หลังจากที่แชร์แบ่งปันข้อมูลโดยรวมเรียบร้อย เหล่าผู้ปราบมารชายอย่างพวกเราก็เคลื่อนย้ายมายังชั้นใต้ดินของสาขาตอนใต้
ที่นั่นมีคอมพิวเตอร์จำนวนมากมายหลายเครื่องถูกตั้งเตรียมไว้ และไม่ว่าจะเครื่องไหนๆก็ดาวน์โหลดโฮเทลราพันเซลเอาไว้แล้วทั้งหมดเลย
คงเพราะโฮเทลราพันเซลเป็นเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไคอิละมั้ง นอกจากจะลบทิ้งไม่ได้แล้ว จนตอนนี้ก็ยังสามารถดาวน์โหลดได้ดังปกติอยู่เลย เออทางการก็ได้ทำการประกาศเตือนให้ระวังไปแล้วหรอก แต่ที่ถึงอย่างนั้นยอดดาวน์โหลดก็ยังคงเพิ่มขึ้นนิดๆอยู่ดีนี่ คงจะเป็นผลจากสัญชาติญาณลูกผู้ชายที่ไม่อาจกลั้นใจต้านความสยิวได้ละมั้งนะ……
ภายในชั้นใต้ดินมีเหล่าผู้ปราบมารที่หน้าตาเคร่งเครียดกำลังหันหน้าผากชนเข้าหากัน ทำการประชุมหารือวางแผนเพื่อพิชิตเกมกันอยู่ อารมณ์ประมาณเนี้ย
“ ถ้าเผลอน้ำแตกภายในเกมก็จะเป็นเกมโอเวอร์…… งั้นเราก็เหนี่ยวชักว่าวรีดน้ำรัวๆก่อนค่อยเข้าไปในเกมซะเลยดีมั้ย? ”
“ เอ้ยแต่เน้นเสริมอยู่แต่กับเกมรับเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ถึงเราจะไม่เกมโอเวอร์ แต่ถ้าทำให้อีกฝั่งเสร็จไม่ได้ก็เหมือนว่าเกมมันจะไม่เดินด้วยใช่มั้ยล่ะ ”
“ ลีลาพาสาวเสร็จแบบนั้น มันจะไปมีทางร่ำเรียนติดตัวภายในชั่วข้ามคืนได้ยังไงกัน…… “
“ ให้พวกที่ไม่ค่อยได้ผ่านผู้หญิงไปรับหน้าที่เป็นตำแหน่งสื่อสาร แล้วส่งพวกที่ผ่านผู้หญิงมาเยอะเข้าไปในเกมโดยเรียงตามลำดับซะแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ ”
“ อะไรน่ะ! ลำเอียงนี่หว่า! ”
“ ลำเอียงบ้าบออะไรเล่ามันใช่เรื่องจะพูดแบบนั้นเรอะ!? ”
“ ว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้ว ต่อให้เนื้อหอมสาวติดตรึมแต่ก็ใช่ว่าจะมีลีลาเด็ดซะทีเดียวนะเว้ย…… “
“ ก็จริงนะ …… อย่างฉันเนี่ยเว้ย เชื่อว่าตัวเองท่าดีลีลาเด็ดอยู่เรื่อยมาเลยแหละ แต่ไม่นานมานี้เพิ่งจะถูกเมียสารภาพว่าแค่เสแสร้งแกล้งว่าเสร็จมาตลอดน่ะ…… “
“ ถ้าคลี่คลายเรื่องนี้ได้แล้วเดี๋ยวไปก๊งเหล้าย้อมใจกัน นะ? ”
พวกเจ้าตัวเค้าเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังอย่างมากเลยจริงๆนะ
เพราะถูกปลดปล่อยจากแววตาเย็นเฉียบของกลุ่มผู้หญิง ก็เลยดูออกจะครื้นเครงไปในทิศทางพิลึกนิดหน่อยก็จริง แต่เอ้อก็เกมมันเป็นซะแบบนี้ไงช่วยไม่ได้หรอกฟ่ะ……
ในปัจจุบันนี่ กำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนกำหนดกลุ่มทำหน้าที่ติดต่อสื่อสาร 100 คน กับกลุ่มเข้าไปในเกมเพื่อพยายามหาทางเคลียร์อีก 100 คนแน่ะ
เขาเลยกำลังถกอย่างดุเด็ดเผ็ดมันไม่มีใครยอมใครอยู่เนี่ย ว่าจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์เลือกตัวผู้เล่นอะนะ
ฉันเองก็อยากจะขอเข้าร่วมในศึกวาจาคำพูดที่ดุเดือดระดับสัมผัสได้ถึงไอร้อนนั่นด้วยหรอก…… ทว่า ฉันนั้นกลับไม่อาจเข้าไปร่วมวงสนทนากับพวกเขาได้
ไม่ได้หมายความว่าถูกเขารวมหัวเมินเพราะฉันเป็นแค่นักเรียนใบอนุญาตชั่วคราวแต่อย่างใด
ถ้างั้นทำไม ฉันจึงถูกดีดออกมานอกวงถกเถียงอันแสนร้อนระอุของพวกเขาน่ะเรอะ……
“ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็มาตัดสินลำดับคนที่จะทำตำแหน่งสื่อสารให้ฟุรุยะคุงกันเถอะ ”
“ เดี๋ยวสิยะ เป็นแค่นังจิ้งจอกแท้ๆไหงถึงมีหน้ามาทำใหญ่คุมงานเฉยเลยน่ะ? ฉันต้องเป็นคนแรกแหงอยู่แล้วสิ ”
“ ศาสตร์สื่อสารนี่ ถ้าปิดตาอยู่จะใช้ได้รึเปล่านะ? ”
“ องคชาต…… หากมีองคชาตเสียอย่าง ฉันก็คงจะเข้าไปในเกมนี้ได้แล้วแท้ๆ…… ! ”
ก็เพราะว่ามีกลุ่มผู้หญิงอย่างคาเอเดะ ซากุระ โซยะ แล้วก็คาราสึมะมารายล้อมอยู่รอบตัวฉันนี่เฉยเลยยังไงล่ะ
แถมเท่าที่ฟังจากวาจาคำพูดนั่นแล้ว เหมือนกะจะรับหน้าที่เป็นตำแหน่งสื่อสารให้กับฉันอีกต่างหาก
“ อ่า เฮ้ย ไหงพวกเธอถึงไม่ไปกับคุณนางิสะล่ะ? การพิชิตเกมนี่มันคือหน้าที่ของผู้ปราบมารเพศชายนะเฟ้ย ตำแหน่งสื่อสารนี่ก็เห็นว่าเขาจะให้ผู้ชายทำด้วยเหมือนกันไม่ใช่เรอะ? ”
ลักษณะของผู้หญิงที่จะเข้ามาปล้ำในเกมนี้ จะแปรเปลี่ยนไปตามเฟติชและรสนิยมความชอบของผู้เล่น
กล่าวคือคนรับตำแหน่งสื่อสารจะล่วงรู้รสนิยมความชอบของผู้เล่น และได้เห็นฉากตอนที่กำลังทำกิจร่วมเพศแบบเต็มๆตาเลยนั่นเอง ฉะนั้นเขาก็เลยวางระบบให้ผู้ชายเพศเดียวกันรับหน้าที่เป็นตำแหน่งสื่อสารซะ โดยคิดว่าถ้าทำแบบนั้นดาเมจในแง่ต่างๆมันก็จะไม่หนักหนาสาหัสมากมายนักไง……และทุกคนก็ทำแบบนั้นกันหมดเลย ยกเว้นฉันเนี่ยแหละ
“ ฉันก็ว่าจะขอให้ผู้ปราบมารผู้ชายมาเป็นตำแหน่งสื่อสารเหมือนกันแหละ พวกเธอน่ะไปหาคุณนางิสะทีเหอะขอร้อง ”
จะยอมให้คนรู้จักเห็นประเภทสาวที่ชอบ เพลย์ที่โปรดปราน และฉากตอนกำลังร่วมเพศแบบจะๆได้ยังไงกันฟะ
เพราะงั้นแหละ ฉันจึงขอร้องอ้อนวอนอย่างสุดชีวิตเลยเชียว ทว่า
“ ทำไม่ได้หรอก ”
คาเอเดะที่เพิ่งจะโผล่ออกมาหลังจากเช็คว่าโซยะปิดตาตัวเองเรียบร้อยแล้ว พลันตอบกลับแบบไม่มีดีเลย์มาว่างั้น
“ ตอนที่คุยผ่านโทรศัพท์นั่นก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ คนที่จะเคลียร์เกมนี้ได้น่ะ คาดว่าคงมีแค่เธอเท่านั้นล่ะ ”
“ เอิ่มก็……ตอนได้ยินคำอธิบายก็คิดแบบนั้นเหมือนกันหรอก…… แต่มันเกี่ยวอะไรกันเล่าเฮ้ย ”
ถ้าน้ำแตกแม้ครั้งเดียวก็จะเกมโอเวอร์
ถ้าไม่อาจทำให้เหล่าผู้หญิงที่เข้ามาข่มขืนน้ำแตก ก็จะดำเนินเกมไปต่อไม่ได้
หากพิจารณาจากสองจุดนี้แล้ว ก็คงต้องพูดว่าฉันน่าจะชนะทางเกมนี้สุดๆไปเลยจริงนั่นแหละ ถึงจะไม่ภูมิใจซักนิดก็เหอะนะ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ฉันไม่ค่อยจะมีอารมณ์สนใจใคร่รู้ในเรื่องกามๆมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วไง และที่สำคัญที่สุดก็คือ สองมือข้างนี้มันมีคำสาปที่สามารถทำให้คนที่โดนจิ้มจึ๊กน้ำแตกถึงจุดสุดยอดได้อยู่ด้วย
ความสามารถที่ทำให้ผู้อื่นเสร็จในจึ๊กเดียวได้ก่อนที่ตัวเองจะถูกทำให้เสร็จ นี่แหละนะที่เขาว่า การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด
แต่เรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับการที่พวกคาเอเดะจะรับหน้าที่เป็นคนทำตำแหน่งสื่อสารกันน่ะ
“ ในเมื่อเธอเป็นคนที่มีโอกาสจะเคลียร์เกมได้มากเป็นที่สุด คนที่ทำตำแหน่งสื่อสารให้เธอก็จำเป็นต้องมีความพร้อมให้มากที่สุดตามไปด้วยยังไงล่ะ เพราะศาสตร์วิชาที่จะใช้ในคราวนี้ถือเป็นอันที่ใช้งานยากและผลาญปริมาณพลังวิญญาณอย่างหนักหน่วงมากเลย ดังนั้นในบรรดาเหล่ามืออาชีพที่ไม่นับผู้บัญชาการอย่างคุณนางิสะและคุณทาทาราบะแล้ว ฉันกับนังหนูที่ถือเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงก็เลยถูกมอบหมายให้คอยสลับกันดูแลช่วยเหลือเธอน่ะ ”
“ ใช่เลยๆ ไม่ได้ขอร้องอ้อนวอนให้ได้ย้ายมาทางฝั่งนี้เพราะอยากรู้อยากเห็นอยากทราบว่านายจะถูกผู้หญิงคนไหนเข้ามาปล้ำในสถานการณ์แบบไหนหรอกนะยะ!? ”
คาเอเดะกล่าวอย่างราบเรียบ ส่วนซากุระนั้นพูดแบบกระโชกโฮกฮาก
กุนุนุ……พอฉันเค้นหาจุดเริ่มเพื่อจะใช้ค้านกลับไปอยู่ คาเอเดะก็พลันกล่าวเพิ่มเติมซ้ำเข้ามาอีก
“ มีข้อมูลบอกว่า “ด่านครึ่งหลัง” ของโฮเทลราพันเซลจะแตกต่างไปจากครึ่งแรกพอสมควรด้วย ฉะนั้นตำแหน่งสื่อสารก็เลยจะเลินเล่อประมาทไม่ได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเข้าใจแล้วก็จำยอมอยู่นิ่งๆซะ ”
ขุ่ก อยากจะค้านอยู่หรอก แต่คาเอเดะเล่นปล่อยแรงกดดันรุกเข้ามาใส่กันแบบนี้แล้วก็พูดอะไรไม่ได้เลยว้อย
……อ๊ะ แต่ว่า
“ งะ งั้นเจ้าพวกนี้เล่าเฮ้ย! ”
ฉันชี้นิ้วไปยังโซยะและคาราสึมะ
พลังวิญญาณของโซยะมันน้อยระดับห้อง D เลยไง แถมคาราสึมะก็เป็นไอ้โรคจิตที่ใช้ศาสตร์พันธนาการได้เฉพาะกับสาวงามเท่านั้นอีก
ฉันชี้แจงแบบนั้นไป โดยหวังว่าอย่างน้อยก็ขอไล่แค่เพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนออกไปจากที่นี่ได้ก็ยังดี ทว่า
“ ฉันถูกคุณนางิสะเค้าพูดว่า [เนตรมารฝันของแกจะทำให้ขวัญกำลังใจตกต่ำ ไสหัวไปฝั่งโน้นไป๊] อัดหน้ามาน่ะ…… ”
“ ส่วนฉันนั้นมีประสบการณ์เคยเล่นเกมกับมือมาก่อนอย่างไรล่ะ ก็เลยถูกสั่งให้มาคอยช่วยเหลือซัพพอร์ตตำแหน่งสื่อสาร และฉันก็ยังรู้เกี่ยวกับ “ด่านครึ่งหลัง” อันเป็นปัญหานั่นอย่างละเอียดเลยด้วยเชียว ”
โซยะหงอยซึมทั้งๆที่ถูกมัดผ้าปิดตาอยู่ ส่วนคาราสึมะก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจไปพร้อมกับน้ำตาไหลเป็นสายเลือด
จะคนไหนก็ไล่ยากกันไปคนละด้านเลยนะเนี่ยพับผ่าเอ๊ย!
“ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ช่างฟุรุยะคุงไปก่อน เรามาตัดสินลำดับก่อนหลังของตำแหน่งสื่อสารกันเถอะ ”
“ ค่าๆ! คนแรกต้องเป็นฉันเท่านั้น! กว่าจะชินกับเกมได้นี่คงจะลำบากกันมากเลย ฉะนั้นฉันจะคอยช่วยคุมและนำร่องให้กับฟุรุยะ ฮารุฮิสะที่ซื้อบื้อไม่ได้ความเอง! ……แถมถ้าให้นังจิ้งจอกที่มีพลังวิญญาณมหาศาลหยั่งกับบ้าเป็นคนรับดูแลก่อน แบบนั้นก็เสียโอกาสจะได้รู้รสนิยมความชอบของพี่จ๋าในด่านครึ่งแรกอันสุดสำคัญกันพอดีน่ะสิ…… ”
“ น่ารำคาญจริงนะ ไม่จำเป็นต้องเสนอตัวออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้ เธอน่ะเชิญรับช่วงก่อนเป็นคนแรกไปได้เลย ”
“ เอ๊ะ!? จริงเหรอ!? ”
“ อืม เพราะจะยอมฝากหน้าที่ดูแลด่านครึ่งหลังที่มีปัจจัยไม่แน่นอนเยอะให้กับคนน้ำหน้าอย่างเธอไม่ได้น่ะนะ ”
“ อ๊า? จู่ๆหล่อนมาพูดจาหาเรื่องกันทำไมยะ? ”
“ ห้ะ? ก็จัดลำดับให้ดังที่เธอต้องการแล้วไงล่ะ ยังจะมีอะไรไม่พอใจอีกเหรอ? ”
คึ่กคึ่กคึ่กคึ่กคึ่กคึ่กคึ่ก!
หลังจากนั้น การประชันฝีปากในนามการคุยต่อรองก็ดำเนินไปซักพักโดยที่ไม่มีการถงถามอะไรฉันเลยซักคำ
จนสุดท้ายก็ได้ความว่า ผู้ทำตำแหน่งสื่อสารคนแรกสุดคือซากุระ คนที่สองคือคาเอเดะ และมีโซยะที่พอจะใช้ศาสตร์สื่อสารได้เป็นตัวสำรองแน่ะ
อาา แสบท้องปวดตับในหลายๆความหมายเลยฟ่ะ……
“ เอาล่ะ งั้นก็ใกล้ถึงคราวต้องเริ่มซะทีแล้วมั้ง ”
ฉันนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์เครื่องนึง แล้วจึงทำการเปิดโฮเทลราพันเซลขึ้นมา
พอกวาดตาไปรอบๆก็พบว่าเหล่าผู้ปราบมารเพศชายคนอื่นๆได้หารือกันเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างก็จับคู่เป็นสองคนต่อหนึ่งกลุ่มแล้วมารอสแตนบายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฝั่งนึงเป็นผู้เล่น อีกฝั่งเป็นตำแหน่งสื่อสารน่ะ
ศาสตร์สื่อสารได้ถูกเปิดใช้งานจากทั่วทั้งบริเวณ เท่านี้ก็เหลือแค่ให้ผู้เล่นแต่ละคนกดเริ่มเกมเท่านั้นแล้ว
“ ถ้างั้นก็ ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ นายน่ะหลับตาลงแปปนึงซิ ”
หลับตาลงอย่างเบาๆดังที่ซากุระบอก
สัมผัสได้ว่าฝ่ามือของซากุระถูกชูขึ้นมาจ่ออยู่หน้าเปลือกตาฉัน
“ ……อือ โอเค เท่านี้ภาพและเสียงรอบๆตัวนายที่อยู่ภายในเกมก็จะถูกส่งต่อมาถึงฉันแล้ว แถมยังพูดคุยกับฉันได้อีกด้วยล่ะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนหรือเกิดอะไรแปลกๆขึ้นก็พูดออกมาให้หมดเลยนะยะ ”
ไม่แน่อาจจะมีคำใบ้เพื่อใช้ระบุตัวบุคคลที่เป็นแกนกลางของไคอิอยู่ภายในเกมก็ได้……ซากุระว่าแบบนั้น
“ ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่เตรียมการเรียบร้อยก็จงกดเริ่มเกมตามลำดับเสีย ”
พอทาทาราบะกล่าวเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงเข้มงวด เหล่าผู้ปราบมารเพศชายที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็พลันถูกลากหายเข้าไปในหน้าจอคอมพิวเตอร์ทีละคน เขากดให้โฮเทลราพันเซลเริ่มประมวลผลขึ้นมากันแล้วสินะ
“ โหย……ถูกลากเข้าไปในเกมจริงๆเลยเรอะเนี่ย…… ”
เห็นสภาพตอนถูกลากเข้าไปในเกมแบบจะๆกะตาแล้ว มันก็ชวนให้รู้สึกใจคอไม่ดียิ่งกว่าที่คาดไว้อีกแฮะ
“ ขอโทษนะฟุรุยะคุง……พอถึงคราวคับขันทีไรก็ต้องให้ฟุรุยะคุงรับภาระหนักอยู่คนเดียวเรื่อยเลย…… ”
พอฉันรู้สึกหวาดๆขึ้นมาปุ๊บ โซยะที่อยู่ในสภาพถูกปิดตาก็พลันกล่าวพึมพำออกมาโดยที่หันมองไปยังทิศอื่น
เฮ้ย ฉันอยู่ทางนี้นะเฟ้ย
“ ถ้าฉันมีพรสวรรค์มากกว่านี้หน่อย ก็คงจะช่วยซัพพอร์ตฟุรุยะคุงแบบดีๆเหมือนคนอื่นเค้าได้แล้วแท้ๆ…… ”
ว่าแล้ว โซยะก็หัวเราะดัง “ทะฮะฮะ”
“ ไหงพูดจาซึมกะทือแบบนั้นเล่า ไม่สมกับเป็นเธอเลยเอ้อ ”
เหมือนจะรู้สึกแย่ที่ตัวเองซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมโดนผลักไป แล้วต้องให้ซากุระกับคาเอเดะมาคอยรับหน้าที่ทำตำแหน่งสื่อสารให้กับฉันแทนละมั้ง ท่าทางจึงไม่สมกับเป็นโซยะที่มักจะร่าเริง (ไม่เข้าเรื่อง) อยู่เสมอเลย
“ วันนี้แค่เผอิญว่าความสามารถของเธอมันใช้การได้ไม่ค่อยเป๊ะเท่านั้นเองไม่ใช่เรอะ นั่นไง อย่างในตอนสาวนมหลีกหรือตอนการพิจารณาคดีแท่นตัดคอประหารนั่น เธอก็เอาร่างกายเข้าแลกเพื่อช่วยฉันมาแล้วนี่ ”
เอ้อ ถึงวิธีการของโซยะมันจะเป็นอะไรที่ชวนหนักใจทุกครั้งเลยก็เหอะนะ แถมถ้าให้ว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมที ถ้าไม่มีโซยะอยู่ ฉันก็อาจจะไม่ถูกลากมาพัวพันกับเหตุการณ์แสนน่าปวดหัวตั้งแต่แรกแล้วก็ได้เหมือนกันหรอก แต่ว่า
“ ก็นั่นไง ดูคาราสึมะนั่นสิ เธอก็ให้มันกระปรี้กระเปร่าได้ระดับนั้นบ้างสิเอ้อ ”
“ ตามเนื้อแท้แล้วองคชาตกับคลิตอริสนั้นถือเป็นอวัยวะเดียวกัน ดังนั้นหากบังคับควบคุมให้มันตั้งเด่ชูชันสุดกู่สุดขั้วสุดหูรูดแล้วไม่แน่เกมอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นผู้ชายก็ได้……? ”
คาราสึมะที่จ้องเขม็งใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยแววตาแดงก่ำ พร้อมกับกระหน่ำคลิ๊กปุ่มเริ่มเกมรัวๆนั่นอะนะ
“ เอ่อจะให้คึกคักแบบนั้นนี่ก็ไม่ไหวนะ…… ”
แม้จะทำท่าทางหยึยใส่คาราสึมะไปพลาง แต่โซยะก็กลับมาเผยรอยยิ้มผลิบาน
“ อือ แต่ก็ขอบคุณนะ ……ฟุรุยะคุงนั่นแหละ ชอบจะน่วมสะบักสะบอมอยู่เรื่อย คราวนี้ระวังตัวดีๆด้วยล่ะ เป็นห่วงนะ ”
“ โอะ โอ้ว ”
“ เอ้าเอ้าเอ้าเอ้า! รีบๆกดเริ่มได้แล้วย่ะ! ”
พอบรรยากาศอ่อนหวานน่ารักที่หาเจอได้ยากของโซยะทำเอาฉันสับสนนิดๆอยู่ ซากุระก็พุ่งเข้ามาแทรกอย่างกะทันหันโดยพลัน
“ ชิ ”
สงสัยจะหงุดหงิดที่ฉันมัวโอ้เอ้ไม่ยอมกดเริ่มเกมซะทีละมั้ง คาเอเดะก็เลยขมวดคิ้วยกใหญ่แถมยังกระเดาะลิ้นมาด้วยอีกต่างหาก
เหล่านักเรียนที่เป็นผู้ปราบมารมืออาชีพการงานเก่งเนี๊ยบพวกนี้นี่เข้มงวดกับมือสมัครเล่นจริงเฮ้ย……
ฉันที่ถูกซากุระและคาเอเดะรบเร้า ทำการถอดกำไลข้อมือสองข้างที่เป็นผนึกของเทคโนเบรคเกอร์ออก
กางเขนเงินพลันสูญเสียประกายส่องสว่าง และพอตรวจสอบว่าเห็นโพรงเสน่ห์กายิกสุขของผู้คนที่อยู่ในการมองเห็นเรียบร้อย ฉันก็ขยับเคอร์เซอร์ไปยังปุ่มเริ่ม
“ ถ้างั้นก็ ไปก่อนนะ ”
หน้าคำเตือนที่เริ่มต้นด้วย [คำเตือน! เกมนี้สยิวกิ้วม้ากมากจนจะทำให้กลับมายังโลกความเป็นจริงไม่ได้เลยเชียวนะคะ!] พลันปรากฎขึ้นมา และฉันก็คลิ๊กไปยังปุ่ม YES ที่ถูกแสดงอยู่เบื้องล่างนั่น
เป็นในฉับพลันนั้นนั่นเอง
“ เอ๊ะ!? ”
พอฉันนิ่วหน้าเพราะสัมผัสสุดประหลาดที่ร่างกายถูกลากเข้าไปในเกมอยู่ ก็พลันมีเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังก้องขึ้นมาจากบริเวณโดยรอบตัว
“ อ้าว!? ทำไมมันถึงลากไปถึงฉันด้วยล่ะ……!? ”
“ โอ้วววววววววว!? สำเร็จแล้ว! คำภาวนาของฉันถูกส่งต่อไปถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้วสินะ! ”
ภายในอุโมงค์อันมืดมิดที่น่าจะเชื่อมต่อกับข้างในเกม
ไม่รู้ทำไม แต่นอกจากฉันแล้ว ยังมีโซยะกับคาราสึมะตามมาอยู่ที่นั่นด้วยเฉยเลยซะงั้น และแต่ละคนนั่นก็กำลังแผดเสียงกรีดร้องอย่างตื่นกลัวและยินดีปรีดากันอยู่
“ ห้ะ มันยังไงกันน่ะ!? เด็กผู้หญิงถูกลากเข้าไปด้วยซะงั้น! นังผู้หญิงโรคจิตน่ะยังพอว่า แต่มิซากิไม่ได้กดตกลงกับหน้าคำเตือนเลยด้วยซ้ำนะ! ”
“ การจะช่วยเหลือออกมา……นี่คงทำไม่ได้ นังหนู ไม่ว่ายังไงก็จงระมัดระวังอย่าให้ศาสตร์สื่อสารที่เชื่อมอยู่กับฟุรุยะคุงขาดห้วงไปเด็ดขาดเชียวนะ ”
เสียงของซากุระที่ลนลาน กับคาเอเดะที่แม้จะงงงวยพอกันแต่ก็ยังให้คำสั่งอย่างเยือกเย็นนั่นค่อยๆลอยห่างออกไปเรื่อยๆ
(นี่มันอะไรกันน่ะ……จู่ๆก็ผิดปกติเกินเหตุไปแล้วนะเว้ย!?)
จิตของฉันที่ถูกฉุดลากเข้าไปภายในเกมทั้งๆที่สับสนมึนงงนั่น เริ่มที่จะมืดมัวเหมือนวิวทิวทัศน์โดยรอบขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย—-
——อาา ในที่สุดก็มาแล้ว……เจ้าชายของฉัน……
(ขึก!? ใครน่ะ!?)
ไม่ใช่เสียงที่มักจะดังก้องอยู่ในหัวแบบทุกที
ได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงที่ราวกับพร้อมจะร้องไห้หลั่งน้ำตาดังขึ้นมาเบาๆ และจิตของฉันก็ขาดห้วงโดยสมบูรณ์ไปตรงนั้นเลย
พื้นที่ใต้ดินอันกว้างใหญ่ที่เปี่ยมล้นเต็มไปด้วยแสงสว่างเทียมเพียงเท่านั้น
ที่แห่งนั้นได้มีผู้หญิงหลักหลายสิบคน หลักหลายร้อยคนมาสุมหัวรวมตัวกัน กระโชกแผดเสียงร้องที่ล้นปรี่ไปด้วยความอาฆาตพยาบาทและโกรธเกรี้ยวโกรธาออกมา
“ ผู้ชายจงหายไปซะ! ผู้ชายจงหายไปซะ! ผู้ชายจงหายไปซะ! ”
“ โปรดมอบโลกที่ไร้ซึ่งผู้ชายให้เราทีเถิด! โปรดมอบสังคมอันสงบสุขที่มีเพียงผู้หญิงให้เราทีเถิด! ”
“ การแสดงออกทางความคิดที่เห็นเพศหญิงเป็นวัตถุทางเพศล้วนมีค่าคู่ควรให้ต้องตัดหัวประหารทิ้งทั้งมวล! ”
“ อีพวกผู้หญิงร่านทุกตัวที่ทำท่าให้ผู้ชายหลงเข้าใจผิดว่าจะย่ำยีผู้หญิงเพื่อสนองกามอารมณ์ได้ไม่มีปัญหานั่นก็มีความผิดสถานเดียวกันน! ”
สีหน้าของพวกเธอที่แผดเสียงกล่าวหลักคำสอนที่ขึ้นตรงกับความยุติธรรมอันเที่ยงแท้ของพวกตนนั่นต่างก็สดใสมีชีวิตชีวา สภาพที่ตกอยู่ภายใต้สภาวะงงงันแบบกลุ่มนั้นชวนให้นึกถึงพิธีกรรมทางศาสนาของลัทธิประหลาดเลยก็ไม่ปาน
“ …… ”
บริเวณใจกลางที่พวกเธอปล่อยตัวพ่นคำก่นด่าสาปแช่งไปตามอารมณ์นั่น มีบัลลังก์ที่ทำให้นึกถึงแท่นบูชาตั้งตระหง่านอยู่
ผู้ที่กำลังนั่งก้มหัวอยู่ตรงนั้นก็คือนักเรียนหญิงคนนึง
ผมหน้าที่ปล่อยยาว เปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศกได้ทำการปกปิดความงามเลอโฉมนั่นไปกว่าครึ่ง เรือนร่างอันอวบอัดที่ห่างไกลจากของนักเรียนได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเนื้อผ้าที่หลวมเหมือนผ้าคลุม ปกปิดเก็บซ่อนร่างกายเอาไว้โดยสมบูรณ์
และภาพวิวทิวทัศน์อันสุดแปลกประหลาดนั่น ก็กำลังถูกจับตามองอยู่โดยเงาคนที่ยืนอยู่ในจุดที่ห่างออกไปเล็กน้อย
ตรงข้ามกับนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่เหนือแท่นบูชา ผมที่ถูกตัดสั้นนั่นมีประกายสีสดใส ทำให้รูปโฉมแสนน่ารักผิดมนุษย์ยิ่งโดดเด่นมากเข้าไปใหญ่ ภายใต้ดวงตาอมนุษย์ที่ถูกหรี่เล็กลงด้วยรอยยิ้มกริ่มนั่นก็คือลายเพนต์รูปหัวใจ ชุดนักเรียนที่สวมแบบยับๆมันปลดปล่อยเสน่หาอย่างน่าชื่นใจให้ล้นออกมาก็จริง แต่กลับไม่มีผู้ใดในที่แห่งนี้กล่าวปรามการกระทำนั่นเลยแม้ซักคนเดียว
“ อึ้นหึหึ ว่าแล้วเชียวน้า ของเทียมแบบโลลิค่อนสเลเยอร์เนี่ยใช้ได้ซะที่ไหน ถ้าพูดถึงไคอิก็ต้องเป็นของที่เกิดเองตามธรรมชาติจริงๆแหละถึงจะเดอะเบสต์~ พลังมันคนละเรื่องเลยนะเนี่ย ”
เธอคนนั้น—–อันโดรมาเลียสนั้นทำการเฝ้ามอง พิธีกรรม ที่ถูกจัดขึ้นภายในพื้นที่ใต้ดิน ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างพึงพอใจ
ตอนที่ถูกเหล่าผู้ปราบมารที่ประจำการอยู่ในวิทยาลัยหญิงชิรายูกิตรวจพบความผิดปกติเข้านั่นก็ตกใจอยู่หรอก แต่เรื่องนั้นก็ได้ถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ไคอิ [โฮเทลราพันเซล] ก็จะต้องเติบโตขึ้นไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรคแน่นอน
“ ……อ้าว? ”
เป็นตรงนั้นเอง ที่ดวงตาของอันโดรมาเลียสพลันกระตุกราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ โด่วอะไรกานน เหล่าผู้ครองชิ้นส่วนตัวน้อยเข้ามาติดกับกันซะแล้วเหรอเนี่ย ทั้งที่อุตส่าห์เตรียมกลอุบายสำหรับใช้จับแบบอื่นๆเอาไว้ตั้งเยอะแยะเลยแท้ๆน้าา ”
อันโดรมาเลียสพึมพำราวกับผิดหวัง แล้วจึงเอียงหัวอย่างงุนงงไม่เข้าใจ
“ อื๋อ? นอกจากเด็กเนตรมารฝันแล้วยังมีเด็กผู้หญิงอีกคนเข้ามาในเกมด้วย……? ได้ยังไงกันน่ะ ชอบเด็กผู้หญิงมากจัดจนเกมเข้าใจผิดเป็นผู้ชายรึไงหว่า……? ”
มีมนุษย์พิลึกแบบนี้ด้วยแฮะ…พออันโดรมาเลียสแสดงอาการหยึยอยู่แบบนั้น ก็พลันมีเงานึงก้าวเข้ามาโค้งคำนับอยู่เคียงข้าง
“ ท่านอันโดรมาเลียสเจ้าคะ ”
ผู้ที่กล่าวนามของเธอออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพนั่นก็คือ แม่ของนักเรียนหญิงคนที่นั่งก้มหัวอยู่บนแท่นบูชา
“ ดูเหมือนว่าตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ จะมีพวกผู้ชายสุดทุเรศแสนน่ารังเกียจเดียดฉันท์หายตัวไปจากรอบบริเวณทั่วทั้งประเทศเลยทีเดียวเจ้าค่ะ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะพิธีกรรมที่ท่านมีเมตตาจัดให้กับพวกเราโดยแท้ ”
ขอบพระคุณนะเจ้าคะ…ดวงตาของคนเป็นแม่ที่กล่าวพร้อมเงยหน้ากลับมานั่นกำลังส่องประกายระยิบระยับแวววาว
เมื่อได้รับคำขอบคุณจากคนเป็นแม่ไปแล้ว อันโดรมาเลียสก็พยักหน้า “อืมอืม” กลับอย่างแสนน่ารัก
“ แบบนั้นแหละน้าแบบนั้นแหละน้า ไม่ต้องห่วง คำอ้างรณรงค์ให้เกิดการกำจัดเพศชายอย่างถอนรากถอนโคนที่พวกเธออุ้มชูนั่นเป็นอะไรที่ถูกต้องที่ซู๊ดเลยเชียวล่ะนะ เค้าคนนี้ขอรับรองเลยล่ะ ดังนั้นพวกเธอที่อยู่ภายใต้นามของความยุติธรรมนั่น จะทำอะไรก็ได้หมดทุกอย่างตามใจอยากเลย ”
เพราะหากยกชูความยุติธรรมเข้าซะอย่าง มนุษย์นั้นจะสามารถทำได้ทุกสิ่งเลยนั่นเอง
จะสิ่งที่ตามปกติคงจะถูกใจรู้ผิดชอบชั่วดีและความรู้สึกอับอายสะกดเอาไว้จนทำไม่ได้……การใช้กำลังหรือคำพูดด่าทอรุนแรง คำอ้างที่ไร้เหตุผลสิ้นดี หรือแม้กระทั่งการกดดันบีบเค้นไล่ต้อนจนลูกสาวแท้ๆกำเริบกลายเป็นไคอิขึ้นมาก็ตามที……หากมีความยุติธรรมอันหนักหน่วงมอดไหม้อยู่ในใจ จะอะไรก็ทำได้หมดทั้งนั้น ความยุติธรรมมันคือยาแรงสำหรับสภาพจิตที่จะใช้ปลดลิมิตเตอร์จริยธรรมได้ระดับนั้นเลยเชียว
อันโดรมาเลียสใช้สองมือโอบแก้มของคนเป็นแม่เอาไว้ ก่อนจะส่องเข้าไปยังดวงตานั่นในระยะประชิด
“ อะ อ๊าาาาาาาา!? ”
ลูกตาของคนเป็นแม่ที่ถูกอาบโดยแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากดวงตาอมนุษย์นั่นพลันปลิ้น มุมปากก็สั่นเทิ้มหงักหงักไม่หยุด
ในท้ายที่สุดเธอก็ส่องดวงตาที่แวววาวให้มีประกายรุนแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนจะก้าวฉับๆอย่างองอาจไปเข้าร่วมในพิธีกรรมด้วยอีกคน ตัวคนเป็นแม่ที่ร่ายวาจาสาปแช่งให้เพศชายจงพินาศอย่างมั่นใจนั่นพลันกลายเป็นศูนย์กลาง ส่งให้พิธีกรรมยิ่งเดือดพล่านไปด้วยความร้อนรุ่มมากขึ้น
โดยทิ้งให้หัวใจของนักเรียนหญิงที่นั่งก้มหัวอยู่กับแท่นบูชา ยิ่งจมดิ่งลงไปกับความมืดมิดอันลึกล้ำเข้าไปอีก
“ อาา มันสนุกจริงๆนั่นแหละน้าา การปั่นความยุติธรรมเนี่ย……❤ ”
ถึงแม้ว่าเหล่าผู้ครองชิ้นส่วนตัวน้อยจะวอนเข้ามาติดกับกันเองถึงที่ ก็เลยดูท่าจะสนุกไปได้อีกไม่ค่อยนานมากเท่าไหร่ก็เหอะ
“ เอ้อ ถ้าทำเป้าหมายลุล่วงก็จะได้รับพลังงานจากเบื้องบนมากขึ้นด้วยนี่นะ ไว้หลังจากนั้นค่อยมาปั่นความยุติธรรมอื่นอีกทีก็ได้มั้ง อึ้นหึหึ❤ ”
อันโดรมาเลียสนึกภาพถึงอนาคตที่ต่อให้ผลออกมาเป็นยังไงก็น่าสนุกอยู่ดี แล้วจึงเผยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูออกมา
MANGA DISCUSSION