ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์! - ตอนที่ 46 น้องสาวของผมไม่เฮี้ยบขนาดนั้นหรอก (5)
- Home
- ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์!
- ตอนที่ 46 น้องสาวของผมไม่เฮี้ยบขนาดนั้นหรอก (5)
“ อื๊อ! นี่มันยังไงกันเนี่ย! ”
ฉันหาทางเอาตัวรอดผ่านคาบเรียนช่วงเช้ามาได้ และตอนนี้ก็กำลังออกมาไล่ล่าตามหาโลลิค่อนอยู่กับโซยะและคาราสึมะในช่วงบ่าย
ก็ไล่ตามหาโลลิค่อนอยู่ภายในบริเวณสถานีฮารุงาฮาระเหมือนอย่างเคยนั่นแหละนะ แต่พอเดินไปได้ซักพักเดียว โซยะก็พลันเอามือกุมหัวร้องโวยวายออกมาแบบนั้นเฉย ริบบ้อนขนาดใหญ่ก็กระเด้งดุ๊กดิ๊กตามไปด้วย
“ อุตส่าห์ดีใจเพราะในที่สุดก็หาตัวโลลิค่อนเจอซะที…….แต่นี่มันจะเจอเยอะเกินไปแล้วนะ! แบบนี้ก็ไม่รู้กันพอดีสิว่าควรจะสะกดรอยตามใครน่ะ! ”
เมื่อหลายสิบนาทีก่อนหน้า โซยะยังร้องเฮ “เจอตัวแล้ว! ถ้าสะกดรอยตามคนคนนั้นไป เดี๋ยวไม่นานโลลิค่อนสเลเยอร์จะต้องโผล่เข้ามาทำร้ายแน่ๆเลยล่ะ! ดักซุ่มปราบมันกันเล้ย!” อย่างลิงโลดอยู่เลย แต่ยิ่งเวลาผ่านไป โซยะก็ชักจะมีเหลียวมองไปยังเหล่าผู้คนที่เดินสัญจรไปมามากขึ้น และในปัจจุบันก็กลายมาเป็นสภาพแบบนี้นี่แหละ
“ มีเยอะมากขนาดนั้นเลยจริงๆน่ะเรอะ? ทั้งที่ตอนก่อนหน้านี้ยังหาไม่เจอเลยซักคนแท้ๆ ”
“ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา ก็มันมีเยอะแยะยั้วเยี้ยเลยจริงๆอ้ะ……ทำไมกันนะ ช่วงวันเวลานี่เกี่ยวด้วยรึเปล่านะ…..คงจะไม่ใช่ว่าจู่ๆก็มีเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างกะทันหันหรอกมั้ง ”
โซยะเอียงหัวอย่างแปลกใจ
“ ถ้ามีโลลิค่อนเยอะเกินไป งั้นก็เอาแบบนี้เป็นไง หาเจ้าคนที่คลั่งอาการหนักที่สุดแล้วสะกดรอยตามมันไปซะแบบนั้นดีมะ? ”
“ งืมม ไม่รู้สิ…… มีคนนึงเค้า เอิ่ม ราดใส่นิตยสารเฉพาะทางด้านนั้นครบหมดทุกหน้าเลย แถมอีกคนนึงเค้าก็เหมือนว่าจะจดจำสภาพทรวดทรงเรือนร่างของเด็กผู้หญิงที่เดินผ่านไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเอาเป็นฐานไว้ใช้จิ้นเสียวด้วย……แถมคนอื่นๆก็อาการหนักสาหัสจนจำแนกยากพอๆกันเลยน่ะนะ…… ”
ภาพที่หลุดมาจากนรกเรอะเฮ้ย แม่มมีแต่พวกอาการหนักอย่างเดียวเลยนี่หว่า
เอ้อก็ เฟติชของผู้ชายเราเนี่ยต่อให้ไม่ใช่โลลิค่อน แต่ก็เหมือนจะมีไอ้ที่แบบอาการหนักอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเหมือนกันนี่นะ
“ โธ่! นอกจากแผนจะไม่ราบรื่นแล้ว ยังจะถูกเฝ้าจับตาอยู่ตลอดจนอึดอัดไปหมดอีก เลวร้ายที่สุดเลยง่าา! ”
โซยะร้องงอแงเบาๆ พร้อมกับหันขวับไปข้างหลัง
ที่อยู่ปลายสายตานั่นก็คือซากุระที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่มคนเดิน
ซากุระที่เป็นผู้จับตานั้นนอกจากจะต้องคอยเฝ้าจับตาในระหว่างเรียนแล้ว แม้แต่ตอนระหว่างทำงานก็ยังตามมาคอยเฝ้าจับตาพวกเรา—-หรือพูดให้ถูกก็คือ เฝ้าจับตาฉันอยู่แบบนี้ด้วย หลังจากเลิกงานก็จะตามติดกลับหอไปด้วยกันกับฉัน ฉะนั้นจึงอารมณ์เหมือนตัวติดอยู่กับซากุระตลอดเวลาเลย ยกเว้นเฉพาะช่วงหลับนอน ……ซึ่งไอ้แบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นตอนเด็กใหม่อีกครั้ง ดีใจอยู่หรอกนะ แต่เพราะซากุระเฮี้ยบดุสุดๆฉันก็เลยปวดตับปวดไตจนท้องจะพรุนเป็นรูอยู่แล้วเนี่ย……..
“ อูวววว หงุดหงิดยังไงไม่รู้ ตั้งแต่ซากุระจังมา ก็หงุดงี๊ดหงุดหงิดมาตลอดเลยอ้ะ! ”
โซยะเอามือบีบแก้มตัวเองดังหนุบๆพร้อมชักดิ้นชักงอบ่นอะไรก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ก็มีอาการเหมือนไม่สบายด้วยนี่นะ ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลดีๆแล้วรึยังหว่า
“ หึหึหึ คงถึงคราวที่ฉันผู้นี้จะได้ออกโรงแล้วสินะ ”
คาราสึมะที่น้ำลายไหลย้อยพลันหันขวับไปหาซากุระ
“ หากหงุดหงิดรำคาญใจกับการถูกจับตา ก็มีวิธีรับมืออยู่เพียงหนึ่ง แค่โอบอ้อมเจ้าหน้าที่เฝ้าจับตาให้กลายมาเป็นพวกเสียก็พอ! แล้วจากนั้นก็! ทำให้กลายเป็นเมียเสียด้วยเลย! ”
ว่าแล้ว ไอ้คาราสึมะก็เปิดฉากการถาโถมพุ่งเข้าใส่ซากุระในทันทีเว้ยเฮ้ย
“ เดี๋ยวก่อนสิอาโอยจัง!? นั่นคิดจะทำอะไรกับคนจากกรมตรวจสอบน่ะ—–ฟุรุยะคุงก็ด้วยห้ามเร็วสิ! ปล่อยไว้แบบนั้นจะดีเหรอ!? ”
“ อ่า….ปล่อยมันไปเหอะปล่อยมันไป ให้ไอ้คาราสึมะมันเจ็บตัวซักครั้งเดี๋ยวก็คงจะสงบเสงี่ยมขึ้นมาเองนั่นล่ะ ”
แล้วก็ไม่ผิดคาด ไม่กี่วินาทีให้หลังเสียงกรีดร้องของคาราสึมะก็ดังก้องกังวาน แล้วก็มีเสียงด่าทอของซากุระว่า “นังนี่มันอะไรน่ะ!?” ดังลอยเข้ามาด้วย จากนั้นโซยะก็รีบวิ่งเข้าไปห้ามปรามอย่างแตกตื่น ขอโทษซากุระไปพลางทะลวงนิ้วเข้าไปในหูของคาราสึมะที่โดนบิดข้อต่อจนร้องไห้แงๆ ทนอยู่ด้วยไม่ไหวแล้วฟ่ะ……
จะบากหน้าเดินเข้าไปหาพวกโซยะที่โหวกเหวกโวยวายจนถูกคนมองให้ทั่วไปหมดก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันจึงหันไปจ้องมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทว่าเป็นในฉับพลันนั้นเอง
——-พลั่ก!
“ เหวย ”
ที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่สวมชุดวันพีชสีแดงและเผอิญวิ่งแล่นเข้ามาในสายตาของฉัน พลันหกล้มอย่างแรงเอาเรื่องเลย เนื่องจากหกล้มได้อย่างโคตรจะอลังการ ฉันที่แค่มองดูอยู่เฉยๆก็เลยถึงกับเผลอตัวส่งเสียงร้องออกมาเบาๆเลยทีเดียว
“ ……….แง้ ”
เด็กผู้หญิงที่ดันตัวลุกกลับมา เริ่มที่จะร้องไห้โดยทั้งๆที่ยังนั่งจ่อมอยู่กับพื้น
ปัดโธ่ว้อย ผู้ปกครองมัวทำอะไรอยู่เนี่ย…….
“ อ่า ไม่เป็นไรนะ? ”
“ ฮึก ”
พอทนดูอยู่ไม่ไหว เดินเข้าไปยื่นมือให้ปุ๊บ ไอ้ฉันก็ถูกน้องเด็กผู้หญิงเค้าหวาดระแวงเอาเต็มที่เลยฟ่ะ โคตรเจ็บกระดองใจเลยนะไอ้แบบนี้…..
เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ยังคงร้องไห้ พลันแหงนหน้ามองขึ้นมายังฉันด้วยแววตาหวาดระแวง แต่ในท้ายที่สุดก็อ้าปากพูดขึ้น
“ ……..ปี้จายเปน คุนโลลิค่อนรึเป่าคะ? ”
“ ไม่ใช่ว้อย! ”
แค่เข้าไปส่งเสียงทักทายเด็กที่หกล้มก็ถูกตีตราว่าเป็นโลลิค่อนแล้วเรอะ……โลกมันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว
“ ไม่ใจ้ก้อดีเยยค่ะ ”
พอพูดออกมาแบบไม่ชัดแปลกๆแล้ว เด็กผู้หญิงก็จับมือของฉันลุกขึ้นยืน
เป็นในฉับพลันนั้นเอง
แปล๊บ
“ ……..? ”
สัมผัสเหมือนว่ามีอะไรคล้ายๆกระแสไฟฟ้า แล่นจากมือไปหัวแล้วจึงลงมายังระหว่างขา แต่สัมผัสอันแปลกประหลาดนั่นมันก็พลันเลือนหายไปในทันที
คิดไปเองรึเปล่าหว่า? เอ้ยไม่สิ ตอนนี้ต้องดูอาการของเด็กผู้หญิงก่อน
“ ไม่เป็นอะไรนะ? มีเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ”
“ ไม่ค่ะ ขอบคุนค่ะ ”
ดูเหมือนว่าจะโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ ใบหน้าที่สวยงามประดุจของที่ถูกสร้างขึ้นนั่นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยซักนิดเดียว หนำซ้ำยังถูกปั้นสร้างขึ้นมาเป็นรอยยิ้มแสนน่ารักอีกต่างหาก
“ พ่อแม่ล่ะ? ถ้าพลัดหลงกันงั้นเดี๋ยวพี่จะช่วยตามหาให้นะ ”
“ ไม่เปนไรค่ะ ป้อแม่หนูยู่กลั้ยๆ ”
ว่าแล้วเด็กผู้หญิงตัวน้อยก็หันหลังกลับ วิ่งฉิวราวกับหนีหายเข้าไปในหมู่ผู้คน
“ เป็นอะไรหว่า โดนน้องแกเกลียดเข้าให้รึไงนะ ”
เหมือนว่าแถวนี้จะมีโลลิค่อนอยู่เยอะ ก็เลยอยากจะตามคอยดูแลไปจนกว่าจะเจอผู้ปกครองหรอก……เอ้อแต่ก็เหมือนว่าจะไม่มีพวกที่คลั่งขนาดลงไม้ลงมือกับเด็กจริงๆซะหน่อยนี่นะ แถมถ้าวิ่งตามหลังไปงั้นฉันมันก็เป็นโลลิค่อนดีๆนี่เอง
“ ……..ตอนเด็ก ซากุระก็น่ารักแบบนั้นเหมือนกันแท้ๆน้าา ”
ฉันหันกลับไปดูพวกซากุระกับคาราสึมะที่ยังโหวกเหวกโวยวายกันอยู่ข้างหลังไม่เลิก ก่อนจะคิดอะไรที่ไร้ค่าเปล่าแบบนั้นไปเรื่อย
สุดท้ายแล้วในวันนั้นก็ไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวใดๆที่ข้องเกี่ยวกับโลลิค่อนสเลเยอร์เหมือนเคย เราจึงแยกย้ายกันเร็วกว่าที่กำหนดไว้พอควร
“ ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ นายดูเหมือนจะเหนื่อยก็จริงหรอก แต่อย่าลืมกินข้าวให้มันครบถ้วนด้วยล่ะ! ”
หน้าบานประตูของห้อง 406 กับ 407
พอซากุระที่อาศัยอยู่ข้างๆห้องฉันถ่มคำพูดออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึงแล้ว คุณหล่อนก็เดินหายลับเข้าไปในห้องตัวเองเลย ก็คิดว่าเหนื่อยเพราะใครกันละครับเฮ้ย…….
ฉันที่กลับมาถึงห้องพักในหอนั้นไม่มีกะใจจะเปลี่ยนเสื้อเลยด้วยซ้ำ เดินดุ่มๆแล้วล้มตัวลงแผ่หรากับเตียงในทันที
ขี้เกียจด้วยหลับไปทั้งๆแบบนี้เลยดีกว่าละมั้ง โดนซากุระย้ำให้กินข้าวอย่างครบถ้วนมาก็จริง แต่มันก็นะ…..รู้งี้ขากลับแวะร้านสะดวกซื้อซะหน่อยก็ดีน่ะสิ
ในระหว่างที่คิดอะไรแบบนั้น สติมันก็เริ่มที่จะขาวโพลนไปเรื่อยๆ—–
——คุณฟุรุยะคะ! คุณฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! ไม่ได้นะคะ! ประคองจิตของท่อนล่างเอาไว้ค่ะ!
อะ ไรหว่า?
เจ้าเสียงที่ไม่ได้ยินมาซักพักนึงนั่นเอง เสียงของเด็กผู้หญิงที่เริ่มได้ยินขึ้นมาภายในฝัน หลังจากที่ถูกคำสาปเทคโนเบรคเกอร์เข้าสิง
อาา ฉันกำลังได้ยินเสียงภายในฝันนั่นอยู่งั้นเหรอ ไม่ได้ยินมานานพอควรเลยเหมือนกันแฮะ…..พอจะมีสติคิดเช่นนั้นได้อยู่ลางๆ
แต่ฝันที่เห็นหลังจากห่างหายไปนานนั่น กลับแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆหน้าโดยสมบูรณ์เลย
——คุณฟุรุยะคะ! ฟังอยู่รึเปล่าคะ!?
เหวย!?
ภายในภาพทิวทัศน์สีขาวที่เหมือนทะเลเมฆซึ่งทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา มันมีสิ่งที่ไม่คุ้นชินปะปนอยู่ด้วย
เด็กผู้หญิงคนนึงกำลังลอยล่องอยู่กลางอากาศ และจ้องจับตาตรงเข้ามาทางฉันอยู่ล่ะ
ผิวสีน้ำตาลกับเส้นผมสีเงิน ดวงตาสีทองอร่ามที่แฝงเร้นไว้ด้วยแสงที่เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ของมนุษย์ หางประหลาดที่ปลายสุดดูมีทรงเป็นรูปหัวใจ
ที่เธอผู้นั้นสวมหุ้มกายอยู่ก็คือชุดแม่ชี แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะชุดมันสั้นมาก หรือเพราะหน้าอกกับก้นที่เติบโตอวบอิ่มอุดมสมบูรณ์พอสมควรนั่นมันร่างเป็นทรวดทรงองเอวที่มีเสน่ห์ในฐานะผู้หญิงมากๆกันแน่ ชุดแม่ชีที่น่าจะเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์รักนวลสงวนตัวนั่นก็เลยเปลี่ยนสภาพแปลงโฉมกลายเป็นชุดสุดทะลึ่งไปโดยปริยาย
รูปโฉมที่เย้ายวนหนำซ้ำยังน่ารักแบบแปลกๆนั่น ทำเอาฉันถึงกับเผลอตัวจ้องมองตาค้างทีเดียว แต่ทว่าเธอผู้ซึ่งมีบรรยากาศราวกับหญิงมากเสน่ห์คนนั้น กลับกำลังปั้นสีหน้าแตกตื่นลนลานสุดชีวิตที่ไม่เข้ากับหน้าตาอันงามสง่านั่นซะเลย
——ตอนนี้ฉันยังต้านเอาไว้ได้ก็จริง แต่คงจะทนไปตลอดไม่ไหวหรอกค่ะ! รีบปลุกท่อนล่างให้ได้สติกลับคืนมาเร็วเข้า!
เธอนั่นแหละรีบปลุกสติกลับมาก่อนเลย มันอิหยังวะสติของท่อนล่างเนี่ยเฮ้ย
ฉันตอกกลับเสียงของหญิงสาวผิวแทนไปภายในจิตอันพร่ามัว
แต่ดูเหมือนว่าจิตของฉันมันเริ่มทำท่าจะตื่นละมั้ง เสียงของหญิงสาวก็เลยค่อยๆห่างออกไป เบาลงไป—-
“ …….มันอะไรกันน่ะ ฝันเมื่อตะกี้ ”
รู้ตัวอีกทีฟ้าก็สว่างแล้ว
เพราะหลับสนิทละมั้ง ในฉับพลันที่ลุกขึ้นจากเตียง จิตมันก็เลยค่อยๆตื่นได้สติชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วพอหวนนึกถึงฝันที่เพิ่งเห็นอยู่เมื่อครู่ ฉันก็ถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“ เสียงนี่……ก็ยังคงจำไม่ค่อยได้ว่าพูดอะไรอยู่เหมือนเดิม ฉะนั้นช่างมันไปก่อน….. ”
แต่รู้สึกลางๆ เหมือนว่ามองเห็นเด็กผู้หญิงยังไงชอบกล…..
อาจจะแค่มีความฝันหลายอันมาซ้อนทับกันเฉยๆ เทคโนเบรคเกอร์กับเด็กผู้หญิงที่เห็นอาจไม่เกี่ยวกันเลยก็ได้ แต่ว่า
[ถ้าเทคโนเบรคเกอร์มีการเปลี่ยนแปลงแบบไหน ก็รีบแจ้งมาให้ฉันรู้ในทันทีเลยล่ะ]
นึกถึงเรื่องที่ถูกคาเอเดะย้ำเตือนขึ้นได้ ฉันจึงเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาทั้งๆที่ยังเช้าตรู่
ทว่าในพริบตาให้หลัง เรื่องฝันอันแปลกประหลาดนั่นก็พลันปลิวหายออกไปจากหัวของฉันโดยสมบูรณ์
“ ………ห้ะ? ”
เพราะสิ่งที่แล่นเข้ามาภายในตาของฉันที่กดเปิดสมาร์ทโฟน ก็คือผิวกายที่หุ้มปกคลุมเต็มหน้าจอไปหมด
รูปหน้าจอล็อกถูกเปลี่ยนกลายเป็นรูปเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆที่เปลือยเปล่าทั้งร่างโดยมีเพียงแผ่นพลาสเตอร์ปิดของสงวนเอาไว้——แล้วก็ไม่รู้ทำไม ฉันจึงไม่อาจเบี่ยงสายตาออกห่างจากภาพนั้นได้เลยซักนิดเดียว