ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์! - ตอนที่ 49 ถึงอย่างนั้นแต่ฉันก็ไม่ใช่โลลิค่อน (3)
- Home
- ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์!
- ตอนที่ 49 ถึงอย่างนั้นแต่ฉันก็ไม่ใช่โลลิค่อน (3)
“ เฮ้ยรอก่อนดิฟุรุยะ! เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เรอะ!? ช่วยอยู่นิ่งๆให้จับทีเหอะ! ”
“ หนวกหูเฟ้ย! อย่างพวกเอ็งไม่ใช่เพื่อนตรูหรอกว้อย! ”
“ ขอร้องล่ะ! มิซากิจังสัญญาเอาไว้ว่าถ้ารวบจับตัวเอ็งมาได้ เค้าจะช่วยแนะนำสาวที่ตรงตามเฟติชรสนิยมเป๊ะๆให้แหละ! ”
เป็นฝีมือโซยะจริงๆด้วยเรอะ!
“ อย่ามองกันด้วยแววตาแบบนั้นสิวะฟุรุยะ! มิซากิจังเล่นถึงขั้นพูดว่าถ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือจะเปิดโปงเฟติชให้พวกผู้หญิงรู้กันหมดโรงเรียนด้วยไง……ฉะนั้นมันก็แน่นอนว่าเราต้องเลือกเข้าข้างฝั่งที่จะช่วยแนะนำสาวให้เป็นแน่แหงอยู่แล้วเว้ย! ”
ยัยโซยะเป็นปีศาจเรอะเนี่ยเฮ้ย! โซยะนั่นแหละใช้ความสามารถมั่วซั่วมากยิ่งกว่าฉันเยอะแยะเลยนี่หว่า!
ต่อให้ยังไงก็จะไม่ยอมให้ไอ้บรรลัยเกิดพวกนี้มันจับตัวได้เด็ดขาดเลยว้อย!
“ ทำไมนังผู้หญิงนมใหญ่นั่นถึงได้คิดจะจับนายเฉยเลยล่ะ!? ถึงกับใช้คนมาเลยอีก! ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้ว ฉันในฐานะที่เป็นผู้จับตาอาจจะต้องจับกุมนาย….. ”
“ เดี๋ยวเฮ้ยเดี๋ยวก่อน! ขอร้องล่ะให้กราบตีนเลยก็ได้ช่วยรอเดี๋ยวก่อนนน! ”
ซากุระที่วิ่งขนาบอยู่ข้างๆพลันทำการหยิบเอายันต์ที่เหมือนจะไว้ใช้สำหรับพันธนาการออกมา เล่นทำเอาฉันรีบร้อนหยุดแทบไม่ทัน
“ ก็งงอยู่เหมือนกันว่าไหงถึงนึกเป็นงั้นไปได้ แต่ยัยโซยะกำลังเข้าใจผิดคิดว่าฉันกับเธอได้เสียกันไปแล้วอยู่น่ะ! แล้วทีนี้ก็เลยกะจะจับฉันไปตรวจสอบเชิงวิญญาณไงล่ะ! ”
“ หาา!? ฉะ ฉันเนี่ยนะกับนาย! จะบ้าเหรอไงยะ!? จะบ้าเหรอไง!? ”
ซากุระที่หน้าแดงแจ๋ไปหมดพลันทำการปลดปล่อยกำปั้นที่ทุ่มน้ำหนักทั้งตัวอัดเข้ามาใส่ แน่นอนว่าทำในระหว่างที่วิ่งไปด้วย เก่งแท้เหลา…..
“ อ้าว? แต่ถ้างั้นทำไมนายถึงต้องหนีด้วยล่ะ ก็แค่เข้าใจผิดนี่นาไม่เห็นมีความจำเป็นให้ต้องหนีเลยนี่ ”
“ …….ขะ คือว่าแบบ ”
“ …….อย่าบอกนะว่า จริงๆแล้วนายแอบไปได้เสียกันกับนังจิ้งจอกนั่น…….? ”
“ ก็ถึงพูดอยู่ไงเฮ้ย! มันต้องตีลังกาคิดยังไงถึงมั่วไปว่าฉันได้เสียกับคาเอเดะเฉยเลยน่ะ! ”
ยัยนั่นคือคนที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดแล้วไม่ใช่เรอะ!
“ งั้นทำไมถึงต้องหนีด้วยล่ะห้ะ? ”
ซากุระหรี่ตาแหงนมองขึ้นมา ขุ่ก ถ้าไม่งัดเหตุผลที่พอฟังขึ้นออกมาให้ได้ตรงนี้ละก็ ฉันมีหวังโดนซากุระรวบตัวโดยไม่ต้องถึงมือไอ้พวกเด็กผู้ชายเลยแหงๆ
ช่วยไม่ได้ พูดมันออกมาซะ ข้ออ้างที่ดีกว่าโลลิค่อนเป็นไหนๆ แล้วก็ฟังดูสมเหตุสมผลด้วยนั่น…….
“ …….จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ ฉันหลับเห็นฝันโคตรจะทะลึ่งของโซยะน่ะ เลยลำบากไม่กล้าสบหน้าไง ”
“ ไปตายซะเถอะไอ้เจ้าโรคจิต! ”
“ แบ๊ฟฟ!? ”
กลางหน้า! ต่อให้จะยังไงก็เหอะแต่เล่นกำมือเป็นค้อนแล้วกระแทกฝังเข้ากลางหน้าแบบนี้มันจะเลยเถิดเกินไปแล้วนะซากุระ!
“ …….แต่ว่า หื~ม นังผู้หญิงนมใหญ่นั่น เข้าใจผิดแบบนั้นอยู่หรอกเหรอ ”
อะ อะไรน่ะ? เหมือนยัยซากุระจะยิ้มอยู่ด้วยสีหน้าชั่วร้ายยังไงชอบกล…….
“ โอเชเข้าใจละ ฉันคนนี้จะช่วยเหลือนายเองก็แล้วกัน ”
“ เอ๊ะ? ”
“ ยะ อย่าตีความเข้าข้างตัวเองไปเชียวนะยะ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะให้นังผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดต่อไปนานๆหรอกนะ แต่เป็นเพราะนังนั่นคิดจะจับนายด้วยวิธีการแบบที่เฉียดๆละเมิดกฎระเบียบการใช้พลังวิญญาณ ตัวฉันที่มีฐานะเป็นกรมตรวจสอบก็เลยมีหน้าที่ต้องหยุดยั้งเอาไว้ยังไงล่ะ! ”
ก็ไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าซากุระในตอนนี้กลายมาเป็นพวกพ้องแล้ว ก็เหมือนกับว่ามีกำลังเท่าร้อยคนเลยทีเดียว
คงต้องหาทางตอบแทนซักหน่อยแล้วแฮะ…….แต่เป็นในจังหวะที่คิดเช่นนั้นไปพร้อมกับวิ่งนั่นเอง ที่ขาของฉันพลันเกี่ยวเข้ากับอะไรบางอย่าง
ฟิ้ววว!
““ ห้ะ!? ””
ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รู้ตัวอีกทีฉันกับซากุระก็ถูกเชือกฟางรัดรอบกายแล้วถูกส่งขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ แถมไอ้เจ้านี่มัน…….เงื่อนกระดองเต่า!?
“ นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย!? ใครกันน่ะวางกับดักลวดสะดุดแบบนี้ไว้…….อึ๊น! ”
ซากุระดิ้นทุรนทุรายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ สงสัยเชือกมันจะรัดฝังลึกลงไปในผิวละมั้ง เลยมีเผลอหลุดเสียงครางแปลกๆออกมาด้วยนั่น
คนที่ตั้งกับดักสุดระยำตำบอนแบบนี้เอาไว้ นึกออกได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“ คึคึคึ หึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นอกจากจะได้ตัวฟุรุยะแล้วยังจับได้แม่หนูซากุระมาด้วยเลยเชียวหรือนี่! โชคช่างเข้าข้างฉันเสียเหลือเกิน! ”
ผู้ที่ปรากฎกายออกมาจากเงาตึกเรียนพร้อมเสียงหัวเราะแหลมสูง ก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเลยซักนิด ไอ้คาราสึมะนั่นเอง
“ รสชาติกับดักลวดสะดุดผุดขึ้นมาเป็นเงื่อนกระดองเต่าของฉันเป็นอย่างไรบ้างล่ะ! ไม่เสียแรงเหนื่อยจริงๆที่ทำการประดิษฐ์สร้างขึ้นมาด้วยตนเองเพราะคิดว่าจะมีประโยชน์ได้เฉิดฉายในซักวัน! ”
ไอ้ห่านี่แม่มเอาแต่จดจำสกิลที่ใช้ในการไล่ผีไม่ได้อยู่เรื่อยเลย!
“ โอวววว เชือกฟางที่ฉันสรรสร้างขึ้นมาโดยทุ่มหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจมากล้นลงไปนั้นมันกำลังรัดตัวฝังลึกลงไปในระหว่างขาของแม่หนูซากุระ…….มันอดรนทนอยู่ไม่ไหวแล้ว! อยากจะใช้มือข้างนี้ของฉันรัดให้ฝังลึกลงไปยิ่งขึ้นอีก! แสดงโฉมหน้าอันแสนเจ็บปวดเจ็บจี๊ดเจ็บกระดองใจนั่นให้ฉันได้เห็นมากยิ่งกว่านี้อีก! ”
“ นังผู้หญิงโรคจิตนี่…….! อย่ามาดูถูกกรมตรวจสอบเชียวนะ! ”
กึ๊ด
เชือกที่มัดร่างซากุระอยู่พลันคลายตัว ส่งให้ซากุระร่วงกลับลงมายืนผงาดอยู่เหนือผืนดินอีกครั้ง
แรงช้างสารเรอะ? ไม่ใช่สิ ไอ้เจ้านั่นมัน
“ มีดพกพา…….งั้นรึ…….? ”
“ เสียใจด้วยนะ กับดักแบบเร่งด่วนขอไปทีพรรค์นี้ ทำอะไรกรมตรวจสอบไม่ได้หรอกย่ะ ”
ซากุระกล่าวอย่างดุดันอัดเข้าใส่คาราสึมะที่ตกตะลึง แล้วจากนั้นจึงใช้ใบมีดตัดเชือกให้ฉันด้วย
“ โทษทีนะซากุระ ขอบใจมาก ”
“ หึหึ ฉันพึ่งพาได้ใช่มั้ยล่ะ? ”
ซากุระทำหน้าตาภาคภูมิใจสุดขีดเลยแฮะ กิริยาแบบนี้มันมีเค้าหน้าเหมือนตอนเด็กๆ ดูน่ารักสุดๆไปเลย
“ ขุ่ก ดูท่าว่าในการจะจับตัวฟุรุยะให้ได้แล้ว แม่หนูซากุระจะเป็นตัวเกะกะงั้นสินะ…….หากเป็นเช่นนี้ก็คงเห็นทีจะช่วยไม่ได้ ”
““ ห๊าาา!? ””
ความน่าตกตะลึงที่เหลือล้ำมากยิ่งกว่ากับดักลวดสะดุดผุดเป็นเงื่อนกระดองเต่า พลันถาโถมเข้ามาใส่ฉันกับซากุระ
คาราสึมะทำการเปิดใช้ศาสตร์วิชา เรียกเชือกแห่งแสงให้ปรากฎขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าสายตาของซากุระ
การใช้ศาสตร์วิชาใส่ผู้คนโดยที่ไม่ได้มีความจำเป็นต่อการไล่ผีนั่น มันถือว่าผิดต่อกฎระเบียบ
แถมเล่นใช้ศาสตร์วิชาใส่เจ้าหน้าที่ของกรมตรวจสอบแบบนี้ มันก็เหมือนกับบุกไปปล้นสะดมกรมตำรวจดีๆนี่เองนะ
“ คาราสึมะนี่เอ็ง ทำบ้าอะไรวะเนี่ยถามจริงเลย!? ”
คาราสึมะส่งยิ้มอย่างเกร็งๆตอบกลับต่อเสียงร้องของฉัน
“ ขึ หึ หึหึ แม่หนูมิซากิได้กล่าวกับฉันเอาไว้ กล่าวเอาไว้ว่าหากจับตัวฟุรุยะ ฮารุฮิสะมาได้สำเร็จ จะอนุญาตยอมให้จับแม่หนูมิซากิมัดได้หนึ่งครั้งเท่านั้น…….ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าหากถูกจับมัดเข้าครั้งนึงแล้วจะเกิดเหตุเช่นใดขึ้น…….ฉะนั้นตรงนี้ฉันจึงไม่อาจถอยกลับได้! ต่อให้จะเกิดเหตุเช่นใดฟ้าจะถล่มปฐพีจะทลายก็จะจับตัวฟุรุยะให้จงได้เลยเชียว! …….เล่นถึงกับใช้ศาสตร์วิชาใส่กรมตรวจสอบนี่มันก็…….ท่าไม่ดีสุดๆไปเลยก็จริงหรอก…….แต่แม่หนูมิซากิบอกว่าจะยอมให้จับมัดนะ……. ”
“ เอ็งแม่มสติแตกไปแล้วนี่หว่า! ”
เอ้ยคาราสึมะนี่ก็อาการหนักอยู่หรอก แต่ที่บ้าหนักเป็นที่หนึ่งเลยก็คือโซยะนี่แหละ ถึงกับเสนอเงื่อนไขพรรค์นั้นให้คาราสึมะเลยเชียวเรอะ ยัยนั่นกะจะจับรวบตัวฉันให้ได้จริงๆเลยนี่หว่า! ผีห่าซาตานที่ไหนดลใจให้ยัยนั่นยอมทำถึงขนาดนั้นกัน!?
“ เดี๋ยวสิฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! ดวงตาของนังผู้หญิงโรคจิตนั่นมันวิปลาสไปแล้วนะ!? โดนร่ายศาสตร์สายล้างสมองใส่รึเปล่าน่ะ!? ”
อื้ม เอ้อ ไอ้เจ้านั่นมันก็วิปลาสพอสมควรมาตั้งแต่แรกแล้วแหละนะ?
“ จะยังไงก็เถอะ เล่นแสดงท่าทางเหมือนจะใช้ศาสตร์วิชาใส่คนของกรมตรวจสอบนี่ นับว่าหล่อนใจกล้าบ้ามากเลยนี่นา…….! ”
“ อุกุก…….ระ เร็วไวเข้าไอ้พวกเด็กผู้ชายห้อง D ทั้งหลาย! ใช้จังหวะที่ฉันคุมเชิงแม่หนูซากุระอยู่นี่จับตัวฟุรุยะให้ได้ แล้วคว้าเอาชีวิตรั้วโรงเรียนอันโรยไปด้วยกลีบกุหลาบมาเป็นของเรา…….อุ้ก โอ้กกกกกกกกกก! ”
จู่ๆไอ้คาราสึมะก็คลื่นไหลย้อนฮากแตกเฉยเลยเฮ้ย
ถึงจะเป็นสาย S แต่คาราสึมะมันก็จิตโคตรอ่อนปวกเปียกเลยนี่นะ เจอจิตสังหารที่ซากุระปลดปล่อยออกมาเข้าไป ผสานเข้ากับแรงกดดันที่ตนกำลังทำอะไรโคตรงามหน้าใส่เจ้าหน้าที่กรมตรวจสอบนี่แล้ว ก็คงจะใจสลายหงายเก๋งไปเลยนั่นแหละ
ให้ตายเหอะเอ็งเอ๊ย ใครก็ได้ช่วยทำอะไรกับไอ้โรคจิตที่เก่งสุดโต่งแค่ด้านเดียวนี่ที…….
“ อะไรของนังนั่นน่ะ…….ชิ เพราะนังโรคจิตนี่แท้ๆเลยเสียเวลาโดยใช่เหตุจนได้ ”
พอลองมองดูแล้วก็พบว่ามีเด็กผู้ชายจำนวนมากไล่ขนาบกดดันเข้ามาจากทางเดินฝั่งซ้ายขวา โดยมีพวกโคบายาชิที่วิ่งไล่ตามมาตั้งแต่แรกเป็นตัวนำ สัมผัสได้ว่ามีอีกบานอยู่ใต้บันได แถมพอชำเลืองออกไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่าง ก็พบเห็นพวกเด็กผู้ชายที่เยอะมากเข้าไปอีกกำลังดันตัวถล่มกันเข้ามาอยู่
เฮ้ยแบบนี้ ต่อให้ยังไงก็หนีไม่พ้นแล้วชัดๆ…….
ให้ว่าแล้วนี่ยัยโซยะ เกลี้ยกล่อมข่มขู่ให้กลายมาเป็นพวกมากถึงกี่คนเลยเชียวน่ะ? จะหมกมุ่นได้น่ากลัวเกินไปแล้วเฮ้ย…….
“ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องขึ้นข้างบนอย่างเดียวเท่านั้น ”
“ ข้างบน? ”
ฉันนั้นเกือบจะตัดใจยอมแพ้ไปแล้ว แต่เป็นในตอนนั้นเอง ที่ซากุระซึ่งยืนอยู่เคียงข้างพลันพึมพำออกมาอย่างห้าวหาญ
และที่ซึ่งฉันกับซากุระเผ่นหนีขึ้นมาราวกับถูกไล่ต้อนจนมุมนั่น ก็คือดาดฟ้า
“ อยู่นั่นไง! ยอมจำนนซะเถอะว้อย! ”
“ บังอาจดวงดีมีสาวมารุมตอมอยู่คนเดียวได้ลงคอ! ”
“ ขอแค่ส่งตัวเอ็งให้มิซากิจังได้ พวกเราก็จะมีชีวิตอย่างเพียบพร้อมได้ด้วยเหมือนกัน……. ”
เหล่าซอมบี้ที่ถูกโซยะลวงหลอกพลันถาโถมถล่มเข้ามาใส่ฉัน
“ เฮ้ยซากุระ! จะไม่เป็นไรจริงๆน่ะเรอะ!? ”
“ เหอะน่า เงียบๆแล้วดูไปซะเถอะ ”
แกร๊ง
ในพริบตาที่ซากุระเสียบแท่งโลหะลงกับพื้นของดาดฟ้า พร้อมกับประสานอินนั่นเอง
“““ แอ่ก!? ”””
ไอ้พวกเด็กผู้ชายพลันกระแทกชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ส่งเสียงร้องหยั่งกับกบที่โดนเหยียบออกมา….ข่ายอาคมทรงกลมถูกกางออกไปให้ครอบคลุมรอบขั้นบันไดที่เชื่อมต่อกับดาดฟ้าเอาไว้
“ นะ นี่มันอะไรกันน่ะ!? ”
“ เฮ้ยใครก็ได้ใช้ศาสตร์ทลายข่ายอาคมที! ”
มีพวกที่อยู่สูงกว่าห้อง C ขึ้นไปอยู่ด้วยเรอะน่ะ เด็กผู้ชายจำนวนนึงพลันหยิบเอายันต์ขึ้นมาก่อนจะปาอัดเข้าใส่ข่ายอาคม
แต่ข่ายอาคมก็ไม่มีสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ซากุระทำการหยิบยันต์เพิ่มออกมาสี่ใบด้วยสีหน้าชิลๆ
“ เอ้านี่ ถึงจะเป็นตัวสำหรับใช้ส่งสารที่มีระดับไม่ถึง สเกล 1 ด้วยซ้ำก็เถอะนะ ”
ยันต์ส่งเสียงดังปุ๊งพร้อมกับแปลงสภาพกลายมาเป็นนกสีขาว 4 ตัว พอสยายปีกดังพั่บพั่บปุ๊บ ก็ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงเข้ามาใช้ขาจับไหล่แล้วก็หัวของฉันไว้เฉย
“ เอิ่ม ไอ้นี่มัน อย่าบอกนะว่า……. ”
“ หนีไปทางนั้นซะ ”
ซากุระชี้นิ้วไปยังอีกฝั่งของรั้วบนดาดฟ้า
“ เอ้ยเอ้ยเอ้ย! ”
พูดจริงเรอะเฮ้ย!? มันอันตรายนะ แถมพวกเด็กผู้ชายที่ได้ยินคำพูดของเรามันยังทำท่าเหมือนจะรีบถอยกลับไปดักรออยู่ข้างล่างแล้วด้วยนะ!
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้าพวกนี้มีเรี่ยวแรงมากพอตัวเลยนะ แล้วก็จะไม่มีใครออกไปนอกตึกเรียนนี้ได้แล้วด้วย ”
“ ห้ะ? ”
“ ฉันกางข่ายอาคมกายภาพคลุมรอบตึกเรียนนี้เอาไว้แล้วยังไงล่ะ ถ้าระดับแค่นักเรียนละก็ ต่อให้จะมีจำนวนเยอะขนาดนี้แต่ก็คงจะต้านได้ไปซักพักนึงเลยล่ะ ”
น้องสาวเติบโตขึ้นมากจนน่ากลัวนิดๆเลยทีเดียว
“ แต่ว่านะ เพื่อที่จะให้ข่ายอาคมแข็งแรงแล้วนี่ต้องทำอะไรหลายขั้นตอนหน่อย แถมถ้าไม่รีบละก็จะมีพวกที่ไล่ตามจากนอกตึกเรียนแห่มารวมกันด้วย ฉะนั้นนายน่ะรีบหนีไปก่อนเลย เอ้า เร็วๆเข้าสิ! ”
“ เอ้ย เดี๋ยว ยังเตรียมใจไม่ได้เล้ยยยยยยยยยยย!? ”
ฉันที่ถูกซากุระเหวี่ยงปลิวนั้นได้ถูกพวกคุณนกจับประคองตัวเอาไว้กลางอากาศ แล้วจึงร่อนลงมาเหยียบพื้นอย่างปลอดภัยได้ไงก็ไม่รู้
“ ยัยซากุระทำอะไรบ้าสุดๆไปเลยแฮะ…….แต่ว่า เพราะแบบนั้นก็เลย ”
หลายนาทีหลังจากที่วิ่งสลัดผู้ไล่ตามได้อย่างราบรื่น ฉันนั้นหาทางหลบหลีกผู้ไล่ตามกลุ่มอื่นๆได้ด้วยดี และกำลังพยายามจะหลบหนีออกไปจากโรงเรียนปราบมาร เหลือแค่ข้ามรั้วตรงนั้นไปได้ซะก็จะเป็นนอกโรงเรียนแล้ว
“ ว่าก็ว่าเหอะ หลังจากนี้ไปจะเอายังไงดี……. ”
ก็กำหนดที่หมายซึ่งควรจะมุ่งไปเอาไว้ได้แล้วเหมือนกัน ฮารุงาฮาระนั่นเอง
พอได้ยินคำว่า “คำสาป” จากซากุระแล้ว ฉันก็สังเกตถึงความเป็นไปได้นึงขึ้นมา สาเหตุที่ทำให้ฉันแสดงอากัปกิริยาที่เหมือนกับโลลิค่อนออกมาอย่างกะทันหันนั่น
“ หลังจากลบภาพโลลิในสมาร์ทโฟนหมดเกลี้ยงแล้ว ลองปรึกษาซากุระดูดีกว่ามั้ง…….อยู่ๆยัยซากุระก็ยินดีพร้อมยอมจะร่วมมือด้วยขึ้นมาอย่างกะทันหันเลยนี่นะ ”
ถึงจะเป็นสมมติฐานสุดไร้สาระที่ฟังดูเหมือนเป็นแค่ข้ออ้างน้ำขุ่นๆของพวกโลลิค่อน แต่ไม่แน่ยัยนั่นอาจจะยอมเงี่ยหูฟังให้ก็ได้
แต่เป็นในฉับพลันที่คิดแบบนั้น พร้อมกับเอามือแตะรั้วนั่นเอง
ตู้มมมมม!
“ ขึก!? ”
ที่รั้วข้างๆถัดไปจากตัวฉัน พลันถูกเป่ากระจุยแหลกพร้อมกับเสียงดังสนั่นลั่น
“ อะไรน่ะ!? ”
ฉันถอยเว้นระยะห่างออกจากรั้วอย่างแตกตื่น
สิ่งที่ปรากฎออกมาจากเงาของรั้ว——ก็คือมวลโลหะขนาดใหญ่ยักษ์
ไม่อาจรู้ได้เลยว่าตลอดจนตอนนี้ไปแอบซ่อนแฝงตัวอยู่ตรงไหน มันผู้นั้นสวมชุดเกราะสีดำสนิทที่สูงเหยียบ 3 เมตรได้ หนำซ้ำยังกุมดาบยาวเล่มมหึมาที่ยาวมากยิ่งกว่าขนาดส่วนสูงนั่นซะอีก แสงสีแดงที่ส่องออกจากร่องของเฮลเมทที่หุ้มปกคลุมทั่วใบหน้าพลันกะพริบดั่งประกายแสง——จับจ้องมองต่ำลงมายังฉันนี่
และแล้วเจ้านั่นก็ใช้เสียงที่มัวหมองจนฟังไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย กล่าวออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจนว่าอย่างนี้
[โลลิค่อน…….สมควรต้องพินาศ…….]
…….เฮ้ย อย่าบอกนะว่าไอ้เจ้านี่คือ…….โลลิค่อนสเลเยอร์?