เคยได้ยินอยู่บ้างเหมือนกัน
เรื่องของอัจฉริยะที่ไม่ได้เป็นคนของ <<ตระกูลเก่าทั้ง 9>> แท้ๆ แต่กลับสำแดงพรสวรรค์ขั้นเหนือล้ำ จนไต่เต้าขึ้นมาเป็น 12 เซียนอัมพรได้ตั้งแต่ที่ยังสาวนั่น
ถึงแม้สตรีคนนั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างปฎิบัติงานบางอย่างจนร่างกายมีสภาพเป็นผัก แต่พรสวรรค์ของเธอก็ไม่ยอมหยุดอยู่กับแค่นั้น เธอทำการใช้เคล็ดของการถอดจิตเพื่อแยกแค่เฉพาะดวงวิญญาณออกมาทำงานภายนอกเป็นระยะยาว ทำให้สามารถดำเนินหน้าที่ในฐานะผู้ปราบมารอย่างต่อเนื่องได้ไปพร้อมๆกับปล่อยให้กายหยาบฟื้นฟูคืนสภาพ
วิญญาณคนเป็นที่มีพลังในฐานะผู้ปราบมาร….นับว่าเป็นตัวตนสุดประหลาดที่โลกต้องตะลึงโดยแท้
แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนคือเธอสูญเสียความสามารถในการใช้งานศาสตร์วิชาบางจำพวกไป ส่งผลให้ถูกปลดลงจากตำแหน่ง 12 เซียนอัมพรด้วยเหตุเช่นนี้เอง ทว่าถึงแม้อย่างนั้น ความเก่งกาจและความสามารถพิเศษอันทรงพลังอย่างยิ่งขนาดถัวทดแทนจุดอ่อนดังกล่าวได้สบายนั่นก็ทำให้เธอเฝ้าปกครองอยู่เหนือจุดยอดสุดของวงการมาอย่างต่อเนื่อง——
“ ท่านอธิบดี เล่นไม่ไปทำงานนอกสถานที่แบบนี้มันจะดีหรือครับ? ”
[ถามอะไรบ้าๆ งานที่ต้องให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าการที่คำสาป นั่น ทรุดหนักลงนี่ มันหาเจอไม่ได้ง่ายๆนักหรอกนะเว้ย]
อธิบดีแห่งกรมตรวจสอบ นางิสะผู้บดขยี้ศาสตร์วิชา
พอตอบคำถามของทาทาราบะแบบส่งๆแล้ว เธอคนนั้นก็ลอยละล่องขึ้นไปอยู่กลางอากาศอย่างสง่างาม
[ถึงจะยังไม่ชัวร์ว่าคำสาปของเจ้านี่มันคืออะไรแน่ก็เหอะ……แต่ก็คงไม่แคล้วเป็นอย่างที่กลัวนั่นแหละ]
“ …… ”
ดวงตาปลาตายพลันจับจ้องมองลงมายังฉันจากเบื้องสูง
ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยถูกอาเจ๊โชตะค่อนที่แปลงสภาพกลายเป็นวิญญาณร้ายในศูนย์ซัพพอร์ตขึ้นสวรรค์เล่นงานเพื่อกะจะยึดร่างอยู่เหมือนกัน แต่มันก็เทียบชั้นกับความรู้สึกบีบคั้นที่กำลังสัมผัสอยู่ในตอนนี้ไม่ติดเลยซักนิดเดียว หากถูกเธอคนนั้นหมายหัวเข้าแล้วละก็หนีไม่รอดแน่นอน ต่อต้านก็ไม่ได้ด้วยแน่นอน……แรงกดดันที่มากเพียงพอจะทำให้เชื่อเช่นนั้น มันถูกส่งตรงมาจากตาปลาตายนั่นเลย
แต่แล้วแรงกดดันนั่น ก็พลันถูกเพ่งเล็งตรงไปหาบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ฉัน
[แต่ก่อนหน้านั้น]
““ ……ขึก! ””
ผู้ที่ทำการเกร็งร่างกายอย่างหวาดกลัว ก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ลากฉันมายังที่นี่ด้วยกันกับคาเอเดะ
แก๊งสองคนที่พลาดปล่อยให้ฉันหลบหนีไปได้ครั้งนึงนั่นเอง
[เหมือนว่าพวกแกจะพลาดในการจับตัวเจ้านี่งั้นสินะ อยู่กรมตรวจสอบมากี่ปีแล้วน่ะ? อ๊า?]
“ ทะ ที่เป็นเช่นนั้นมันเป็นเพราะว่าฟุรุยะ ฮารุฮิสะสำแดงพลังอำนาจลี้ลับ…… ”
“ นอกจากนี้ยังถูกเจ้าหน้าที่ฟุมิโดริ ซากุระประท้วงคัดค้าน บวกกับมีตัวตนของโซยะ มิซากิอีกด้วย… ”
[หนกขู ซ่อมวินัย]
ในฉับพลันเดียวกับที่นางิสะเริ่มวิ่งทะยานไปกลางอากาศ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองคนก็ทำการเปิดใช้ศาสตร์วิชาขึ้นมาด้วยสีหน้าอันปวดร้าวแทบขาดใจ ข่ายอาคมหลากชั้นหกแฉก แนวป้องกันกำแพงกั้นที่พลันปรากฎขึ้นมาในชั่วพริบตานั่นดูหนาแน่นและแข็งแรงทานมากยิ่งกว่าที่พวกเด็กนักเรียนใช้กันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าเลย ทว่า
[เสียท่าให้นักเรียนมั่งล่ะ คิดว่าศาสตร์วิชาระดับนั้นจะเอาฉันคนนี้อยู่มั่งล่ะ]
ลอดผ่านข่ายอาคมไปได้!?
……ไม่สิไม่ใช่ ถ้าดูดีๆแล้วจะเห็นว่าข่ายอาคมมันหลอมเหลวไปในจังหวะตอนที่ถูกนางิสะแตะต้องเข้า และเพราะทั้งหมดมันเกิดขึ้นในเวลาเพียงฉับพลันสั้นๆ ก็เลยเห็นเหมือนกับว่าลอดผ่านไปได้ต่างหาก
[คงต้องจับซ่อมฝึกวินัยแบบหนักๆหน่อยแล้วมั้ง? อื๋อ?]
“ ฮิ๊!? ”
วุ่บ
ร่างวิญญาณของนางิสะที่เกือบๆแล่นทะลุผ่านข่ายอาคมมา พลันถลำเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคน ก่อนจะ
[“ เอาล่ะ เตรียมใจเอาไว้ให้ดีเลยเชียวล่ะพวกแก ”]
มีเสียงของนางิสะดังออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคน……เข้าสิงร่างของผู้ปราบมารมืออาชีพได้โดยสมบูรณ์เลยงั้นเรอะ!?
“ มะ ไม่เอานะ! ผมขอร้องล่ะครับท่านอธิบดี! มีแค่ไอ้นั่นอย่างเดียวเท่านั้นได้โปรดอย่า—–อุ้ก!? ”
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนที่ยังหนุ่มพยายามแสดงกิริยาต่อต้านนางิสะ in เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคนก็จริง ทว่า……พลั่ก!
ร่างกายของเขาพลันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะตกลงมากระแทกเปรี้ยงเข้ากับพื้น
นางิสะที่สิงอยู่ในร่างของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคน ทำการโยนตัวเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนหนุ่มไปแบบเน้นๆนั่นเอง
เป็นท่าโยนที่งดงามระดับทำให้รู้ซึ้งคิดใหม่ได้ในทันทีเลยว่าศาสตร์กระบวนท่าอันลื่นไหลของซากุระนั้นเป็นอะไรที่ยังต้องปรับปรุงอีกมาก และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนหนุ่มซึ่งโดนฟาดด้วยท่านั้นเข้าไปก็ถึงกับแน่นิ่งไม่ดุกดิกเลยทีเดียว
นางิสะกระชากคอเสื้อของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนนั้นขึ้นมา ก่อนที่จะ
[“ เอ้านี่ ซาบซึ้งในพระคุณซะเหอะ อธิบดีลงทุนมามอบจุมพิตแสนเร่าร้อนให้เองเลยนะเว้ย ”]
“ ~~~~!?!?!?!?!? ”
จ๊วฟฟ~~~~แช๊ะแช๊ะแช๊ะแช๊ะ
ใช้ร่างของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคนดูดปากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคนหนุ่ม แถมแค่นั้นไม่พอยังจะควักเอาสมาร์ทโฟนออกมาถ่ายภาพตอนดูดปากไว้แบบรัวๆเลยอีกตะหาก
[จะเอารูปถ่ายไปแปะติดไว้กับกระดานข่าวของสำนักงานใหญ่สมาคมซักพักนึง สำนึกกันซะด้วยล่ะ]
และแล้วนางิสะที่ลอยออกมาจากร่างของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัยกลางคน ก็พลันกล่าวให้คำขาดอย่างไม่มีเมตตาปรานีแม้น้อยนิด
ที่ถูกทิ้งหลงเหลืออยู่ก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 2 คนที่นอนฟุบอยู่ด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมจะคว้านท้องฆ่าตัวตายได้ทุกเมื่อแล้ว……
อธิบดีกรมตรวจสอบแม่มโคตรน่ากลัวเลยว้อยยยยยยยยยยยย!
มันอะไรกันน่ะเฮ้ย! สัมภเวสีที่คงกระพันต่อศาสตร์วิชาแบบนี้มันจะโกงเกินไปแล้วนะ!
……ห้ะ! ละ แล้วซากุระจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย? ถ้าเกิดยัยนั่นโดนลงโทษแบบนั้นเพราะพยายามปกป้องฉันเข้าละก็……พอกังวลแบบนั้นอยู่
“ จะไม่ลงโทษเจ้าหน้าที่ตรวจสอบฟุมิโดริ ซากุระซักหน่อยหรือครับ? ”
ไอ้ทาทาราบะก็พลันชี้แจงอะไรไม่เข้าเรื่องให้กับนางิสะเฉย ปั๊ดต่อยให้แว่นแตกหรอกไอ้เวร!
[ยัยนั่นไม่ต้องหรอก ก็เป็นลูกศิษย์แสนน่ารักของฉันนี่นะ]
สองมาตรฐานจงเจริญ!
ทำแบบนี้อาจดูไม่ดีในฐานะคนเป็นนายนิดๆก็จริง แต่จะยังไงก็ช่างมันเหอะ ขอแค่ซากุระไม่ถูกลงทัณฑ์อย่างน่าหวาดผวาแบบนั้นก็พอ
แต่ฉันที่เห็นว่าซากุระปลอดภัยแน่นอนแล้วนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกไปได้ไม่นานหรอก
[เอ้าถ้างั้นก็ มาเข้าประเด็นหลักกันซะที ต่อไปก็คือการตรวจสอบเชิงวิญญาณใส่เจ้านี่สินะ]
มือมารของนางิสะที่เพิ่งจะบีบบังคับจับขืนใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 2 คนดูดปากกันไปแหม่บๆเมื่อกี้ พลันสาวตรงเข้ามาหาฉันแล้ว!
“ รอเดี๋ยวก่อนค่ะ คุณนางิสะ ”
คาเอเดะที่เงียบกริบมาตลอดจนถึงเมื่อกี้ พลันเร่งเสียงขึ้นหยุดมือของนางิสะเอาไว้
แต่สีหน้านั้นไม่เหลือเค้าของความเยือกเย็นดังปกติอยู่เลยซักนิด……ไม่รู้ทำไมแต่หน้ายัยนั่นถึงกับซีดเผือดสุดขั้วเลยทีเดียว
“ คนของกรมตรวจสอบจำนวนหนึ่งได้ทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณใส่เขาแล้วค่ะ ต่อให้ทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณซ้ำใหม่เอาป่านนี้ก็คงไม่ได้อะไร—— ”
[อ๊าา? การตรวจสอบเชิงวิญญาณแบบกิ๊กก๊อกของพวกแกนั่น มันจะทำให้รู้อะไรได้แค่ไหนกันเชียว?]
นางิสะขัดคำพูดของคาเอเดะ พร้อมกับที่เส้นผมนั่นตั้งชูชันขึ้นมาประหนึ่งมีน้ำโห
[หรือว่าไง มีอะไรที่พวกแกไม่อยากให้สืบสาวเข้าไปลึกๆอยู่รึไงหือ? ไอ้คุณ <<คุซึโนะฮะแห่งจิ้งจอกแปลงโฉม>> เว้ย]
“ ……ขึก การเข้าสิงตรวจสอบเชิงวิญญาณของคุณ มันน่าจะถูกวางระงับการใช้งานเอาไว้เนื่องจากมีพลังอำนาจรุนแรงมากเกินไปไม่ใช่หรือ หากใช้โดยที่ไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาตอย่างเป็นทางการก่อน แบบนั้นจะถือว่าละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับอย่างชัดเจนเลยนะคะ ”
[พล่ามเตือนเรื่องละเมิดกฎระเบียบใส่อธิบดีกรมตรวจสอบเนี่ยนะ สอนหนังสือสังฆราชของแท้เลยนี่หว่าคุณหนู]
นางิสะปัดข้อชี้แจงของคาเอเดะไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะสอดปลายนิ้วนั่นทะลุเข้าไปในแก้มของฉัน
“ ……!? ”
ซุ่บ……ความหวาดผวาราวกับว่าดวงวิญญาณถูกลูบไล้โดยตรงพลันแล่นทะยานไปทั่วกาย
“ ทำอะไรน่ะ……! ”
[การใช้เข้าสิงตรวจสอบเชิงวิญญาณโดยไม่ขออนุญาตเนี่ยอะนะ มันจะผิดกฎสมควรได้รับบทลงโทษก็ต่อเมื่อเป้าหมายบริสุทธิ์ไร้พิษภัยเท่านั้นแหละ ถ้าอยากจะหยุดฉัน เธอก็น่าจะรีบๆฝึกเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาถึงระดับ 12 เซียนอัมพรให้ได้แต่เนิ่นๆนะ คุณหนูเอ๋ย]
ซึ่ด ซึ่ดซึ่ด……มีอะไรบางอย่างแทรกแซงเข้ามาภายในจิต ทำให้ชักจะสับสนมึนงงไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร
[ที่แกซึ่งถูกเลื่องลือกล่าวขานกันว่าจะต้องขึ้นเป็น 12 เซียนอัมพรได้โดยมีอายุน้อยที่สุดมาติดแหงกย่ำกับที่อยู่แบบนี้ มันเป็นเพราะต้องคอยตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เจ้านี่ไปพร้อมๆกับทำงานและฝึกวิชาใช่มั้ยล่ะ มีเหตุผลอะไร ลูกสาวสืบสกุลของตระกูลคุซึโนะฮะถึงต้องถวายตัวเอาอกเอาใจเจ้านี่มากถึงขนาดนั้นกันนะ ถ้าล้วงลึกๆเข้าแล้วจะต้องเจออะไรเข้าแน่นอน]
“ ถ้าคุณคิดจะหาเรื่องกันละก็……! ”
พลันมีเปลวเพลิงสีฟ้าปรากฎขึ้นมารอบกายคาเอเดะอย่างมหาศาล ทว่า เปลวเพลิงนั่นสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ถูกยิงถาโถมเข้าใส่นางิสะ
“ ท่านคาเอเดะ ได้โปรดสงบอารมณ์ก่อนเถอะค่ะ ”
เพราะมีสตรีผู้สวมหน้ากากจิ้งจอกวิ่งเข้ามายืนขวางอยู่เบื้องหน้าคาเอเดะนั่นเอง
“ น่าจะคาดการณ์ถึงสถานการณ์นี้เอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ ความสามารถของท่านคาเอเดะในตอนนี้ยังไม่อาจจะหยุดเธอผู้นั้นได้ หนำซ้ำในสถานที่แห่งนี้ยังมีตระกูลเก่าอื่นๆเฝ้าจับตาดูอยู่อีกด้วย การกระทำของท่านจะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ มีแต่จะทำให้จุดยืนของคุซึโนะฮะเสียเปรียบลงไปเท่านั้นนะคะ ”
“ แต่ว่า! ”
“ สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ มีเพียงเชื่อมั่นในผนึกของท่านบาทหลวงเท่านั้นค่ะ ”
“ แต่ว่า……! ”
ที่เห็นเหมือนว่าคาเอเดะคนนั้นกำลังทำสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้นี่……ฉันแค่ตาฝาดไปเองรึเปล่านะ
สติกับการมองเห็นต่างก็พร่ามัว เสียงที่กังวานอยู่ภายในศาลค่อยๆลอยห่างออกไป
[เอาล่ะ มาดูกันซิว่าจะคุ้ยได้ตัวผีห่าซาตานแบบไหนออกมา]
มีเพียงเสียงของนางิสะเท่านั้นที่ดังกังวานเข้ามาอยู่ในหัว นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่ได้ยินอะไรแล้—-
——-ไม่ค่ะ!
เปรี้ยะ!
เป็นพริบตาที่มีอีกเสียงนึงดังกังวานขึ้นมาอยู่ภายในหัวนั่นเอง
[ห้ะ!?]
จิตที่พร่ามัวโดยสมบูรณ์มาตลอดจนถึงตอนนี้ พลันถูกฉุดให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างกะทันหัน
ที่อยู่เบื้องหน้าของฉัน ก็คือนางิสะที่ล่องลอยอยู่ด้วยสีหน้าราวพบเจอเข้ากับสัตว์ประหลาดที่พิลึกพิลั่นน่าหวาดหวั่นสุดขีด หนำซ้ำศาลที่เงียบสงบตลอดมาก็ยังถูกห้อมล้อมไปด้วยเสียงเซ็งแซ่อยู่ไม่สุขดังกระหึ่มเลยอีกต่างหาก
“ การเข้าสิงตรวจสอบเชิงวิญญาณของท่านนางิสะถูกผลักออกมา!? ”
“ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ!? ”
“ ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร!? ”
พอฉันมึนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่
[เค้าลางนี่มัน……ผู้ฉุดรั้งชาวสวรรค์……!?]
ผู้ฉุด……อะไรนะ?
เสียงของนางิสะที่ทึ้งเส้นผมตัวเองจนยู่ยี่พลันถูกกลบทับหายไปในมวลเสียงอึกทึก
[ไม่สิแต่ว่า นี่มัน……อะไรกัน มันบ้าอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ……! เฮ้ยคุซึโนะฮะ!]
นางิสะผละตัวออกห่างจากฉัน พุ่งทะยานตรงเข้าไปหาคาเอเดะที่ดูมีท่าทางสับสนงุนงงมากยิ่งกว่าใครๆในที่นี่แล้ว
[ไอ้เจ้าเด็กที่ชื่อฟุรุยะ ฮารุฮิสะนั่น มันเป็นแค่เด็กกำพร้าเพราะภัยพิบัติเชิงวิญญาณจริงๆน่ะเรอะ?]
“ ……ห้ะ? ”
เสียงของคาเอเดะนั่นฟังดูราวกับว่าไม่เข้าใจคำถามเลยยังไงยังงั้น
สีหน้านั้นของคาเอเดะเปี่ยมไปด้วยความโล่งอกและสับสน ระคนเข้ากับท่าทางเหมือนสมองหยุดทำงานเพราะประสบพบเจอกับสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ดูเหมือนว่าจะจับต้นชนปลายอะไรต่อมิอะไรไม่ได้เลยทีเดียว——
ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นในฉับพลันที่บรรยากาศภายในศาลเริ่มที่จะปั่นป่วนอลหม่านขึ้นมานั่นเอง
ตู้มมมมมม!
แรงกระแทกที่ทำให้ศาลสั่นคลอนอย่างใหญ่หลวงพลันสะท้านลงมาจากเบื้องบน พร้อมกับที่
——-เกิดเหตุฉุกเฉิน! เกิดเหตุฉุกเฉิน!
มีเสียงอันแตกตื่นลนลานดังสนั่นออกมาจากลำโพง
——-โซยะ มิซากิที่น่าจะถูกแบนห้ามไม่ให้เข้ามาในสำนักงานใหญ่สมาคม ได้บุกรุกเข้ามาภายในบริเวณแล้วครับ! เจ้าพนักงานทุกท่านรีบทำการหลบซ่อนตัวโดยด่วน! ส่วนพวกท่านผู้ปราบมารก็ได้โปรดช่วยร่ายข่ายอาคมด้วยครับ!
……ยัยนั่นก็โดนปฎิบัติแบบเสียๆหายๆไม่แพ้กันกับฉันเลยนะนั่น
หัวที่โดนอัดด้วยข้อมูลเข้าไปจนแน่นเอี๊ยดเหนื่อยล้าไปหมด ทำได้แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนั้นเท่านั้นเอง
MANGA DISCUSSION