แล้วสุดท้ายก็ผ่านวันนั้นไปได้โดยไม่ต้องเจอหน้ากับโซยะหรอกนะ ทว่า
“ บัดซบ ทำไมกันวะ!? หลุดจากการเป็นโลลิค่อนไม่ได้ซักนิด….. ”
ช่วงพักกลางวันของวันรุ่งขึ้น ฉันนั้นกำลังเอามือกุมหัวเครียดอยู่ภายในห้องเดี่ยวของห้องน้ำชาย
คิดว่าถ้าปล่อยไว้ซักวันแล้วอาการมันจะหายไปเอง แต่คิดผิดถนัดเลย
เฟติชที่ผลิบานให้ตาสว่างบรรลุขึ้นมาแล้วครั้งนึงนั่น มันไม่มีทางจะผ่อนทุเลาลงได้ง่ายๆหรอก
เมื่อวานนี่สายตามันพาลล็อกออนจับจ้องไปยังเหล่าน้องหนูตัวน้อยๆที่เดินไปมาอยู่ภายในเมืองท่าเดียวจนเกือบประสบอุบัติเหตุตั้งหลายรอบ พอตื่นมาเช้านี้ก็พบว่าภาพโลลิ 2D ในสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนเกี่ยวกับ “โลลิค่อน GO!” นี่ก็หนักถึงขั้นเผลอตัวเติมตังค์ไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลยอีกต่างหาก ให้ว่าแล้วทำไมไอ้เกมพรรค์นี้มันถึงยังไม่ถูกยุติการให้บริการอีกฟะ
ตอนนี้ก็เหมือนกัน รู้สึกอีกทีก็เผลอเหม่อลอยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเลื่อนส่องไปตามไซต์โลลิ 2D ตาค้างเลยเนี่ยไอ้ฉิบหาย
“ ขุ่ก ฉันไม่ใช่โลลิค่อน……ฉันไม่ใช่โลลิค่อนแท้ๆ…… ”
หัวมันไม่ได้หิวโหยกระหายโลลิซักหน่อยแท้ๆ แต่รู้ตัวอีกทีมือมันก็ขยับไปเองแล้วไง ไม่ได้ติดสมาร์ทโฟนแต่ติดโลลิ คิดยังไงก็โคตรภัยสังคม ฉันมันสติแตกไปแล้วชัดๆ
ที่ชวนเสียวสันหลังมากที่สุดเลยก็คือตอนที่รู้สึกตัว ว่าแม้จะหวนนึกถึงภาพในตอนที่ถูกคาเอเดะทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระให้ซักเท่าไหร่ แต่ใจฉันมันกลับไม่เต้นตึ๊กตั๊กซักนิดเลยนี่แหละ
“ นี่เดี๋ยวก่อนสิ ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ นายอาการแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วรึเปล่าน่ะ? แถมวันนี้พอถึงเวลาพักปุ๊บก็พุ่งมาจ่อมอยู่ในห้องน้ำตลอดเลยอีก หัดนึกถึงหัวอกฉันที่ต้องมายืนอยู่หน้าห้องน้ำชายบ้างสิยะ ”
ถึงซากุระจะส่งเสียงเข้ามาจากหน้าทางเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่ใช่เวลามาสนใจแล้ว
“ ต่อให้คิดยังไง มันก็แปลกชัดๆเลยนี่หว่า….. ”
พอส่งเมลให้โซยะว่า [โทษที วันนี้ฉันก็มีธุระอีกเหมือนกัน เรื่องงานนี่ขอเอาเป็นแบบเดิมเหมือนเมื่อวานนั่นแหละ] ไปแล้ว ฉันก็ทำการครุ่นคิดด้วยหัวที่เยือกเย็นขึ้นกว่าเมื่อวานนิดหน่อย
สมมตินะ เผื่อว่า ต่อให้ฝืนใจยอมรับว่ามียีนโลลิค่อนอันแสนน่ารังเกียจเดียดฉันท์หลับใหลอยู่ภายในตัวฉันจริงๆก็เหอะ แต่มันจะถึงขั้นทำให้เฟติสรสนิยมความชอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ได้ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเลยจริงๆน่ะเรอะ
ถึงจะพูดว่าเฟติชมันผลิบานทำให้ตาสว่างบรรลุขึ้นมา แต่ก็น่าจะมีต้นสายปลายเหตุแสนรุนแรงที่ส่งผลให้เป็นแบบนั้นสิ แล้วพักนี้มันมีรึเปล่าน่ะ เหตุการณ์สุดแสนจะยิ่งใหญ่ที่ข้องเกี่ยวกับโลลินี่……? พอลองค้นความทรงจำในหัวอยู่แบบนั้น
“ …….เอ้อ ถ้าเสนอให้เคลื่อนไหวแบบแยกทางกันโดยสมบูรณ์ต่อเนื่อง 2 วันติดนี่ จะถูกสงสัยขึ้นมาก็สมควรแล้วจริงๆนั่นแหละนะ ”
สมาร์ทโฟนที่กำลังฉายภาพโลลิ 2D อยู่พลันสั่น แจ้งให้ทราบว่ามีสายเข้ามาจากโซยะ
ฉันกดรับสายพลางครุ่นคิดว่าจะอ้างแก้ตัวยังไงดีหรอก ทว่า
[อ๊ะ ฟุรุยะคุง?]
“ …….? อื๋อ!? โซยะเรอะ? เธอเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ? ”
เสียงของโซยะที่มักจะร่าเริงอยู่เสมอ มันฟังดูเซื่องซึมสุดขีดจนฉันถึงกับงงไปเลย
เสียงแบบนี้ของโซยะ เคยได้ยินครั้งก่อนก็ตอนที่ถามว่า [ต้องสลายทีมแล้วสินะ?] ด้วยท่าทางเหมือนกึ่งๆร้องไห้นั่นแหละ
[นี่ฟุรุยะคุง คือว่า หลบหน้าฉันอยู่รึเปล่า?]
“ เอ๊ะ? ”
[ฉัน ไปทำอะไรให้ฟุรุยะคุง เกลียดเข้ารึเปล่าน่ะ?]
“ ห้ะ ยัยบ้า! ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเฟ้ย! ”
ถ้าถูกตราหน้าว่าเป็นโลลิค่อน ก็เหมือนหมดสิ้นจุดยืนในสังคม……เพราะต้องหลีกหนีออกห่างจากโซยะด้วยเหตุผลที่ใกล้เคียงกับทำเพื่อป้องกันตัวเองแบบนั้น ใจมันก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมาละมั้ง
พอได้ยินเสียงอันโศกเศร้าของโซยะเข้า ฉันก็เลยถึงกับแตกตื่นลนลานขั้นหนักเลยทีเดียว
“ ไม่ใช่แบบนั้นเลยซักนิด เป็นที่ฉันเต็มๆเลยต่างหาก โซยะไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ! ”
ที่ผิดน่ะคือร่างกายฉันที่ทะลึ่งโหยหาต้องการโลลิขึ้นมาของมันเองต่างหาก
[จริงเหรอ?]
“ เออจริงสิ โซยะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเลยอย่างแน่นอน ”
พอให้คำขาดอย่างชัดเจนปุ๊บ โซยะก็เอ่ย “ค่อยยังชั่วไปทีอ่าา” ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนใจชื้น
เสียงอันเซื่องซึมพลันกลับมาร่าเริงดังเดิม ฉันเองก็ใจชื้นตามไปด้วยอีกคน
ทว่ามันเป็นในพริบตาให้หลังนั่นเอง
[ถ้างั้น จะขอเปลี่ยนคำถามนะ?]
รู้สึกเหมือนว่าเสียงของโซยะต่ำทุ้มลงมาในฉับพลัน
[นี่ฟุรุยะคุง ได้เสียกันกับฟุมิโดริ ซากุระจังแล้วรึเปล่าน่ะ?]
…….…….…….…….…….What’s?
“ โสะ โซยะ? นี่เธอ จู่ๆโพล่งมั่วซั่วอะไรออกมาน่ะ? ไหวมั้ยเนี่ยเฮ้ย? ”
[ไม่มั่วซั่วหรอกนะ ถ้าอยู่กับเนตรมารฝันนานเข้าแล้ว ต่อให้ไม่ได้เห็นตรงๆแต่ก็พอจะรู้เรื่องต่างๆได้มากมายเลยล่ะ]
โซยะพูดรัวออกมาด้วยน้ำเสียงแบนราบพิกล
[ยกตัวอย่างนะ? มีใช่มั้ยล่ะ พวกคนที่พูดคุยกับฉันซึ่งมีเนตรมารฝันได้อย่างปกติมาตลอด แต่อยู่มาวันนึงก็ถอยเว้นระยะห่างออกไปอย่างกะทันหันน่ะ? แล้วทีนี้ สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้พวกเค้าหนีหน้าฉันนี่ ถ้าไม่ใช่ว่ามีเฟติชแบบประหลาดๆตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็แน่นอนเลยว่าต้องได้เสียกันกับใครซักคนนึงล่ะ]
อันแรก! อันแรกครับ! คำตอบคือ [มีเฟติชแบบประหลาดๆตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน] ที่เป็นอันแรกนั่นแหละครับ! แต่อะไรพรรค์นั้นต่อให้ปากฉีกก็พูดไม่ได้ฉะนั้นมันก็เลยจนปัญญาสุดๆเลยว้อย!
[นี่ ได้กันกับซากุระจังแล้วเหรอ? เพราะแบบนั้นก็เลยไม่กล้าสบหน้าฉันใช่มั้ย? นี่ว่ายังไงล่ะ? ถ้าไม่ใช่ก็คงจะมาให้ฉันเห็นหน้าในตอนนี้ทันทีเลยได้สินะ? ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ? ในห้อง D…..นี่ไม่ได้อยู่สินะ?]
เฮ้ย เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว! มันโคตรน่ากลัวยังไงไม่รู้นะเนี่ย!?
ให้ว่าแล้วยัยโซยะ คุยโทรศัพท์ไปพลางบุกถล่มเข้าไปในห้อง D ด้วยเลยเรอะน่ะ!?
“ ใจเย็นก่อนเฟ้ยโซยะ! ฟังดีๆนะ? ก่อนหน้านี้ก็บอกไปรอบนึงแล้ว แต่ยัยนั่นเป็นคล้ายๆน้องสาวฉันเท่านั้นแหละ! ”
[พูดง่ายๆก็คือฟุรุยะคุงเป็นไอ้สารเลวชาติชั่วซิสค่อนอินเซสท์ที่ร่วมประเวณีมีเพศสัมพันธ์ได้กันกับคนที่คิดว่าเป็นน้องสาวงั้นสินะ?]
“ เลิกด่วนสรุปว่าได้กันแน่นอนแล้วอย่างงั้นทีว้อย! ฉันน่ะคิดกับยัยนั่นแค่พี่น้องจริงๆเลย ไม่เคยมองด้วยสายตาแบบนั้นเลยซักครั้งเดียวเฟ้ย! ”
[…….แต่เหมือนฝั่งซากุระจังจะไม่ได้คิดแบบนั้นนะ?]
“ เอิ่มก็นะ ตอนนี้ฉันถูกยัยนั่นเกลียดขี้หน้าสุดๆไปเลยก็จริงแหละ ไม่ยอมเรียกกันว่าพี่จ๋าด้วยนี่นะ อ๊ะ ก็นั่นไงล่ะ เพราะแบบนี้แหละก็เลยไม่มีทางได้เสียกันขึ้นมาเด็ดขาดเลย เห็นมะ? ”
[…….ไม่ได้จะสื่อแบบนั้นซะหน่อย]
โซยะที่พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ยิ่งพึมพำอะไรที่ไม่รู้เรื่องหนักเข้าไปใหญ่ออกมา
“ เอาเป็นว่า! ที่ว่าได้เสียกันกับซากุระนั่นเธอเข้าใจผิดแล้วว้อย! ”
[ถ้างั้น คนที่ได้เสียด้วยก็คือคุณคุซึโนะฮะสินะ?]
อื๋ออ!?
“ ไหงถึงได้ยกตัวเลือกที่ยิ่งเป็นไปไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่ออกมาเฉยเลยเล่าเฮ้ย!? ”
[ก็ฟุรุยะคุงฝันว่าได้ทำเรื่องทะลึ่งกับคุณคุซึโนะฮะนี่นา ชอบแอบมองพวกแขนของคุณคุซึโนะฮะอยู่บ่อยๆเลยนี่นา เหมือนว่าจะเจอกันเพื่อตรวจวินิจฉัยเทคโนเบรคเกอร์ตามวาระอยู่บ่อยๆเลยนี่นา ……เรียกเค้าชื่อจริงด้วยนี่นา]
“ มูลความจริงมันจะเลือนรางเกินไปแล้วว้อย! ”
ต้องตีลังกาคิดแบบไหนยังไงถึงใช้ข้อมูลแค่นั้นโยงมั่วซั่วไปเป็นว่าฉันได้เสียกับคาเอเดะคนนั้นเฉยเลยน่ะ
[ถ้าไม่ได้มีอะไรกับคุณคุซึโนะด้วย งั้นก็คงโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าในตอนนี้ทันทีเลยได้สินะ?]
“ …….…….…….…….…….…….…….เอิ่มไม่ดิคือ พอดีมีธุระนิดนึงอะนะ ”
ถ้าจะเจอนี่ อย่างน้อยก็ขอเป็นหลังจากที่ลบคอลเล็คชั่นโลลิโรคจิตได้หมดแล้ว หรือไม่ก็หลังจากที่ตรวจสอบรู้จนแน่ใจว่าโซยะเปิดใจยอมรับโลลิค่อนได้แค่ไหนก่อน……..ไม่งั้นละก็ท่าจะหนักหนาเอาเรื่องแน่
[…….]
ได้ยินคำพูดอ้ำๆอึ้งๆของฉันเข้าไป โซยะก็ถึงกับเงียบกริบ
[ถ้าฟุรุยะคุงจะเอาแบบนั้น ฉันก็มีแผนอยู่เหมือนกัน]
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด โดนตัดสายไปแล้ว
“ แผนที่ว่า มันคืออะไรวะ….. ”
รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างรุนแรงเลย
ไม่รู้หรอกว่าโซยะกะจะทำอะไร แต่เอาเป็นว่าถ้าอยู่ภายในโรงเรียนละก็ซวยแน่ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะป๊ะหน้าเจอเข้ากับโซยะที่ไหนเมื่อไหร่ แถมยัยนั่นยังมีชิกิงามิ 4 ตัวอยู่ด้วย ถ้าเกิดเริ่มค้นหาแบบจริงๆจังๆขึ้นมาละก็อันตรายเอาเรื่องเลย เพราะถึงจะแค่ สเกล 1 แต่ชิกิงามิของยัยนั่นก็บินบนฟ้าได้ด้วยไง
ฉันพุ่งออกมาจากห้องน้ำในทันใด
“ นี่เดี๋ยวก่อนสิฟุรุยะ ฮารุฮิสะ นั่นจะรีบร้อนไปไหนของนายน่ะ? ”
“ ไม่รู้! เอาเป็นว่าต้องเผ่นออกไปนอกโรงเรียนก่อน! ”
“ หาา? อะไรของนาย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นายเป็นอะไรไปน่ะ? ”
พอวิ่งตรงดิ่งไปยังประตูโรงเรียนได้ซักพัก ก็ไม่รู้ทำไมซากุระถึงเข้ามายืนขวางหน้าเส้นทางของฉันเอาไว้เฉยเลย
“ นี่นาย แอบปกปิดอะไรไม่ให้ฉันรู้อยู่รึเปล่า? ”
รอบตัวฉันมันจะมีพวกเซนส์ดีเยอะเกินไปมั้ยเนี่ยเฮ้ย?
“ ไม่มีอะไรหรอกน่า! เอาเป็นว่าตอนนี้ต้องรีบออกไปจากโรงเรียนโดยด่วนเลยน่ะ ”
“ …….กลบเกลื่อนใส่กันแบบนั้นอีกแล้วเหรอ ”
“ เอ๊ะ? ”
“ นี่ฉัน ยังพึ่งพาไม่ได้ขนาดนั้นอยู่อีกเหรอ? ทุ่มสุดกำลังฝึกวิชาเต็มที่แล้ว ความสามารถก็มีแล้ว ถ้าเป็นตอนนี้ละก็สู้รบกับนังจิ้งจอกคนนั้นได้อย่างสูสีกันเลยด้วยซ้ำ จะทั้งงานบ้านงานเรือน เรื่องเรียนหรืออะไรฉันก็ทำได้ด้วยตัวคนเดียวทั้งหมดเลย ถึงนายจะโดนคำสาปแบบเดียวกับตอนพรายสาปแช่งนั่นเล่นงาน แต่ฉันก็ช่วยเหลือให้ได้แล้วแท้ๆ ”
ไม่รู้ทำไม
แต่ซากุระกลับไม่ได้ตวาดด่าว่าใส่ฉัน แล้วก็ไม่ได้เพ่งสายตาอย่างคิดร้ายเข้ามาใส่กัน
เธอคนนั้นแค่จ้องมองมาทางนี้ ด้วยเสียงอันเจ็บปวด ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ก็เท่านั้น
“ ซากุระ? นั่นเธอพูดเรื่องอะไร……. ”
แม้จะกะทันหันเกินไปจนสับสน แต่ฉันก็รู้สึกติดใจแปลกๆตรงคำว่า “คำสาป” ที่ซากุระพูดออกมา
คำสาป ไอ้เจ้าที่ว่านี่มันไม่ได้มีแค่เทคโนเบรคเกอร์ของฉันหรือเนตรมารฝันของโซยะที่จะบังคับสำแดงความสามารถอันสุดสติแตกพวกนั้นอย่างเดียว แต่ยังเป็นคำเรียกปรากฎการณ์เชิงวิญญาณหรือศาสตร์วิชาประเภทนึงด้วย เป็นอำนาจที่จะใช้ส่งผลกับสภาพความแข็งแรง จิตรับรู้ หรือลามไปถึงโชคลาภและมนุษย์สัมพันธ์ของเป้าหมายได้เลย เป็นอำนาจที่จะมีผลกระทบในแง่ร้ายต่อ ปรากฎการณ์ทุกรูปแบบ ได้เลยนั่นเอง
ปรากฎการณ์ทุกรูปแบบ…….เป็นในพริบตาที่ฉันมัวเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับความติดใจเล็กๆของตนเองนั่นเลย
“ อ้าว? ฟุรุยะนี่หว่า เอ็งมาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ? ”
ที่ไอ้พวกเด็กผู้ชายห้อง D พลันเดินเข้ามาหาจากอีกฝั่งของทางเดิน
มากันสามคน โดยมีไอ้เจ้าน้ำดื่มจากเต้าแม่ 100% โคบายาชิเป็นคนนำ พากันเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูสนิทสนมเป็นมิตรเกินเหตุยังไงชอบกล
“ เหมือนว่าตะกี้นี้มิซากิจังจะมาที่ห้อง D ด้วยนะ ไม่ไปหาจะดีเรอะเพื่อน? ”
“ เอิ่มคือว่า พอดีมีอะไรนิดหน่อยอะนะ ”
ฉันพูดอ้ำๆอึ้งๆไปพลาง ถอยห่างเว้นระยะออกจากพวกโคบายาชิ
ก็มันแปลกชัดๆ
ไม่มีทางที่ไอ้บรรลัยเกิดพวกนี้มันจะเข้ามาใกล้ฉัน พร้อมอมยิ้มหน้าชื่นบานได้แบบนี้เด็ดขาดเลย
…….ลองดูเชิงหน่อยดีกว่าแฮะ
——เผ่น!
“ อ๊ะ! มันหนีไปแล้ว! ตามไป! ไล่ตามไปปปปปปป! ”
“ ถึงกลุ่ม B! ฟุรุยะหลบหนีจากหน้าห้องฝึกปฎิบัติเบอร์ 2 ในชั้นสองของตึกทิศตะวันตก มุ่งหน้าไปยังฝั่งโรงยิมแล้ว! ใครที่กางข่ายอาคมกายภาพได้รีบอ้อมไปปิดทางเข้าออกเอาไว้ซะ! อย่าปล่อยให้มันหนีรอดไปได้เชียวนะ! ”
ว่าแล้วเชียวว้อยยยยยยยยยย!
“ เดี๋ยวสิฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! นี่มันอะไรกันน่ะ!? แตกตื่นเรื่องอะไรกัน!? นายไปก่อเรื่องทำอะไรมาน่ะ!? ”
ฉันเผ่นสุดแรงเกิดในฉับพลัน และซากุระที่วิ่งขนาบข้างตัวฉันที่จ้ำตีนสุดชีวิตแบบนั้นมาได้อย่างสบายๆก็พลันแผดเสียงร้องอย่างสับสนออกมา
MANGA DISCUSSION