[คี๊————-!]
นางยักษ์ที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยยันต์สาปจำนวนมหาศาล พลันส่งเสียงแผดร้องอันแหลมสูงซะจนชวนให้หวาดหวั่นตัวแข็งทื่อ
แขนอันผอมเพรียวที่ยืดยาวออกมาจากกิโมโนที่เก่ายับเยินถูกสะบัดเหวี่ยงไปมา และแค่นั้นก็เพียงพอจะทำให้มุมหนึ่งของตึกเรียนแหลกกระจุยอย่างรุนแรงได้แล้ว
เจอะเข้ากับภาพอันสุดจะเชื่อแบบนี้เข้า ไอ้ฉันนี่ก็อึ้งตะลึงงันไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่แล้วตัวฉันที่พลันสังเกตเห็นอะไรอย่างนึงเข้า ก็ถึงกับร้อง “ห้ะ!?” ออกมาด้วยสีหน้าอันสับสน
มีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งติดอยู่บนเส้นผมของนางยักษ์ ที่กำลังคลั่งอาละวาดหยั่งกับหลุดมาจากหนังสัตว์ประหลาดนั่น
“ ไม่น้าาาาาาาาาาาา! หยุดทีเถ้อออออออ! ฟังที่พูดทีเถ้ออออออออ! ”
เส้นผมคงจะรัดพันติดอยู่กับตัวละมั้งน่ะ คงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสะบัดเหวี่ยงตกลงมาก็จริง แต่ก็ยังน่าหวาดเสียวไม่มีอะไรเกินอยู่ดี
“ เฮ้ย! อย่ามัวยืนเหม่ออยู่เฉยๆสิ! รีบหนีกันเร็วเข้า! ”
เด็กผู้ชายที่วิ่งตรงมาทางนี้กล่าวพลางกระชากแขน แต่ก่อนที่จะวิ่งหนี ฉันก็ทำการเปิดปากพูดว่า “เธอคนนั้นคือ!?” ออกมาก่อน
“ โซยะ มิซากิจากห้อง B น่ะ! ยัยนั่นพูดมาว่าจะแสดงความสามารถที่เหมาะสมคู่ควรกับพวกฉันที่เป็นทีมผสมผสานระหว่างห้อง S กับ A ให้เห็นก็เลยเจียดเวลามาดู แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นอีหรอบนี้แหละ! …เอ้ย ตอนนี้มันใช่เวลามาพูดซะที่—— ”
ครืนน!
เสียงของเด็กผู้ชายห้อง S พลันขาดห้วงไปก่อนจะทันได้พูดจบ
ครืนน! ครืนน! ครืนน! ครืนน!
เพราะนางยักษ์มันทำการกระทืบผืนดินอย่างรุนแรง เริ่มต้นที่จะเร่งความเร็วขึ้นมาแล้วนั่นเอง
“ ว๊ายยยยยยย! ไม่ใช่นะไม่ใช่! ไม่ใช่ให้เร่งความเร็ว ให้หยุดต่างหากหยุดทีเถอะน้าา! ”
เสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิง—–โซยะ มิซากิที่ติดอยู่บนหัวของนางยักษ์ก็ดังก้องมากยิ่งขึ้นด้วย
“ ความเร็วนั่นมันอะไรกันน่ะ!? อย่าบอกนะว่า สเกล 4!? ”
สีหน้าของเด็กผู้ชายห้อง S พลันแข็งทื่อ ฉันเองก็ถึงกับสะดุ้งเลยเหมือนกัน
สเกล 4 นี่…..มันคือตัวระดับที่สามารถถล่มบ้านหลังหนึ่งได้สบายๆเลยไม่ใช่เรอะ!?
“ โดนมันไล่ตามทันแน่…….! ”
เด็กผู้ชายห้อง S ล้มเลิกความคิดที่จะหนี แล้วทำการควักเอายันต์ออกมาจำนวนนึงแทน เหล่าเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่วิ่งมาถึงตรงนี้—–คาดว่าทุกคนน่าจะเป็นนักเรียนระดับสูงที่สังกัดอยู่ในไม่ห้อง S ก็ห้อง A—–ก็ทำการควักยันต์ออกมาตาม ก่อนจะเหวี่ยงมันไปยังตึกเรียนหรือพื้นดินด้วยทักษะอันเฉียบคมเป็นเลิศ
และในพริบตาที่นางยักษ์ซึ่งเพิ่มความเร็วพุ่งจู่โจม ทะยานก้าวเข้ามาอยู่ในจุดที่ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยยันต์นั่นเอง
ที่นักเรียนระดับสูงทำการประสานอิน ก่อเกิดปฎิกิริยาตอบสนองให้ยันต์ส่องแสงขึ้นมา
กำแพงขนาดใหญ่ยักษ์ที่ดูละม้ายคล้ายกับบาเรียโผล่ขึ้นมาบีบร่างของนางยักษ์เอาไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวนั่นหยุดกึกลงกับที่
ข่ายอาคมหลากชั้นหกแฉก
ศาสตร์เหนี่ยวรั้งที่เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์จริง เนื่องจากประกอบสร้างได้ง่ายและใช้งานได้ในทันทีแน่ะ
“ โอ้วว ”
ถึงกับเผลอตัวส่งเสียงอย่างประทับใจออกมาเลยแฮะ
สมกับเป็นนักเรียนระดับสูงจริงๆ ความแม่นยำกับอานุภาพของศาสตร์ แล้วก็การประสานงานแบบทันท่วงทีนี่คือแตกต่างกับเด็กนักเรียนห้อง D แบบฟ้ากับเหวลึกเลยนั่น
ถึงจะต้องช่วยกันหลายคน แต่ก็เล่นถึงกับต้านสเกล 4 เอาไว้ได้เลยเชียวนะ เติบใหญ่ไปจะต้องกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอนาคตไกลได้แหงม
ทว่า เป็นในจังหวะที่ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะวีรกรรมของเหล่านักเรียนระดับสูงอยู่นั่นเอง
[คี๊———————!]
ที่นางยักษ์พลันทำการแหงนหน้าที่ถูกหุ้มปกปิดไว้ด้วยยันต์สาปไปข้างหลังอย่างใหญ่หลวง ก่อนที่จะ
“ อย่าน้าาาาาาาาาาาาาาา! ”
เอาหัวโหม่งกระแทกชนเข้ากับข่ายอาคมด้วยแรงเต็มเหนี่ยว โดยไม่สนใจใยดีต่อโซยะ มิซากิที่แผดเสียงกรีดร้องอยู่เหนือหัวเลยแม้แต่น้อยนิด
พริบตานั้น พลันเกิดเป็นรอยแตกแล่นไปตามข่ายอาคมหลากชั้นหกแฉก
“ ! ”
แล้วพอมันเอาหัวโหม่งชนเข้ามาเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สามปุ๊บ ข่ายอาคมก็แตกกระจายไม่เหลือซาก พลังบ้าอะไรกันเนี่ยเฮ้ย
“ ขุ่ก ศาสตร์วิชาที่ประกอบสร้างขึ้นแบบสดๆมันก็ทำได้มากสุดแค่นี้แหละ! แถมถ้าจะให้โจมตีในสภาพที่มีคนติดอยู่บนหัวนี่มันก็อันตรายมากเกินไป—–ทุกคน วิ่งหนีกระจายไปคนละทางแล้วเรียกอาจารย์มารับมือกันดีกว่า! ”
ว่าแล้ว ทุกคนซึ่งรวมเด็กห้อง D อย่างพวกฉันด้วยก็พลันทำตามคำสั่งของเด็กผู้ชายห้อง S …วิ่งหนีแตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทางอย่างเร็ว
และฉันที่สังเกตเห็นว่าคาราสึมะก็เผ่นหนีมาในทางเดียวกันก็พลันแผดเสียงตะโกนออกมา
“ เฮ้ยคาราสึมะ! ตะกี้เอ็งพล่ามบอกว่ามีอำนาจอันเที่ยงแท้ห่าเหวอะไรนั่นอยู่ไม่ใช่เรอะ! ใช้แม่มออกมาตอนนี้เลยดิเฮ้ย! ”
พวกฉันจะได้อาศัยจังหวะนั้นเผ่นเอาตัวรอดไง! เนี่ยลองเสี้ยมคาราสึมะมันดูแบบนี้ ทว่า
“ หึ ถ้านางยักษ์ตนนั้นช่วยแปลงโฉมกลายเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักขึ้นมาเสียอย่าง องคชาติในใจฉันก็คงจะแข็งตั้งตรงปลดปล่อยอำนาจอันเที่ยงแท้คลี่คลายทุกสิ่งอย่างได้แล้วแท้ๆนะ! ”
“ หยุดเพ้อแล้วดึงสติหน่อยโว้ยไอ้เวร! ”
ฉันกับคาราสึมะทิ้งท้ายบทสนทนาที่โคตรจะเอ๋อแดกแบบนั้นไว้ ก่อนจะเปลี่ยนทิศแยกย้ายเผ่นกันไปคนละทาง
แต่เป็นตอนนั้นเองที่คิดขึ้นได้ว่าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางยักษ์มาซักพักแล้ว ก็เลยลองหันขวับกลับไปดู
“ ……… ”
นางยักษ์ที่ดูเหมือนจะสับสนอยู่กับเรื่องที่เหยื่อวิ่งกระจายตัวหนีไปคนละทาง กำลังหันซ้ายหันขวามองไปมาอย่างงงงวย
เหมือนว่าสติปัญญาจะไม่ค่อยสูงเท่าไหร่แฮะ
เป็นในฉับพลันที่ฉันโล่งใจคิดว่าแบบนี้น่าจะหนีรอดพ้นกันหมดทุกคนแน่ๆนั่นเลย
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดด! จะร่วงแล้วจะร่วงแล้วจะร่วงแล้วววววววว! ”
ที่เสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิงซึ่งติดอยู่บนหัวของนางยักษ์, โซยะ มิซากิพลันแปรเปลี่ยนยกระดับความตึงเครียดมากขึ้นไปอีกขั้น
พอดูดีๆแล้วก็เห็นได้ว่า โซยะกำลังใช้มืออันผอมเพรียวสองข้างรั้งตัวเองให้อยู่บนหัวของนางยักษ์ได้อย่างน่าหวาดเสียวเท่านั้นเอง
เส้นผมที่รัดรอบตัวอยู่คงจะหลุดไปในตอนที่เอาหัวโหม่งทำลายข่ายอาคมนั่นละมั้ง แถมเพราะนางยักษ์กำลังหันซ้ายหันขวาไปมาโดยไม่ได้คิดคำนึงเลย สภาพมันก็เลยดูน่าหวาดเสียวเหมือนพร้อมจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อเลยนั่น
“ ห้ะ เฮ้ย ใครก็ได้! ”
แม้จะหันมองไปรอบๆ แต่คนอื่นๆนอกจากฉันก็เผ่นป่าราบหายหัวกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าโซยะ มิซากิกำลังเข้าตาจนกันเลย
นอกจากฉันเพียงคนเดียว
“ ปัดโธ่เว้ย….ซวยเป็นบ้าเลยโว้ย! ”
ตัวมันพุ่งออกไปเองตามสัญชาติญาณ
(ว่าตามตรงแล้วถือเป็นการเดิมพันที่โคตรเป็นรองเลย แต่จะยอมปล่อยเอาไว้เฉยๆได้ไงกัน…….!)
ไม่เหมือนกับตอนคุณอาเจ๊โรคจิต คราวนี้เป็นเหตุอลหม่านครั้งยิ่งใหญ่ รอซักพักเดียวเดี๋ยวอาจารย์ก็คงจะมาถึงแล้ว
แต่มันคือในระหว่างช่วง [ซักพักเดียว] นั่นนี่แหละ เป็นในช่วงจังหวะวินาทีในตอนนี้นี่แหละ ที่เธอคนนั้นจะร่วงหล่นลงมา
ฉะนั้นจะต้องมีใครซักคนเข้าไปช่วย
ฉันทะยานตัววิ่งกลับเข้าไปหานางยักษ์ที่มัวแต่สนใจเหล่าเหยื่อที่แตกกระจายหนีห่างออกไปจนไม่ได้สนใจบริเวณขาของตนเอง
ในระหว่างที่วิ่ง ก็ทำการปลดกำไลข้อมือออกจากมือทั้งสองข้างไปด้วย
เป็นในพริบตาที่กางเขนเงินสูญเสียประกายแสง และห่างออกไปจากข้อมือของฉันนั่นเอง
——ซู่ม
ความร้อนอันหนาแน่นอย่างยิ่งยวด พลันแผ่กระจายฝังลึกไปทั่วแขนสองข้าง
และในฉับพลันเดียวกันนั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มจะเกิดความแปลกประหลาดเล็กๆขึ้นมาด้วยเช่นกัน
(ขอร้องล่ะ ช่วยอยู่ในระยะที่มือฉันเอื้อมไปถึงทีเถอะ)
ภาวนาไปพลางสอดส่ายสายตามองไปทั่วร่างของนางยักษ์
และแล้ว
“ ……เจอแล้วเว้ย ”
ข้อเท้าของนางยักษ์
ในการมองเห็นของฉัน มีเพียงจุดตรงนั้นที่ส่องประกายแสงสว่างอันน่าประหลาดออกมา
——-โพรงเสน่ห์กายิกสุข หรือในอีกนามก็คือ จุดกายิกสุข
และเป็นในจังหวะที่ฉันพยายามจะมุดเข้าไปใต้เท้าของนางยักษ์เพื่อเอื้อมมือไปแตะแสงประหลาดนั่นเอง
[คี๊—————!]
ที่นางยักษ์พลันส่งเสียงเสียงคำรามดังสนั่นอยู่เหนือหัว ก่อนจะฟาดแขนเข้ามาเป็นวงกว้าง
แขนยักษาได้ถูกสะบัดทุ่มอัดตรงลงมาใส่ฉัน
แต่จะหนีเอาตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ต้องเผด็จศึกมันตรงนี้สถานเดียว
ฉันพุ่งหลาวเอาหัวสไลด์ตรงดิ่งอัดเข้าใส่ ก่อนจะทำการเหยียดนิ้วกลางและนิ้วนางข้างขวาให้ตั้งตรงเสียบแทงเข้าไปกลางข้อเท้าที่ส่องประกายแสงประหลาดของนางยักษ์เข้าจังๆอย่างกับจิ้มจุด!
[——–อึก]
และในเสี้ยววินาทีก่อนที่หมัดของนางยักษ์จะทันได้ขยี้ร่างของฉันจนเหลวแหลกนั่นเอง ที่การเคลื่อนไหวของนางยักษ์พลันหยุดกึกแน่นิ่งไป
เกิดการสั่นไหวเล็กๆออกมาจากข้อเท้า และแล้วการสั่นไหวนั่นก็พลันแผ่กระจายลามไปทั่วทั้งตัวภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ
ก่อนที่จะ
พลันเกิดเสียงเสียวซ่านอันสุดจะทะเล้นไร้สิ่งใดเทียบ พุ่งพวยออกมาจากปากของนางยักษ์
ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทิ้มกระตุกหงึกๆ ลิ้นถูกปล่อยแลบออกมาภายนอก ล้มลงคุกเข่าแนบกับพื้นพร้อมส่ายเอวต่ำลงมา
ยันต์สาปได้ถูกพลิกยกลอยขึ้นเผยให้เห็นดวงตาของนางยักษ์ที่เหลือกชี้ไปคนละทิศ เสร็จโดยสมบูรณ์เลยนะนั่น
หลังจากสั่นสะท้านอยู่ซักระยะ นางยักษ์ก็ปล่อยเสียงอันเสียวซ่านที่ฟังดูราวกับว่าถอนหายใจดัง [ฮาเห้–] ก่อนที่ร่างอันมหึมานั่นจะระเหิดเลือนหายไปกับอากาศ
แล้วทีนี้โซยะ มิซากิซึ่งสูญเสียที่ให้จับพิงตัวก็ได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
“ อ๊าาาาายยยยยยย! ”
“ โอ้ววววววววววว! ”
ฉันวิ่งทะยานออกไปเต็มกำลัง พร้อมกับยืดมือตรงไปยังจุดที่โซยะ มิซากิจะร่วงลงมา
สถานการณ์แบบนี้ หากเป็นตามปกติแล้วต่อให้รับตัวเอาไว้ได้แต่ก็คงจะโดนแรงกระแทกอัดจนแขนหักอยู่ดี
แต่ตัวฉันนั้นมั่นใจว่าตนเองจะต้องสามารถรับตัวโซยะ มิซากิเอาไว้ได้อย่างไร้แผลแน่นอน
ทำไมน่ะเรอะ ก็เพราะว่าไอ้เจ้าแขนสองข้างที่ถูกสาปนี่ มันไม่ใช่แขนของมนุษย์อีกต่อไปแล้วยังไงล่ะ
นวบ….น้ำหนักอันแสนหนักหน่วงพลันร่วงอัดลงมาใส่แขนสองข้าง
“ น้อกก!? ”
ฉันล้มคว่ำไปข้างหน้าพลางรับตัวโซยะ มิซากิเอาไว้
แขนที่ถูกบีบอยู่โดนพื้นดินและร่างของโซยะ มิซากินั้นนอกจากจะไม่ได้รับบาดแผลใดๆเลยแล้ว ยังไม่รู้สึกเจ็บซักนิดเลยอีกต่างหาก
“ ………ฟุเอ๊? ”
และที่อยู่เหนือแขนของฉัน ก็คือโซยะ มิซากิที่ปล่อยเสียงอันสับสนงุนงงออกมาด้วยท่าทางราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ เอ๊ะ? อ้าว? ทำไมฉันถึง……? ตกลงมาแท้ๆแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ—–ว้าย!? ”
ดูเหมือนว่าโซยะจะรู้ตัวซะทีแฮะว่ากำลังทับร่างไอ้ฉันอยู่เนี่ย
คุณหล่อนลุกพรวดขึ้นด้วยท่าทางแตกตื่นลุกลี้ลุกลน พูด “นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า!?” พร้อมกับยื่นมือมาให้
“ โอ้ว ขอบใจมา— ”
ฉันขอยืมมือของโซยะลุกกลับขึ้นมายืน—–แล้วพอพบเห็นเด็กผู้หญิงชื่อโซยะ มิซากิอยู่ต่อหน้าอย่างชัดเจนแล้ว ก็ถึงกับนิ่งค้างไปเลย
เพราะที่อยู่ต่อหน้าฉันนี่ คือเด็กผู้หญิงที่โคตรจะน่ารักสุดๆไปเลยนั่นเอง
ถ้าคาเอเดะเป็นสาวสวยสายคูล แล้วคาราสึมะเป็นสายเท่แล้วละก็ เธอคนนี้ก็คงจะถูกจำแนกอยู่ในสายน่ารักละมั้งนะ
ใบหน้าที่กลมเล็ก ผสานเข้ากับริบบ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ หน้าอกอันใหญ่เบิ้มขนาดที่ชุดเครื่องแบบนักเรียนปิดได้ไม่มิดนั่นมันเป็นพิษต่อตาสุดๆ แถมเพราะตัวอยู่ใกล้กันก็เลยได้กลิ่นของเด็กผู้หญิงโชยมาต้องจมูกด้วยอีกต่างหาก
จะว่าไปแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้พวกเด็กผู้ชายมันโหวกเหวกโวยวายกันยกใหญ่มาตั้งแต่ประมาณปีก่อนแล้วนี่นะ
ว่าเด็กผู้หญิงน่ารักมากๆของตระกูลโซยะ—-อันเป็นตระกูลโด่งดังระดับเดียวกับตระกูลคุซึโนะฮะที่เป็นบ้านของคาเอเดะเลย—ได้กลับมาเข้าเรียนอีกครั้งนึงแล้วน่ะ
เพราะอยู่กับคาเอเดะบ่อยก็เลยคิดว่าตัวเองชินชากับคนสวยแล้ว แต่เจอแบบนี้เข้าแล้วก็ถึงกับ—–
“ เอ่อ คือว่า…นี่หรือว่าเธอเป็นคนช่วยฉันเอาไว้เหรอ? เธอปราบเจ้าชิกิงามินั่นลงได้สินะ ”
เผลอเหม่อลอยมองหน้าโซยะตาค้างไปเลย แต่พอถูกแววตาของเธอคนนั้นมองกลับมาใส่อย่างตาไม่กระพริบเข้าแล้วปุ๊บฉันก็พลันได้สติหวนกลับคืน แล้วก็ถูกความอับอายระดับที่ทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดรุมเร้าเข้ามาด้วยในจังหวะเดียวกัน
เออจริงด้วย พลั้งมือทำลงไปแล้วนี่หว่า
ถึงจะเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงเอาไว้ก็เหอะ แต่ก็เผลอตัวใช้อำนาจของคำสาปอันน่าชิงชังนี่ไปซะได้
ไอ้ความสามารถสุดจะเฮงซวยที่มีชื่อว่า เทคโนเบรคเกอร์ (ไล่ผีโดยทำให้ถึงจุดสุดยอด) นี่น่ะ
“ ฮัลโหล! ”
พอฉันกำลังทุกข์ระทมอยู่ตัวคนเดียว โซยะที่เหมือนว่าจะเริ่มทำความเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างเยือกเย็นก็พลันแสดงสีหน้าที่ส่องแสงประกายเจิดจ้า พร้อม
“ เก่งมากถึงขนาดไล่ชิกิงามิที่ฉันแอบฉกเอามาจากบ้านได้เลยเหรอเนี่ย…….แต่หน้าตาก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในห้องระดับสูงนี่นา อ๊ะหรือว่าเธอ เป็นนักเรียนทุนที่เพิ่งจะย้ายโรงเรียนมาได้ใหม่ๆเลยหรือเปล่—- ”
“ แหม่! โชคดีจริงๆเลยน้า! ที่ชิกิงามิมันเผอิญสลายหายไปของมันเองก่อนที่เธอจะตกลงมาพอดิบพอดีเลยเนี่ย! ”
“ เอ๊ะ? พูดอะไรน่ะมันไม่มีทางเป็นแบบ—– ”
“ เพราะจังหวะมันโคตรจะประจวบเหมาะสุดๆ ไอ้ฉันก็เลยตกใจตามไปด้วยเลยเนี่ย! แหม่อะไรแบบนี้มันเป็นไปได้จริงๆด้วยนะเนี่ย! ”
ฉันทำการแหวกขัดคำพูดของโซยะ ก่อนจะหันหลังให้กับเธอที่พยายามจะหยุดรั้งเอาไว้
“ เห็นว่าต่างคนต่างก็ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ! อ๊ะ แล้วก็ฉันน่ะเป็นเด็กห้อง D ไม่มีใครเอาที่เผอิญเดินผ่านมาเฉยๆเท่านั้นแหละนะ ลืมๆไปก็ไม่มีปัญหาๆ งั้นก็ไปก่อนนะ! ”
“ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อ—- ”
ฉันเผ่นสุดกำลังออกมาจากที่นั่นก่อนที่โซยะจะทันได้พูดอะไร
ไม่เป็นไร ดูจากปฎิกิริยานั่นของโซยะแล้ว เหมือนว่าอีกฝั่งจะไม่ได้สังเกตเห็นตอนที่ชิกิงามิถึงจุดสุดยอด
ให้ว่าแล้ว ไอ้สถานการณ์แบบชิกิงามิถึงจุดสุดยอดที่ชวนให้ร้องอิหยังวะนี่ ต่อให้มองเห็นดูอยู่จริงๆกับตาก็เหอะ แต่ก็คงไม่มีทางคิดฝันว่าเป็นอำนาจศาสตร์ปราบมารของใครไปได้หรอก
เหมือนว่าจะไม่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์คนอื่นนอกจากโซยะด้วยนี่นะ แล้วก็คงไม่มีใครที่ไหนเชื่อกันหรอกว่าคนที่ได้ผลการเรียนที่โหล่ตลอด 3 ปีซ้อนอย่างฉันจะสามารถไล่ชิกิงามิระดับสเกล 4 ไปได้
ถ้ารีบหายตัวไปจากที่แห่งนี้ในทันทีซะ ก็จะสามารถแถเรื่อยเปื่อยเท่าไหร่ก็ได้ทีหลัง
ฉันคิดเช่นนั้นไปพลาง วิ่งอย่างสุดชีวิตยิ่งกว่าในตอนที่ถูกนางยักษ์ไล่ล่าซะอีก
ก็ลองคิดดูดิ ใครมันจะไปอยากบอกให้คนอื่นรู้รับทราบกันฟะ
ต่อให้จะมีอำนาจไล่ผีที่แสนทรงพลังมากมายระดับไหนแถมพ่วงมาด้วยก็เหอะ
แต่ไอ้ความสามารถสุดห่วยแตกสุดเฮงซวย ที่ต่อให้จะคนเป็นหรือคนตายก็ไม่เกี่ยง ขอแค่จิ้มโดนเพียงจุดจุดเดียวก็จะสามารถทำให้อีกฝั่งถึงจุดสุดยอดได้เรียบร้อยแล้วพรรค์เนี้ย จะยอมให้ใครอื่นรู้เข้าได้ซะที่ไหนกันเล่า
MANGA DISCUSSION