( ??? )
เผ่าพันธุ์ของพวกเราเปรียบดั่งเสมือนภูมิปัญญาแห่งโลก ทั้งความรู้ ประวัติศาสตร์ เวทมนตร์รวมทั้งพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เผ่าพันธุ์ของพวกเรามีมากที่สุดหาอื่นใดเปรียบ ไหนจะมีอายุขัยที่ยืนยาวหลายร้อยปีร่างกายที่แข็งแรงยากต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย และรูปโฉมที่งดงามที่คงไว้เมื่อโตเต็มวัยไม่แก่ชราไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรี เราคือเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งดุจดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการดูแลโดยพระเจ้า ใช่ เราคือเผ่าพันธุ์เอลฟ์
ประเทศของพวกเราตั้งอยู่ในมหาทวีปวาสเซลเรีย ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และพืชพันธุ์นานาชนิด ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เปรียบดั่งเพื่อนที่คอยช่วยเหลือและเกื้อกูลกันและกันระหว่างเอลฟ์และธรรมชาติ แม้จะมีต้นไม้และธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่แต่ก็มีสิ่งก่อสร้างที่เสมือนวิหารของพระเจ้าที่งดงามและดูราวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ต่าง ๆ นั้นได้รับการออกแบบให้เปรียบดั่งวิมานอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่แค่สิ่งก่อสร้างแต่ทั้งผืนแผ่นดินของทั้งทวีปวาสเซลเรียแห่งนี้อุดมไปด้วยพลังเวทย์อันบริสุทธิ์ ทำให้วิทยาการด้านเวทมนตร์ของประเทศพวกเราล้ำหน้ากว่าทุกที่บนโลก เรานำพลังเวทย์ที่มีอยู่มากมายมาประยุกต์ใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนให้กับเรือเหาะ ในขณะที่มนุษย์และเผ่าปีศาจนั้นใช้เรือตามปกติที่ต้องแล่นในน้ำ แต่ที่นี่เราไม่ทำแบบนั้น
เรือเหาะที่ใช้พลังเวทย์จากธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงทำให้เรือเหาะขนาดใหญ่บินได้นั้นทำให้เราสามารถทำการค้าและนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากต่างประเทศได้อย่างไม่ยากเย็นและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ รวมถึงไม่เสี่ยงอันตรายในท้องทะเลอันกว้างใหญ่อีกด้วย มอนสเตอร์ระดับตำนานที่เรียกได้ว่าราชาแห่งท้องทะเล ‘เลเวียธาน’ นั้นว่ากันว่าหลับใหลอยู่ในสักที่แห่งหนึ่งใต้มหาสมุทรของโลก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะตื่นขึ้นมา นั้นจึงเป็นเหตุให้เราไม่เดินเรือในน้ำ
แม้แต่โรงเรียนที่สอนวิชาความรู้และเวทมนตร์ที่เป็นเลิศที่สุดก็ตั้งอยู่ในประเทศของพวกเราเผ่าเอลฟ์ แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเราจะรักสงบและสันโดษแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปิดรับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ พวกเราพร้อมจะมอบภูมิปัญญาต่าง ๆ ให้หากเผ่าพันธุ์นั้นปฏิบัติตามกฎของเราอย่างเคร่งครัด
แต่สิ่งที่ภูมิใจที่สุดของประเทศของเราคือหอสมุดที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และได้ชื่อว่าสวนแห่งภูมิปัญญาแห่งโลกนั้นเอง ปัจจุบันหอสมุดนี้ได้รับการดูแลโดยศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ของประเทศของพวกเราเหล่าเอลฟ์ โดยเอลฟ์อย่างพวกเรามีความเชื่อว่าพระเจ้าจะคอยประทานพรต่าง ๆ ให้กับโลกพร้อมทั้งทำให้โลกสงบสุขและมีเทพธิดาที่คอยเปรียบดั่งผู้ส่งสารของพระเจ้าตัวตนที่เป็นตัวแทนของความงดงามและความเมตตา
เทพธิดาที่ว่ากันว่าปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในตอนที่ก่อตั้งประเทศของเหล่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์เมื่อหลายพันปีก่อน และไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกเลย แม้จะมีหน้าตาและหูคล้ายกับเอลฟ์ทั่วไปแต่นั้นไม่ใช่เลย ตัวตนที่สูงส่งเปรียบดั่งเทพธิดาสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามและความเมตตาแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีพลังอำนาจอันมหาศาลที่คอยปกป้องทุกชีวิตบนโลก
อย่างที่บอกไปว่าแม้เทพธิดาของศาสนาของเอลฟ์จะมีรูปร่างคล้ายกับเอลฟ์ก็ตาม แต่ลักษณะที่เล่าบอกต่อกันมาอย่างยาวนานจนเป็นเรื่องเล่าแพร่กระจายไปทั่วโลกคือ ผมสีขาวงดงามยาวไสวดุจแพรไหม และดวงตาสีน้ำเงินที่เสมือนจะมองทะลุถึงแก่นสัจธรรมของโลก เอลฟ์อย่างพวกเราเฝ้ารอคอยการมาของเทพธิดาที่ว่ามากว่าพันปี แม้เอลฟ์โดยทั่วไปจะมีผมสีเหลืองไม่ก็เขียวและตาสีเหลืองไม่ก็เขียวเช่นกัน แต่เมื่อมีเอลฟ์ตั้งครรภ์ทุกคนจะให้ความสนใจ ว่าหากเด็กคนที่เกิดมามีลักษณะตามที่ตำนานได้เล่าไว้ล่ะก็ เด็กคนนั้นเปรียบดั่งเทพธิดาที่ลงมาจุติ
ฉันที่เป็นผู้นำของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์มีหน้าที่เฝ้ามองและทำนายถึงอนาคตความเป็นไปของโลกใบนี้ และหน้าที่ที่สืบทอดกันมาในตำแหน่งนี้คือ การหาเอลฟ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับตำนานที่ว่านั่น แต่ฉันที่อยู่มา 400 ปีแล้วก็คงได้แต่เฝ้ารออย่างถึงที่สุดและส่งต่อเรื่องราวและหน้าที่นี้ให้กับผู้ที่จะมาแทนตำแหน่งของฉันในวันที่ฉันจากโลกนี้ไป
” ท่านสังฆราชินี ได้เวลาได้ค่ะ ” เอลฟ์สาวที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยและคนรับใช้ในเวลาเดียวกันเข้ามาทักจากด้านหลังในขณะที่ฉันกำลังมองออกไปนอกกระจกหลากสีในห้องชั้นบนสุดของหอสมุดสวนแห่งปัญญา
” เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ” เดินทางออกจากกระจกสีสันสวยงาม เมื่อกำลังจะออกจากห้องก็มองไปที่กระจกอีกครั้งด้วยแววตาโศกเศร้าและเหงาเดียวดาย
‘ ฉันจะ…หาเจอหรือเปล่านะ … ‘ เสียงในใจที่ไม่มีใครได้ยิน ดังก้องกังวานอยู่ภายในใจเอลฟ์หญิงแสนสวยที่มีดวงตาสีเทาดำเปรียบดั่งท้องฟ้ายามค่ำและเหลืองอร่ามเหมือนวิมานทองคำ
.
.
(สายเส้นโดยอาจารย์ 森野霞)
ถึงวันที่จะต้องไปงานเลี้ยงที่หมู่บ้านโคลินตามที่สัญญาไว้กับพวกคุณคาเวลแล้วค่ะ ทำยังไงดีคะเนี่ยรู้สึกประหม่าสุด ๆ ไปเลยค่ะ แม้ว่างานเลี้ยงจะเริ่มตอนช่วงเย็น แต่ก็พยายามสงบจิตสงบใจเท่าที่จะทำได้ค่ะ จากที่ดูน่าจะเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง คุณคาเวลบอกว่าเดี๋ยวจะให้ครอบครัวของจูน่าจังมารับที่ทางเข้าป่า เนื่องจากฉันไม่เคยไปหมู่บ้านโคลินมาก่อนค่ะ
จริง ๆ แล้วปัญหาหลัก ๆ ของฉันคือหลงทางง่ายค่ะ แม้จะมีลูลิช่วยก็เถอะ จะว่าไปตอนที่ก่อนจะตอบตกลงไปงานเลี้ยงขอบคุณก็ได้ถามคุณคาเวลไปแล้วล่ะค่ะว่าพาลูลิได้ด้วยได้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่มีใครติดขัดอะไร โดยเฉพาะคุณวิเวียนและจูน่าจังยิ่งดีใจเป็นพิเศษ เหมือนลูลิจะกลายเป็นเครื่องเล่นให้กับสองแม่ลูกศาสดาไปแล้วล่ะค่ะ
แต่แบบนี้จะไม่เป็นไรจริง ๆ น่ะเหรอคะ พาหมาป่าตัวบักเอ้บเข้าไปในหมู่บ้านแบบนี้ เพราะคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังไม่เคยเจอฉันและลูลิมาก่อนเลยใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นถึงได้กังวลอยู่นี่ไงคะ
เรื่องนั้นเอาไว้ด้นสดหน้างานเอาแล้วกันค่ะ นึกได้ว่าได้แผนที่มาจากคุณโยฮันแล้วไหน ๆ แล้วมาลองเปิดดูหน่อยดีกว่าค่ะ แผนที่มีลักษณะเป็นกระดาษแผ่นหนาสีน้ำตาลอ่อนให้อารมณ์เหมือนกระดาษเขียนแบบเมื่อสมัยก่อนเลยค่ะ รู้ได้ไงน่ะเหรอคะ ? เห็นในการ์ตูนโจรสลัดเรื่องหนึ่งน่ะ อย่าคิดมากเลยค่ะ ๆ
เมื่อกางแผนที่ออกสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือมหาทวีปทั้ง 6 ที่อยู่แยกกันอย่างอิสระโดยมีมหาสมุทรและทะเลกั้นอยู่ที่ประกอบไปด้วย อัลคาเดียอยู่ตรงกลางด้านบนหน่อย ๆ เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะเนี่ย ในทวีปอัลคาเดียแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ประเทศหลัก ๆ คือ แอนวอลเลล์ที่ฉันอาศัยอยู่ ฮาเดส และก็เรดคลิฟ
แต่จากที่ดูภูมิประเทศแบบคร่าว ๆ รู้สึกว่าฮาเดสจะมีแนวเทือกเขาขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา แถมยังมีแม่น้ำสายใหญ่ตัดผ่านข้างหน้าอีก แถมข้างหลังก็เป็นมหาสมุทรเหมือนโดนขังให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปเลยค่ะ ส่วนประเทศเรดคลิฟอยู่ติดกับฮาเดสโดยมีแนวเทือกเขาที่ว่าเป็นเหมือนรั้วให้ และก็ติดกับแม่น้ำแล้วก็ทะเล
ส่วนอาณาจักรแอนวอลเลล์อยู่ตรงกลางของทวีปเรียกว่าใหญ่พอสมควรค่ะ มีทั้งเมืองหลวงและเมืองต่าง ๆ มากมายคงจะเป็นของเหล่าขุนนางสินะคะ แล้วก็ที่เด่นชัดคือป้อมปราการที่เขียนว่า เดธวอลเลย์ แต่ป้อมปราการที่ตั้งอยู่ระหว่าง เมืองหลวงของแอนวอลเลล์กับเรดคลิฟ อารมณ์เหมือนทางผ่านที่จะไปเมืองหลวงสินะคะเนี่ย
ส่วนมหาทวีปที่อยู่มุมบนขวาคือวินโดเนีย ดูเหมือนว่าประเทศที่อยู่ในมหาทวีปนี้จะมีเพียงประเทศเดียวและใช้ชื่อเดียวกับชื่อทวีปอีกด้วย ภูมิอากาศเต็มไปด้วยหิมะละมั้งคะ ถึงได้ระบายเป็นสีขาวแบบนี้ เรียกว่าเหมือนในเกมทุกอย่างเลยค่ะ
ส่วนมุมขวาล่างเป็นมหาทวีปขนาดใหญ่ที่เขียนว่าซีเรีย เหมือนกับในเกมไม่มีผิดเลยค่ะ ในแผนที่เขียนว่าดินแดนต้องห้ามด้วย อันนี้ทำให้ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะถ้าหากอ้างอิงจากแผนที่สมัยอยู่ในเกม Fantasy Garden ละก็มหาทวีปซีเรียเป็นแผนที่ที่มีความอันตรายของมอนสเตอร์เลเวลมากกว่า 700 ขึ้นไปทั้งนั้น แถมดันเจี้ยนระดับ SSS ก็อยู่ที่ทวีปนี้อีกด้วย แม้แต่ผู้เล่นที่มีเลเวล 1000 อย่างฉันก็ยังต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะมอนเตอร์ในแผนที่นี้จะหินอย่างมากค่ะ ถึงแม้ผู้เล่นจะมีเลเวลสูงกว่ามอนสเตอร์แต่ด้วยสเตตัสที่สูงของมอนสเตอร์ในแผนที่นี้ก็เป็นจุดที่กลบความด้อยกว่าในเรื่องเลเวลได้
แถมในแผนที่นี้สมัยในเกมยังไม่มีจุดเซฟอะไรอีกด้วย ถ้าหากตายแล้วก็ต้องไปเกิดที่ทวีปอื่นเท่านั้นเสียเวลาเดินทางมาก็ตั้งมาก เพราะทวีปซีเรียไม่มีจุดวาปด้วยต้องเดินทางด้วยเรือที่ค่าเดินทางแพงมากหรือหากบินเอาก็เป็นไปไม่ได้คงจะ MP หมดก่อนแน่ ๆ ค่ะ ทำให้การจะไปสักครั้งจะต้องไปเป็นปาตี้และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม
” เฮ้อ… คิดถึงในเกมจังเลยนะคะ ตอนนั้นโดน ‘มังกรปฐพี’ ไล่ตามเป็นฝูงโดยไม่ได้ตั้งใจ เกือบแย่แหนะ ” ความหลังที่นึกขึ้นมาในหัวอย่างกะทันหันทำให้หัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะตอนนั้น ‘มังกรปฐพี’ ที่มีเลเวล 890 จำนวนกว่า 6 ตัวบินตามฉันไม่ยอมปล่อยถึง 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ จนต้องลากไปใส่ปาตี้หนึ่งที่พึ่งจะเคยมา ไม่รู้ปาตี้นั้นตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ! ตอนนั้นมันจวนตัวจริง ๆ
ส่วนทวีปที่ฉันสะดุดตาและเรียกได้ว่าผูกพันที่สุดคือทวีปมากาเรีย เป็นทวีปที่กิลด์ของฉันได้ยึดพื้นที่ส่วนหนึ่งของทวีปไว้ได้ในสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างกิลด์ ถึงจะยึดได้เพียงแค่ 3 เดือนแล้วถูกตีแตกก็เถอะค่ะ แต่ก็เป็นทวีปที่ฉันอยู่บ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ ในเกมเป็นทวีปที่ไม่มีประเทศอะไรอยู่ แต่เป็นเมืองร้างที่มีอารยธรรมโบราณที่เต็มไปด้วยป่ารกทึบและเศษซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างโบราณเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าในโลกนี้จะเป็นยังไงเพราะแผนที่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรไปมากกว่าลักษณะของทวีปและชื่อก็เท่านั้นค่ะ
ส่วนทวีปวาสเซลเรียกับทวีปแอสโมเดียนั้นในสมัยตอนอยู่ในเกมจะมีเพียงหนึ่งประเทศอยู่ที่นั่นทั้งคู่ ถ้าจำไม่ผิดวาสเซลเรียจะเป็นเมืองที่มีป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ให้อารมณ์เหมือนเมืองต้นไม้เลยก็ว่าได้ค่ะ เหมือนทางทีมงานจะบอกว่าเป็นเมืองสำหรับนักเวทย์หรืออะไรทำนองนั้น ส่วนเมืองในทวีปแอสโมเดียเป็นทวีปที่ผู้เล่นมักจะไปทำงานฝีมือกันที่นั่นค่ะเพราะเป็นทวีปที่มีวัตถุดิบทางการเกษตรหรือถ่านหินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีปราสาทสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้วยทำให้ผู้เล่นชอบไปถ่ายรูปกันบ่อย ๆ จะบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นสมัยก่อนก็คงไม่ผิดค่ะ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่ดูแผนที่ผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว แต่เหมือนจะประมาณ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ค่ะ งั้นเอาเป็นว่าไปรอที่ทางเข้าป่าเลยดีกว่า แหมจะให้พวกจูน่าจังรอก็คงเสียมารยาทจริงไหมคะ เมื่อฉันเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านก็เห็นเหมือนลูลิกำลังนั่งรอส่ายหางอย่างเคย เหมือนจะตื่นเต้นเหมือนกันนะคะเนี่ย
” พวกเราเดินไปกันเถอะลูลิ ” ฉันที่บอกอย่างนั้นแล้วเดินก้าวนำออกไปลูลิเดินตามหลังมาอย่างว่าง่าย ทำไมถึงเดินเอาน่ะเหรอคะ ก็ถ้าขึ้นขี่หลังลูลิไม่เกิน 5 นาทีก็คงถึงทางเข้าป่าแล้วล่ะค่ะ แต่เวลาเหลืออีกตั้ง 1 ชั่วโมงไม่เห็นต้องรีบมาก ยังไงต่อให้เดินก็ใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้นยังมีเวลาก่อนเวลานัดอีกเยอะค่ะ
ระหว่างที่เดินก็เห็นมอนสเตอร์มากมายผ่านไปผ่านมา แต่ก็อย่างเคยค่ะ ไม่มีตัวไหนกล้าเข้ามาโจมตีเลยเป็นเพราะเห็นลูลิแน่ ๆ แต่ก็มีบางตัวที่เหมือนจะตาเป็นประกายมองลูลิเหมือนกำลังเจอลูกพี่ซะงั้น เอ๋ ? เดี๋ยวนะลูลิกลายเป็นลูพี่ของพวกมอนสเตอร์ในป่าไปแล้วเหรอคะเนี่ย
เมื่อเดินกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กน่ารักตะโกนเรียกอยู่ไกล ๆ ค่ะ
” ท่านโนเอล ! ทางนี้คะ !! ” จูน่าจังนั่นเอง ยืนโบกไม้โบกมือพร้อมทั้งคุณโยฮันและคุณวิเวียนประกบซ้ายขวาโดยมีจูน่าจังตัวน้อยอยู่ตรงกลาง แต่ทำไมถึงได้มารอฉันก่อนกันละคะ นี่ฉันอุตส่าห์มาก่อนตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงเชียวนะคะ
” เอ๊ะ ? พวกจูน่าจังมารอฉันอยู่ก่อนแล้วเหรอคะ ? ” ฉันที่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่เอ่ยถามออกไปตรง ๆ แต่ก็ได้รับใบหน้าภูมิใจเพราะทั้งยืดหน้าอกน้อย ๆ นั้นตอบกลับมา
” แน่นอนค่ะ ! จะปล่อยให้ท่านโนเอลรอได้ยังไงกันละคะ ! ” จูน่าจังตอบอย่างทรงพลังทำเอาฉันที่คิดว่าตัวเองจะมาเร็ว ๆ เพื่อไม่ให้พวกจูน่าจังต้องรอไหล่ตกเลยละค่ะ
” อะ-เอ่อ พวกคุณวิเวียนมารอฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเหรอคะ ” ฉันหันไปถามทางคุณวิเวียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสวย
” ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ค่ะ ! ” คุณวิเวียนตอบกลับพร้อมกับกำมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนเด็กที่กำลังรอคำชมจากพ่อแม่เลยล่ะค่ะ
” เอ๊ะ ! ไหงมารอตั้งนานขนาดนั้นกันคะ ” ฉันที่ตกใจกับเวลาที่ทั้งครอบครัวจูน่าจังรอจนเผลอขึ้นเสียงไปเล็กน้อย แต่เหมือนความตกใจของฉันจะโดนทั้งคุณวิเวียนและคุณโยฮันปัดตกไปในทันที
” ท่านโนเอลเป็นผู้มีพระคุณต่อหมู่บ้านและครอบครัวของเรานะครับ จะให้มารอได้ยังไงกัน ”
” ใช่แล้วล่ะค่ะ ! ท่านโนเอล จริง ๆ ฉันกับจูน่าจะมารอตั้งแต่ตี 5 วันนี้แล้วนะคะ แต่โยฮันห้ามไว้ก่อน ”
อะเระ ? เมื่อกี้ฉันฟังอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ จะมารอตั้งแต่ตี 5 เนี่ยนะ ขอโทษนะคะแต่งานเลี้ยงจัดช่วงเย็นนะคะ คุณวิเวียนไม่ได้สบสันอะไรใช่ไหมคะเนี่ย โชคดีจริง ๆ ที่คุณโยฮันห้ามไว้ถ้าเกิดไม่งั้น คงเหมือนแม่ลูกกำลังยืนอดอาหารประท้วงต่อเทพธิดาในป่าไปแน่ ๆ เลยค่ะ
” คุณโยฮันทำได้ดีมาก ๆ เลยนะคะ ” ฉันที่หันไปชื่นชมคุณโยฮันอย่างใจจริง พร้อมทั้งยิ้มด้วยใบหน้าโล่งอก ทำเอาทั้งจูน่าจังและคุณวิเวียนงงไปตาม ๆ กัน
” ขอบคุณครับ ฮะ ๆ ” เหมือนคุณโยฮันจะรู้ว่าฉันชมเรื่องอะไรไป ทำให้เราทั้งคู่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมากันเหมือนรู้กันแค่สองคน
เมื่อทักทายกับครอบครัวจูน่าจังเสร็จแล้วก็ออกเดินไปที่หมู่บ้านกันทุกคน แต่เหมือนจูน่าจังจะขึ้นไปขี่หลังลูลิในระหว่างเดินไปหมู่บ้าน แต่เหมือนจะแอบ ๆ เห็นใบหน้าอิจฉาของคุณวิเวียนหางตาด้วยค่ะ ไม่ ๆ คงคิดไปเองนั่นแหละค่ะ
” อะ-เอ่อ ฉันไปจะไม่เป็นไรจริง ๆ น่ะเหรอคะ เห็นบอกว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้จักฉันด้วย ” ฉันที่ประหม่าเอ่ยถามคุณโยฮันที่เดินนำหน้าไปเล็กน้อย
” ไม่ต้องห่วงครับ ตั้งแต่เมื่อวานที่พวกเรากลับไปที่หมู่บ้าน ท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ชาวบ้านทั้งหมดฟังด้วยล่ะครับ ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้พบท่านโนเอลกันทั้งนั้น ” หา ? ไหงเป็นงั้นล่ะ ปกติแล้วมันต้องนึกสงสัยตัวตนของฉันกันสักหน่อยไม่ใช่เหรอคะ
” ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ! ท่านโนเอลพวกเราเองก็ช่วยบอกชาวบ้านทุกคนเหมือนกันรับรองว่าทุกคนต้องศรัทธาในตัวท่านโนเอลแน่ ๆ ค่ะ!! ” นั่นละปัญหาค่ะ !!! คุณวิเวียนไหงอยากจะให้คนมาศรัทธาฉันด้วยละคะเนี่ย ! แบบนั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แบบนี้ก็ยิ่งประหม่าไม่ใช่เหรอคะ !
” ใช่แล้วค่ะ ! คนไหนที่ไม่รู้สึกถึงความสุดยอดและสูงส่งของท่านโนเอลก็ไม่ต่างหากอึพิกม่าหรอกค่ะ ! จะต้องจับมาเทศน์สามวันสามคืนเกี่ยวกับความสุดยอดของท่านโนเอลให้ได้ค่ะ ! ” เดี๋ยว ๆ ๆ จูน่าจังนี่อายุ 7 ขวบจริง ๆ ใช่ไหมคะ ยังเด็กอยู่สินะ ไหงถึงได้พูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นออกมาหน้าตาเฉยแบบนั้นได้ละคะ !
” ไม่ได้นะจูน่าแบบนั้นน่ะ ” คุณวิเวียนที่เหมือนจะยังพอมีสติความนึกคิดอยู่ช่วยเตือนจูน่าจังที่มีความคิดสุดโต่ง สมกับที่เป็นแม่คนจริง ๆ ค่ะต้องมองใหม่จริง ๆ แล้ว
” สามวันยังไม่พอหรอกนะจ๊ะ ต้องห้าวันต่างหากแล้วก็ต้องจับลากมาคุกเข่ากราบเท้าท่านโนเอลด้วยและก็ต้องถวายคำสรรเสริญต่อท่านโนเอลวันละ 10 รอบเช้าเย็นแบบนี้ต่างหากล่ะจ๊ะ ” …
ขอถอนคำพูดค่ะ ฉันมันบ้าเองที่คิดไปว่าแม่ลูกคู่นี้ยังจะพอปกติอยู่บ้าง ฉันที่ห่อไหล่ตกทำให้คุณโยฮันสังเกตเห็นแล้วพูดด้วยความเห็นใจว่า
” ท่านโนเอลเหนื่อยหน่อยนะครับ ” อาา.. ช่างเป็นคนดีจริง ๆ คุณโยฮัน รู้สึกซาบซึ้งที่ยังมีคนเข้าใจความรู้สึกของฉันมาก ๆ เลยค่ะ
และแล้วก็เดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านค่ะ
.
.
.
MANGA DISCUSSION