“ เหวย!? ต่อยกำแพงกระจุยแล้ววิ่งอ้อมพวกเราไป!? ยัยผมหางม้านั่นมันเป็นตัวอะไรกันน่ะ!? ”
“ เฮ้ยอย่าหนีสิวะ! รีบกางข่ายอาคมอันถัดไปซะ! ”
“ ผมไม่ไหวแล้วครับ! ถ้าโดนเห็นหน้าก็จบเห่เลยไม่ใช่เหรอครับ! ”
“ แถมเค้าเป็นถึงคุณหนูของตระกูลโซยะเลยอีกด้วยนะฮะ จะใช้ศาสตร์วิชาแรงๆใส่ก็ไม่ได้อีกตะหาก! ”
“ พวกที่มีครอบครัวต้องดูแลน่ะรีบถอยกลับไป! ”
ได้ยินเสียงแตกตื่นอลหม่านทำนองนั้นดังมาจากอีกฝั่งของประตูบานใหญ่ แถมเสียงมันยังค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ทางนี้ขึ้นเรื่อยๆเลยอีกต่างหาก
[……อะไรกันน่ะ?]
พอว่าแบบนั้นแล้ว นางิสะก็หยุดกดดันบีบคั้นคาเอเดะ ก่อนจะทำการจมร่างหายลงไปในพื้นดังซุ่บ
“ ไม่ได้การแล้วค่ะท่านคาเอเดะ รีบมาทางนี้เร็วเข้า ”
สตรีสวมหน้ากากจิ้งจอกพลันยุให้คาเอเดะหนีหลบเข้าไปยังอีกฝั่งของมู่ลี่ไม้ไผ่
แล้วพอทาทาราบะกางข่ายอาคมกายภาพใส่ประตูบานใหญ่อย่างเงียบกริบไม่พูดอะไรเลยปุ๊บ มันก็เข้าไปหลบซ่อนตัวหลังที่กำบังภายในศาลเฉย
ไม่กี่วินาทีให้หลังจากที่คนอื่นๆทุกคนยกเว้นฉันกับซากุระ วางมาตรการรับมือโซยะเสร็จครบกันหมดแล้วนั่นเอง
“ หยุดการพิจารณาคดีนั่นซะเดี๋ยวนี้เลยน้าาาาาาาาาาาาาาาา! ”
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงง!
เสียงของโซยะดังลั่นมาพร้อมกับที่ข่ายอาคมกายภาพซึ่งถูกหุ้มอยู่กับประตูบานใหญ่โดนฟาดกระจุย เผยให้เห็นเงาคนจำนวนนึงปรากฎออกมาจากภายในฝุ่นควันที่ตลบอบอวล
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าสุด ก็คือนางุโมะที่เป็นคนทำลายข่ายอาคมกายภาพของทาทาราบะให้แหลกไม่เหลือซากไปพร้อมกับประตูบานใหญ่ ใต้โคนแขนนั่นกำลังอุ้มคาราสึมะที่ไม่รู้ทำไมถึงโดนจับมัดซะทั่วตัวแถมยังดวงตาหมุนติ้วๆอยู่
“ ……แบบนี้นี่เอง อีกฝั่งคืออดีต สเกล 6 แบบนี้ก็คงยากจะรับมือจริงๆนั่นล่ะ ”
ทาทาราบะที่โดนแหวกข่ายอาคมกายภาพมาได้พลันคร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บใจ แล้วจากนั้นนางิสะก็ส่งเสียงขึ้นมาจากข้างใต้ของพื้น
[แล้วไงล่ะ? คิดบ้าอะไรของแกอยู่น่ะนังหนูงี่เง่าตระกูลโซยะ]
“ มีของที่อยากจะให้พวกคุณๆกรมตรวจสอบช่วยดูหน่อยน่ะค่ะ! ”
แม้จะโดนด่าว่างี่เง่าเข้าจังๆกลางยอดหน้าแต่ก็ไม่มีใส่ใจซักนิด โซยะแผดเสียงร่าเริงสดใสที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับบรรยากาศแสนจริงจังของศาลขึ้นมาในทันใด คงจะคำนึงถึงจุดอ่อนของนางุโมะละมั้ง โซยะที่มัดผ้าซาราชิหรืออะไรทำนองนั้นให้นมเล็กลงมาพลันก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับ
“ เราจับตัวน้องเด็กผู้หญิงมาได้ค่ะ! ”
……ชูเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่โดนขังอยู่ภายในข่ายอาคมทรงกลมขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
“ ผู้สืบทอดของตระกูลเก่าทำการลักพาตัวเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ……งั้นเรอะ!? ”
“ เฮ้ยไอ้พวกโซยะ! ผู้สืบทอดของพวกแกมันยังไงกันน่ะไหงถึงก่อเรื่องงามหน้างามตาได้มันทุกรอบทุกครั้งเลยวะ! ”
“ อ่า….คุณหนูเค้าเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วน่ะ ได้แต่ต้องทำใจสถานเดียวอะนะ ”
เสียงพวกท่านๆกรมตรวจสอบที่เป็นคนจากตระกูลเก่าดังเซ็งแซ่แตกตื่นมาจากอีกฝั่งของมู่ลี่ไม้ไผ่สุดๆเลยเว้ยเฮ้ย
แต่ก็นะ ลูกสาวสืบสกุลของตระกูลเก่าที่เป็นหน้าเป็นตาของวงการผู้ปราบมารเล่นใช้พลังวิญญาณกระชากจับตัวเด็กผู้หญิงตัวน้อยมาเลยนี่หว่า จะแตกตื่นกันมันก็สมควร
แต่ในกรณีคราวนี้ นับว่าโซยะทำได้กู๊ดจ๊อบสุดๆไปเลย
“ เดี๋ยวสิหล่อน!? เล่นฉกตัวเด็กน้อยถล่มเข้ามาในการประชุมรวมพลแบบนี้คิดอะไรอยู่……อื๋อ? ”
ไม่นับตัวฉันที่โดนผนึกการเคลื่อนไหวอยู่ ซากุระซึ่งเป็นบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับโซยะ พลันสังเกตถึงความผิดปกติได้เร็วยิ่งกว่าใครๆ
“ อะไรกันน่ะเด็กคนนี้……ไม่ใช่…มนุษย์เหรอ? ”
ที่โซยะกำลังชูขึ้นฟ้าอยู่นั่นก็คือเด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดวันพีชสีแดง
และสีหน้าอันนิ่งเฉยนั่น ก็ทำให้ซากุระซึ่งจ้องมองดูอยู่ในระยะใกล้ชิดถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“ อือ ไม่ใช่มนุษย์ล่ะ เพราะแบบนั้นก็เลยไม่มีข้อมูลกามๆโผล่ขึ้นมาให้เนตรมารฝันเห็น ทำให้หาตัวเจอได้ในทันทีเลยน่ะ ถึงตอนที่ฟุรุยะคุงโดนจับตัวไปนั่นจะทำเอาลนสุดๆไปเลยก็เถอะนะ! ”
โซยะยืดอกอย่างภาคภูมิใจ พร้อมยืนยันความเห็นของตนให้กับศาล
“ เด็กคนนี้คือไคอิที่ทำให้คนกลายเป็นโลลิค่อน……หรือถ้าให้ถูกก็คือเป็นคล้ายๆตัวลูกจ๊อกของมันอีกทีค่ะ! ฉะนั้นฟุรุยะคุงไม่ใช่โลลิค่อนหรอกนะ ได้โปรดยุติการพิจารณาคดีครั้งนี้ลงด้วยเถอะค่ะ! ”
“ ห้ะ จะบ้าหรือ! ตัวพรรค์นั้น คงจะเป็นชิกิงามิของตระกูลโซยะที่ถูกปลอมแปลงให้ดูเหมือนไคอิเฉยๆหรอกใช่ไหมล่ะ! ”
ผู้ที่เร่งเสียงโต้กลับมาเป็นคนแรกสุดก็คือทาทาราบะที่หลบซ่อนตัวอยู่หลังที่กำบัง ดูท่าทางไอ้เวรนั่นมันจะอยากจับฉันยัดเข้าซังเตสุดๆเลยแฮะ
“ แต่สมาชิกทีมคนอื่นของเราก็โดนเล่นงานแบบเดียวกันเข้าด้วยนะคะ ”
ว่าแล้ว โซยะก็เอานิ้วจิ้มแก้มของคาราสึมะหนุบหนุบ
“ ……มุ? โอออ น้องหนูตัวน้อย! มีน้องหนูตัวน้อยอยู่ตรงนี้ด้วย! ให้ฉันได้จับมัดทีเถอะ! ขอถ่ายรูปไปเก็บรวบรวมลงอัลบั้มน้องหนูกับเชือกเสียวสนุก……อ้าว? ที่กำลังถูกมัดอยู่นี่มันคือฉันเองไม่ใช่หรือไร!? ”
พอคาราสึมะลืมตาตื่นแล้ว มันก็ร้องแรกแหกกระเชออยู่ตัวคนเดียวเองเลยนั่น
น้องหนูกับเชือกเสียวสนุกห่าอะไรกันฟะ ไอ้เวรนั่นแม่มอาการหนักน่ากลัวฉิบหาย
“ มีรายงานว่านังผู้หญิงคนนั้นมันมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเป็นปกติอยู่แล้ว! ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้หรอก! ”
ทาทาราบะคัดค้านดังฉึบ
สมาชิกทีม 2 จากใน 3 คนโดนกรมตรวจสอบเฝ้าจับตาอยู่นี่มันหมายความว่าไงกันเฮ้ย แถมคนสุดท้ายยังโดนแบนห้ามไม่ให้เข้าสำนักงานใหญ่สมาคมอีกตะหาก อีแบบนี้ถึงข้อสงสัยที่มีต่อฉันเป็นอันคลี่คลายแต่ก็คงหมดจุดยืนในวงการแล้วมั้งเนี่ย?
“ อื~ม ถ้าไม่ยอมเชื่อ งั้นก็คงต้องสาธิตกับใครซักคนให้เห็นจะๆอย่างเดียว……อ๊ะ ”
โซยะที่เอียงหัวครุ่นคิดพลันพบเห็นร่างของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสองคนที่กลิ้งเกลือกอยู่กับพื้นเข้า เท่านั้นแหละดวงตาคุณหล่อนถึงกับเปล่งประกายเลย
เอ้ย โซยะ? ช่วยมีปรานีต่อคนพวกนั้นทีเหอะนะ อย่าให้เค้าต้องเจออะไรไปกว่านี้เลยนะ?
“ นี่แน่ะ! ”
แต่คำภาวนาของฉันที่เปล่งเสียงพูดอะไรออกมาไม่ได้มันก็ส่งไปไม่ถึง
พอโซยะคลายบางส่วนของข่ายอาคมทรงกลมปุ๊บ คุณหล่อนก็จับมือของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองให้แตะโดนตัวหนูน้อยในชุดวันพีชสีแดง แน่นอนว่าทำโดยไม่มีถามไถ่เลยซักคำ ขอความสมัครใจก่อนล่วงหน้าอะไรไม่มีทั้งนั้น และในฉับพลันถัดมา
“ อุ…ขุ่ก!? นะ นี่มันอะไรกันน่ะ!? หยุดเดี๋ยวนี้นะ! สงบเข้าไว้ร่างกายของผม……! ”
“ ทั้งที่ฉันมีลูกเมียอยู่แล้วแท้ๆ……นี่มัน บ้าชัดๆ!? ”
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองพลันเบิกตาโตจ้องมองหนูน้อยชุดวันพีชสีแดงตาไม่กะพริบ ก่อนจะเริ่มต้นเอามือกดระงับท่อนล่างเอาไว้ไม่ให้ชูชัน
แถมสงสัยโซยะจะคาดการณ์ถึงสถานการณ์แบบนี้เอาไว้แล้วละมั้ง คุณหล่อนจึงทำการโปรยรูปภาพโลลิ 2D ที่ปรินต์เตรียมเอาไว้ลงมาต่อหน้าต่อตาของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสอง ยัยนี่มันยักษ์ชัดๆ
““ ……ขึก! ””
แม้จะมีเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานมองดูอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองกลับถาโถมเข้ามาเก็บรวบรวมรูปภาพโลลิ 2D ด้วยสภาพที่ประหนึ่งเป็นมนุษย์ที่โดนปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลทรายกำลังพลิกแผ่นดินตามหาน้ำดื่มไม่พอ ยังจะเริ่มต้นเอาหน้าไซ้ถูไถเข้ากับรูปภาพดังกล่าวนั่นด้วยอีกต่างหาก
พอเห็นสภาพเช่นนั้น ก่อนที่จะทันได้คิดว่า “ตัวตนของไคอิที่เปลี่ยนคนให้เป็นโลลิค่อนถูกพิสูจน์แล้วเฟ้ยสำเร็จแล้วว้อยย!” แบบนั้น ตัวฉันก็พลันเกิดรู้สึกแหม่งๆอย่างรุนแรงขึ้นมา
แบบว่าการกลายเป็นโลลิค่อนของคนพวกนี้…มันรุนแรงเกินไปรึเปล่าน่ะ? แน่ะ
“ นะ นี่มันอะไรกันน่ะ……ไม่ใช่ระดับฟุรุยะ ฮารุฮิสะแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี่มัน……มันยังไงกัน ”
ทาทาราบะปล่อยเสียงที่ฟังดูอึ้งตะลึงงันออกมา
และนั่นก็เป็นข้อสงสัยแบบเดียวกันกับฉันเป๊ะเลย
การเปลี่ยนแปลงของคาราสึมะนั่น เราคิดกันว่าเป็นเพราะเจ้านั่นมันโรคจิตอยู่แต่แรกก็เลยเมินไป แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงสองคนเล่นมีการเปลี่ยนแปลงที่พอๆหรือไม่ก็เหนือยิ่งกว่าคาราสึมะอีกนี่……ก็จะกลายเป็นว่าฉันนี่แหละที่แปลกประหลาด
ทำไมฉันถึง…มีอาการแค่ระดับนี้ล่ะ?
“ ……ถึงจะถูลู่ถูกังเกินไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนว่าตัวตนของไคอิที่เปลี่ยนคนให้เป็นโลลิค่อนจะถูกพิสูจน์แล้วสินะคะ ขอตั้งชื่อมันเอาไว้ว่าโลลิค่อนเมกเกอร์คงจะเหมาะสมกระมัง ”
เสียงของคาเอเดะที่หลบหนีเข้าไปอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่พลันดังกังวานไปทั่วศาล
ความแตกตื่นตลอดจนถึงเมื่อกี้นั่นคงจะผ่อนทุเลาลงไปตามเวลาละมั้ง เสียงนั่นเลยกลับมาฟังดูเยือกเย็นเหมือนดังเช่นเคยอีกแล้ว
“ แล้วก็ แม้จะไม่ทราบว่ามีหลักการอย่างไร แต่นอกจากฟุรุยะ ฮารุฮิสะจะสามารถปัดการเข้าสิงของอดีต 12 เซียนอัมพรได้แล้ว ยังคาดเดาว่าเขาผ่อนบรรเทาฤทธิ์โรคเชิงวิญญาณของโลลิค่อนเมกเกอร์ได้ผ่านวิธีการบางอย่างอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่มีเหตุผลที่จะกักขังจองจำเขาอีกต่อไปแล้ว ที่คงเหลืออยู่ก็คือคุณค่าที่สามารถใช้งานได้เท่านั้น คิดแบบเดียวกันไหมคะ คุณนางิสะ ”
[……ชิ อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะ คราวนี้จะยอมปล่อยผ่านให้]
“ ห้ะ ท่านอธิบดีครับ!? ทำไมถึงยอมง่ายเช่นนั้น……ท่านเห็นอะไรในการตรวจสอบเมื่อครู่—– ”
[แต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อนึง]
คำพูดโต้แย้งของทาทาราบะที่มาจนขั้นนี้แล้วก็ยังดูไม่พอใจอยู่อีกนั่นถูกขัดเข้ากลางทาง นางิสะพลันกล่าวกับคาเอเดะจากข้างใต้พื้น
[เอาเป็นหลังจากที่เคลียร์คดีของโลลิค่อนสเลเยอร์เรียบร้อยแล้วก็ได้ หาเวลาโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นหน่อย คุซึโนะฮะ]
“ ……ได้เลยค่ะ ทางฉันเองก็ มีเรื่องที่อยากจะถามคุณอยู่เหมือนกัน ”
นั่นจะต้อง เป็นเรื่องอะไรซักอย่างที่ข้องเกี่ยวกับคำสาปของแขนนี่แน่ๆ
เรื่องใหญ่โตที่ข้องเกี่ยวกับสองมือนี่มันถูกเปิดเผยออกมาในที่ที่ฉันไม่รู้เรื่องด้วย
แต่ฉันในตอนนี้ก็ไม่มีปัญญาใดๆจะถามไถ่ตรวจสอบถึงเรื่องนั้นได้ แถม
“ สำเร็จแล้วววว! ฟุรุยะคุงถูกตัดสินว่าไร้มลทินแล้ว! ชนะคดีล่ะ! ขอบคุณที่ช่วยร่วมมือนะมุตสึมิจัง! ”
“ ฉันต้องช่วยร่วมมือกับพวกแกด้วยแหงอยู่แล้วเว้ย ”
ดูท่าแล้วคงต้องเริ่มจากขอบคุณโซยะกับนางุโมะที่แสดงความยินดีราวกับเป็นเรื่องของตัวเองก่อนละนะ
[แล้วก็นังงี่เง่านั่นน่ะ]
“ ฟุเอ๊? ”
ทันทีหลังจากที่การพิจารณาคดีสิ้นสุดลง นางิสะก็พลันส่งเสียงจากใต้ดินเข้ามาหาโซยะที่กำลังดีใจตัวลอย
[จำไว้ให้ดีเลยแก ค่าซ่อมแซมสำนักงานใหญ่สมาคมนี่ฉันจะเรียกร้องเอาจากตระกูลโซยะให้ยับเลย เตรียมใจเอาไว้ล่ะ]
“ เอ๊ะ แย่แล้ว โดนโกรธแน่เลยง่า…… ”
……ต้องให้ช่วยขนาดนี้ ฉันเองก็ตามไปให้เค้าโมโหใส่ด้วยอีกคนดีกว่าแฮะ
เป็นในฉับพลันที่เห็นโซยะหงอยแล้วคิดขึ้นมาแบบนั้นนั่นเอง
ที่หางตาของฉัน พลันเหลือบไปเห็นซากุระก้าวเร็วออกจากศาลไปทั้งๆที่ก้มหน้า
“ ซากุระ……? ”
ฉันวิ่งไล่ตามไปโดยพลันก็จริง แต่กลับไม่พบร่างของซากุระอยู่ตรงไหนภายในทางเดินใต้ดินอันว่างเปล่านั่นเลย
แล้วก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า
แต่เห็นเหมือนกับว่ามีหยดน้ำคล้ายรอยน้ำตา……ร่วงลงมาสร้างเป็นรอยชื้นแห้งๆอยู่เหนือพื้นทางเดิน
MANGA DISCUSSION