“ ——ก็ประมาณนั้นแหละ นอกจากจะได้พลังบูสต์ความสามารถสุดปัญญานิ่มมาแล้วไม่พอ ยังจะหลับเห็นฝัน……เอ่อ ฝันลามกที่โคตรอล่างฉ่างชัดเจนระดับทำเอาโซยะถึงกับรังเกียจขยะแขยงเลยอีกต่างหากแน่ะ แบบเนี้ยมีผลกระทบต่อการงานแหงๆเลยไง…… ”
“ เรื่องนั้นไม่น่าจะใช่ผลกระทบจากคำสาปหรอก เป็นปัญหาที่ตัวเธอเต็มๆมากกว่ารึเปล่า? ”
ช่วงกลางวันของวันนั้น ณ ห้องพักของฉัน
พออธิบายความเปลี่ยนแปลงของเทคโนเบรคเกอร์ที่ไม่ได้รายงานซักระยะนึงให้กับคาเอเดะครบถ้วนแล้ว ก็ถูกน้ำเสียงอันเย็นเฉียบศูนย์สัมบูรณ์ตบคว่ำโดยพลัน
สมเป็นลูกสาวสืบสกุลของตระกูลดังที่ถูกเรียกขานว่า <<คุซึโนะฮะแห่งจิ้งจอกแปลงโฉม>> อันเป็นตัวแทนของ <<ตระกูลเก่าทั้ง 9>> จริงๆ ความน่าเกรงขามนั่นมันไม่ใช่ระดับปกติธรรมดาเลยซักนิด ดูมีภูมิฐานขนาดที่โซยะซึ่งก็เป็นลูกสาวสืบสกุลของตระกูลดังระดับเดียวกันเทียบชั้นด้วยไม่ติดเลยซักกะนิดเดียว
……เอ้อ ถึงโซยะในวันนี้จะไม่ใช่แค่ระดับมีภูมิฐาน แต่ถึงขั้นแผ่ออร่าแรงกดดันลึกลับหุ้มกายเอาไว้ทั่วตัวเลยก็เหอะนะ
อ่าแล้วก็ เนื่องจากโซยะที่ว่านั่นขอตัวกลับไปก่อนล่วงหน้า สุดท้ายงานในช่วงบ่ายจึงถูกเลื่อนผลัดไปก่อน ฉันก็เลยนัดมาเจอกับคาเอเดะที่นานๆจะมีเวลาว่างขึ้นมาซะทีนี่แหละ ซากุระก็เหมือนจะมีธุระอะไรซักอย่างเหมือนกันอีก ว่าไปแล้วก็รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่สองคนกับคาเอเดะแบบนี้มานานพอตัวเลยเหมือนกันแฮะ
……ให้ว่าแล้วยัยโซยะ เห็นบอกว่าอกมันเจ็บแสบไปหมดจนกินข้าวกลางวันไม่ลงเลยด้วยนี่นะ คงไม่ได้ป่วยหรือเป็นโรคเชิงวิญญาณพิลึกๆหรอกใช่มั้ยนั่นเฮ้ย รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆเลยนะเนี่ย
“ ……แต่ว่า ขอถามไว้เพื่อใช้อ้างอิงหน่อยก็แล้วกัน ”
คาเอเดะที่รับฟังคำรายงานของฉันอยู่อย่างเพลียๆ พลันขมวดคิ้วหน้าเคร่งก่อนจะพูดออกมา
“ โซยะ มิซากิที่มีเนตรมารฝันอยู่กับตัวนั่น มาจนป่านนี้แล้วไม่น่าจะเผยความรู้สึกขยะแขยงรังเกียจต่อฝันสัปดนแบบธรรมดาๆหรอก….ที่เธอเห็นนั่นมันเป็นฝันแบบไหนยังไงกันน่ะ ”
เอ๊ะ? จะถามประเด็นนี้ลงละเอียดจริงเหรอครับ?
อ่าก็ เรื่องบูสต์จุดกายิกสุขนี่คาเอเดะได้ข้อมูลล่วงหน้าจากผู้ปราบมารที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้วไง ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรให้ต้องพูดละเอียดมากเท่าไหร่ แถมให้ว่าแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะอธิบายไปมากกว่านี้ด้วยอะนะ ไอ้ความสามารถสุดน่าขยะแขยง ที่พอจิ้มจึ๊กลงไปกลางโพรงเสน่ห์กายิกสุขของตัวเองแล้ว จะทำให้หัวใสชัดกระจ่างและขยับตัวได้ดีขึ้นโดยแลกกับการน้ำแตกไหลซ่านนั่น……
แต่เรื่องที่ถูกซากุระจับกดแล้วโดนปล้ำทำออรัลเซ็กส์เนี่ย ยิ่งไม่อยากจะพูดมากกว่าอีก
เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมคาเอเดะถึงปล่อยแรงกดดันประมาณ “ถ้าไม่รีบคายออกมาเดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก” มาซะเต็มหน้า เล่นเอาไม่มีที่ให้หลบหนีไปไหนได้เลย
“ อ๊ะ จริงสิ พูดถึงเรื่องเนื้อหาของฝันแล้ว ”
เป็นตรงนั้นเองที่ฉัน นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญที่สุดเลย
“ จริงๆแล้วในตอนท้ายของฝันนั่นอะนะ มีเด็กผู้หญิงสวมชุดแม่ชีประหลาดๆโผล่ออกมาด้วยแหละ ”
“ ……นั่นคือเฟติชของเธอรึไง? ”
“ ไม่ใช่เฟ้ย! ช่วยฟังให้จบก่อนเหอะขอร้องล่ะ! ”
ฉันพูดปรามคาเอเดะที่ทำหน้าหยึย ก่อนจะเล่ารายละเอียดเบื้องลึกของเด็กผู้หญิงที่โผล่มาในฝันให้ฟัง
“ ก็งั้นแหละ เสียงของเด็กผู้หญิงนั่น……มันเป็นเสียงเดียวกับที่ได้ยินก้องอยู่ภายในหัวเสมอๆนั่นเลยล่ะ ”
“ ……ขึก ”
“ แล้วก็นะ ทั้งที่ตลอดมาจนตอนนี้ไม่เคยจำเนื้อหาของเสียงที่ได้ยินภายในความฝันได้เลยแท้ๆ แต่ที่ได้ยินในฝันตอนเช้านี้นี่ฉันจำได้ชัดเจนเลยเชียวล่ะ ……มันบอกว่าถ้าอยากเห็นตอนต่อของฝัน ก็จงใช้เทคโนเบรคเกอร์ให้มากขึ้นอีก—–เหวย!? ”
จู่ๆคาเอเดะก็กระชากจับมือฉันเข้าไปใกล้ตัวเองอย่างกะทันหัน
ปลดกำไลที่ใช้เป็นผนึกออก พร้อมกับเอามือของฉันแปะชนเข้ากับหน้าผากอันขาวเนียนของตนเอง
ทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณเพื่อเช็คสภาพผนึกของเทคโนเบรคเกอร์น่ะ โดนจับทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้งมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ฉะนั้นก็สมควรชินๆซะได้แล้วหรอก แต่พอถูกคาเอเดะที่ต่อให้บรรยายว่ามีรูปโฉมสง่าประหนึ่งสาวงามล่มเมืองทำแบบนี้ใส่แล้วมันก็อยู่ไม่สุขจริงๆไง แถมถ้าโดนจับตรวจสอบเชิงวิญญาณแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวแล้วมันก็ยิ่งเข้าไปใหญ่
แต่พอได้เห็นสีหน้าของคาเอเดะที่ซีเรียสจริงจังระดับไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว ความเขินอายนั่นมันก็พลันสูญสลายไปภายในบัดดล
“ ……นี่ ”
ส่งเสียงทักเข้าไปหาคาเอเดะที่ยังคงทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณ
“ คำสาปนี่ มันอันตรายขนาดนั้นเลยเรอะ? ”
ภายหลังจากเหตุการณ์ของสาวนมหลีก ที่ทำให้ผู้คนโดยรอบล่วงรู้ถึงตัวตนของเทคโนเบรคเกอร์นั่น
ฉันก็ได้ถูกกรมตรวจสอบ จับไปขึ้นการพิจารณาคดีแท่นตัดคอประหาร อันเป็นศาลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ถึงแม้ว่าฉันจะกลายเป็นโลลิค่อนไปเพราะอิทธิพลของโลลิค่อนสเลเยอร์ แต่การลงทัณฑ์แบบนั้นมันก็เกินเหตุมากจนเกินไป
แต่ยังไม่ทันได้อะไร พอถูกนางิสะ ผู้ปราบมารวิญญาณคนเป็น ที่เป็นอธิบดีของกรมตรวจสอบทำการตรวจเชิงวิญญาณใส่แล้วปุ๊บ ก็ถูกตัดสินว่าบริสุทธิ์ไร้มลทินความผิดเฉยเลยซะงั้น มีจุดที่ไม่อาจเข้าใจอยู่หลายอย่างเลย
“ ……ไม่รู้สิ ”
คาเอเดะตอบมาอย่างห้วนๆ
“ ข้อมูลน้อย……หรือถ้าให้ถูกก็คือซับซ้อนเกินไป ก็เลยพูดอะไรออกมามั่วซั่วไม่ได้น่ะ ”
“ ……งั้นเรอะ ”
“ เธอน่ะระวังเรื่องการใช้ความสามารถเอาไว้ให้ดี เหมือนกับที่ทำตลอดมาจนถึงตอนนี้ซะ สะสางการงานแล้วสร้างภาพลักษณ์ให้เห็นเป็นบุคลากรที่มีประโยชน์เอาไว้ คำตัดสินว่าจะดำเนินการยังไงกับเธอนั่นได้ถูกพักเอาไว้ก็จริงอยู่ แต่เค้าเสริมระดับการเฝ้าจับตาเธอให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำนะ ”
“ เอ๊ะ ”
ขัดแย้งกับที่ซากุระบอกมา เล่นทำเอาตกใจเลยหรอก แต่ให้ว่าแล้วจะเป็นแบบนั้นก็สมควรแหละ
ไม่เห็นท่าทางเหมือนว่าซากุระจะพูดโกหกเลย……อีแบบนี้แสดงว่าซากุระเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนกันสินะ
ในท้ายที่สุด คาเอเดะที่ดำเนินการตรวจสอบเชิงวิญญาณอยู่ด้วยสีหน้าตึงเครียด ก็พลันปล่อยมือฉันพร้อมกับเอียงหัว
“ แปลกจริง ผนึกไม่มีการเปลี่ยนแปลงซักนิดเลย ไม่มีมากจนผิดสังเกตด้วยซ้ำ ”
พอขมวดคิ้วเหมือนใช้ความคิดไปซักระยะ คาเอเดะก็พึมพำเสียงค่อยออกมา
“ เกี่ยวกับผนึกที่คุณพ่อของเธอวางเอาไว้นี่ อาจต้องลองตรวจเช็คดูอย่างละเอียดใหม่อีกครั้งจะดีกว่าละมั้งนะ ”
พอตัดสินได้ข้อสรุปแล้วก็ลงมือทันที คาเอเดะหยิบเอาสมุดพกกับสมาร์ทโฟนออกมา ก่อนจะ
“ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น กว่าจะวิเคราะห์ศาสตร์วิชาระดับ 12 เซียนอัมพรได้นี่ก็ไม่รู้เลยว่าจะใช้เวลานานกี่วัน การจัดหาบุคลากรและปรับตารางของทุกคนให้ลงล็อกก็คงยากเย็นไม่ใช่เล่นด้วย ฉะนั้นขอเวลาให้ฉันซักระยะก็แล้วกันนะ จะลองติดต่อประสานเรื่องดู ”
ว่าแบบนั้นแล้ว คาเอเดะก็แปลงกลายเป็นร่างผู้ชายเหมือนเช่นเคย ทำท่าเหมือนจะก้าวออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน
“ เอ้ยเดี๋ยวดิ รู้สึกขอบคุณเธออยู่หรอกนะที่เป็นห่วงกันเรื่องคำสาป แต่อย่าฝืนตัวเองมากนักล่ะ? ”
เห็นหลังคาเอเดะที่ห่างออกไปอย่างร้อนรนนั่นแล้ว ฉันก็เผลอตัวกล่าวออกมาว่าแบบนั้น
รู้สึกติดใจมาตั้งแต่ตอนที่คาเอเดะมาถึงห้องนี้แล้วล่ะ เหมือนว่าคาเอเดะจะดูท่าทางเหนื่อยๆยังไงชอบกลไง
แถมก่อนหน้านี้ก็ยุ่งกับการสืบสวนไล่ล่าตัวเผ่ามารซะจนถึงขั้นไม่ได้ติดต่อกันเลยอีกต่างหาก ได้พักผ่อนดีๆแล้วรึยังนั่น
“ ……ฮึ เป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง ”
แต่คาเอเดะก็แค่ก้าวขาช้าลงนิดนึงเท่านั้น ไม่ได้มีหันหลังกลับมามองเลย
“ การรักษาสุขภาพก็ถือเป็นงาน คนน้ำหน้าอย่างเธอไม่จำเป็นต้องห่วงไปหรอก ช่วงบ่ายวันนี้ฉันวางแผนพักผ่อนเอาไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ แค่มาคุยกับเธออยู่แบบตอนนี้ก็ถือเป็นการเสียเวลาวันหยุดอันล้ำค้าไปฟรีๆแล้ว ออกจะหงุดหงิดซะด้วยซ้ำไป ”
พอพูดอะไรที่ออกไปในทำนองเหน็บแหนมกันชอบกลแล้ว คุณหล่อนก็ก้าวฉับๆออกไปจากห้องเฉยเลยแฮะ
“ สภาพแบบนั้นจะพักผ่อนได้จริงๆน่ะเรอะ……? ”
นึกภาพวันหยุดของคาเอเดะไม่ออกเลยแฮะ
แต่จะยังไงก็เหอะ ฉันเองก็ไม่มีปัญญาจะเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกัน
คิดแล้วก็แผ่ตัวกลิ้งลงไปกับเตียง โดยหวังจะเยียวยาความเหนื่อยล้าทางจิตที่ได้รับมาจากพวกโซยะ ทว่าเป็นในฉับพลันนั้นเอง
สมาร์ทโฟนมันสั่นขึ้นมา และที่ถูกแสดงอยู่ตรงนั้นก็คือ ชื่อของบุคคลที่ห่างหน้าไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลานานพอตัว
ทาจิคาวะ เมย์
เป็นสายเข้าจากนักเรียนมัธยมต้นปีสามของโรงเรียนปราบมาร——จากรุ่นน้องที่จะมอบข้อมูลสารพัดรูปแบบให้โดยแลกกับผลตอบแทนนั่นเอง
[เมย์คิดว่านะคะ เทียบกับข้อมูลที่เมย์ปล่อยให้รุ่นพี่คุณพี่ตลอดมาจนถึงตอนนี้แล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับกลับมามันออกจะน้อยนิดเกินไปหน่อยรึเปล่า]
พอทักทายกันแบบพอพิธี เมย์ก็พลันพูดแบบนั้นออกมาผ่านจอมือถือ
[ฉะนั้น จะต้องให้รุ่นพี่คุณพี่มาตามติดไปไหนไปกันกับเมย์ตลอดวันนี้ทั้งวันหน่อยแล้วล่ะค่ะ]
ฟังดูถูลู่ถูกังเอาเรื่องเลยอยู่หรอก แต่ที่เมย์พูดก็มีเหตุผลไง ฉันจึงก้าวออกจากหอไปอย่างช่วยไม่ได้
เพราะคุณหล่อนกำชับว่าห้ามใส่ชุดแบบส่งๆมาเด็ดขาด ฉันก็เลยเดินมุ่งหน้าไปยังสถานีด้วยชุดลำลองตัวที่ใส่แล้วดูดีมากที่สุดเลย
(แต่ก็เหอะ พอถูกเรียกร้องผลตอบแทนอีกรอบแล้ว มันก็รู้สึกน่ากลัวนิดๆแฮะ)
ฉันได้เมย์คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนอย่างมากมาตลอดจนถึงตอนนี้เลย นอกจากจะแบ่งปันข้อมูลลับสุดยอดให้แล้ว ยังจะเคยได้รับไอเท็มสุดโคตรแรร์มาอีกด้วยซ้ำ ให้นอนหนุนตักนั่นมันก็ถือเป็นผลตอบแทนที่ใหญ่เอาเรื่องเลยอยู่หรอก แต่ถ้าคิดแบบใจเย็นดูแล้วมันก็ไม่คุ้มกันเลยซักนิดนั่นแหละ
“ อ๊ะ รุ่นพี่คุณพี่ ทางนี้ค่า~ ทางนี้ๆ ”
เป็นตรงนั้นเอง ที่ฉันเห็นเด็กผู้หญิงกำลังกวักมือเรียกอยู่หน้าช่องตรวจตั๋วที่แม้จะเป็นช่วงกลางวันของวันธรรมดาแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน
ร่าเริงจริงแฮะ……และแล้วฉันที่วิ่งเข้าไปหาโดยไม่ได้คิดอะไรมากมายนั่น ก็พลันถึงกับต้องมึนตึ๊บกับเสื้อผ้าของคุณหล่อน
“ ……แบบว่า ดูใส่แบบจัดเต็มมาสุดๆเลยรึเปล่าน่ะ? ”
“ เอ๋~? งั้นเหรอคะ? แค่นี้ปกติหรอกน้าา ”
เสื้อผ้าของเมย์ที่พูดแบบนั้นพร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสให้ มันก็คือชุดอะไรไม่รู้ที่มีสีขาวเป็นโครงและดูฟูฟ่องฟรุ้งฟริ้ง ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่ามันมีชื่อเรียกอะไร แต่ก็ดูเข้ากับเมย์ที่มีบรรยากาศสบายๆพริ้วไหวแบบเด็กผู้หญิงสุดๆเลย อีกทั้งชุดที่เผยเรือนร่างในระดับเหมาะสมกับฤดูกาลนั่น ยังช่วยเน้นให้ดูมีระดับแบบสมเป็นเด็กผู้หญิงเข้าไปได้มากขึ้น
หยั่งกับเป็นเสื้อสำหรับใช้สวมในตอนไปออกเดทกับแฟนเลยงั้นแหละ……พอฉันมึนงงสับสนอยู่แบบนั้นปุ๊บ
“ โธ่~ มีชมกันซักนิดหน่อยก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลยนี่คะ? ไม่มีเอาใจใส่กันเลยน้าา ”
เมย์ทำแก้มป่อง พร้อมกับก้าวฉึบมาคล้องแขนฉันเอาไว้
ทั้งฉันทั้งเมย์ต่างก็ใส่เสื้อแขนสั้นกันทั้งคู่ ฉะนั้นผิวกายของเราสองมันเลยแนบชิดติดชนกันสุดๆไปเลยทีเดียว
แถมเมย์ยังส่งเสียง “มุฟู่~” อย่างพึงพอใจพร้อมเอาตัวไซ้ๆเข้ามาราวตรวจสอบสัมผัสของร่างกายด้วยอีกต่างหาก ความบอบบาง นุ่มนิ่ม และไออุ่นของผิวนั่นมันก็เลยส่งต่อมาให้รับรู้ได้เต็มที่เต็มเปี่ยมจนไฟแทบจะออกหูฉันแล้วเนี่ยเฮ้ย
“ เมะ เมย์!? จู่ๆทำอะไร…… ”
“ ก็บอกแล้วไงคะ ว่าจะให้มาตามติดไปไหนไปกันตลอดทั้งวันน่ะ ฉะนั้นก็ช่วยพยุงเพื่อไม่ให้เมย์เดินเหนื่อยหรือพลัดหลงไปด้วยค่ะ เพราะถึงจะเป็นวันธรรมดาแต่ก็มีคนเยอะมากเลยน้า ”
คนมันเยอะมากขนาดนั้นเลยเชียวเรอะ?
แต่เพราะเมย์เอาแต่แหงนมองขึ้นมาด้วยเสียง “งู้~” อย่างงอนๆท่าเดียว ไม่มีทีท่าจะยอมปล่อยแขนเลยซักนิด ฉันก็เลยจำต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างไร้ทางเลือกอะนะ
แค่เริ่มต้นมาก็แบบนี้แล้ว งั้นวันนี้ฉันจะถูกบังคับให้ทำอะไรเลยเชียวน่ะ……?
“ แหม่~ สุดยอดไปเลยเนอะคะ พิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำเนี่ย! อิ่มเอมใจมากระดับที่ไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าอยู่ภายในอาคาร ”
“ ว่าตามตรงแล้วก็เจ๋งกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ ”
“ ร้านคาเฟ่แมวก็ด้วย เป็นมิติเยียวยาหัวใจที่ทนนั่งอยู่แบบนั้นไปได้ตลอดกาลตลอดไปเลยเชียวค่ะ~ อยากจะไปอีกจังเลยนะคะ ”
“ ถึงจะไม่มีแมวเดินมาหาฉันซักตัวเลยก็เหอะนะ…… ”
ยามเย็น
ฉันกับเมย์เดินเล่นในสวนป่าธรรมชาติที่อยู่กลางทางไปยังสถานี และในระหว่างนั้นก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยกันไปพลาง
เมย์ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยแขนอยู่ดังเดิม พอมีกลิ่นหอมของเด็กผู้หญิงที่ชุ่มเหงื่อนิดๆลอยเข้ามาแล้วใจมันก็พลอยอยู่ไม่สุขหรอก แต่เพราะบรรยากาศอันสงบเงียบของสวนป่าธรรมชาติ ก็เลยพอจะหาทางประคองทำใจให้สงบเอาไว้ได้อยู่
เราเดินออกมาจากสวนป่าธรรมชาติ
เท่านี้ก็เหลือแค่ลัดเลาะตามตรอกถนนที่ไม่ค่อยมีผู้คนไปซักพักก็จะถึงสถานีแล้ว
“ วันนี้เป็นวันที่สนุกอิ่มเอมใจอย่างม๊ากมากเลยค่ะ อยากจะออกมาเล่นสนุกกับรุ่นพี่คุณพี่แบบนี้อีกจังเลยนะ ”
“ อือ เอ้อถ้าต่างคนต่างจ่ายแบบวันนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ไม่เลว……เอ๊ะ อ้าว!? ”
เป็นในยามที่เมย์พูดออกมาว่าวันนี้ขอจบไว้แค่นี้แล้วทำท่าจะแยกย้ายกลับกันนั่นเอง ที่ฉันเพิ่งจะสัมผัสถึงความแปลกประหลาดได้ซะที
เอ๊ะ? แค่นี้เองเรอะ? เรียกร้องขอผลตอบแทนที่คู่ควรซะใหญ่โต แต่นี่แค่ไปเล่นสนุกด้วยกันเท่านั้นเองนะ
“ อ้า~ว? เป็นอะไรไปเหรอคะรุ่นพี่คุณพี่ นี่หรือว่า เพราะก่อนหน้านี้เมย์พูดล้อเล่นว่าให้จ่ายชดใช้มาด้วยร่างกาย วันนี้ก็เลยคาดหวังคิดว่าจะมีอะไรให้ลุ้นหรือไงคะ? ”
เมย์ยิ้มกริ่มขึ้นมาหยั่งกับแกล้งแหย่กัน
“ เอ่อก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ…… ”
“ รุ่นพี่คุณพี่นี่ละก็ ทะลึ่งกว่าที่คาดไว้นะคะเนี่ย~ ”
เมย์ว่าโดยที่ยังคงยิ้มกริ่มต่อเนื่อง ก่อนจะเอาตัวดันๆเข้ามาติดแนบชิดสุดขีดไปเลย
“ หะ เฮ้ยพอได้แล้วเฟ้ย! จะแหย่กันก็ให้มันมีพอดี—– ”
พลั่ก
เป็นในฉับพลันนั้นเอง
ได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกกระทบพื้นดังมาจากทิศเบื้องหน้า พร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงแววตาหลากหลายคู่ในจังหวะเดียวกัน
พอหันมองไปยังทิศนั้น ก็พบกับพวกกลุ่มเด็กผู้ชายคุ้นหน้าที่กำลังก้าวออกมาจากร้านเกมที่เปี่ยมไปด้วยสีชมพูเป็นส่วนมาก
“ หะ ฮารุฮิสะ……คนอย่างเอ็งนี่มัน……คนอย่างเอ็งนี่มัน…… ”
ผู้ที่ตั่วสั่นระริกอยู่นั่น ก็คือไอ้น้ำดื่มจากเต้าแม่ 100% โคบายาชิ
มันก้มลงหยิบกล่องเกมที่เหมือนว่าจะทำตกลงจากมือขึ้นมา แผดเค้นเสียงแห่งความแค้นให้ดังก้อง
“ มีมิซากิจังกับคุณฟุมิโดริอยู่แล้วยังไม่สาแก่ใจ……ในระหว่างที่พวกเรามาร้านเฉพาะทางด้านเกมโป๊ะ……เอ้ยเกมจีบสาวเพื่อถวิลหาต้องการของเยียวยาอยู่นี่……เอ็งกลับมาเดินเที่ยวหนุงหนิงอยู่กับเด็กน่ารักแบบนั้น…… ”
“ เอ้ยเดี๋ยวก่อนเฮ้ยเข้าใจผิดแล้ว! ยัยนี่เป็นแค่รุ่นน้องเฉยๆ ไม่ใช่แบบที่พวกเอ็งเข้าใจผิดอยู่นั่น—— ”
แม้จะร่ายคำพูดซ้อนออกมารัวๆหยั่งกับเป็นข้ออ้างของพวกนอกใจเล่นชู้ แต่พวกโคบายาชิก็ไม่แม้แต่จะรับฟังเลยซักนิด
“ บัดโซ้บบบบบบ! จะใส่ร้ายป้ายสีว่าฮารุฮิสะขู่บังคับให้เด็กผู้หญิงชดใช้ด้วยร่างกายอยู่หน้าตึกอาคารทะลึ่งแม่มเลยว้อยยยยยย! ”
“ เดี๋ยวดิเฮ้ยไอ้บ้าห้าร้อย!! ”
พวกโคบายาชิแผดร้องเสียงหลง ก่อนจะเผ่นหายกันไปโดยไม่เว้นช่วงให้เข้าไปหยุดได้เลย
อย่ามาทำเป็นเล่นนะเว้ยไอ้พวกบรรลัยเกิดนั่น……เป็นอัจฉริยะในด้านตัดแปะข้อมูลเพื่อแพร่กระจายข่าวฉาวเรอะเฮ้ย……
พอฉันหงอยเหงาเศร้าสร้อยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไวจัดอยู่ เมย์ก็พลันหัวเราะฮิฮิดังมาจากข้างๆ
“ ตายแล้วตายแล้ว ถูกแพร่ข่าวลือผิดๆอีกแล้วสินะคะเนี่ย รุ่นพี่คุณพี่ ”
“ เธอนี่น้า ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะเฟ้ย ”
คงไม่ได้จะพูดว่านี่คือผลตอบแทนหรอกใช่มั้ยเฮ้ย……
“ หึหึ รุ่นพี่คุณพี่ผิดเองนะคะ ที่ยอมรับคำชวนของเด็กผู้หญิงคนที่ไม่ได้ชอบไม่ได้รัก แล้วตามติดมาเดทด้วยง่ายๆแบบนี้น่ะ ”
“ อ๊า!? นี่มันคือเดทหรอกเรอะ!? ”
“ ถ้าชายหญิงออกไปไหนกันสองต่อสองแค่นั้นก็ถือเป็นเดทแล้วค่ะ ”
พอเมย์พูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนทำเป้าหมายสำเร็จลุล่วงปุ๊บ สีหน้านั่นก็พลันมัวหมอง
“ ……อย่างที่คิดไว้เลย รุ่นพี่คุณพี่เป็นคนไม่ดีจริงๆนั่นแหละค่ะ ออกจะซื่อบื้อแบบนี้แท้ๆแต่ดันใจดีกับทุกคน……ถึงยังไง ที่ว่า [อย่าฝืนตัวเองมากนักล่ะ] นั่นก็เป็นคำที่เที่ยวพูดกับคนอื่นเค้าไปทั่วใช่มั้ยล่ะ? ”
เมย์ก้มหน้าลง แล้วจึงเริ่มดึงแขนเสื้อของฉัน
“ หากถูกห่วงใยกันแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้เผลอเข้าใจผิดกันพอดีสิคะ ว่า ฉัน ยังพอมีหวังอยู่น่ะ ”
“ เมะ เมย์……? ”
พอสับสนกับน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดอย่างยิ่งนั่นอยู่ ในท้ายที่สุดเมย์ก็เอ่ย “หึหึ” พร้อมยกหน้ากลับขึ้นมา
“ ว่าไปน่า~น แหม่ติดกับลูกไม้แบบนี้เข้าเต็มเปาเลยเชียวนะคะ เดี๋ยวก็ได้ถูกผู้หญิงร้ายหลอกเข้าซักวันหรอกนะ? ”
“ ……ตอนนี้ก็กำลังรู้สึกเหมือนว่าโดนล้อเล่นกับหัวใจอยู่เต็มๆเลยเนี่ย ”
“ งั้นก็ถือว่าเป็นการซ้อมเตรียมรับมือที่ไม่เลวเลยสินะคะ ได้เมย์ช่วยจนมีภูมิต้านทานต่อผู้หญิงร้ายเลยนี่นา แบบนี้คงต้องร้องขอผลตอบแทนใหม่อีกรอบแล้วสิ ”
ถึงจะพูดจาปากดีอยู่แบบนั้น แต่เมย์ก็ไม่ได้ร้องขออะไรมาเป็นพิเศษ
พอมาถึงสถานีแล้ว คุณหล่อนก็จากไปโดยทิ้งรอยยิ้มอันแสนอิ่มเอมใจเอาไว้ให้ล่ะ
MANGA DISCUSSION