(ทางฝั่งเมอร์ริอาร์และลุค)
” เฮ้อ…เมื่อไหร่จะถึงกันละเนี่ย ” เสียงของตาแก่ที่ฟังดูขี้เกียจ บ่นอย่างโหยหวนในระหว่างนั่งอยู่บนรถม้าที่วิ่งอย่างเต็มกำลัง เนื่องด้วยใช้เวทย์ ‘ย่างก้าวสายลม’ ที่เป็นเวทย์ที่ช่วยเสริมความว่องไวให้กับม้าเลยทำให้ม้าวิ่งได้เร็วขึ้นทันตาเห็น แม้จะวิ่งไม่วิ่งเต็มกำลังแต่ก็เร็วเท่ากับตอนวิ่งแบบเต็มกำลังนั้นเอง แต่ตอนนี้ม้าวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้เลยทำให้เร็วยิ่งกว่าปกติ
” อดทนหน่อยสิครับท่านเมอร์ริอาร์ นี่ใช้เวทย์เสริมความว่องไวไปแล้วนะครับ อีกไม่นานก็คงจะถึง อย่าบ่นเป็นตาแก่ไม่ได้เรื่องสักทีเถอะครับ ” ลุคที่นั่งไปกับเมอร์ริอาร์เอือมระอาที่ได้ฟังเสียงบ่นของตาแก่เป็นรอบที่ 6 ตั้งแต่ออกเดินทางมา หลังจากที่ลุคเตรียมรถม้าเสร็จก็ออกเดินทางในทันทีโดยไม่รีรอ ถ้านับจากที่เริ่มเดินทางมานี่ก็ 5 ชั่วโมงแล้ว
” หา !? เมื่อกี้เจ้าหลอกด่าข้าใช่ไหม ! ” เมอร์ริอาร์ที่รู้ว่าลุคกำลังแอบหลอกด่าตน เกิดโมโหแล้วชี้ไปที่ลุคอย่างจะเอาเรื่องตามประสาคนแก่ที่หลานมีหนังสือโป้แต่ไม่ยอมมาแบ่งตัวเองนั่นล่ะ
” ป่าวสักหน่อยครับ เมื่อกี้ผมแค่พูดว่าตาแก่ไม่ได้เรื่องเองนะครับไม่ได้หมายถึงท่านเมอร์ริอาร์เลยนะครับ ” ลุคตอบอย่างหน้าตาเฉย และยิ้มให้กับเมอร์ริอาร์ราวกับไม่สนใจอารมณ์โมโหของเมอร์ริอาร์แถมยังยั่วโมโหมากกว่าเดิม
” ก็ไอ้ตาแก่ที่ว่าบนรถคันนี้มันมีแค่ข้าไม่ใช่หรือไงฟะ ! ” การตบมุขของเหล่านักเวทย์หลวงแห่งราชสำนักส่งเสียงดังออกมาจากรถม้า ถ้าหากมีคนมาเห็นและรู้ว่าตาแก่ที่โวยวายตบมุขคนนี้เป็นจอมเวทย์หลวงแห่งราชสำนัก อาณาจักรแอนวอลเลล์คงโดยประเทศเพื่อนบ้าหัวเราะเยาะ ว่านี่เอาตาแก่หลานไม่รักมาเป็นจอมเวทย์หรือไง
” ท่านเนี่ยคิดในแง่ร้ายจังเลยนะครับ คำว่าตาแก่ไม่ได้เรื่องผมอาจจะหมายถึงคนที่เป็นถึงจอมเวทย์หลวงของอาณาจักรแห่งหนึ่งแล้วทำตัวขี้เกียจ บ่นตลอดการเดินทาง ไม่ก็ชอบหนีงานไปเที่ยวก็ได้นะครับ ”
” ก็ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดมันข้าไม่ใช่เหรอ !!!!! ” หากคนภายนอกเข้ามาเห็นคงคิดว่าตาแก่กับชายหนุ่มคนนี้เป็นคนของคณะตลกคาเฟ่ที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ แล้วก็คงจะเดินทางไปแสดงที่เมืองอื่นอะไรแบบนั้น แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่มียศตำแหน่งที่มีหน้ามีตาของอาณาจักร
หมู่บ้านโคลินนั้นถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ติดสุดขอบชายแดนของอาณาจักรแอนวอลเลล์ ได้ยินมาว่าติดกับเถือกเขาที่กั้นระหว่างอาณาจักรของเผ่าปีศาจแต่ถึงอย่างนั้นก็ว่างใจไม่ค่อยได้ เนื่องจากเผ่าปีศาจมักจะเปิดศึกสงครามกับมนุษย์มาอย่างยาวนานถึงแม้ช่วงนี้จะพักรบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจจะลอบโจมตีเมื่อไหร่ คงจะคิดว่าโจมตีหมู่บ้านเล็ก ๆ ไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาแถมเถือกเขาที่เป็นเหมือนเส้นแบ่งระหว่างชายแดนของอาณาจักรแอนวอลเลล์กับเผ่าปีศาจก็ชันเอาการ ทำให้ไม่สามารถเดินทางยกทัพมาได้อย่างแน่นอน
เมอร์ริอาร์ที่นั่งอยู่บนรถพลางมองออกไปนอกข้างทางได้แต่คิดความเป็นไปได้ว่าระเบิดนั้นจะเกิดจากอะไรได้บ้าง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ตนที่ทำงานรับใช้อาณาจักรมาอย่างยาวนานก็ไม่เคยเจอปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อนเลยทำให้ได้แต่คาดเดาเท่านั้น
(เฮ้อ…จะเป็นอะไรไปได้บ้างนะ ถ้ามีมังกรจริงล่ะก็ต้องได้รับรายงานการพบเห็นมังกรเข้ามาแล้วสิ แต่หลังจากระเบิดกับหายเงียบไปอย่างกับผีซะงั้น แบบนี้ต่อให้คิดให้ตายยังไงก็ไม่รู้อยู่ดีไม่ใช่หรือไงกัน) ในขณะที่คิดคร่ำครวนอยู่นั้นก็ความทรงจำในวัยเด็กของเมอร์ริอาร์ก็ย้อนกลับมา
ตนที่เป็นลูกครึ่งเอลฟ์กับมนุษย์ ที่มีแม่เป็นเอลฟ์และพ่อผู้เป็นมนุษย์ เกิดมาพร้อมกับพลังเวทย์ในตัวที่มากกว่าคนทั่วไปเนื่องจากได้สายเลือดของเอลฟ์นั้นเอง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่เนื้อในจริง ๆ นั้นไม่ใช่เลย ทั้งพลังเวทย์และความสามารถทางด้านเวทมนตร์ของเมอร์ริอาร์นั้นก้าวล้ำไปกว่าเด็กในรุ่นเดียวกันมาก แม้แต่ตอนที่อยู่โรงเรียนเวทย์มนตรา เมอร์ริอาร์ก็ยังถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับผู้อื่น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่จำได้อย่างแม่นยำไม่เคยลืมในความทรงจำของเมอร์ริอาร์เลยนั่นคือหนังสือภาพของแม่ที่ทุกวันนี้เมอร์ริอาร์ก็ยังเก็บไว้ราวกับสมบัติของตนที่ไม่เคยมีใครรู้ นั่งสือที่บอกเล่าเกี่ยวกับเอลฟ์ที่สูงส่งและงดงาม เอลฟ์ชั้นสูงที่เปรียบเสมือนตัวตนที่มาจากสวรรค์ราวกับเทพธิดา เอลฟ์ผู้งดงามที่มีผมยาวสีขาวดังแพรไหมบริสุทธิ์ ดวงตาสีฟ้างดงามราวกับสีของน้ำทะเลในมหาสมุทรที่มีความอุดมสมบูรณ์ไร้มลพิษ ตัวตนที่เอลฟ์ทุกตนให้ความเคารพแม้แต่ครึ่งเอลฟ์อย่างเมอร์ริอาร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น ใช่นั่นคือ ไฮเอลฟ์
ว่ากันว่าไฮเอลฟ์นั้นได้หายสาบสูญไม่เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียวตั้งแต่สมัยที่เหล่าทวยเทพได้ให้คำทำนายและกลับไปสู่ดินแดนแห่งทวยเทพแล้ว ใช่นั่นเป็นตำนวนเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมาในเผ่าเอลฟ์ ในปัจจุบันเอลฟ์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่ทวีปวาสเซลเรียเป็นทวีปที่มีวิทยาการเวทมนตร์ล้ำหน้าที่สุดในกราเด้น ไม่ใช่แค่นั้นยังมีเหล่ามนุษย์หรือเผ่าอื่น ๆ ไปร่ำเรียนเวทมนตร์ที่นั่นมากมาย และถึงอย่างนั้นก็ไม่มีไฮเอลฟ์สักตนเดียว ผู้ปกครองทวีปนั้นก็เป็นเอลฟ์ที่สืบราชวงศ์ต่อกันมาหลายร้อยปี แต่ก็ไม่ใช่ไฮเอลฟ์อยู่ดี
” ท่านเมอร์ริอาร์ครับ ถึงแล้วล่ะครับหมู่บ้านโคลิน ” ในระหว่างที่เมอร์ริอาร์คิดเรื่องเก่า ๆ อยู่อย่างเหม่อลอยนั้น ลุคก็พูดขึ้นมาทำให้สติที่กลับไปยังวัยเด็กกลับมา
” เออ งั้นเหรอ เอาล่ะ ! ไปเริ่มสืบเลยแล้วกัน ” พอถึงหมู่บ้านเมอร์ริอาร์ก็แสดงความกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ลุคก็ยังนึกแปลกใจ พอรถม้าเข้าไปในหมู่บ้านก็ทำให้เห็นสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านขนาดกลางแต่กลับมีองค์ประกอบครบถ้วน สมาคมการค้า หมอ หรือแม้แต่ตลาดแผงลอย แต่ที่น่าแปลกใจคือมีความรกผิดปกติ เหมือนกับว่าพึ่งจะเกิดพายุที่ทำให้ข้าวของกระจัดกระจายเมื่อเร็ว ๆ นี้
” ขอโทษนะครับ คุณนายที่นี่เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ พอดีพวกผมพึ่งจะมาที่หมู่บ้านนี้เป็นครั้งแรกน่ะครับ ” เมื่อเห็นผู้หญิงชาวบ้านที่รูปร่างท้วมที่กำลังถือตะกล้าผ้าที่พึ่งเก็บมาหมาด ๆ ลุคก็เข้าไปถามราวกับเป็นนักท่องเที่ยวที่ผ่านทางมา (ก็แค่ไรเดอร์ที่ผ่านมาทาง)
” อาระ ? พวกเธอไม่รู้ เมื่อวานนึ้มีระเบิดแสงสีขาวลูกใหญ่ยักษ์บนท้องฟ้าแถว ๆ ภูเขามัวริสน่ะนะ ” เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องระเบิดทั้งลุคและเมอร์ริอาร์ก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที ผู้หญิงชาวบ้านร่างท้วมพูดต่อโดยไม่ติดใจอะไร
” แรงระเบิดนั้นแรงมากเลยนะ ยังกับพายุและแผ่นดินไหวพร้อมกันเลยล่ะ เล่นเอาข้าวของพังเสียหายไม่ก็ปลิ้วจนเทะเละเลยล่ะ แต่โชคดีจริง ๆ ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บน่ะ ” เมอร์ริอาร์และลุคเมื่อได้ฟังถึงผลกระทบได้ตระหนักทันทีว่าระเบิดนั้นแรงขนาดไหน เพราะทางภูเขามัวริสนั้นห่างจากหมู่บ้านนี้หลายกิโล แต่แรงระเบิดยังส่งผลมาถึงหมู่บ้านนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเกิดขึ้นในเมืองหลวงผลจะเป็นยังไง
เมื่อได้รู้ซึ้งถึงผลกระทบแล้วเมอร์ริอาร์คิดว่าคงต้องสืบอย่างเป็นจริงจังซะแล้ว จะทำเล่นไม่ได้อีกต่อไป
” ขอโทษนะคุณนาย พวกข้าอยากจะขอพบกับหัวหน้าหมู่บ้านได้หรือเปล่า ” เมอร์ริอาร์แสดงความต้องการเพื่อขอพบคนใหญ่คนโตที่สุดในหมู่บ้าน เพราะคิดว่าหากจะสืบอะไรที่ได้ข้อมูลที่เป็นทางการกว่านี้คงไม่พ้นการไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน
” เอ๋ ? หัวหน้าหมู่บ้านเหรอ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าประชุมกันเสร็จหรือยังน่ะ ” หญิงร่างท้วมยืนคิดสักครู่ พร้อมกับคำตอบถามที่ไม่มีความแน่นอน
” ประชุมเหรอครับ ” ลุคที่เงียบมาครู่นึงเอ่ยถามขึ้นมาแทนเมอร์ริอาร์
” ใช่ ๆ ประชุมเรื่องระเบิดที่พูดไปนี่แหละ ไม่รู้หรอกนะว่าประชุมกันได้ความว่ายังไง แต่ลองไปหาดูก่อนก็ได้นะ ถ้าหากไม่อยู่แสดงว่ายังประชุมกันอยู่นั้นแหละ ” หญิงร่างท้วมบอกลู่ทางให้อย่างเป็นกันเอง โดยไม่มีท่าที่ปิดบังหรือตื่นกลัวอะไร
หลังจากได้รับการแนะนำจากหญิงร่างท้วม ลุคเลยให้เงินตอบแทนน้ำใจจำนวนหนึ่ง แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที ในระหว่างเดินไปก็มองรอบข้างเพื่อชมสภาพต่าง ๆ ของหมู่บ้านด้วยเป็นอย่างที่หญิงร่างท้วมคนนั้นบอกไว้ไม่มีผิด มีชาวบ้านส่วนใหญ่ออกมาเพื่อเก็บข้าวของที่ล้มกระจัดกระจายที่เป็นผลมาจากเหตุระเบิดสีขาวบนท้องฟ้านั่น แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่รุนแรงมากถึงกับบ้านเรือนได้รับความเสียหาย อาจจะเป็นเพราะระยะห่างของหมู่บ้านกับจุดระเบิดอยู่ไกล ถือว่าเป็นโชคดีของหมู่บ้านแห่งนี้จริง ๆ
เดินไปสักพักก็เห็นบ้านที่ติดป้ายข้างหน้าว่า ที่ทำการหัวหน้าหมู่บ้าน ติดเอาไว้ ถึงจะบอกว่าที่ทำการแต่ก็หมายถึงบ้านอยู่ดี ลุคที่มองหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกวาดหน้าบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเลยเข้าไปถามทันที
” ขอโทษนะครับ พวกผมอยากจะมาขอพบท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าท่านอยู่หรือเปล่าครับ ” ลุคถามเข้าอย่างตรงประเด็นโดยไม่รอช้า หญิงที่กวาดพื้นอยู่นั้นทำหน้าครุ่นคิดครู่นึงก่อนจะตอบกลับ
” ท่านหัวหน้าหมู่บ้านพึ่งกลับจากประชุมเมื่อครู่นี้เองค่ะ ว่าแต่มีธุระอะไรงั้นเหรอคะ ? ” เมื่อเห็นคำถามที่แฝงไปด้วยความกังวลที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนทางสีหน้าของหญิงตรงหน้า เมอร์ริอาร์จึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดฐานะอีกต่อไป
” โทษทีนะแม่หนู พวกข้าเป็นนักเวทย์หลวงของราชสำนักที่มาจากเมืองหลวงมาเพื่อสืบเรื่องระเบิดสีขาวบนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นวานนี้น่ะ ” เมื่อเห็นเมอร์ริอาร์แนะนำตัวเป็นนักเวทย์หลวงของราชสำนัก หญิงสาวที่กวาดพื้นถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
” ขะ-ขออภัยด้วยค่ะ ! จะไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ ! ” หญิงสาวทิ้งไม้กวาดและรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ดูเหมือนการบอกฐานะที่แท้จริงของเมอร์ริอาร์จะได้ผลเกินคาด ไม่นานหญิงสาวคนดังกล่าวก็กลับมาพร้อมกับเชิญทั้งคู่เข้าไปในบ้าน
” ยินดีต้อนรับครับ ท่านนักเวทย์ ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านโคลินแห่งนี้ ชื่อ คาเวลครับ ” หัวหน้าหมู่บ้าน คาเวล แนะนำตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งก้มหัวให้อย่างสุภาพ เป็นชายแก่ที่ดูสขุมและมีความเป็นผู้นำสูง
” ขอโทษที่ต้องมารบกวนเวลาพักของนะครับคุณคาเวล ” ลุคก้มหัวและกล่าวขอโทษอย่างสุภาพกลับเช่นเดียวกัน
” ไม่หรอกครับ ได้ยินว่าพวกท่านมาเพื่อสืบเรื่องระเบิดสีขาวใช่ไหม ทางพวกข้าเองก็พึ่งประชุมเรื่องนี้ไปหมาด ๆ เช่นเดียวกัน ” คาเวลตอบกลับอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าทีดังกล่าวเมอร์ริอาร์ก็ถามอย่างเข้าประเด็นอย่างไม่รีรอ
” แล้วพอจะรู้อะไรบ้างไหม ” เมอร์ริอาร์ถามคาเวลกลับ ดูจากอายุแล้วทั้งคู่น่าจะอายุอานามใกล้เคียงกันเลยไม่จำเป็นต้องสุภาพแถมเมอร์ริอาร์เองก็ไม่ค่อยอยากจะเป็นทางการมากนัก
” ครับ มีข้อมูลจากนายพรานในหมู่บ้านว่ามีเทพธิดาผู้งดงามอาศัยอยู่ในป่าที่ใกล้กับภูเขามัวริสได้ช่วยเหลือลูกสาวของเขาไว้น่ะครับ ” คาเวลบอกข้อมูลที่ได้พึ่งได้มาจากที่ประชุมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
” เอ๊ะ ? เทพธิดางั้นเหรอ ช่วยเล่ารายละเอียดให้เราฟังได้ไหมครับ ” ลุคที่ถามอย่างทันควัน แน่นอนว่าช่วยถามแทนเมอร์ริอาร์ที่สนใจคำพูดของคาเวลอย่างมากเช่นกัน
.
.
ช่วงเย็นก่อนหัวค่ำเล็กน้อยหลังจากที่ได้ข้อมูลส่วนมากจากหัวหน้าหมู่บ้านคาเวลแล้วทั้งลุคและเมอร์ริอาร์ก็ไปพักที่โรงเตี้ยมภายในหมู่บ้าน แม้ว่าจะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ก็มีโรงเตี้ยมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน ทั้งคู่อยู่ในห้องเดียวกันโดยมี 2 เตียงขนาด 3 ฟุตครึ่ง และมีโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้อง และที่แขวนเสื้อคลุมเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีห้องอาบน้ำในตัวจึงต้องไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำรวมของหมู่บ้าน หลังจากที่อาบน้ำชำระล้างตัวเสร็จทั้งคู่จึงกลับมาพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มาวันนี้
และสิ่งที่ลุคค่อนข้างสงสัยกับสิ่งที่เมอร์ริอาร์ทำในวันนี้คือการที่พรุ่งนี้เขาจะขอไปหาคนที่ชาวบ้านยกย่องว่าเป็นเทพธิดาที่ชื่อว่าโนเอลร่า ทำให้ลุคต้องจำใจไปกับเมอร์ริอาร์ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูท่าเมอร์ริอาร์จะให้ความสนใจกับนักเวทย์ที่ช่วยเหลือเด็กสาวเอามาก ๆ
” ลุคเจ้าคิดว่ายังไงบ้าง ” เมอร์ริอาร์เอ่ยถามหนุ่มนักเวทย์คนสนิทของตนเพื่อต้องการความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่คาเวลเล่าช่วงบ่าย
” ครับ จากที่ฟังมาเหมือนว่าลูกสาวของนายพรานจะไปเก็บผลไม้ในป่าแล้วได้นักเวทย์ที่อาศัยในป่าช่วยเอาไว้ แต่ส่วนที่น่าสงสัยคือ..”
” เทพธิดาสินะ ? ” เมอร์ริอาร์พูดดักคอเหมือนจะรู้ว่าลุคอยากจะพูดคำว่าอะไร
” ครับ เด็ก 7 ขวบการที่จะเห็นผู้มีพระคุณของตนเองเป็นเทพธิดาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แถมคนนั้นยังเป็นนักเวทย์อีกด้วยการที่เด็กอายุแค่นั้นจะบอกว่าเป็นเทพธิดาก็คงไม่แปลกอะไร ” ลุคแสดงความคิดเห็นของตนออกมาตรง ๆ ใช่ ลุคคิดว่าคำพูดของจูน่าที่บอกว่าตัวเองได้เทพธิดาช่วยเอาไว้ อาจจะเป็นจิตนาการของเด็กก็เป็นได้ คงจะเป็นนักเวทย์ที่อาศัยในป่ามาช่วยเพียงเท่านั้น
” งั้นเหรอ แต่ลางสังหรณ์ของข้าบอกว่าข้าควรเชื่อคำพูดของเด็กสาวคนนั้นน่ะสิ ” ลุคหันไปมองหน้าเมอร์ริอาร์ทันทีอย่างกับไม่เชื่อในคำพูดของผู้ที่ได้ชื่อว่าผู้ทรงปัญญาของอาณาจักร
” ดูถ้าจะเป็นตาแก่ไม่ได้เรื่องของจริงแล้วสินะครับเนี่ย ” ลุคพูดพลางถอนหายใจออก
” หา !? นี่เจ้าเมื่อกี้ด่าข้างั้นสินะ เมื่อกี้ด่าทางอ้อมอีกแล้วใช่ไหม !! ”
” ป่าวครับ เมื่อกี้ข้าด่าท่านตรง ๆ ต่างหากครับ ” ลุคตอบอย่างหน้าตาย
” มันก็บัดซบพอ ๆ กันนั่นแหละโว้ย !! ” เมอร์ริอาร์ตะโกนออกมาอย่างเหลืออดกับท่าทีของหนุ่มนักเวทย์คนสนิทของตน
.
.
.
.
เฮ้อ… วันนี้ก็ใช้ชีวิตตามปกติอย่างเคยค่ะ แต่ก็ยังหาฟูกนอนไม่ได้สักที นอนโซฟาที่พื้นที่แคบ ๆ มาหลายวันแล้วปวดหลังสุด ๆ ไปเลยค่ะ ถึงจะรักษาหายได้ด้วยสกิลเวทย์ก็เถอะ แต่แบบนี้ถ้าไม่รีบหาฟูกนอนโดยด่วนมีหวังเป็นคุณป้าก่อนวัยอันควรแน่ ๆ เลยค่ะ
แต่ยังไงจะให้หาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เฮ้อจะมีคุณปู่ใจดีมอบที่ฟูกนอนดี ๆ ให้สักชิ้นบ้างไหมคะ ฮ่า ๆ พูดอะไรของฉันกันคะเนี่ย ! ถ้ามีจริง ๆ คงเป็นปู่ที่เพี้ยนหนักเอาการนะคะ ว่างั้นแล้วก็ใช้สกิลเวทย์ ‘ชะล้าง’ ใส่ตัวเองเพื่อทำความสะอาด เพราะวันนี้ใช้เวทย์บินเลยทำให้เนื้อตัวมีแต่ฝุ่นเต็มตัวจากกระแสลมที่พัดมา แถมฟูก็ยังไม่เป็นทรงอีกต่างหาก ถึงจะไม่มีกระจก แต่ก็รับรู้ได้ค่ะ เพราะแค่เอามือลูบผมก็รู้ได้ทันทีว่าผมโดนผมพัดจนเสียทรง
แต่พอใช้เวทย์ ‘ชะล้าง’ แล้วทุกอย่างก็กลับมาเหมือนใหม่ ช่างเป็นสกิลเวทย์ที่แสนสะดวกเลยจริง ๆ ค่ะ เอาเป็นว่าพอไม่มีอะไรให้ทำแล้วก็เข้านอนดีกว่าค่ะ
.
.
.
” ฮิย้าาา !! ” แต่แล้วกลางดึกฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาค่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอคะ ? มันก็แน่อยู่แล้วล่ะค่ะ ฝันร้ายไงคะ
ช่างเป็นฝันที่แย่สุด ๆ ไปเลยค่ะ ฝันว่าดันมีตาแก่ที่ไหนไม่รู้มาเป็นเจ้าลัทธิบูชาฉันเหมือนกับจูน่าจังไม่มีผิด แถมยังบูชาฉันอย่างบ้าคลั่งกันเลยทีเดียวค่ะ น่าขนลุกมากค่ะ ไม่ ไม่ ๆ มันเป็นแค่ฝันเท่านั้นค่ะ แค่ฝัน ใช่ ๆ รีบข่มตานอนให้หลับดีกว่าค่ะ
.
.
.
โนเอลที่หลับสนิทอยู่นั้นไม่รู้เลยว่าความฝันที่ตนได้พบจะกลายเป็นความจริงในวันรุ่งขึ้น….
MANGA DISCUSSION