“ ที่นี่เรอะ…… ”
ผ่านไปได้ราว 10 นาที ตั้งแต่ที่ได้รับจดหมายข่มขู่อันสุดจะต่ำช้าที่ถูกปลอมแปลงให้ดูราวกับว่าเป็นจดหมายรักนั่นมา
ฉันที่ทวงเอาความเยือกเย็นกลับคืนมาได้ในระดับนึง ได้เดินทางมาอยู่เบื้องหน้าห้องฝึกปฎิบัติเบอร์ 5
“ ……….ฟู่วว ”
พอปรับลมหายใจให้มั่นคงอีกรอบแล้ว ก็ทำการเปิดประตูห้องฝึกปฎิบัติเข้าไป
“ อ๊ะ มาได้ซะที! ”
บุคคลที่นั่งอยู่เหนือเก้าอี้ภายในห้องฝึกปฎิบัติ พลันกระโดดลุกพรวดขึ้นมา ก่อนที่จะยกริมฝีปากขึ้นสร้างเป็นรอยยิ้มหวาน
“ ตั้งแต่วันนี้ไปขอฝากตัวในฐานะเพื่อนร่วมทีมด้วยนะ! หึฮุฮุ ว่าตามตรงแล้วก็ไม่ได้เห็นชัดๆหรอกว่าเป็นศาสตร์แบบไหน แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆนะ ว่าจะมีคนที่ปกปิดซ่อนความสามารถพิฆาตมารที่ทรงพลังมากระดับนั้นอยู่ในห้อง D เนี่ย ฉันนี่ขุดไปเจอของสุดยอดเอามากๆเลยนะนี่ ”
ผู้ส่งจดหมายและผู้ข่มขู่——โซยะ มิซากิได้กล่าวออกมาว่าอย่างนั้น
“ เรามาลุยไล่ผีให้ได้เยอะๆ แล้วเลื่อนขั้นเป็นใหญ่เป็นโตไปด้วยกันนะ! ”
“ เอ้ยๆ ช่วยรอเดี๋ยวก่อนดิ ”
เจอะเข้ากับโซยะที่จู่ๆก็พูดเรื่อยไปเองดั่งกับว่าเป็นเรื่องที่ปกติสมควรแล้ว ไอ้ฉันก็เร่งเสียงร้องบอกให้หยุดในทันที
กะไว้แล้วนั่นไง ตอนที่ได้ยินว่าต้องการอยากได้เพื่อนร่วมทีมเป็นคนของห้อง S กับห้อง A นั่นก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะ ดูเหมือนว่าเธอที่ชื่อโซยะ มิซากิผู้นี้จะเร่าร้อนไฟแรงกะจะลุยทำภารกิจในฐานะผู้ปราบมารอย่างขยันขันแข็งจริงๆนั่นแหละ
ตรงจุดที่เค้าอุตส่าห์มาชวนให้เข้าร่วมทีมเนี่ย ว่าตามตรงแล้วก็คือดีใจสุดๆไปเลย
แต่ถ้าคิดกะจะทำภารกิจไล่ผีไปด้วยกันกับฉันเยอะๆนี่มันก็อีกเรื่องนึง
ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินแบบเมื่อวาน ฉันก็ไม่คิดจะใช้ไอ้เจ้าความสามารถสุดเฮงซวยอย่างเทคโนเบรคเกอร์นี่ซักนิด แล้วก็ไม่อยากให้มีคนรู้เกี่ยวกับเรื่องความสามารถนี้เด็ดขาดด้วย ต่อให้จะเสี่ยงชีวิตสู้ตายเพื่อไล่ผีซักเท่าไหร่แต่ก็คงไม่แคล้วโดนสังคมก่นด่าตีตราว่าเป็นไอ้โรคจิตวิตถารอย่างเดียว นอกจากจะถูกผู้คนรอบข้างแหยงแล้ว ตัวฉันเองก็คงจะขาดใจตายเพราะความอับอายด้วยแหงม
ฉะนั้นแหละ
“ ฉันมาที่นี่ เพื่อปฎิเสธคำเชิญชวนของเธอน่ะ ”
“ เอ๊ะ? ”
พอฉันพูดออกมาด้วยเสียงอันดังฟังได้ชัดเจน โซยะก็เบิกดวงตาอันกลมโตสองข้างนั้นออกกว้าง พร้อม
“ แต่ถ้าเธอไม่ยอมกลายมาเป็นสมาชิกร่วมทีมของฉัน เนื้อหาในจดหมายจะถูกแพร่กระจายจนรู้ทั่วไปหมดนะ? ”
ยัยนี่…….ไอ้จดหมายข่มขู่นั่นมีความหมายว่าอย่างงั้นจริงๆด้วยเรอะ
หน้าตาก็ออกจะน่ารักแท้ๆ แต่ดันพูดจาข่มขู่กันออกมาได้อย่างสบายปากเลยนะนั่น
ตัวฉันที่พอจะคาดเดาคำพูดข่มขู่ของโซยะได้ พยายามสงบรักษาความเยือกเย็นพร้อมพูดสวนกลับไป
“ เฮอะ ก็ลองดูสิเฮ้ย ข่าวลือที่ไม่มีหลักแหล่งพรรค์นั้น ใครที่ไหนมันจะไปเชื่อกันฟะ ”
ว่าตามตรงแล้วก็ไม่ใช่ข่าวลือเลยซักนิดเดียวหรอก แต่ประเด็นมันอยู่ที่รอบข้างจะหลงเชื่อว่าเป็นตามนั้นจริงๆรึเปล่าไง
ถ้าออกตัวแรงๆผ่าเผยเอาไว้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก……พอฉันหันหน้าเข้าเผชิญกับโซยะโดยคิดแบบนั้นอยู่ในหัวปุ๊บ
“ ……….เห~ จะเล่นแบบนั้นเหรอ ”
โซยะก็จ้องใบหน้าของฉันเขม็งไม่ละสายตา ก่อนที่จะเอ่ยชื่อของเด็กผู้ชายคนนึงในห้อง D ออกมาอย่างกะทันหันฉุกละหุก
เป็นชื่อของไอ้เจ้าคนที่พูดว่า [ในความหมายนึงแล้ว มิซากิจังเนี่ยน่ากลัวมากยิ่งกว่าท่านคุซึโนะฮะหลายเท่าตัวเลย] นั่นเอง
แล้วจากนั้นโซยะก็หน้าแดงเรื่อหยั่งกับว่าเขิน เลี่ยงสายตาไปซักพัก ก่อนที่จะ
“ นะ น้ำดื่มจากเต้าแม่ 100% ”
โพล่งวลีอันเป็นปริศนานั่นออกมา
“ ละ ลองเอาวลีนั่น ส่งไปให้เด็กผู้ชายคนที่ฉันพูดชื่อออกมาดูสิ เป็นเพื่อนกันนี่ มีช่องทางติดต่อกันได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ…! ”
……..เฮ้ย อย่าบอกนะว่า
ฉันถูกรุมเร้าไปด้วยลางสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ก็ทำการพิมพ์วลีลึกลับนั่นแล้วส่งเมลไปดังที่โซยะบอก เท่านั้นแหละ
ตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ด!
ผ่านไปได้แค่ไม่กี่วิ ไอ้เจ้าเด็กผู้ชายคนนั้นมันก็โทรกลับเข้ามาหาในทันใด
[ฟุรุยะนี่เอ็ง……ไปได้ข้อมูลเครื่องเคียงลับสำหรับใช้ประกอบการเล่นว่าวของฉันมาจากไหน……เอ็งต้องการอะไรวะ…….เงินเรอะ!]
เสียงสั่นเครือ ราวกับว่ากำลังถูกมีดจ่อติดอยู่กับคอหอยเลยยังไงยังงั้น
พอไอ้ฉันอึ้งตะลึงงันมากขนาดที่เกือบจะทำมือถือร่วงหล่นอยู่ โซยะก็ส่ายๆมือทั้งสองอย่างพัดลมให้กับใบหน้าของตัวเองที่แดงแจ๋ไปหมด ก่อนที่จะ
“ จะลองอีกซักกี่คนดี? หรืออีกซักกี่สิบคนดี? ”
พูดสิ่งที่โคตรจะน่าหวาดหวั่นขวัญผวาออกมา
พออ้าปากตอบอะไรกลับออกมาไม่ได้เนื่องจากเรื่องมันใหญ่หลวงกว่าที่คิดไว้มากเกินไป โซยะก็พลันกล่าว “……..ฉันไม่ได้เที่ยวพูดแบบนี้กับใครต่อใครไปซะหมดหรอกนะ แต่ว่า” พร้อมกับเลี่ยงสายตาหนีอย่างเคอะเขิน
“ เด็กผู้ชายที่มาสารภาพรักกับฉันทุกคนตลอดมาจนถึงตอนนี้ ต่างก็ถูกฉันตอบปฎิเสธเกลี้ยงครบหมดทุกรายด้วยเหตุผลทำนองว่า [คนที่มีรสนิยมชอบอะไรแบบนั้นนี่ฉันรับไม่ได้] ไม่ก็ [คนที่คลายกำหนัดซะตั้งแต่เช้าตรู่นี่ฉันรับไม่ไหว] น่ะนะ ……เพราะถ้าพูดไปแบบนี้แล้วมันจะได้ผลดีมากที่สุด และนั่นก็เป็นความคิดจากใจจริงๆของฉันเลยด้วยน่ะ ”
โซยะที่ใบหน้าถูกย้อมเต็มไปด้วยความอับอาย แต่ก็ดูเศร้าพิลึกพลันโพล่งอะไรที่สุดแสนจะโหดร้ายใจยักษ์ใจมารที่สุดไร้ใครเกินออกมา คนเค้าอุตส่าห์เค้นความกล้าทั้งหมดที่มีกล่าวสารภาพรักออกมาแท้ๆ แต่กลับโดนยกเอาเฟติชที่เก็บไว้เป็นความลับขึ้นมาใช้ปฎิเสธหน้าแหกซะอย่างนั้นนี่…….มันเป็นอะไรที่หนักหน่วงระดับอาจเป็นแผลใจได้เลยนะนั่น
ถ้าเป็นฉันละก็อาจจะถึงขั้นสติแตกระแวงทุกคนรอบตัวให้ทั่วหมดว่าใครมันเป็นคนปล่อยข้อมูลแล้วหยุดเรียนไปซักพักเลยมั้งน่ะ
ว่าแล้ว ในฉับพลันเดียวกันนั้นฉันก็นึกถึงเรื่องที่ไอ้พวกเด็กผู้ชายในห้องมันพูดกันขึ้นมา
ที่ว่า ต่อให้นับแค่ในโรงเรียนนี้อย่างเดียว ก็ยังมีคนที่สารภาพรักกับโซยะเยอะอยู่เอาเรื่องนั่น
หรือก็คือหมายความว่า…….มีคนของโรงเรียนนี้ (รวมไอ้พวกห้อง D ด้วย) ถูกโซยะเล่นงานทำให้บาดเจ็บกลายเป็นแผลใจเยอะมากพอสมควรเลยอย่างงั้นเรอะ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ เพราะงั้นแหละนะ ”
โซยะพลันแย้มยิ้มราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่า “ยอมจำนนซะเถอะนะ?”
“ ถ้าเป็นข้อมูลที่ฉันแพร่เองกับมือละก็ คิดว่าน่าจะมีคนยอมเชื่อเยอะมากพอตัวเลยแหละนะ? ”
“ …….เฮ้ย นี่เอ็ง ”
ไม่ได้พูดกับโซยะ ฉันนี่คือเผลอตัวส่งเสียงเข้าไปหาไอ้เจ้าเด็กผู้ชายห้อง D ที่ยังคงอยู่ในสายสนทนาทันควัน
“ ทำไมถึงอุบเงียบเอาไว้ฟะ….ว่าโซยะมีอำนาจตรวจสอบเชิงวิญญาณที่โคตรจะบ้าสุดๆไปเลยน่ะ ”
ไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีความสามารถตรวจสอบเชิงวิญญาณที่เน้นเฉพาะทางไปในด้านข้อมูลทะลึ่งแบบนี้เลยก็จริง แต่ก็เป็นวงการนี้ไง ยังมีศาสตร์ลี้ลับหรือไคอิที่ไม่มีใครเคยพบเห็นเจอะเจออยู่อีกมากมายเลย…….อย่างตัวฉันเองนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน มีพลังไล่ผีโดยการทำให้ถึงจุดสุดยอดไงคิดดูดิ
เออ ต่อให้ทราบมาก่อนล่วงหน้าแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถป้องกันการตรวจสอบเชิงวิญญาณของโซยะได้แน่รึเปล่าอยู่ดีแหละ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อดไม่ไหวเร่งเสียงพาลอัดเข้าใส่ไอ้เจ้าเด็กผู้ชายที่เห็นได้ชัดๆว่ามันจงใจอุบเงียบปกปิดเรื่องความสามารถของโซยะเอาไว้ เท่านั้นแหละ
[เพราะอยากจะให้มีคนที่บุกเข้าไปสารภาพรักกับมิซากิจังแล้วโดนปฎิเสธหน้าแหกหัวใจแตกแหลกละเอียดตายด้วยกันเพิ่มขึ้นมาซักคนนึงก็ยังดีน่ะ……..]
งี้นี่เอง ที่ไอ้พวกนี้มันพยายามอุบเงียบเก็บข้อมูลของโซยะสุดชีวิตไม่ยอมบอกให้ฉันกับคาราสึมะรู้ มันมีเหตุผลที่มาแบบนั้นเองหรอกเรอะ เลิกเป็นเพื่อนแม่มดีกว่ามั้ง
[จะว่าไปแล้วฮารุฮิสะ ถามมาแบบนี้นี่อย่าบอกนะว่า เอ็งเข้าไปสารภาพรักกับมิซากิจังแล้วโดนเค้าปฎิเสธหน้าแหกกลับมาแล้วงั้นเรอะ!? ฮิ้ววว ยินดีด้วยเว้ย! ตั้งแต่วันนี้ไปพวกเราก็เป็นเพื่อนพ้องพวกเดียวกันอย่างแท้จริงแล้วสินะ! เฮ้ยทุกคน! ในที่สุดฮารุฮิสะมันก็กลายมาเป็นพวกเดียวกับเรา——]
ฉันตัดสายทิ้งระหว่างทาง แล้วก็กะจะตัดสายสัมพันธ์กับไอ้บรรลัยพวกนั้นด้วยแม่มซะเลย
“ แล้วก็จะบอกให้รู้เอาไว้นะ ”
โซยะที่ก้าวเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พลันจ้องมองเข้ามายังหน้าของฉัน
“ ความสามารถของฉันนี่น่ะ ในหมู่ผู้ปราบมารระดับสูงที่เป็นมืออาชีพแล้ว ถือว่าโด่งดังใช่เล่นเลยทีเดียวเชียวล่ะ…..จะว่าไปแล้วโรงเรียนนี้ก็มีอยู่เหมือนกันนะ คนที่เป็นผู้ปราบมารระดับสูงมืออาชีพ แล้วก็โผล่มาในความฝันของฟุรุยะคุงด้วย…ที่ชื่อคุณคุซึโนะฮะคนนั้น ”
“ ขึก! ”
หัวใจมันส่งเสียงไม่สู้ดีดังตูมตาม
“ เค้าคนนั้นก็รู้เกี่ยวกับความสามารถของฉันเหมือนกันล่ะ ”
“ …………ฮึก! ”
“ แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ คุณคุซึโนะฮะเค้าก็เลยเอาแต่หลีกไม่ยอมให้ฉันได้พบหน้าด้วยซะที…….เอาเป็นว่า ถ้าข้อมูลนี้ถูกรู้ไปถึงหูของคุณคุซึโนะฮะที่สุดแสนจะน่ากลั๊~วน่ากลัวคนนั้นด้วยแล้ว เธอจะเป็นยังไงกันน้า? ”
โดนฆ่าแน่ ถ้าเรื่องที่แอบเอาคาเอเดะไปจิ้นทำอะไรลามกเกิดแตกขึ้นมาละก็ไอ้ฉันโดนฆ่าแน่ๆ
หลังจากที่ถูกฆ่าตายในเชิงสังคมแล้ว ก็จะโดนไฟจิ้งจอกลนไหม้ไปยันวิญญาณเลยแหงๆ
ไม่อาจจะออกตัวแรงแบบ ถึงยังไงก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดีฉะนั้นถ้าอยากจะแพร่นักก็เอาเลยเป็นไง? แบบได้อีกต่อไปแล้ว เพราะชีวิตฉันนี่กำลังอยู่เหนือเส้นด้ายเลย
“ ขะ คือว่านะ ”
เป็นตรงนี้เอง ที่ฉันหันมาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ถึงที่สุดแทน
“ ก็ไม่รู้หรอกว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า แต่ฉันเนี่ยเป็นเด็กห้อง D นะ แถมยังผลการเรียนที่โหล่เลยเชียวนะเฟ้ย? เมื่อวานก็อธิบายไปแล้วนี่ ว่าไอ้เจ้าชิกิงามินั่นมันหายไปของมันเองอะ ”
“ โกหก ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ”
โซยะปฎิเสธคำพูดฉันโดยพลัน
“ ฟุรุยะคุงก็รู้อยู่เหมือนกันใช่มั้ย? ว่าบ้านฉันถูกคนเขาเรียกขานกันว่าอะไรน่ะ ”
“ ……… <<โซยะแห่งชิกิงามิ>> เรอะ ”
ตระกูลเก่าอันโด่งดังทั้ง 9 ที่ครองอิทธิพลอยู่เหนือวงการผู้ปราบมารของญี่ปุ่นอย่างมหาศาล
และที่โด่งดังเป็นลำดับต้นๆในหมู่นั้น ก็คือ <<คุซึโนะฮะแห่งจิ้งจอกแปลงโฉม>> กับ <<โซยะแห่งชิกิงามิ>> นี่แหละ
“ ตัวฉันน่ะเป็นเด็กอ่อนประสบการณ์ แถมยังไม่เอาอ่าวสุดๆไปเลยก็จริงนะ ฝีมือควบคุมชิกิงามิก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ความเลยก็จริง……แต่ชิกิงามิจากบ้านของฉันน่ะ หากปรากฎออกมาครั้งนึงแล้วจะไม่มีทางหายไปด้วยตัวเองเด็ดขาดเลยเชียวล่ะ ”
พูดให้คำขาด อย่างชัดเจน
“ ช่วงก่อนที่จะตกลงมานั่นมัวแต่แตกตื่นตกใจ ก็เลยไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็เห็นฟุรุยะคุงทำอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน ชิกิงามิตนนั้นน่ะถูกฟุรุยะคุงไล่ไปอย่างแน่นอนเลย ”
“ ……….ก็บอกอยู่ไม่ใช่เรอะ ว่าเข้าใจผิดน่ะ ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่โซยะก็เชื่อสุดใจไปแล้วว่าฉันนั้นแอบซ่อนปกปิดความสามารถอยู่อย่างแน่นอน
การเลือนหายไปของชิกิงามิที่แอบฉกเอามาจากบ้าน มันคงจะเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้มากถึงระดับนั้นเลยเชียวละมั้ง
ทำไงดี อีแบบนี้จะแถมั่วก็ท่าจะยากแฮะ……..พอครุ่นคิดแบบนั้นอยู่
“ ……..ยังคิดจะกลบเกลื่อนอยู่อีกเหรอ ถ้าอย่างงั้น ”
โซยะก็พลันทำการควักเอายันต์ 4 ใบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเหวี่ยงมันขึ้นสู่อากาศพร้อมประสานอิน
“ ต่อให้ต้องใช้กำลังแต่ก็จะเค้นเอาให้ยอมสารภาพให้ได้! ”
ปุ้ง! ยันต์ที่ถูกหุ้มไปด้วยม่านควันพลันแปรเปลี่ยนรูปทรง และที่ปรากฎกายออกมาจากตรงนั้นก็คือชิกิงามิที่มีรูปทรงเหมือนกับเด็กผู้หญิงร่างเล็กจิ๋วไซส์ชิบิ….หงส์แดง มังกรฟ้า เสือขาว และเต่าดำ…..เหล่าชิกิงามิที่เหมือนกับว่าจับเอาจตุรเทพทั้ง 4 มาแปลงให้เป็นคนนั่นพลันทะยานเหินฟ้า พุ่งถาโถมโจมตีเข้ามาใส่ฉันอย่างพร้อมเพรียงในคราเดียว
“ ถึงฉันจะเป็นคนไม่ได้เรื่องไม่ได้ความยังไง แต่ถ้าเป็นชิกิงามิระดับสเกล 1 ละก็ ควบคุมได้อยู่หรอกนะบอกไว้ให้รู้! ”
“ หะ เฮ้ยยัยบ้า! ทำอะไร—– ”
พอคิดจะหนีปุ๊บก็ถูกพวกชิกิงามิล้อมเอาไว้หมดซ้ายขวาหน้าหลัง ก่อนที่จะ
“ จ๊าาาาาาากกกกกกกกกก!? หยุดสิเฟ้ยหยุดนะ! ”
[โอร่าโอร่า] , [คายมาซะ คายมาซะ] , [หากคายออกมาแล้วความทรมานจะหายไปนะเจ้าคะ] , [อุยย้าา]
ไอ้เจ้าพวกชิกิงามิมันพูดเช่นนั้นไปพลาง พุ่งเข้ามาจักจี้เอวกับลำคอของไอ้ฉันกันเต็มเหนี่ยว ฉันรีบทำการจับหัวกะจะกระชากตัวพวกมันออกทันที แต่พวกมันก็มีเรี่ยวแรงอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเด็กตัวเล็กๆนิดหน่อย ก็เลยกระชากออกไม่ได้ง่ายๆ…..ถึงจะเป็นแค่สเกล 1 แต่ถ้าโดนรุมพร้อมกันทีเดียวสี่ตัวนี่ก็ถือว่าสถานการณ์เป็นต่อเพราะอีกฝั่งมันมาเยอะกว่าอยู่ดี
“ เป็นถึงฟุรุยะคุงที่ปราบชิกิงามิระดับสเกล 4 ลงได้เลยนี่เนอะ กะอีแค่นั้นคงไม่ใช่คู่มืออยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ”
ในระหว่างที่ฉันหัวเราะกลิ้งอยู่กับพื้น โซยะก็ดอดไปทำการล็อกกลอนประตูห้องฝึกปฎิบัติจากข้างใน ผนึกทางหนีทีไล่เรียบร้อย
“ แต่ถ้ายังมัวถือทิฐิดึงดันจะปกปิดความสามารถอยู่อีกงั้นก็มาวัดกันเลย……. พลังวิญญาณของฉันจะแห้งเหือดหมดก่อน หรือฟุรุยะคุงจะหัวเราะท้องแข็งตายคาที่ก่อนกันนะ ”
หนอยแน่…..! ต่อให้ไม่ว่ายังไงก็กะจะเปิดโปงความสามารถของฉันแล้วลากเข้าทีมให้ได้เรอะ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรทำให้ยัยนี่อยากได้ตัวเพื่อนร่วมทีมที่แสนจะเก่งกาจมากมายถึงขั้นนี้…..แต่ก็ย่อมได้เว้ย เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นก็จะสำแดงแผลงฤทธิ์ออกมาให้ได้ประจักษ์เลยก็แล้วกัน
ก่อนหน้าจะมาถึงที่นี่ เห็นว่าโซยะเป็นคนที่ส่งจดหมายข่มขู่แสนจะทะเล้นแบบนั้นมาได้ไง ต่อให้ใช้ออกมาก็คงไม่น่าจะสะทกสะท้าน เลยล้มเลิกแผนที่จะใช้งานไอ้ไพ่ตายนี้ไปหรอกนะ
แต่พอได้เห็นโซยะกล่าววลีลึกลับที่ว่า “น้ำดื่มจากเต้าแม่ 100%” ออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อนั่นแล้ว ฉันก็พลันเปลี่ยนความคิด
แม้โซยะ มิซากิจะมีความสามารถในการตรวจสอบเชิงวิญญาณที่พิลึกสุดขั้วแบบนั้น แต่ไม่แน่แล้วคุณหล่อนแกอาจจะไม่ค่อยถูกกับเรื่องลามกก็ได้รึเปล่า ถ้าใช่อย่างงั้น ก็อย่ามัวปกปิดไม่เข้าเรื่อง แล้วปลดปล่อยสำแดงอำนาจของเทคโนเบรคเกอร์ออกมาให้เห็นจะๆกะตาซะเลยดีกว่า—–และตัวฉันที่คิดเช่นนั้น ก็ได้ฝากชะตากรรมลงไปกับการเดิมพันครั้งนี้
“ เออเข้าใจแล้ว ยอมก็ได้ ยอมรับก็ได้ ”
ฉันฝืนกลั้นอดทนความจักจี้ ก่อนจะแผดเสียงตะโกนลั่นอัดเข้าใส่โซยะ
“ ตัวฉันคนนี้มีความสามารถในการใช้ไล่ผีอยู่จริงๆนั่นแหละ แต่ว่านะ ต่อให้เป็นความสามารถในการไล่ผีจริง แต่มันก็เป็นอำนาจแบบนี้เลยเชียวนะเว้ย!? ”
กระชากกำไลข้อมือที่มีกางเขนเงินติดอยู่ออก
คลื่นความร้อนพลันฝังลึกเข้ามาในแขนสองข้าง เกิดความแปลกประหลาดขึ้นในดวงตา
มีจุดส่องแสงอันดูน่าประหลาดปรากฎขึ้นมาอยู่เหนือร่างกายของเหล่าชิกิงามิที่รุมจักจี้ฉันอยู่รอบทิศ ถึงแม้พวกชิกิงามิมันจะหุ้มเครื่องแต่งกายแสนน่ารักเอาไว้อยู่รอบตัว แต่ก็สามารถมองเห็นแสงนั่นลอดทะลุเนื้อผ้ามาได้อย่างง่ายดายเลย
และฉันก็พุ่งนิ้วมือออกไปหยั่งกับจิ้มจุด กระแทกกระทั้นอัดมันลงไปเหนือเสื้อนั่น ณ บริเวณที่มีจุดเรืองแสง—-โพรงเสน่ห์กายิกสุขอยู่ เท่านั้นแหละ
ซี๊ดดดดดดดดด!
ชิกิงามิทั้ง 4 ตนพลันแผดเสียงร้องอย่างเสียวซ่านพร้อมกับกระตุกหงึกๆ แล้วจึงพากันร่วงลงมากลิ้งเกลือกไปตามพื้นดังตุบตุบตุบ
หลังจากที่ร่วงลงมาหมอบราบคาบแก้วกับพื้นก็แล้ว แต่พวกชิกิงามิมันก็ยังแลบลิ้นน้ำลายไหลเยิ้มท่วมปาก ส่ายเอวไปมาพร้อมพ่นปลดปล่อยของเหลวดัง จิ้ว จิ้ว ออกมาจากบริเวณระหว่างขา…..ร่างกายของเจ้าพวกนี้มันลำเลียงเอาน้ำมาจากที่ไหนกันน่ะ
“ …………………………………………………………เอ๊ะ? ”
โซยะที่เห็นภาพดังกล่าวเข้า ถึงกับนิ่งค้างตัวแข็งทื่อราวกับไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นไปหลายวินาทีเลยทีเดียว ก่อนจะ
“ ~~~~~~~! ”
เจอะเข้ากับเหล่าชิกิงามิที่หงายเก๋งอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าดูไม่ได้เช่นนั้นเข้า ใบหน้าของคุณหล่อนแกก็ถูกย้อมเป็นสีแดงแจ๋ไปยันลำคอเลยเชียวนั่น
“ เอ๊ะ อะ ทะ ทำ ทำไมถึง ไม่นะ ชิกิงามิของฉันไม่ได้มีฟังก์ชั่นพิลึกแบบนี้ซะหน่อย…..! ”
โซยะเอามือปกปิดใบหน้าที่แดงแจ๋ของตัวเองไปพลาง พูดติดๆขัดๆออกมาด้วยท่าทางเหมือนสับสนสุดขีด
เป็นจริงอย่างที่คิดเลยแฮะ โซยะไม่ถูกกับเรื่องสัปดนจริงๆด้วย
“ ………เท่านี้ก็เข้าใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ”
จะบอกให้รู้ไว้ว่าฉันเองก็โคตรเกลียดไอ้พลังบ้านี่เหมือนกัน เห็นมั้ยล่ะดูดีๆดิ หน้าฉันเองก็แดงแจ๋ไม่แพ้โซยะเลยนะเนี่ย ว่าแล้วฉันก็เบือนหน้าหนีโดยสมบูรณ์ไปจากเหล่าชิกิงามิที่แลบลิ้นตาเหลือกพลางสั่นกระตุกอยู่เหนือพื้น กับโซยะที่หน้าแดงแจ๋แบบสุดๆ ก่อนจะพูดต่อออกมา
“ มันเป็นพลังแบบนี้ไงล่ะ ลองเที่ยวไปไล่ผีด้วยวิธีการพรรค์นี้ดูดิ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว กระทั่งเพื่อนร่วมทีมก็คงไม่รอดถูกตีตราว่าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณก่อเหตุโรคจิตวิตถารไปด้วยแหงๆ ฉะนั้นตัดใจจากฉันแล้วไปชวนคนอื่นเอาแทนเถอะ ”
พันกำไลข้อมือติดกางเขนกลับเข้าที่ ทำการผนึกความสามารถ
และเป็นในฉับพลันที่ฉันปลดกลอนประตูห้องฝึกปฎิบัติเบอร์ 5 และกำลังจะกลับไปทั้งๆอย่างนั้นนั่นเอง
“ ตะ ตะตะ ตะ ”
ที่โซยะซึ่งหน้าแดงแจ๋และตัวสั่นเทิ้มไปหมด พลันเข้ามาจับชายเสื้อของฉันเอาไว้
“ ตะ ตรงตามที่ประเมินไว้เป๊ะเลย! ”
ดวงตาของโซยะที่เบือนหน้าหนีจากฉันสุดกำลังนั่น มีน้ำตาคลอออกมาอยู่เต็มไปหมดเลย สงสัยจะเป็นเพราะอับอายละมั้ง
“ บะ แบบนี้นี่เองนะ กะ กะกะกะ การถึงจุดสุดยอดทางเพศเนี่ยถ้าจำไม่ผิดแล้ว มะ เหมือนว่าจะเป็นพลังงานที่จำแนกอยู่ในปราณด้านบวกด้วย กะ ก็เลยส่งพลังนั่นทำให้มันระเบิดภายในร่างของชิกิงามิหรือวิญญาณที่ประกอบไปด้วยปราณด้านลบพื่อเป็นการกำจัด……ปะ ปะ เป็นความสามารถแบบนั้นงั้นใช่มั้ย!? ”
ในระหว่างที่จ้องมองเหล่าชิกิงามิที่ค่อยๆสูญสลายหายไป โซยะก็ทำการวิเคราะห์ด้วยท่าทางเหมือนทิ้งสติไม่สนอะไรแล้ว
“ ถะ ถ้าแบบนี้ละก็ ต่อให้เป็นวิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งพอสมควรแต่ก็น่าจะไล่ได้ในทีเดียวเลยรึเปล่า…….? เฮะ เฮะเฮะเฮะ ว่าแล้วเชียวสัญชาติญาณของฉันถูกต้องตรงเผงเลยจริงๆด้วย แบบนี้นี่มันหยั่งกับว่ามีคนปูพรมเปิดหนทางสู่การเป็นใหญ่เป็นโตให้เลยนี่นา! ”
เอะ….เอ๋……
นี่พูดจริงเหรอน่ะ? เธอคนนี้
แค่ได้เห็นชิกิงามิตัวจิ๋วไซส์ชิบิถึงจุดสุดยอดก็แตกตื่นอาการหนักขนาดนี้แล้วนะ
ลนลานจัดจนน้ำตาจะไหลอยู่แล้วแท้ๆนั่น
แบบนี้ถ้าได้เห็นสภาพตอนวิญญาณร้ายที่มีรูปทรงเป็นผู้หญิงธรรมดาถึงจุดสุดยอดทีจะเป็นยังไงละนั่น ยิ่งถ้าเจอสภาพผีตาลุงน้ำแตกด้วยนี่ไม่มีทางรับไหวแหงมๆ
ตอนที่อัดเทคโนเบรคเกอร์ใส่พวกตาลุงนี่บอกเลยนะเว้ย โคตรน่าสยดสยองมากระดับที่ฝังลึกเป็นแผลใจได้เลยเชียวนะเฮ้ยไม่ได้พูดเล่น……
ตอนนี้คือลืมเรื่องที่ตัวเองกำลังพยายามจะหนีจากคำเชื้อเชิญของโซยะไปกว่าครึ่งแล้ว ฉันเอ่ยถามโซยะออกมาด้วยความสงสัยแบบเกือบๆจากใจจริงเลย
“ ทำไมเธอถึงได้ ยึดติดกับการเป็นใหญ่เป็นโตถึงขนาดนั้นเล่า ”
ถึงกับขนาดคิดจะชวนฉันที่มีแค่พลังสุดเฮงซวยอย่างไล่ผีโดยการทำให้ถึงจุดสุดยอดเลยเนี่ยนะ
“ ทำไม น่ะเหรอ…….. ”
เท่านั้นแหละโซยะพลันก้มหน้าลง พร้อมกับเอานิ้วแนบไปกับดวงตาสองข้างที่เอ่อล้นคลอไปด้วยน้ำตา
แล้วจากนั้นโซยะที่ทำการถอดอะไรคล้ายๆคอนแทคเลนส์ออก ก็เงยหน้ากลับขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ ก็เพื่อหาทางคลายคำสาปที่ติดอยู่กับตานี่ยังไงเล่า! ”
ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตานั่น
มีเครื่องหมายหัวใจขนาดใหญ่สีชมพูลอยขึ้นมาอยู่
MANGA DISCUSSION