แรงลมกระโชกพัดราวกับพายุ ท้องฟ้าที่ถูกก้อนเมฆบดบังจนไม่เห็นแสงตะวัน ตอนนี้ฉันกำลังวิ่งอยู่ในเมืองป้อมปราการเดธวอลเลย์ในตอนนี้ที่แทบจะเป็นเมืองร้างเลยค่ะ เพราะทุกคนถูกเสียงเตือนภัยให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะตอนนี้มีการอาละวาดของมอนสเตอร์บุกมาที่เมืองยังไงละคะ !!
แล้วหนำซ้ำตอนนี้จูน่าจัง เจ้าลัทธิตัวน้อยที่เปรียบเหมือนเพื่อนคนแรกของฉันก็หายตัวไปอีกด้วย ทำไมมันต้องมาเกิดเรื่องวุ่น ๆ ตอนที่ฉันมาเมืองครั้งแรกด้วยละคะ !! อุตส่าห์รบกวนคุณแอนนาให้มาเที่ยวชมเมืองทั้งทีกลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซะได้ พวกมอนสเตอร์ทั้งหลายไม่ให้อภัยเด็ดขาดเลยค่ะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะจัดการเองอยู่หรอก แต่ในเมืองมีนักผจญภัยและทหารหลวงของอาณาจักรอยู่แล้วคงจะไปแย่งงานของคนอื่นไม่ได้หรอกนะคะ
ถึงฉันจะไม่รู้ความสามารถของนักผจญภัยในโลกนี้ก็เถอะค่ะ แต่คิดว่าน่าจะรับมือกับมอนสเตอร์บุกครั้งนี้ได้อยู่หรอก ถึงแม้หลาย ๆ อย่างในโลกนี้จะต่ำกว่ามาตรฐานในเกมสมัยตอนอยู่โลกจริงก็เถอะ แต่เราจะดูถูกโลกนี้ไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ ยิ่งฉันที่มาโลกนี้ไม่นานด้วยแล้วต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน
ฉันที่วิ่งไปสอดส่องสายตาอย่างว่องไวซ้ายทีขวาที เพื่อหาสาวน้อยผมสีน้ำตาลตัวเล็กน่ารักที่ตอนนี้หายตัวไป คิดว่าน่าจะหลงทางแต่ก็น่าแปลก จูน่าจังน่าจะรู้จักเส้นทางมากกว่าฉันน่าจะสามารถกลับมาที่โรงแรมเองได้ถ้าเกิดว่าหลงจริง ๆ แต่ถ้าไม่กลับมาแสดงว่าจะต้องไปที่ไหนสักแห่ง อย่างเลวร้ายที่สุดคงถูกลักพาตัว ในโลกนี้เองก็มีการเรียกค่าไถ่สินะคะ
ผ้าคลุมสีดำยาวที่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าของฉันปลิวโบกสะบัดไปตามลมที่กระแทกสวนทางกับฉัน แน่นอนค่ะว่าไม่ลืมที่จะสวมมาด้วยเพราะมันช่วยปกปิดรูปลักษณ์ของฉันได้ยังไงละคะ อีกอย่างเป็นของคุณแอนนาที่ยืมมาด้วยคงต้องระวังไม่ให้เสียหายแล้วค่ะ
” นี่ฉันวิ่งมานานขนาดไหนแล้วนะ… ” ฉันที่บ่นพึมพำในขณะที่วิ่งอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย เพราะด้วยสกิลตัวติดของฉันที่ช่วยฟื้นฟูทั้ง HP และ MP โดยอัตโนมัตินั่นเองค่ะ ถึงจะไม่ได้เยอะมากมายจนสามารถใช้ต่อกรกับมอนสเตอร์เลเวลสูง ๆ หรือตอน PVP ได้ก็เถอะ แต่ถ้าหากแค่วิ่งธรรมดาจนถึงมอนสเตอร์ระดับต่ำแล้วไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ
” นี่คุณต้นไม้เห็นเด็กผมสีน้ำตาลผ่านมาบ้างหรือเปล่า ” ฉันที่หยุดถามต้นไม้ในเมือง ถ้าหากมีคนมาเห็นเข้าคงจะหาว่าเป็นบ้าแน่ ๆ ค่ะ แต่โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่บนท้องถนนเลยรอดตัวไป อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่ฉันพอจะพึ่งพาได้มากที่สุดก็คงจะเป็นคุณต้นไม้นี่แหละค่ะ การที่มีสกิลประจำเผ่าไฮเอลฟ์แบบนี้เหมือนจะเป็นประโยชน์กับฉันอย่างมากเลยค่ะ
‘ ไม่เห็น ไม่เห็น ‘
ให้ตายสิ พึ่งพาไม่ได้เอาซะเลยค่ะ ! แล้วแบบนี้จะตามหาจูน่าจังที่ไหนดีคะเนี่ย ! เมืองก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ด้วย ถ้าจะวิ่งให้ทั่วคงใช้เวลานานเกินไป ยังไงตอนนี้ก็คงจะต้องวิ่งหาต่อไปเท่านั้นแหละค่ะ
ในระหว่างที่วิ่งตามหาจูน่าจังอย่างสุดกำลังสิ่งที่พอจะทำได้ก็คงจะเป็นภาวนาให้จูน่าจังยังปลอดภัยดีเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าเกิดว่าฉันพาลูลิมาด้วยแบบนี้คงจะง่ายกว่าอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ให้ลูลิคุ้มกันคุณแอนนาที่ห้องน่าจะอุ่นใจมากกว่าเพราะไม่รู้ว่าจะมีมอนสเตอร์หลุดเข้ามาบ้างหรือเปล่า
ถ้าหากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างนักผจญภัยต้านมอนสเตอร์อาละวาดไม่อยู่ขึ้นมาละก็ คงเป็นโศกนาฏกรรมไม่ผิดแน่นอนค่ะ มอนสเตอร์จะเข้าโจมตีทั้งบ้านเรือนและผู้คน จะเกิดการล้มตายและสูญเสียอย่างมาก และแน่นอนว่าคุณแอนนาจะตกอยู่ในอันตรายหนำซ้ำฉันที่ออกมาตามหาจูน่าจังก็ไม่สามารถอยู่ปกป้องคุณแอนนาได้ด้วย เพราะงั้นจึงได้ทิ้งลูลิไว้กับคุณแอนนานั่นเองค่ะ
หลังจากวิ่งหันซ้ายหันขวามาระยะหนึ่งก็เหมือนจะหลงทางซะแล้วล่ะค่ะ ก็แหม ! ฉันพึ่งเคยจะมาเมืองนี้เป็นครั้งแรกนะคะ !! ให้วิ่งตามหาคนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ก็ต้องมีหลงกันบ้างแหละค่ะ ! เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันอยู่ตรงไหนของเมืองป้อมปราการเดธวอลเลย์ก็ไม่รู้ค่ะ แต่มองไปรอบ ๆ แล้วมีแต่แผงขายของที่ถูกเก็บข้าวของออกหมดแล้วเหมือนกับเวลาตลาดวายแล้วเลยค่ะ
แต่เหมือนหางตาของฉันจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เมื่อหันไปมองก็เจอแล้วค่ะ คุณป้าคนดูลักษณะเหมือนกับแม่ค้าขายของที่น่าจะเก็บของเป็นคนสุดท้ายกำลังเก็บข้าวของอย่างรีบร้อน แต่ดูเหมือนจะรนเกินไปจนทำให้ข้าวของหล่นแล้วหล่นอีก แล้วแบบนี้จะเก็บเสร็จตอนไหนกันคะเนี่ย เอาเถอะยังไงซะก็คงต้องเข้าไปช่วยก่อนแล้วกัน เผื่อจะได้ถามข้อมูลเกี่ยวกับจูน่าจังด้วยค่ะ
” คุณป้า ! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ” ฉันที่วิ่งไปหาพร้อมกับทักถามอย่างเป็นห่วง แต่กลับได้รับปฏิกิริยาตอบกลับแบบเหนือความคาดหมายค่ะ เพราะคุณป้าแกสะดุ้งตกใจจนทำให้ข้าวของที่อยู่ในอ้อมแขนหล่นมาหมด เอิ่ม…ที่ทำมาทั้งหมดก็ต้องไปเริ่มใหม่อีกแล้วสินะ แล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ
” ธ-เธอเป็นใครน่ะ ! ” เอ๋ ? เหมือนจะตกใจที่เห็นฉันมากเลยนะคะเนี่ย อ่อแบบนี้นี่เอง ! ตอนนี้ฉันสวมผ้าคลุมสีดำที่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังปิดหน้าปิดตาอีกด้วย คงไม่แปลกที่จะโดนคนน่าสงสัยแบบนี้ทักถามสินะ
” ฉันไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกนะคะ พอดีเห็นกำลังลำบากก็เลยอยากจะช่วยน่ะค่ะ ” ไม่รู้ว่าการแก้ตัวแบบนี้จะพอช่วยให้คุณป้าแม่ค้าเบาใจได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอ้อมค้อมกันแล้วค่ะ ฉันจะต้องรีบไปตามหาจูน่าจังเพราะอย่างนั้นเลยคิดว่ารีบ ๆ ช่วยคุณป้าให้เสร็จแล้วตามหาจูน่าจังต่อ
” งะ-งั้นเหรอ ! ขอบใจนะจ๊ะ พอดีไม่มีคนช่วยเก็บข้าวของน่ะ ” เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วล่ะค่ะ ดูเหมือนว่าคุณป้าจะไม่มีลูกหลานคนไหนมาช่วยเลย บางทีลูกหลานอาจจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ก็เป็นได้ ฉันที่คิดพลางหาคำตอบช่วยคุณป้าขนข้าวของที่มากมายก่ายกองขนใส่ตะกร้าขนาดใหญ่
ผ่านไปประมาณ 2-3 นาทีก็เสร็จ ที่จริงแล้วถ้าตั้งใจทำจริง ๆ โดยไม่ทำของหล่นเอาหล่นเอาแบบคุณป้าคงจะเสร็จไปนานแล้วล่ะค่ะ แต่เพราะคุณป้าเอาแต่รนก็เลยไม่ได้กลับสักที เมื่อช่วยเก็บข้าวของเสร็จแล้วคุณป้าก็ยกตะกร้าที่ทำจากเส้นใยไม้ขึ้นรถเข็นลักษณะเหมือนคนเข็นที่ใส่สำหรับขนน้ำจากลำธารของคนสมัยก่อนนั่นแหละค่ะ
” ขอบคุณมากนะคุณหนูช่วยได้มากเลยล่ะ ถึงจะไม่มีของมีค่าตอบแทน แต่ถ้าเกิดว่าพวกมอนสเตอร์หยุดอาละวาดแล้วล่ะก็ แวะมาที่ร้านของฉันได้นะ ” คุณป้าส่งยิ้มพร้อมกับหยิบยื่นความหวังดีมาให้ ถึงที่จริงฉันจะไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลยก็เถอะค่ะ เพียงแค่อยากจะช่วยเฉย ๆ ก็เท่านั้นเอง ฉันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ และก้มหัวให้อย่างสุภาพ
เอาล่ะช่วยคุณป้าเสร็จแล้วคราวนี้ ได้เวลาตามหาจูน่าจังต่อแล้วค่ะ ในขณะที่จะบอกลาคุณป้าแล้วหันหลังวิ่งนั้น จู่ ๆ คุณป้าก็พูดสิ่งที่ทำให้ฉันต้องเบิกตากว้าง
” หวังว่าแม่หนูน้อยคนนั้นจะกลับถึงบ้านแล้วนะ ” เอ๋ ? อะไรนะคะ แม่หนูน้อยงั้นเหรอ คำสรรพนามที่เอ่ยขึ้นมาจากปากของคุณป้าแม่ค้าทำฉันที่กำลังจะออกวิ่งถึงกับชะงักกันไปเลยทีเดียวค่ะ
” คุณป้า ! แม่หนูน้อยที่ว่ารูปร่างยังไงคะ ! ” ด้วยความที่ถูกฉันพุ่งคำถามเข้าใส่อย่างกะทันหัน คุณป้าเลยเอนหลังไปข้างหลังราวกับตกใจ ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ตอนนี้ข้อมูลนั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับฉันอย่างมาก ต่อให้เสียมารยาทยังไงก็ต้องถามไว้ก่อนค่ะ !
” เอ๋ !? ก็ตอนที่พวกพ่อค้าแม่ค้าพากันเก็บข้าวของวุ่นวายกันเพราะเสียงเตือนภัย จู่ ๆ ก็เห็นเด็กผมสีน้ำตาล วิ่งไปทางประตูทิศตะวันออกแถมยังมีทหารจากเมืองหลวงวิ่งไล่ตามไปด้วยน่ะนะ ”
… ชัวร์ป้าบ !!!! จูน่าจังไม่ผิดแน่นอนค่ะ ! แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนทหารไล่ตามได้กันค่ะเนี่ย จูน่าจังไปทำอะไรไว้งั้นเหรอคะ หรือว่าจะขโมยขนมร้านค้ากิน หรือจะไปแกล้งลูกคนอื่นเขาหรือเปล่านะ จะยังไงก็เถอะตอนนี้ต้องรีบตามไปแล้วล่ะค่ะ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น จูน่าจังอาจจะอยู่ในอันตรายก็ได้
” ถ้าหากปลอดภัยก็คงดีอยู่หรอก เพราะตอนแรกนึกว่าจะออกประตูเมืองซะอีก ได้ยินมาว่ามอนสเตอร์บุกมาทางประตูทิศตะวันออกด้วยสิ ” คำพูดที่ราวกับฟ้าผ่าใส่หัวของฉันจนสมองเหมือนจะย้อนระลึกถึงคำบอกเล่าของคุณแอนนาก่อนที่จะออกจากโรงแรมมาตามหาจูน่าจังได้
แย่แล้วค่ะ !! ถ้าหากจูน่าไปทางประตูเมืองทิศตะวันออกละก็ อาจจะถูกมอนสเตอร์ทำร้ายเอาก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของนักผจญภัยกับมอนสเตอร์ก็เป็นได้ค่ะ ! ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบแล้วค่ะ !
” คุณป้าคะ !! ประตูเมืองทิศตะวันออกไปทางไหนเหรอคะ !!? ” ฉันเค้นถามคำถามกับคุณป้าอย่างเอาเป็นเอาตายจนดูน่ากลัว แต่ดูเหมือนว่าเพราะคุณป้าพอจะเดาออกว่าเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลคนดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องกับฉันก็ได้ จึงได้บอกทางไปประตูทิศตะวันออกโดยไม่ถามอะไรต่อ
” จะ-จากตรงนี้ก็เดินไปที่หัวมุมตรงนั้นแล้วก็เลี้ยวซ้ายตรงไปตลอดจ๊ะ ” คุณป้าบอกทางอย่างติด ๆ ขัด ๆ เหมือนจะยังตั้งตัวไม่ทันที่ฉันเข้ามาถามอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่แค่นั้นก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ
” ขอบคุณมากค่ะ ! ไว้จะมาตอบแทนให้นะคะ ! ” ฉันที่พูดแล้วก็ออกวิ่งทันทีโดยไม่ได้หันไปมองคุณป้าแม่ค้าอีกเลย
แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเอาแต่วิ่งไปละก็อาจจะไม่ทันก็ได้ ฉันจึงใช้เวทย์ ‘เหินฟ้า’ บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือเมืองที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แสงแดด มีแต่ก้อนเมฆก้อนสีเทาที่บดบังแสงอาทิตย์สนิท แต่เหมือนแรงลมที่พัดอย่างรุนแรงในระหว่างที่บินขึ้นไปทำให้ผ้าคลุมสีทำที่คุณแอนนาให้ยืมมาปลิวหลุดออกไปจากตัวฉัน อ๊ะ ! แย่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงผ้าคลุมค่ะ ยังไงตอนนี้จูน่าจังก็ต้องมาก่อน
ทันใดนั้นก็บินไปในทิศทางที่คุณป้าบอกให้อย่างรวดเร็ว และฉันยังใช้สกิลเวทย์ ‘ นัยน์ตาเหยี่ยว ‘ ที่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัส DEX ใส่ตัวเองแต่ที่หวังผลจริง ๆ ไม่ใช่ในเรื่องของค่าสเตตัสค่ะแต่เป็นผลลัพธ์ใหม่ที่ได้รู้ตอนทดสอบสกิลเวทย์ที่บึงน้ำ นั่นก็คือเพิ่มระยะการมองเห็นนั่นเอง
เมื่อบินด้วยความเร็วสูงไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมองเห็นแล้วค่ะ ประตูเมืองทิศตะวันออกที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายไม่ว่าจะเป็นคนหรือมอนสเตอร์ก็ตาม แน่นอนว่าคนที่อยู่นอกประตูเลยไปประมาณ 100 เมตรน่าจะเป็นเหล่านักผจญภัย แต่ดูเหมือนจะจำนวนน้อยเกินไปหน่อยนะคะเนี่ย
กลับกันแล้วจำนวนของมอนสเตอร์เยอะกว่าเป็นไหน ๆ อาจจะมากกว่าเกินสิบเท่าด้วยซ้ำไปค่ะ ! แล้วแบบนี้จะไหวแน่เหรอคะเนี่ย ! หนำซ้ำนักผจญภัยส่วนใหญ่ยังบาดเจ็บจนไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว บางคนถึงกับได้รับบาดแผลสาหัสจนเลือดอาบ ดูเหมือนสถานการณ์จะแย่นะคะแบบนี้
ในส่วนของประตูเมืองเข้ามาก็จะเป็นทหารหลวงที่ตั้งกองกำลังรออยู่ข้างใน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ออกไปช่วยนักผจญภัยแต่อาจเพราะว่าคอยป้องกันตัวเมืองภายในก็เป็นได้ค่ะ ถ้าหากคิดตามนั้นก็สมเหตุสมผล แต่ถ้าตัดสินดูจากสถานการณ์ตอนนี้ละก็ ถ้านักผจญภัยหมดแรงกันหมดละก็ ทหารหลวงคงเป็นรายต่อไปที่จะต้องต่อกรกับมอนสเตอร์จำนวนหลายร้อยตัวเป็นแน่ค่ะ
แต่เหมือนฟ้าประทานทั้งโชคดีและโชคร้ายมาให้กับฉัน ดวงตาของฉันที่ตอนนี้ถูกเสริมกำลังระยะการมองเห็นด้วยสกิลเวทย์ ‘ นัยน์ตาเหยี่ยว ‘ ได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่รูปร่างเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 7-8 ขวบผมสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักกำลังยืนปกป้องนักผจญภัยที่ตอนนี้บาดเจ็บนอนล้มอยู่กับพื้น แถมยังอยู่แนวหน้าอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีคนที่มีลักษณะหูแปลก ๆ ไม่เหมือนมนุษย์ที่ดูเป็นศัตรูกำลังร่ายเวทย์ ‘ ลูกบอลเพลิง ‘ ราวกับกำลังจะโจมตีใส่จูน่าจังเลยค่ะ …
แย่แล้ว !!!!!! อะไรกันคะเนี่ยยย !!! จูน่าจางงง ไหงไปอยู่กลางวงสงครามแบบนั้นได้ละคะ ! ตอนแรกที่ได้ยินว่าวิ่งไปทางประตูเมืองทิศตะวันออกก็กังวลจะแย่อยู่แล้วแต่นี่เล่นไปอยู่ในกลางวงจุดปะทะเลยงั้นเหรอคะ !! แล้วนั่นมันอะไรกันคะ คิดอะไรอยู่ถึงได้ไปยืนปกป้องนักผจญภัยกันคะเนี่ย !? หรือว่าเลือดผู้กล้าในตัวจูน่าจังตื่นขึ้นแล้วงั้นเหรอคะ ? ไม่สิ ตอนนี้พึ่งจะ 7 ขวบเองนะ !
แล้วทำไมอีตาผมม่วงหน้าหล่อถึงได้กำลังจ้องจะกินเลือดกินเนื้อจูน่าจังแบบนั้นละคะ ! หรือโดนจูน่าจังกวนส้น- เอ๊ย กวนประสาทเข้าให้งั้นเหรอคะ ! ก็จริงอยู่นะว่าจูน่าจังชอบทำให้ฉันปวดกบาลแต่ว่าจะรังแกเด็กอายุ 7 ขวบแบบนั้น อภัยให้ไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ ไหน ๆ ก็คิดจะช่วยจูน่าจังแล้ว งั้นก็ช่วยมันให้หมดทุกคนไปเลยแล้วกันค่ะ !!
” ‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ !! ” ออร่าสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องสว่างเป็นประกายห่อหุ้มรอบตัวของฉันที่กำลังบินอยู่ท้องฟ้า ประกายแสงของออร่าที่เจิดจรัสดั่งชื่อทำให้เกิดเงาในขณะที่เวลากลางวัน สกิลเวทย์นี้คือสกิลประเภทบัฟที่ฉันมักจะใช้เวลาต้องการใช้สกิลเวทย์ใหญ่ ๆ หรือที่เน้นการร่ายเวทย์เร็ว ๆ ค่ะ
‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ เป็นสกิลเวทย์ประเภทสนับสนุนที่ใช้ใส่ตัวเองที่จะช่วยเพิ่มระยะการแสดงผลลัพธ์ของสกิลเวทย์ ให้มีอาณาเขตใหญ่ขึ้นไม่ว่าจะสกิลสายสนับสนุนหรือสายโจมตีก็ตาม และยังช่วยลดระยะเวลาร่ายเวทย์ได้ถึง 1 ใน 3 ของระยะเวลาร่ายทั้งหมดอีกด้วยค่ะ
ปกติแล้วฉันมักจะใช้ตอนที่ทำสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างกิลด์ แน่นอนว่าการที่ไม่ว่าจะสกิลเวทย์สายโจมตีหรือสนับสนุนมีระยะการแสดงผลที่มากขึ้นย่อมเป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเองอย่างมากค่ะ แถมยังร่ายสกิลเวทย์ได้เร็วขึ้นทันตาเห็นอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่สกิล ‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ ไม่สามารถใช้กับ ‘ มหามนตราพิสุทธิ์ ‘ ที่เป็นสกิลเวทย์ระดับสูงสุดได้
ในตอนสมัยที่อยู่ในเกมเคยมีผู้เล่นไปโวยวายกับเหล่า GM ว่า ไหน ๆ แล้วก็ช่วยทำให้ผลของสกิล ‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ ใช้กับ ‘ มหามนตราพิสุทธิ์ ‘ ได้ด้วยสิ แต่เหมือนว่าพวก GM จะรู้เหตุผลนั่นก็คือพวกผู้เล่นไม่อยากจะร่ายคำเบียว ๆ ตอนใช้สกิลนั่นเองค่ะ ยิ่งพวกที่ไปโวยวายคือกลุ่มคนที่บ่นเรื่องคำร่ายเบียว ๆ นั่นด้วยทำให้ GM ปฏิเสธทันที แถมยังหัวเราะชอบใจใส่ผู้เล่นอีกต่างหาก ให้ตายสิคิดแล้วก็ชวนโมโหขึ้นมาเลยค่ะ ! พวก GM เกมนี้มันสมองเพี้ยนกันไปหมดแล้วหรือยังไงคะเนี่ย !!
กลับเข้าเรื่องดีกว่าค่ะ สาเหตุที่ฉันใช้ ‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ นั่นก็เพราะผลของสกิลที่ได้บอกไปแล้ว เนื่องจากว่าสกิลเวทย์ต่อไปที่ฉันจะใช้ ฉันต้องการใช้มันมีอาณาเขตกว้างพอที่จะครอบคลุมพวกคุณนักผจญภัยทั้งหมดนั่นยังไงละคะ !
” ‘ สาส์นแห่งชัยชนะกำเนิด ‘ !! ” สกิลเวทย์อาณาเขตที่จะช่วยฟื้นฟูทั้ง HP , MP ทั้งยังช่วยบัฟสนับสนุนให้กับพวกพ้องในปาตี้โดยมีผลทั้งหมด 4 อย่าง นั่นก็คือ เพิ่มพละกำลัง (STR) , เพิ่มความแม่นยำ (DEX) , เพิ่มความว่องไว (AGI) และสุดท้ายคือเพิ่มความต้านทานสถานะผิดปกติทุกประเภท 50 %
แน่นอนว่าปกติแล้วสกิลเวทย์นี้ไม่ได้มีระยะแสดงผลของสกิลกว้างขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ประมาณรัศมี 5 เมตรเท่านั้น เพราะงั้นฉันถึงได้ใช้ ‘ อนาลัยเจิดจรัส ‘ เพื่อเพิ่มระยะการแสดงผลการสกิลเวทย์นั่นเอง เพราะว่าฉันต้องการให้ครอบคลุมนักผจญภัยรวมไปถึงทหารหลวงที่อยู่หน้าประตูด้วยนั่นเองค่ะ ! แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แบบที่ฉันคิดไว้นะคะ !? ..
วงเวทย์ขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าโคตรจะใหญ่ถึงขนาดครอบคลุมทั้งเมืองป้อมปราการเดธวอลเลย์ กำลังลอยอยู่เหนือเมืองใต้เท้าของฉัน ลวดลายอักษรเวทย์ที่เคยเห็นในเกมถูกขยายใหญ่ราวกับใช้กล้องซูม 20X ไม่มีผิดค่ะ วงเวทย์กำลังเปล่งแสงสีขาวสว่างเจิศจ้าไปทั่วบริเวณอย่างงดงาม ราวกับพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่อัญเชิญเทพธิดามาจากสวรรค์เลยค่ะ
What the … !!! อะไรกันคะเนี่ย !!! ไหงมันถึงได้ใหญ่แบบนี้ละคะ ! เดี๋ยวนะ นี่มันแปลกเกินไปแล้วค่า ปกติแล้วมันไม่น่าจะมีรัศมีเกิน 10 เมตรไม่ใช่เหรอคะ !? แต่นี่เล่นครอบคลุมทั้งเมืองเลยงั้นเหรอ ! นี่มันรัศมีหลายกิโลเมตรแล้วไม่ใช่หรือไงกันคะ !! เอาอีกแล้วเหรอ ! ทำไมสกิลเวทย์ของฉันพอมาถึงโลกนี้ถึงได้หลุดสามัญสำนึกไปซะทุกครั้งเลยละคะ !!
ในขณะที่ฉันกำลังตกตะลึงอยู่นั่น ฉันก็บินมาถึงบริเวณเหนือหัวของพวกนักผจญภัย พูดง่าย ๆ ก็คือบินอยู่ข้างหลังจูน่าจังเล็กน้อยนั่นเองค่ะ เอ่อแบบนี้คงจะปกปิดตัวตนไม่ได้แล้วสินะคะ แต่เรื่องนั่นช่างหัวมันก่อนแล้วค่ะ ! ยังไงตอนนี้ก็จำเป็นต้องช่วยจูน่าจังก่อนให้ได้
ฉันที่สังเกตบริเวณรอบ ๆ นักผจญภัยทุกคนได้รับการฟื้นฟูบาดแผลกันจนหายสนิท คนที่สาหัสจนเกือบตายก็หายสนิทราวกับบาดแผลที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพมายา ความตกใจที่แสดงออกมาทางสีหน้าของเหล่านักผจญภัยราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์เล่นทำเอาฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ฉันกำลังโดนสายตาอันคุ้นเคยที่เคยโดนตอนอยู่หมู่บ้านโคลิน
สายตาของเหล่านักผจญภัยที่เหมือนจะศรัทธา เทิดทูน ฉันแบบแปลก ๆ เอ๋ ? เดี๋ยวนะ ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมคะ เหมือนตอนนี้ฉันจะเป็นเป้าสายตาทั้งนักผจญภัย ทหารหลวง หรือแม้แต่เจ้าหน้าหล่อผมสีม่วงที่กำลังจะทำร้ายจูน่าจัง แล้วทำไมบางคนถึงกับคุกเข่าให้กับฉันกันละ !
ภาพจำต่าง ๆ กำลังลอยเข้ามาในสมองของฉันอีกแล้วค่ะ !! ไม่ได้ ๆ ต้องทำเป็นไม่เห็นค่ะ ยังไงตอนนี้ความปลอดภัยของจูน่าจังก็ต้องมาก่อน ฉันที่เผลอยิ้มให้กับเหล่านักผจญภัยเพราะตลกที่ได้เห็นปฏิกิริยาตอนที่ถูกรักษาแผล หันหน้ากลับไปที่เจ้าผมสีม่วงที่ตอนนี้กำลังสั่นจนเกือบจะฉี่ราด ขาที่สั่นราวกับกำลังเต้นรำอยู่ สีหน้าที่หวาดกลัวราวกับเห็นสัตว์ประหลาด น้ำหูน้ำตาที่ไหลจนกลายเป็นแอ่งน้ำ
อะไรกันคะเนี่ย ? ไอ้เจ้าหล่อเสียของคนนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้ที่จ้องจะทำร้ายจูน่าจังเลยไม่ใช่เหรอคะ ? แต่จะยังไงก็ช่างดูแล้วไม่น่าใช่มนุษย์และที่สำคัญไม่ใช่นักผจญภัยอย่างแน่นอนเพราะมอนสเตอร์ไม่โจมตีหมอนี่เลย คิดว่าเป็นศัตรูไม่ผิดแน่ค่ะ และที่สำคัญให้อภัยไม่ได้ค่ะ !! ที่บังอาจคิดจะทำร้ายจูน่าจังเพื่อนของฉัน
จงสำนึกที่ได้บังอาจมาทำร้ายคนสำคัญของฉันซะเถอะค่ะ ! ถึงฉันกำลังโกรธแต่ก็ไม่ได้ขาดสติหรอกนะคะ แน่นอนค่ะว่าฉันไม่คิดที่จะใช้ ‘ มหามนตราพิสุทธิ์ ‘ ที่เป็นสกิลเวทมนตร์ระดับสูงสุดอย่างตอนที่ทดสอบพลังครั้งก่อนหรอกนะคะ ไม่งั้นอย่าว่าแต่นักผจญภัยหรือทหารหลวงเลยค่ะ เมืองทั้งเมืองได้ถูกลบหายไปจากแผนที่โลกแน่ ๆ ที่เลวร้ายที่สุดคือจะโดนจูน่าจังด้วย
อีกอย่างฉันไม่อยากจะสร้างความเสียหายให้กับป่าไม้ธรรมชาติมากด้วยเพราะงั้นจะใช้สกิลเวทย์ธาตุไฟไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ เพราะถึงจะกำจัดมอนสเตอร์ได้แต่ถ้าเกิดภัยพิบัติไฟป่าขึ้นมาก็ไม่คุ้มอยู่ดี เพราะงั้นก็ใช้สกิลเวทย์ระดับสูงก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ !!
” ‘ บุปผาสวรรค์เหมันต์ ‘ !!! ” สกิลเวทย์ระดับสูงสายน้ำแข็งที่มีขอบเขตสกิลกว้างที่สุดเท่าที่ฉันมี MP ของฉันถูกดึงไปใช้อย่างรวดเร็ว น้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์ที่มีอุณหภูมิ -200 องศาเซลเซียส กำลังแผ่ขยายเป็นวงกว้างกลายเป็นรูปดอกบัวที่แบ่งบาน
เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดไม่ว่าจะตัวเล็กใหญ่ถูกน้ำแข็งของกลีบดอกบัวแช่แข็งตายในทันที รวมไปถึงเจ้าหัวม่วงหล่อเสียของก็ไม่เว้นค่ะ แน่นอนค่ะว่าฉันกะระยะอย่างแม่นยำเพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์โดนลูกหลงแล้ว… แต่เดี๋ยวนะ ? ไหงน้ำแข็งที่เป็นรูปของดอกบัวบานขนาดใหญ่มันถึงไม่หยุดแผ่ขยายกันละคะ ?
ไอเย็นเยือกแข็งรูปกลีบดอกบัวขยายตัวไปสู่ป่าที่อยู่หลังพวกมอนสเตอร์อย่างไร้วี่แววว่าจะหยุด รัศมีของดอกบัวบานน้ำแข็งตอนนี้น่าจะเกิน 3 กิโลเมตรไปแล้ว สภาพภูมิอากาศที่ถูกความเย็นสุดขั้วจนทำให้เกิดหิมะตกเฉพาะบริเวณที่มีดอกบัวน้ำแข็งขนาดมหึมาอยู่ จนถึงที่สุดทั้งป่าฝั่งตะวันออกก็ถูกแช่แข็งโดยมีลักษณะเป็นดอกบัวบานขนาดใหญ่
อ๊ะเระ ? …
.
.
.
.
MANGA DISCUSSION