<<โซยะแห่งชิกิงามิ>> ซึ่งถูกกล่าวขานเลื่องลือกันว่าเป็นสายเลือดตระกูลที่เลอค่าระดับนับนิ้วได้แม้กระทั่งภายในบรรดา <<ตระกูลเก่าทั้ง 9>> ที่ปกครองอยู่เหนือวงการผู้ปราบมารของญี่ปุ่น
และโซยะ มิซากิที่เกิดมาในฐานะลูกสาวสืบสกุลของตระกูลดังด้านพลังวิญญาณเช่นนั้น ก็ได้เริ่มต้นทำการฝึกฝนใช้ศาสตร์ปราบมารมาตั้งแต่ช่วงก่อนจะเข้าเรียนระดับประถมซะอีก
ครูฝึกสอนที่เก่งเป็นเลิศ เครื่องอาคมที่ช่วยฉุดศักยภาพความสามารถของผู้ใช้งานขึ้นมา สนามฝึกซ้อมที่ใช้ยิงปลดปล่อยศาสตร์ปราบมารดั่งใจได้ทุกเมื่อ….เนื่องจากถูกรายล้อมไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมไม่มีที่ไหนจะดีเกินไปกว่า ทำให้ช่วงเวลาวัยเด็กของโซยะ มิซากิเป็นช่วงที่เธอเติบโตพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
แต่เธอนั้นกลับไม่มีพรสวรรค์
แม้เธอจะเรียนรู้วิธีใช้งานศาสตร์วิชาหลากหลายรูปแบบได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ปริมาณพลังวิญญาณที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดนั้นกลับต่ำต้อยน้อยมาก
ต่อให้จะใช้ศาสตร์วิชาที่ยากและซับซ้อนได้ขนาดไหน แต่หากขาดพลังงานที่เพียงพอจะใช้เป็นฐานไปงั้นก็ถือว่าไม่มีความหมายแต่อย่างใดเลย
ทราบข่าวคราวว่าคุซึโนะฮะ คาเอเดะที่มีอายุมากกว่า 1 ปีได้ทำการขัดเกลาฝีมือขึ้นมาในระดับที่ใช้ต่อสู้จริงได้แล้ว แต่สำหรับมิซากินั้น แค่จะรับมือกับวิญญาณย่อยที่มีระดับไม่ถึง สเกล 1 ก็ยังจะหืดขึ้นคอเลยด้วยซ้ำไป
และนั่นเอง ทำให้มิซากิที่วิตกกังวลคิดหนักทั้งที่ยังละอ่อน พลันเอ่ยถามพ่อกับแม่ในวันนึง
“ ต้องทำยังไง หนูถึงจะเป็นผู้ปราบมารเก่งๆแบบป๊ะป๋ากับหม่าม้าได้เหรอ? ”
เท่านั้นล่ะ ปฎิกิริยาของพ่อกับแม่พลันแตกออกเป็น 2 แบบในทันที
ไม่รู้ทำไม ฝ่ายพ่อที่มีร่างกายผอมกะหร่องดั่งต้นไม้ที่ถูกรีดน้ำจนเหือดแห้งกลับเงียบกริบไปเหมือนตีบตันใจ
ส่วนฝ่ายแม่ที่ผิวใสนวลสวยวิ๊งต่างกับพ่อโดยสมบูรณ์ ก็พลันอ้าปากพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูอารมณ์ดีชอบกล
“ นั่นสินะคะ……หากเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ และได้พบพานกับคู่หูสุดยอดเยี่ยมที่สามารถเชื่อมั่นซึ่งกันและกันจากก้นบึ้งของหัวใจได้เมื่อไหร่ ลูกก็จะสามารถเค้นเอาพลังของโซยะออกมาได้เต็มที่เองนั่นล่ะ ”
แม่หยุดคำพูดไว้ที่ตรงนั้นชั่วคราว ก่อนจะเอ่ยต่อออกมาด้วยเสียงค่อย
“ พลังของพวกเราที่ถูกเรียกขานว่า <<โซยะแห่ง ชิกิงามิมนุษย์>> น่ะนะ ”
ชิกิงามิมนุษย์? คู่หูสุดยอดเยี่ยม?
ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่เลย
คู่หูสุดยอดเยี่ยมที่ว่านั่น หมายถึงเนื้อคู่ที่ชะตาฟ้าลิขิตรึเปล่านะ
หมายถึงคนที่เป็นดั่งป๊ะป๋าสำหรับหม่าม้าน่ะเหรอ……?
มิซากิก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ยังเล็ก ฉะนั้นจึงเชื่อในเรื่องหลอกเด็กเช่นด้ายแดงอะไรพวกนั้นอยู่เหมือนกัน
แต่พอถูกบอกว่า จะไม่อาจเป็นผู้ปราบมารเก่งๆได้หากโชคชะตาไม่นำพาให้พบเจอ…แบบนั้นแล้ว ใจมันก็พาลเป็นกังวลขึ้นมาโดยพลันเลย กังวลว่าแล้วแบบนี้จะตามหาคนแบบนั้นเจอได้แน่หรือ
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต่อให้จะหาคนเช่นนั้นไม่เจอก็ตามที แต่หากอายุเข้าถึงช่วงวัยกลัดมันแล้วละก็……นั่นสินะคะ อย่างช้าที่สุด ลูกก็จะต้องสามารถใช้ศาสตร์ที่ทรงอำนาจได้ในระหว่างก่อนเรียนจบมัธยมต้นอย่างแน่นอนเลย ”
คงจะเดาถึงความกังวลของลูกสาวได้ละมั้ง แม่ของมิซากิจึงพูดออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้ม
“ จริงเหรอ!? ”
คำยืนยันของแม่ที่เคารพรักทำให้มิซากิถึงกับกระโดดดีใจตัวลอย และแล้วแม่ก็พยักหน้าให้อย่างช้าๆ ก่อนที่จะ
“ จริงสิคะ ก็ช่วงแตกเนื้อสาวของเด็กผู้หญิงมันเร็วมากเลยนี่นา ”
“ ? ”
พอมิซากิได้ยินคำพูดที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจอีกครั้งจนเอียงหัวอย่างสับสน แม่ก็พลันก้มลงมาสบตาอย่างตรงๆ พร้อมกับพูดด้วยเสียงดังชัดเจนให้กับมิซากิที่ยังคงงุนงง
“ เอาเป็นว่า พลังวิญญาณของลูกจะต้องพุ่งสูงขึ้นในภายหลังจากนี้อย่างแน่นอนเลยค่ะ ฉะนั้นต้องเตรียมพร้อมสำหรับเวลานั้น ห้ามเกียจคร้านละเลยการฝึกเด็ดขาดเลยเชียวนะ ”
“ อือ! รู้แล้วล่ะ! ”
มีแต่เรื่องยากๆเต็มไปหมดฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าพ่อแม่ที่เคารพรักเป็นคนพูดออกมางั้นก็คงไม่ผิดแน่
มิซากิที่ปัดเป่าความกังวลไปด้วยนิสัยกระตือรือร้นที่มีกับตัวอยู่ก่อนและความใสซื่อบริสุทธิ์ตามประสาเด็กๆ พลันดำเนินการฝึกอย่างต่อเนื่องไปโดยไม่มีขาดเว้นแต่อย่างใด
แต่ในท้ายที่สุด ต่อให้เวลาจะล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ พลังวิญญาณของมิซากิก็ไม่พุ่งสูงขึ้น
และในช่วงที่มิซากิโตขึ้นมาจนจำเรื่องที่ฟังจากแม่ได้แค่รางๆ คำครหาประเมินว่า [ลูกสาวสืบสกุลของตระกูลโซยะเป็นพวกไม่เอาอ่าวที่ใครๆต่างก็ต้องยอมรับอย่างไร้ข้อกังขา] นั่นก็ได้ถูกฝังติดเป็นตราประทับไปกับเธอโดยสมบูรณ์ซะแล้ว
MANGA DISCUSSION