นระยะห่างประมาณสองสามเก้า
[อะไรเหรอ?]
[ตอนนี้คือ หนูน่าจะเหงื่อออกอยู่น่ะค่ะ…]
[อ๊ะ ขอโทษนะ ไม่รู้ตัวเลย]
[มะ ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ…]
คานอนเดินไปหยิบผ้าขนหนูด้วยความลุกลี้ลุกกลนและเช็ดเหงื่ออก
จากนั้นฮิโรกิก็ยื่นขวดน้ำเกลือแร่ที่ซื้อมาระหว่างทางให้ จึงกล่าวว่า [ขอบคุณมากนะคะ] ออกมาด้วยท่าทางดีใจ
ฮิโรกินั่งลงบริเวณกำแพง ข้าง ๆ นั้น ────เว้นระยะห่างไปเล็กน้อยจะเห็นคานอนนั่งอยู่ คาดว่าเป็นระยะสบายใจของเธอ
หลังจากเห็นว่าคานอนดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว ฮิโรกิจึงค่อย ๆ เปิดปากพูด
[คานอนจังพยายามมากเลยสินะเนี่ย]
[หุหุ อยู่ ๆ เป็นอะไรคะเนี่ย? ถึงจะดีใจที่ชมกันก็เถอะค่ะ]
[ไม่หรอก คือว่า…พอมาเทียบกับฉันแล้ว ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยน่ะ ────ถึงจะโดนว่าก็ไม่แปลกเลย]
เมื่อกลายเป็นคำระบายของตัวเองขึ้นมาทำให้เขานึกสมเพชตัวเอง
แต่ว่าคานอนไม่ได้คิดอย่างนั้น
[รุ่นพี่ฮิโระไม่ใช่พวกที่ทำอะไรไม่ได้หรอกนะคะ เพราะแค่รุ่นพี่อยู่ด้วยกันหนูก็รู้สึกว่าจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้แล้วค่ะ]
[เรื่องนั้นน่ะมัน…]
[มีจริง ๆ นะคะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็เคยบอกไปแล้วด้วย อย่างน้อยก็มาจากความเห็นของหนูเองนะคะ]
คานอนที่นั่งอยู่บนพื้นโรงยิมชันเข่าขึ้นดันแก้มของตัวเองและเผยรอยยิ้มซุกซนออกมา
ท่าทางอันใสซื่อนั้นดูน่ารักไม่ผิดแน่นอน
ฮิโรกิพลันใจเต้นตึกตัก หลบสายตาหนีและตอบกลับ
[สบายใจขึ้นมาหน่อยแล้วละ เวลาอยู่ด้วยกันสองคนทีไรก็เป็นแบบนี้เสมอเลย]
[พอพูดแบบนั้นก็ซับซ้อนเหมือนนะคะ แต่ว่าถ้าทำให้รุ่นพี่ที่จิตตกสบายใจได้ก็ดีแล้วค่ะ]
วันก่อน คานอนปล่อยคำที่ราวกับคำสารภาพรักออกมาผ่านทางการพูดถึงเรื่องกิฟต์แชต ทำให้ฮิโรกิยังคิดไม่ตกอยู่จนถึงตอนนี้
แต่ว่าสำหรับคานอนที่ไม่ว่าจะปฏิเสธกี่ครั้งก็ไม่เคยยอมแพ้นั้น คำตอบที่กำลังจะบอกออกมาจึงรู้สึกว่าต้องพลาดอย่างแน่นอน
ดังนั้นฮิโรกิจึงกล่าวความประทับใจออกมาโดยไม่รุนแรงจนเกินไป
[เรื่องก่อนหน้านี้น่ะ คือว่า…ก่อนอื่นคือดีใจมากเลยละ]
[…ค่ะ]
เมื่อมองใบหน้าด้านข้างที่ตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายเกินคาดนั้น พบว่าใบหน้าของานอนเปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว
ฮิโรกิที่รู้สึกเขินอายขึ้นมาพยายามใจเย็นและมองไปข้างหน้า
[แล้วทีนี้ คือ ฉันอาจจะพูดผิดก็ได้ แต่ถ้ายอมสนิทกับพวกมิยุเท่าที่ไหวจะดีใจมากเลยละ นะ อย่างที่เป็นยูนิตอันกระตือรือร้นน่ะ]
[นั่นสินะคะ จะระวัง เท่าที่ทำได้ค่ะ]
[…แต่ว่า ขอโทษนะ พูดตามตรงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ไม่เข้าใจเลยว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี แค่รู้สึกว่าวันนี้ อยากจะเจอหน้าคานอนจังแล้วก็คุยกันน่ะ]
[…ดีใจจังเลยค่ะ]
พอมองจากข้าง ๆ พบว่ามิยุกำลังมองตรงไปข้างหน้าและหน้าแดงอยู่
อาจจะเลือกคำผิดไปก็เป็นได้ ฮิโรกินึกเสียใจแต่ก็ยังพูดต่อ
[แต่แน่นอนว่ามาในฐานะผู้จัดการนะ มีหน้าที่ทำให้ทั้งสามคนร่วมมือกันให้ได้ อะไรแบบนั้นน่ะ]
[ค่ะ เข้าใจดีเลยนะคะ! เอเหะเหะ]
[ความตั้งใจจริงของฉันจะถูกส่งไปถึงไหม กังวลเรื่องนี้มากเลยละ…]
เห็นหน้าคานอนที่เหมือนกำลังจะละลายอยู่นั้นทำให้ฮิโรกิรู้สึกว่าทำอะไรลงไปอีกแล้ว
แต่ว่าเมื่อเห็นหน้าที่มีความสุขของคานอนนั้นก็ยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดี
เมื่อจบหน้าที่แล้ว ถ้ายังอยู่ต่อคงจะทำให้เรื่องแย่ขึ้นไปอีก ฮิโรกิจึงขยับลุกขึ้น
[ขอโทษที่รบกวนเวลาซ้อมนะ หลังจากนี้มีงานพิเศษน่ะ ฉันต้องไปแล้ว]
[อ๊ะ ค่ะ ถ้าไม่รังเกียจก็มาอีกนะคะ ────หลังจากนี้ถ้าซ้อมด้วยตัวเองอีกจะติดต่อไปค่ะ]
[เยอะไปแล้วมั้งนั่น]
เอามือสับหัวลงไป คานอนแลบลิ้นออกมาอย่างไม่รู้สึกผิด
ฮิโรกิที่กำลังจะออกโรงยิมไปทั้ง ๆ อย่างนั้นรู้สึกตัวว่าลืมพูดอะไรบางอย่างจึงหันกลับไป
[อีกอย่างนึง วันนี้ได้เห็นคานอนจังเต้นบัลเล่ต์หลังจากจากไม่เห็นมานานแล้วน่ะ ยังงดงามมากเหมือนเดิมเลยนะ ────งั้น ไปก่อนนะ]
[คะ ค่ะ! เดินทางปลอดภัยนะคะ!]
จากนั้นก็เริ่มฮัมเพลงและเต้นต่อทั้ง ๆ แบบนั้น คาดว่าคงมีรอยยิ้มกว้าง ๆ บนใบหน้าร่วมด้วยกระมัง
เมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรพลาดอีกแล้วก็เป็นได้ จึงรีบมุ่งหน้าไปทำงานพิเศษทันที
[เฮ้อ]
มือถือไม้ถูพื้น ฮิโรกิถอนหายใจ
คาเฟ่·ฟลอร่า เป็นคาเฟ่ยอดนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวเปิดกิจการเงียบ ๆ บนถนนเส้น ๆ ห่างจากใจกลางเมืองเล็กน้อย ฮิโรกิที่เป็นพนักงานทำงานพิเศษประจำชั้นนั้นหมดเวลาทำการแล้วจึงเหม่อนิดหน่อย
[เดี๋ยวเถอะ อย่ามาถอนหายใจตอนทำความสะอาดสิ]
[อ๊ะ ขอโทษครับ────เอ๊ะ คุณจินัตสึเองเหรอ]
เมื่อหันกลับไป ก็พบกับพนักงานประจำชั้นเดียวกันอย่างจินัตสึยืนยิ้มอยู่
สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มพร้อมกับผ้ากันเปื้อนที่เป็นเครื่องแบบของร้าน หากกล่าวว่าชุดนี้เกิดมาเพื่อจินัตสึถือว่าไม่ได้เกินจริงเลย พอมองดูความจริงดังนั้นฮิโรกิก็รู้สึกตัว
[ก็เข้าใจความรู้สึกนะ เอาจริง ๆ งานไลฟ์ตอนนี้ไปได้ไม่ดีเลย]
[เป็นงั้นจริงด้วยสินะ]
[แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งสองคนละน้า~ ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้น่ะแหละ]
จินัตสึพูดราวกับจะยอมแพ้และมองออกไปไกล ๆ ฮิโรกินึกสงสัย
[คืองี้ ขอฟังเรื่องของคราวที่แล้วต่อได้ไหม?]
[เรื่องก่อนหน้านี้]
[นั่นไง เรื่องที่คุยกันในห้องพักใรงแรมน่ะ]
จินัตสึหน้าแดงในทันที
เมื่อได้ยินคำว่า 「โรงแรม」 ขึ้นมาก็เกิดอาการสับสน ดูเหมือนจะรับรู้ความเขินอายของจินัตสึได้
[โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงสถานที่นั้นนะ กำลังพูดถึงเรื่องที่คุณจินัตสึมาเข้าร่วมไลฟ์เฉย ๆ แบบว่าอยากฟังเหตุผลนั้นต่อน่ะ]
[อ๋า~ เรื่องนั้นเองเนอะ! ทางฉันเองต่างหากขอโทษนะ คิดไปในทางแปลก ๆ ซะได้ ตอนนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นด้วยนี่นา พวกมิวจังก็อยู่ด้วยเนอะ]
[ใช่ ๆ เพราะแบบนั้นเลยไม่อยากจะให้คิดมากนะ]
[อื้ม เข้าใจแล้ว ────ทีนี้เป็นเรื่องที่ฉันมาร่วมไลฟ์สินะ ก่อนหน้านี้ถ้าจำไม่ผิดพูดค้างไว้กลางทางสินะ]
จินัตสึถือไม้ถูกพื้นค้างไว้แล้วทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อย
[อย่างที่คิด ตามน้ำละมั้ง แบบว่าล่องลอยไปเรื่อย~ แบบนั้นน่ะ]
คำพูดที่ราบเรียบนั้นดูจริงใจอย่างถึงที่สุด หากแต่ก็มีความรู้สึกว่าผสมปนเปกับเรื่องที่แต่งขึ้นมาด้วย
แต่อย่างแรกคือต้องตามน้ำไปต่อ
[มิยุเป็นคนลากมาทำสินะ]
[ใช่ ๆ วันที่มาชวนเข้าร่วมน่ะมายืนรอหน้าร้านเลยนะ ตรงนั้นแหนะ? เลยก็รีบออกมาทันทีเลย แล้วก็คิดว่ามีน่ารัก ๆ โผล่มาด้วยน้า~น่ะ อยู่ ๆ ก็มาบอกว่าเป็นแฟนคลับกันน่ะ แถมยังบอกด้วยว่าเป็นแฟนเก่าของฮีคุงด้วย ตอนที่ได้ฟังครั้งแรกฉันลนมากเลยเพราะนึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นซะแล้ว]
[ฮ่า ๆ แรงขับเคลื่อนสุดยอดเลยนะ]
ฮิโรกิพูดตอบพลางถูพื้นไปด้วย จินัตสึยิ้มขม ๆ ออกมาแล้วว่าต่อ
[ฉันน่ะนะ ถ้ามองเผิน ๆ จะดูเป็นพวกมืดมนใช่ไหมละ? เพราะฉะนั้นตอนเจอกับมิวจังครั้งแรกบอกตรง ๆ ว่าไม่ชอบเอาซะเลย ────อ๊ะ อันนี้เก็บเป็นความลับนะ เดี๋ยวจะโดนโกรธเอาน่ะ]
[เข้าใจอยู่แล้วละ ฉันก็ด้วย ประทับใจมากเลยที่คุณจินัตสึเปิดใจให้กับทั้งสองคนนั้นได้]
[เอาจริง ๆ ไม่หรอก ฉันน่ะพยายามมากเลยนะ…มิวจังก็เรื่องนึง แต่คนแบบคาโนนนก็หากอยากใช่ไหมละ ที่ค่ายเองก็ไม่ได้เจอสาวสวยแบบนั้นเหมือนกัน ให้สิบคะแนนเลยแหละ]
[ก็จริงที่ว่าคานอนเป็นพวกแปลกคนนี่นะ]
ด้วยความที่ตัวเล็กอย่างนั้นทางค่ายนางเแบบก็คงไม่ได้รับอยู่แล้ว อีกอย่างคนที่ไว้ทวินเทลได้อย่างภูมิใจอย่างนั้นคงไม่ได้หาได้ง่าย ๆ
[แต่ว่าทั้งสองคนนั้นนะเป็นเด็กดีเนอะ ยอมฟังความเห็นของฉันด้วยสิ เป็นเรื่องของเคมีละมั้ง? ไม่ได้เกี่ยวว่าอายุมากกว่าหรอกนะ แต่ว่าคอยให้ความให้สำคัญกันอยู่ด้วยสิ]
[ทางนี้มองทั้งสองคนยังไงก็ไม่เห็นภาพนั้นเลยนะ]
[นั่นน่ะ สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากฮีคุงนั่นแหละ]
[งะ งั้นหรอกเหรอ?]
[ใช่น่ะสิ แน่นอนเลย! โธ่ ต้องให้พูดเรื่องนี้จริง ๆ จนได้─]
[แบบว่าขอโทษครับ…]
พอเห็นฮิโรกิก้มหัวให้ จินัตสึยิ้มอย่างมีความสุข
ฮิโรกิที่ต้านทานไม่ได้จึงหันหลังกลับไป
[รอยยิ้มแบบนั้นน่ะ ให้ทั้งสองคนเห็นมากกว่านี้ได้ก็ดีนะ? แล้วก็เรื่องงานอดิเรกน่ะ ไม่เคยคุยกับทั้งสองคนเลยใช่ไหมละ มิยุน่ะปกติแล้วเป็นโอตาคุด้วย จะไลฟ์เล่นเกมเท่าไหร่ก็ได้ บางทีอาจจะดีใช่ย่อยเลยนะ]
ฮิโรกิพูดสิ่งที่คิดออกมาแบบไม่ได้หันกลับมา จินัตสึพลันทำหน้าขุ่นมัวทันที
[ก็นะ─ ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องมากลุ้มหรอก ของแบบนี้ต้องใช้ความกล้าพอสมควรเลยนี่เนอะ~ ….ถึงเธอจะเป็นพวกสดใสแบบฉัน แต่ที่จริงแล้วเป็นเกมเมอร์ตัวจริงเลยละ เป็นผู้หญิงมีที่มีความมืดในใจทะลุออกมาเลย]
ที่จริงแล้วจินัตสึเก่งพอ ๆ กับพวกเกมเมอร์และเก่งพอที่จะชนะการแข่งใหญ่ได้เลย ไม่ว่าจะแนว FPS หรือต่อสู้ ก็ทำได้หลากหลาย
และเพราะตอนนี้อยู่กันเพียงสองคนตามลำพัง จึงสามารถคุยกันแบบสบาย ๆ เช่นนี้ได้
ตัวเธอนั้นไม่อยากจะเผยมุมที่ซ่อนอยู่ออกมามากนัก และเหมือนจะไม่เคยบอกเรื่องนี้กับมิยุหรือคานอนเลย และจริงที่ว่ามิยุเป็นโอตาคุแบบเปิดเผย จึงเรียกได้ว่าคนละประเภทกัน
สมัยที่ฮิโรกิและจินัตสึคบกันอยู่ เขาก็ได้ไปรู้งานอดิเรกของเธอจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตั้งแต่นั้นมาจินัตสึก็จะคุยเรื่องนี้กับเพียงฮิโรกิเท่านั้น
ดังนั้นเวลาที่อยู่ได้กันสองคนเช่นนี้จะเหมือนเป็นการปลดห่วงก็ไม่แปลก
[จะว่าไปแล้ว ฟังนะ! อัปเดตครั้งก่อนน่ะสุดยอดเลยละ~! รู้สึกเลยว่ายุคแห่งสไนเปอร์ของฉันกำลังเริ่มขึ้นแล้ว! ฆ่าไปได้เยอะเลย! แน่นอนว่าไม่ได้ทำตัวท็อกซิกนะ แล้วก็────]
ทันทีที่จินัตสึนึกเรื่องที่พูดออกมาได้ก็เริ่มพูดแบบรัว ๆ
คาดว่าน่าจะกำลังพูดถึงเกม FPS ที่จินัตสึเคยเล่นเมื่อก่อนอยู่ ฮิโรกิไม่ได้เล่นจึงตามไม่ทัน แต่การได้เห็นเธอคุยอย่างสนุกสนานนั้นไม่เคยทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเลย
ดังนั้นฮิโรกิจึงหันกลับไปทางเธอและพูดในสิ่งที่คิดออกมา
[สักวันนึงที่คุณจินัตสึจะคุยกับทั้งสองคนได้แบบนี้มาถึงก็คงจะดีนะ อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเป็นเสน่ห์เลยนะ]
[…อยู่ ๆ มาพูดอะไรแบบนี้เนี่ย ขี้โกงจัง บอกตรง ๆ ว่าเขินนะ]
จินัตสึหน้าแดงและก้มลงมองด้านร่างเป็นการตอบสนอง
แต่ฮิโรกิยังคงพูดต่อไปอย่างไม่สนใจ
[ไม่หรอก แค่พูดเรื่องจริงเท่านั้นแหละ จากมุมมองของฉันแล้วงานอดิเรกของคุณจินัตสึไม่เห็นจะน่าอายตรงไหนเลย กลับกันอิจฉาด้วยซ้ำที่มีความสามารถแล้วก็งานอดิเรกอย่างนั้นด้วย]
[ก็บอกแล้วไงว่าถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ────…ฉันน่ะนะ แค่ได้คุยกับฮีคุงแบบนี้ก็เพียงพอแล้วละ]
จินัตสึยังคงมีท่าทางอึกอักไม่เปลี่ยน
แม้การที่มีเรื่องที่คุยได้เฉพาะกับตัวเองนั้นจะทำให้น่าดีใจ แต่สำหรับฮิโรกิแล้ว การที่จินัสตึได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ถ้าสิ่งนี้ดำเนินต่อไปอาจจะเป็นการบีบบังคับก็เป็นได้ ฮิโรกิจึงยิ้มให้แล้วพูด
[ถูกอย่างที่พูดนะ ขอโทษด้วยที่พูดอะไรจู้จี้]
[อืม ฉันเองก็ด้วย…แต่ว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ไหวหรอก ทั้งสองคนนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปแล้วด้วยสิ]
[มิยุกับคานอนจังเหรอ?]
เปลี่ยนไปแล้ว คำนั้นทำให้ฮิโรกิถามอย่างแปลกใจ
[ใช่แล้ว ตอนแรกที่เจอกันก็รู้สึกว่าเป็นพวกพ้องกันน่ะนะ─…]
[พวกพ้อง?]
เมื่อถามต่อจินัตึก็พยักหน้าให้
[พวกพ้องที่เจอสถานการณ์เดียวกัน อะไรแบบนั้นน่ะ สั้น ๆ ก็คือคนที่เลียแผลกันเองน่ะ]
[อ๊ะ─ หรือว่า…]
สรุปคือจินัตสึนั้นรู้สึกสบายใจที่ได้เจอกับคนทั้งสามคนที่เป็น 「แฟนเก่าของฮิโรกิ」 เหมือนกันเป็นครั้งแรก
จากมุมของฮิโรกิที่เป็นต้นเหตุนั้นรู้สึกว่าค่อนข้างซับซ้อน แต่น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกแย่เลย
[ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเรหอ?]
[ไม่หรอก แบบว่า ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ยังรู้สึกว่าเป็นสมาชิกของยูนิตสตรีมเมอร์นี่อยู่นะ]
[แปลกจังนะ ฉันมองว่าก็ดูเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวเลยนี่นา]
[อะฮะฮะ ไม่ได้เลวร้ายหรอก คิดว่าดีด้วยซ้ำน่ะ แต่ว่าเวลาที่ได้แบ่งปันความรู้สึกที่ไม่รู้จะทำยังไงดีได้แบบนี้ก็รู้สึกว่าดีมากเลย─น่ะ…]
[นั่นแปลกว่าเราเพราะฉันมาเข้าร่วมด้วยเลยเปลี่ยนไปกันงั้นเหรอ?]
ฮิโรกิถามด้วยความรู้สึกผิด จินัตสึส่ายหน้า
[คิดว่ามาจากไลฟ์ขอโทษคราวนั้นน่ะ บางทีไม่ช้าก็เร็วก็คงจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วด้วย เหมือนกับว่างานของพวกเรากำลังจะเริ่มขึ้นจริง ๆ แล้วน่ะ~]
เหตุการณ์นั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้เกิดการเริ่มต้นไม่ผิดแน่
แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้นฮิโรกิก็รู้สึกว่ายอมรับไม่ได้
[แต่ว่า นี่อาจจะเป็นแค่คำพูดของฉันนะ แต่ว่าเริ่มรู้สึกว่าคานอนจังกำลังจะเริ่มจริงจังกับความรักอย่างตรงไปตรงมาเลย…น่ะ เริ่มรู้สึกว่าเปลี่ยนไปตอนนั้นแหละ]
[อะฮะฮะ ก็จริงนะ แต่ฮีคุงพูดออกมาเองเลยเนี่ยนะ~!]
เมื่อถูกหัวเราะเยาะใส่ ฮิโรกิจึงหันไปถูกหน้าต่างเพื่อซ่อนความอาย
[คือฉันคิดแบบนั้นน่ะ แต่คงจะพูดตรงไปหน่อยน่ะนะ]
[ก็ตรงไปจริง ๆ นะ─ แต่ว่าจากมุมมองฉันแล้วทั้งสองคนนั้นน่ะ…]
[เอ๊ะ?]
[เปล่า ๆ โทษนะ ช่วยทำเป็นไม่ได้ยินที ขอโทษจริง ๆ ]
[คิดว่ายังไงก็ทำไม่ได้นะ…คานอนจังก็บอกแบบนี้เหมือนกันด้วยสิ สองคนเลย คือว่า…ไม่คิดว่ามิยุจะยังไม่ตัดใจจากฉันบ้างเหรอ?]
เมื่อรอสักครู่แต่ไม่มีการตอบกลับจึงลองหันมา ก็พบว่าจินัตสึกำลังมีสึหน้าที่ไม่คุ้นเคยถือไม้ถูกพื้นอยู่
[นี่ คุณจินัต─สึ?]
[…]
[เพื่อจะแก้ปัญหาการสื่อสารถึงได้มาเริ่มทำงานพิเศษ คุณจินัตสึเป็น────]
[เดี๋ยว ห้ามนะ เคยบอกแล้วนี่นาว่าห้ามพูด!? ถ้ามีใครได้ยินจะทำยังไงกัน!?]
จินัตสึเอาไม้ถูกพื้นตีพร้อมกับตะโกนไปด้วย และในที่สุดหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
[เจ็บ ๆ ขอโทษ แต่ว่าได้ยินที่พูดอยู่ไม่ใช่หรือไง]
[ก็คำถามของฮีคุงมันตอบอยากนี่~! โธ่─ อย่าทำให้เสียแรงหลังเลิกงานโดยเปล่าประโยชน์สิ!]
[ขอโทษน่า ไม่ถามแล้ว]
[จริง ๆ เลย─]
เหตุผลที่จินัตสึเข้าทำงานพิเศษนั้นถือเป็นประวัติอันดำมืดของเธอ และดูเหมือนว่าจะไม่อยากให้ใครได้รู้
แม้ในห้องนี้จะมีกันแค่สองคนก็ตามที ความสิ้นหวังนั้นช่างน่าหวาดหวั่น
ฮิโรกิที่รู้สึกผิดปิดปากเงียบไป ทางจินัตสึที่สงบใจได้แล้วจึงถอนหายใจออกแล้วพูด
[แต่อันที่จริง ถ้าฉันตามทั้งสองคนทันละก็ บางทีความสัมพันธ์อะไรอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปก็ได้─]
ชั่วขณะนั้นฮิโรกิคิดว่าจินัตสึกำลังพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวเองอยู่หรือไม่ แต่ก็เปลี่ยนความคิดในทันที
เมื่อเปลี่ยนความคิดไป ในใจของฮิโรกิก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
[แต่ว่ามาถอนหายใจระหว่างทำความสะอาดเนี่ยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?]
[รอบนี้คนละเรื่องจ้า~ จริง ๆ เลย คนกำลังพูดจริงจังอยู่แท้ ๆ เลยนะ~]
[ตัวฉันเองก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ แต่ว่า ตอนนี้กำลังรู้สึกว่าความเป็นยูนิต 「แฟนเก่าสามคน」 มันเบาบางมากใช่ไหม?]
[เอ ก็นะ ประมาณนั้นเลย]
[อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็อาจจะพอทำอะไรได้ก็ได้นะ]
[หมายความว่ายังไงเหรอ]
จินัตสึทำหน้าสงสัยเอ่ยถาม
เมื่อเห็นดังนั้นฮิโรกิกก็ตอบทันที
[หมายถึงว่าเราอาจจะผ่านสถานการณ์แย่ ๆ ตอนนี้ไปได้ก็ได้นะ]
เมื่อได้เห็นการประกาศอันมั่นใจเกินตัวของฮิโรกิ จินัตสึจีงเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย