หาซากุระเจอได้ในทันทีเลย
อยู่ข้างตู้ขายน้ำอัตโนมัติที่ต้องเดินตามทางเดินจากสนามฝึกซ้อมมาซักพักกว่าจะเจอ ซากุระนั่งปล่อยตัวอยู่เหนือม้านั่งที่ถูกตั้งเอาไว้หลังเงาเสานั่นเอง
ใกล้ๆตัวนั่นมีเครื่องดื่มเกลือแร่สองกระป๋อง ถูกวางเอาไว้ราวกับเป็นข้ออ้าง
สีหน้าของซากุระที่นั่งก้มหน้าถูกเส้นผมบดบัง ทำให้ไม่อาจมองเห็นรับทราบได้ว่าเป็นยังไง
“ เอ่อ ”
ถึงจะรีบไล่หลังตามมาในทันที แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะทักชวนคุยยังไงดี
พอฉันสอดส่ายสายตาไปมาอย่างไม่ได้ความอยู่แบบนั้น ตามันก็พลันเหลือบไปเห็นสิ่งที่ชวนคิดถึงอยู่ภายในตู้ขายน้ำอัตโนมัติ
“ ……อ่า เธอน่ะ ชอบไอ้นี่ใช่มั้ยล่ะ ”
นั่นก็คือโกโก้อุ่นแบบกระป๋อง
ในสมัยที่ยังอาศัยอยู่ด้วยกัน พอออกไปข้างนอกช่วงฤดูหนาวแล้ว ซากุระจะเข้ามาออดอ้อนขอให้ซื้อเจ้านี่ให้อยู่เรื่อยเลยไง
ฉันกดซื้อโกโก้ด้วยเหรียญที่เผอิญมีเหลืออยู่ในกระเป๋า ก่อนจะ
“ เอาเป็นว่า ดื่มนี่แล้วทำใจให้เย็นลงหน่อยเหอะนะ ”
ถ้าเกิดโดนปัดแม้กระทั่งโกโก้ละก็ตรูมีหวังร้องไห้แหงม…เนี่ย ฉันเตรียมใจให้พร้อมรับแบบนั้นไปพลางส่งโกโก้ไปให้ซากุระ
แต่ผิดคาด ซากุระไม่ได้ปัดโกโก้ทิ้งแต่อย่างใด
“ หยุดทีได้มั้ย…… ”
ที่ได้ยินดังขึ้นมาเป็นการกลับกัน ก็คือเสียงอันสั่นเครือเล็กๆของซากุระ
“ อย่าทำแบบนั้นนะ อย่าใจดีใส่ฉันแบบนั้นนะ! หยุดเอาใจฉันได้แล้ว! ”
ไม่ใช่ความโกรธหรือความหงุดหงิด
นั่นคือคำขอร้องจากเบื้องลึกหัวใจของซากุระเลยต่างหาก
“ …… ”
แต่ฉันก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ ได้แต่กำโกโก้ที่ร้อนเกินจะดื่มไปหน่อยสำหรับฤดูกาลนี้ แล้วนั่งปล่อยตัวลงข้างซากุระทั้งอย่างนั้น ความเงียบงันพลันดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน
“ ……ทั้งที่ฉัน เป็นผู้จับตาของนายแท้ๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ”
จนท้ายที่สุด ริมฝีปากของซากุระก็พลันอ้ากล่าวออกมาเบาๆว่าเช่นนั้น
ที่เล็ดหลุดออกมาให้ได้ยิน ก็คือน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ นังจิ้งจอกทำการเตรียมพร้อมอะไรต่อมิอะไร แล้วปะทะเข้าชนกับพวกคุณทาทาราบะได้อย่างซึ่งหน้าเลย ส่วนโซยะ มิซากิก็ตามหาโลลิค่อนเมกเกอร์จนเจอแล้วพิสูจน์ว่านายไม่ได้แปลกประหลาดไปเองได้ แต่ฉันล่ะ ถึงคนเขาจะกล่าวหาตีตรานายว่าประหลาดแปลกแยกเท่าไหร่ แต่ฉันก็ได้แต่แหกปากร้องโวยวายหยั่งกับเด็กๆ ได้แต่งอแงไม่เป็นภาษาอยู่ท่าเดียว ”
“ เอ้ยเรื่องนั้นนี่…… ”
เจอะเข้ากับคำสารภาพอันคาดไม่ถึงของซากุระแล้ว ฉันก็ถึงกับสับสนว่าควรจะตอบรับกลับไปว่ายังไงดี
ตอนที่พวกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก้าวเข้ามาภายในห้อง ซากุระก็ช่วยปกป้องฉันสุดกำลังเลยอยู่หรอก
แต่ซากุระน่าจะเกลียดฉันนี่ น่าจะเห็นฉันเป็นไอ้โคตรโรคจิตที่ถือครองความสามารถสุดเฮงซวยอย่างไล่ผีโดยทำให้ถึงจุดสุดยอดแล้วเกลียดขี้หน้ากันสุดๆไปเลย ฉะนั้นจึงไม่อาจเข้าใจได้ซักนิดว่าทำไมซากุระถึงต้องเฝ้าวิตกคิดมากถึงขนาดนั้นด้วย
“ ไม่ต้องไปสนมากหรอกน่า ฉันก็ถูกตัดสินว่าไร้มลทินรอดตัวมาอยู่แบบนี้แล้วด้วยนี่นะ ยัยสองคนนั่นมันแค่ประหลาดเกินเหตุไปเท่านั้นล่ะ ”
อย่างคาเอเดะเนี่ยก็เป็นสตรีน้ำแข็งที่เก่งผ่าเหล่ามาตั้งแต่เกิดเลยนี่นะ ส่วนโซยะก็เป็นยัยบ๊องงี่เง่าที่มีเนตรมารฝัน ถึงจะรู้สึกขอบใจที่เชื่อมั่นว่าต้องมีโลลิค่อนเมกเกอร์อยู่จริงๆแล้วช่วยจับตัวมาให้ก็เหอะ แต่เล่นบุกถล่มเข้ามาในสำนักงานใหญ่สมาคมเลยนี่ก็เกินไป๊
“ มันต้องสนอยู่แล้วสิยะ!! ”
สงสัยคำปลอบประโลมแบบไม่คิดอะไรของฉันจะไปสะกิดต่อมเข้าละมั้ง
สิ่งที่สถิตอยู่ภายในดวงตาของซากุระที่เงยหน้าขึ้นมา คือความโกรธและความหงุดหงิดระดับที่เหนือล้ำมากยิ่งกว่าตลอดมานี่ซะอีก
“ ก็คิดดูสิ……ถ้าฉันทำตัวให้มันได้เรื่องได้ราวมากยิ่งขึ้นมาตั้งแต่ตอนเด็กๆละก็ ทั้งนาย ทั้งคุณพ่อก็คง…ก็คงจะไม่ต้องลำบากเจ็บตัวอยู่ในที่ที่ฉันไม่ได้รับรู้แล้ว! ”
“ ……ขึก ”
ที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน ก็คือเรื่องของพ่อที่เฝ้าเลี้ยงดูพวกเรามา
พ่อที่ช่วยเหลือผู้อื่นได้ราวกับเป็นเรื่องปกติสามัญ และใช้เงินที่ได้มาจากการงานเกือบทั้งหมดไปเพื่อเลี้ยงดูเด็กกำพร้าเพราะภัยวิญญาณอย่างพวกเรา พ่อที่แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากงานแสนลำบาก แต่ก็ยังเล่นสนุกกับพวกเราโดยไม่แสดงสีหน้าอ่อนล้าให้เห็นเลยแม้แต่นิด——-พ่อของพวกเราที่ถูกการงานรุมเร้าจนหมดแรง สิ้นชีพกลายเป็นผีคลั่งกางเกงในไปนั่น
“ ถ้าฉันได้เรื่องได้ราวมากกว่านี้ คุณพ่อก็อาจจะไม่ฝืนตัวเองจนถึงขั้นเป็นลมหมดสภาพแบบนั้นก็ได้ ถ้าเก่งพอที่จะให้เขาระบายความในใจหรือขอพึ่งพาได้ซักหน่อย คุณพ่อก็อาจจะไม่ตายแล้วกลายเป็นแบบนั้นไปก็ได้ ”
“ ไม่หรอกเรื่องนั้นนี่ พวกฉันเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน…… ”
แล้วก็ที่พ่อกลายเป็นผีคลั่งกางเกงในนี่ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะทำตัวเองหรือไม่ก็ชะตาฟ้าลิขิตแบบ 100% เลยหรอกนะ
“ แล้วก็ไม่ใช่แค่คุณพ่อด้วย! ”
ซากุระกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ ด้วยท่าทางที่เหมือนไม่ยอมฟังคำพูดฉันเลยซักนิด
“ ฉันรู้หรอกนะ ว่าในตอนที่คุณพ่อกลายเป็นแบบนั้น นายแอบไปทำอะไรซักอย่างอยู่กับคนของตระกูลคุซึโนะฮะน่ะ ”
“ เอ๊ะ…… ”
นั่นก็คือ เรื่องในตอนที่ฉันทำการปราบพ่อที่แปลงสภาพกลายเป็นวิญญาณร้าย สเกล 7
“ ถ้าเป็นตอนนี้ละก็พอจะเดาได้อยู่ นายน่ะจะต้อง ใช้ความสามารถสุดงี่เง่านั่นหยุดคุณพ่อเอาไว้ด้วยกันกับพวกนังจิ้งจอกแน่ๆเลยงั้นสินะ ”
“ …… ”
ฉันพูดอะไรไม่ได้ เพราะการไล่ผีในครั้งนั้นมันเป็นแผนที่ฉันกับตระกูลคุซึโนะฮะเปิดฉากขึ้นเองโดยพลการ ขนาดที่แม้กระทั่งสมาคมเองก็ยังไม่ได้รู้รับทราบอะไรด้วยเลย แต่กระนั้นแล้วซากุระก็ยังพูดต่อออกมาอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ แต่ตัวฉันในตอนนั้น ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ฉันแค่หายใจอยู่ไปวันๆโดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยซักอย่างเดียว……รู้ตัวอีกทีเหตุวุ่นวายเพราะคุณพ่อก็ถูกสะสางลงไปแล้ว แถมนายก็ยังกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าสุดขีดไปเลยอีก แม้จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นซักเท่าไหร่ แต่ก็เอาแต่กลบเกลื่อนใส่กันอยู่นั่น แล้วจากนั้นก็แอบไปซุบซิบทำอะไรด้วยกันกับนังจิ้งจอกอยู่เรื่อยอีก นายไม่ยอมบอกอะไรให้ฉันรู้เลยซักอย่าง ทั้งเรื่องการปราบผีคุณพ่อ ทั้งเรื่องกำไลที่สวมมาเนิ่นนานก่อนหน้านั้นซะอีก……เพราะฉัน เพราะฉันมันอ่อนแอแล้วก็เป็นแค่ตัวถ่วงที่ได้แต่ต้องคอยให้คนอื่นปกป้องยังไงล่ะ ”
“ เปล่าหรอกเรื่องนั้น……แค่อายไม่กล้าบอกเฉยๆน่ะ ”
ก็ใครมันจะไปพูดได้กันเล่า [ผมมีพลังที่ใช้ทำให้คนน้ำแตกได้โดยการจิ้มจึ๊กเดียวคับ แล้วก็ใช้พลังนั่นไล่ผีพ่อที่เลี้ยงดูผมมาด้วยการแตะจึ๊กถึงสวรรค์คับ] เงี้ยอะ สภาพจิตคนธรรมดาสามัญพูดไม่ได้หรอกนะเว้ยอะไรกาวๆเงี้ย
“ แต่ถ้าเกิดว่า ฉันใช้ศาสตร์ปราบมารได้ในระดับเดียวกับนังจิ้งจอกนั่นละก็……ถ้าไม่ได้คอยแต่ให้นายเอาใจ แต่เป็นคนที่เก่งน่าพึ่งพาระดับที่เป็นฝ่ายตามเอาใจนายได้ละก็……คงจะไม่ถูกปล่อยเป็นหมาหัวเน่าอยู่แบบนั้น คนสำคัญก็คงจะไม่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่ในที่ที่ฉันไม่ได้รับรู้….แล้วก็คงจะไม่ต้องเศร้ากับตัวเองที่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยอีกต่อไปด้วย ”
“ ซากุระ…… ”
อยากจะพูดเหลือเกินว่าไม่ใช่ แต่ฉันก็เป็นคนจงใจทำกับซากุระแบบนั้นตลอดมาจริงๆนั่นล่ะ
“ หยุดทำสายตาเหมือนเป็นห่วงแบบนั้นซะที! อย่ามาทำเหมือนกับฉันเป็นน้องสาวนายนะ! ”
พอฉันผงะพูดอะไรออกมาไม่ได้อยู่ ซากุระก็พลันกระโดดลุกพรวดขึ้นมาจากม้านั่ง
พร้อมกับแผดเสียงคำรามออกมาสุดแรงสุดกำลัง ราวกับกระแทกคำพูดอัดเข้าใส่กัน
“ นายที่ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กไม่ยอมโตอยู่เสมอแบบนั้นน่ะ นายที่ไม่ยอมบอกเรื่องสำคัญอะไรให้ฉันรู้เลยซักนิดน่ะ นายที่ไม่ยอมปริปากขอพึ่งพาฉันเลยซักครั้งนั่นน่ะ เกลียดที่สุดเลย! เกลียดเข้าเส้นที่สุดเลย!! ”
แล้วจากนั้น ซากุระก็หอบหายใจ เอามือบีบชายเสื้อเอาไว้ ก่อนที่จะ
“ ……แล้วก็ เกลียดตัวเองที่เป็นเด็กขี้แยอ่อนแอจนต้องให้นายมาคอยเอาใจอยู่เรื่อยแบบนั้น มากยิ่งกว่าซะอีก……! ”
กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เหมือนจะสลายหายไปกับสายลม
“ ฉะนั้นต่อให้เป็นตอนนี้ แต่ฉันก็จะไม่ยอมให้นายเอาใจเด็ดขาดเลย……! ”
“ ……งั้นเหรอ ”
เป็นตรงนี้เอง ที่ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงเจตนาแท้จริงของซากุระได้ซักที
เอ้อ ก็ต้องโมโหแหงอยู่แล้วแหละเนอะ
ซากุระน่ะ คอยวิตกกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของตัวเองมาตลอดเลย
เพราะแบบนั้นเอง เมื่อสองปีก่อน ซากุระจึงมุ่งหน้าไปเข้ารับการฝึกของอธิบดีกรมตรวจสอบที่สุดจะน่ากลัวนั่นด้วยตัวคนเดียว
แล้วก็เติบโตขึ้นมาจนสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้ด้วยตัวคนเดียวเลยจริงๆด้วย แถมได้ทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างสมเกียรติเลยอีกด้วย หนำซ้ำยังทุ่มความพยายามแสดงความจริงต่างๆพวกนั้นให้ฉันเห็นสุดชีวิตเลยทีเดียว เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ฉันกลับทำเหมือนยัยนี่ยังเป็นเด็กเล็กๆอ่อนโลกอยู่นั่น ฉะนั้นก็ต้องโมโหแหงอยู่แล้ว ถ้าฉันอยู่ในจุดยืนเดียวกันก็คงโมโหเหมือนกันแหละ คงจะด่าตวาดว่าอย่ามาดูถูกกันนะเว้ยใส่เลยด้วยซ้ำ
ก็สมควรแล้วที่พฤติกรรมของซากุระจะดูรุนแรงหยาบคาย
เอ้อก็ ถึงแม้ว่าความเกลียดชังที่มีต่อเทคโนเบรคเกอร์นี่มันจะดูเหมือนเป็นความรู้สึกจริงๆของแท้ไม่เกี่ยวข้องกันก็เหอะนะ!
เอาเป็นว่า เพราะงั้นแหละ สิ่งที่ฉันสมควรจะทำตรงนี้จึงไม่ใช่การปลอบประโลมด้วยคำพูดราคาถูกแต่อย่างใด
“ คือว่านะ ซากุระ ”
“ ……มีอะไร ”
ซากุระเขม่นเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าท่าละก็จะต่อยให้ยับ
“ อ่า จะว่าไงดี แบบว่าช่วย สอนวิธีฝึกเคลื่อนไหวร่างกายให้ฉันทีสิ ”
“ เอ๊ะ? ”
“ ก็นั่นไง นางุโมะเนี่ยเป็นคู่ซ้อมที่ยอดเยี่ยมไปเลยก็จริงหรอกนะ แต่ยัยนั่นก็เป็นแค่มือฉมังด้านเคนโด้เท่านั้นไง เลยเหมือนว่าจะไม่ค่อยรู้ละเอียดเรื่องการต่อสู้มือเปล่าซะเท่าไหร่น่ะ ”
แล้วก็เป็นสายนักกีฬาโคตรบ้าพลังสุดๆเลยด้วยนี่นะ
“ เลยอยากให้เธอที่พัฒนาจากมือสมัครเล่นกลายมาขยับร่างกายอย่างคล่องแคล่วแบบนั้นได้ภายใน 2 ปีช่วยฝึกให้ด้วยอีกคนน่ะ ”
ถึงแม้ว่าแบบนี้ ในอีกนัยนึงแล้วมันอาจจะถือเป็นการเอาใจซากุระเหมือนกันก็เหอะนะ
แต่ฉันก็กล่าวกับซากุระจากใจจริงว่าอย่างนั้น
“ ……ฮึก ”
ซากุระที่ได้ยินคำพูดของฉัน พลันเอามือถูเช็ดๆบริเวณดวงตาของตนเอง ก่อนจะ
“ หะ ฮึ! ช่วยไม่ได้นะ ”
กระชากแย่งโกโก้ไปจากมือฉัน ด้วยสีหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหมือนตอนที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งนั่น
“ ถ้านายพูดถึงขนาดนั้น งั้นก็จะยอมช่วยให้ก็ได้ย่ะ ซาบซึ้งในพระคุณซะเลยล่ะ! ”
ก็คงจะมีเสแสร้งให้เหมือนดูร่าเริงอยู่บ้างเหมือนกันหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะทวงคืนเอาความกระตือรือร้นดังเดิมกลับมาได้พอสมควรแล้วนั่นแหละ
“ ฉะนั้นนะ ถ้าจะปะทะกับพวกที่ถืออาวุธนี่ ตามหลักเลยก็คือต้องกระโจนร่างกายท่อนบนเข้าใส่น่ะ แล้วก็ต้องหุบรักแร้ทำตัวให้เล็กลงมา อารมณ์แบบลดระดับปริมาณพิ้นผิวร่างกายที่ศัตรูมองเห็นได้ละนะ ”
ระหว่างทางกลับไปยังสนามฝึกซ้อม ซากุระก็เริ่มทำการเล็คเชอร์วิธีขยับร่างกายให้ฟังแบบปากเปล่าในทันทีเลย
“ แล้วก็ จุดเด่นของอาวุธนี่จะเน้นหนักอยู่ที่ระยะโจมตีมากกว่าอานุภาพล่ะ ฉะนั้นการข่มใจให้ไม่กลัวเพื่อถลำเข้าไปยังสีข้างของศัตรูมันจึงสำคัญเอาเรื่องเลย เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นจะๆกับตาแล้วกัน ”
แน่นอนว่าเป็นคำสั่งสอนอย่างเอาจริงเอาจังและเน้นในทางปฎิบัติสุดๆ ทำให้สัมผัสได้อย่างแท้จริงเลยว่าซากุระพยายามฝึกปรือตัวเองมาอย่างหนักหน่วงมาก
“ เห มีแต่อะไรที่ไม่เคยรู้เต็มไปหมดเลยแฮะ ”
พอฉันพูดอย่างทึ่งจากใจจริงแล้ว ซากุระก็เบือนหน้าหนีไปยังทิศอื่น ก่อนที่จะ
“ หะ ฮึ! ถ้าให้พูดแล้วมันคือนายนั่นแหละย่ะที่แปลก ทั้งที่ความสามารถสุดน่าเกลียดของนายมันประสานเข้ากันกับศาสตร์กระบวนท่าได้ลงตัวมากเลยแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ฝึกร่างกายเลยซักนิดเนี่ยนะ ”
“ เรื่องนั้นนี่มันก็แบบ โต้แย้งอะไรไม่ได้เลยแฮะ ”
ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมากระหน่ำใช้ความสามารถพรรค์นี้รัวๆไง ก็เลยไม่ได้ฟิตหุ่นเลยด้วยอะนะ
“ ……แต่ว่า ”
ซากุระดันประตูที่เชื่อมต่อกับสนามฝึกซ้อมให้เปิด พร้อมกล่าวออกมาเสียงค่อย
“ ถ้านายอยากให้ทำจริงๆละก็ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ฉันจะคอยช่วยดูแลไปตลอดให้ก็ได้—— ”
เป็นในฉับพลันนั้นเอง
“ ฟุรุยะคุง ถอยออกมาห่างๆเด็กคนนั้นซะ ”
“ ……เอ๊ะ? ”
ที่เสียงของบุคคลซึ่งไม่น่าจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้พลันดังขึ้น
คาเอเดะที่น่าจะกำลังไล่ตามหาตัวโลลิค่อนเมกเกอร์อยู่ ได้ทำการพาตัวเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนและผู้ปราบมารจำนวนมาก มาเฝ้าดักรออยู่ภายในสนามฝึกซ้อม
นางุโมะก็กำลังยืนทำสีหน้าสับสนอยู่ข้างหลังนั่นด้วย
และแล้วคาเอเดะก็ส่งสายตาตรงดิ่งเข้ามายังฉันและซากุระ—-ไม่สิ แค่ซากุระคนเดียว ก่อนที่จะ
“ เด็กคนนั้นล่ะคือโลลิค่อนเมกเกอร์ ”
หยิบยันต์ ขึ้นมาเตรียมเอาไว้
MANGA DISCUSSION