ตอนเด็กๆ ซากุระเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยและขี้อ้อนก็จริงหรอก แต่ซากุระที่เป็นเด็กแสนดีคนนั้น ก็มีบุคคลที่ไม่กินเส้นกันอย่างรุนแรงอยู่หนึ่งคน
คุซึโนะฮะ คาเอเดะที่มักจะถูกคุณยายพามายังมูลนิธิอยู่บ่อยๆนั่นเอง
สงสัยลักษณะนิสัยใจคอมันจะเข้ากันไม่ได้เลยละมั้ง ฉันก็เลยไม่เคยเห็นตอนที่สองคนนั้นสนิทสนมญาติดีกันเลยแม้ซักครั้งเดียว
ซากุระจะต้องคอยหาจังหวะด่าว่าคาเอเดะเป็น “ยายแก่ชั่วใจยักษ์” ตลอดทุกรอบ ทางคาเอเดะเองก็พอกัน เนื่องจากยัยนั่นเป็นผู้หญิงที่โคตรจะน่ากลัวมาตั้งแต่ยังเล็กๆแล้ว ก็เลยสามารถจับซากุระที่น่ารักน่าชังประดุจสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆมามัดไว้กับที่สูงได้อย่างไร้ความปรานีเลยทีเดียว แน่นอนว่าหน้าที่ช่วยเหลือซากุระซึ่งโดนจับมัดมันก็ย่อมตกมาเป็นของฉันนี่ แต่ในตอนท้ายสุดเรื่องก็จะจบลงตรงที่ฉันนี่แหละกลายเป็นฝ่ายถูกคาเอเดะจับมัดขึ้นที่สูงแทน โดยมีซากุระที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งงอแงเข้าไปจะทุบตีคาเอเดะ บานปลายกลายเป็นอะไรที่วุ่นวายขั้นหนักแบบนั้นได้อยู่เรื่อยทุกทีไป
ก็เพราะงั้นแหละ ฉันจึงต้องคอยเฝ้าระมัดระวังอย่างสูงไม่ให้ทั้งสองคนป๊ะเจอกันได้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆแล้ว แต่ว่า——-
“ ฉันน่าจะสั่งให้เธอมาด้วยตัวคนเดียวนี่นา แล้วทำไมถึงมีนังหนูนี่อยู่ด้วยล่ะ ”
“ หาา? เป็นถึงท่านคุซึโนะฮะที่เก่งสุดในใต้หล้าแต่เรื่องแค่นี้กลับไม่รู้เนี่ยนะ? มันก็ต้องเป็นเพราะว่าฉันคือผู้จับตาของฟุรุยะ ฮารุฮิสะแน่แหงอยู่แล้วสิยะ ”
“ ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับฟุรุยะคุงอยู่นะ นังหนูขี้อ้อนเรียกร้องความสนใจอย่างเธอแม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้เลยเหรอ ”
“ ว่าใครเป็นคนเรียกร้องความสนใจน่ะ! ฟุรุยะ ฮารุฮิสะก็คนนึงแล้ว นี่ยังจะมีหล่อนด้วยอีก อย่ามาทำหยั่งกับว่าฉันเป็นเด็กๆนะ! ”
“ [อย่าทำหยั่งกับว่าเป็นเด็กๆ] หึ นั่นมันคำพูดที่พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมชอบอ้างกันอยู่เรื่อยดีๆนี่เอง ”
“ ขนาดใส่เสื้อทับอยู่ก็ยังดูรู้เลยว่านมเล็กยิ่งกว่าฉันแล้ว ยังจะมีหน้ามาวางมาดเป็นคนอายุมากกว่าได้อีกนะ (ขำ) ”
“ ห้ะ? ”
“ อ๊าา? ”
ร้านกาแฟหน้าสถานี
ซากุระที่นั่งอยู่ข้างฉันพลันกระโจนเข้าหาเรื่องคาเอเดะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในทันทีไม่มีรีรอ โคตรปวดตับเลยเว้ยเฮ้ย
ฉันแอบย่องออกจากหอพักมาแบบลับๆตามคำสั่งของคาเอเดะแล้วแหละ แต่ซากุระที่น่าจะใช้ศาสตร์วิชาอะไรซักอย่างเอาไว้กลับรู้ถึงการการเคลื่อนไหวของฉัน แล้วก็เลยตามติดมาด้วยนี่ละนะ
บรรยากาศพร้อมจะระเบิดตบกันได้ทุกเมื่อที่คาเอเดะกับซากุระปลดปล่อยออกมามันหนักหน่วงมากถึงขั้นที่คุณพนักงานลังเลไม่กล้าเข้ามารับออเดอร์เลยทีเดียว
ใครก็ได้ช่วยผมทีครับ
“ ว่าแต่ ที่เธอพูดมาตลอดจนถึงเมื่อกี้นั่นมันอะไรกันน่ะ ทำไมถึงได้เรียกว่า [ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ] แบบนั้นล่ะ อย่าฝืนแสร้งเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ร้องพี่จ๋าพี่จ๋าแล้วไปคุดหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาแบบตอนเด็กๆซะก็ดีแล้วแท้ๆ ”
“ หนอยแน่…..ฮึ ชอบขุดเรื่องเก่าตั้งแต่ปีมะโว้ขึ้นมาพูดหยั่งกับเพิ่งเกิดเมื่อวานอยู่นั่นแหละ เพราะแบบนี้นี่แหละน้าการคุยกับพวกป้าๆหน้าแก่มันถึงได้เครี๊ยดเครียดจริงเลย ”
“ ……..ดูท่าจะสมองฟ่อความจำเลอะเลือนหมดแล้วสินะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนเธอโดนฉันทำร้องไห้ขี้มูกโป่งมากี่ครั้งแล้วน่ะ ถ้าตบหัวที่น่าจะเบาหวิวนั่นซักทีจะนึกออกขึ้นมาได้บ้างมั้ยนะ ”
“ จะเหลิงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าไปถึงไหนกันยะ? ศาสตร์ของหล่อนน่ะฉันจะลบล้างไม่ก็สะท้อนกลับไปให้หมดเลยเชียวล่ะ เอ้า แน่จริงก็ลองดูสิ ลองสิลองเลย ”
“ ……..เห นังหนูชักจะปากเก่งขึ้นมาแล้วนี่นา ”
“ ว้อยยยยยยย! หยุดเชียวเฟ้ยพวกเธอ! ”
ฉันรีบเข้ามาขัดกลางระหว่างทั้งสองคนในทันทีเห็นไฟจิ้งจอกลุกโชนขึ้นมารอบตัวคาเอเดะ พร้อมกับมีหางสีขาวนวลงอกออกมาจากบริเวณร่างกายท่อนล่างของยัยนั่น ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ละก็ร้านกาแฟได้แหลกกระจุยไม่เหลือซากแหง
“ คาเอเดะมีเรื่องอยากจะคุยกับฉันไม่ใช่เรอะ? งั้นก็รีบๆคุยให้จบกันไปเหอะนะ? นะ? ”
“ ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่นังหนูนี่มันเกะกะน่ะสิ ช่วยไสหัวไปไกลๆทีจะได้มั้ย ”
“ เรื่องอะไรจะยอมไปกันละยะ ฉันเป็นผู้จับตาของฟุรุยะ ฮารุฮิสะนะ ไม่อาจมองข้ามการแอบนัดพบกันลับๆแบบนี้ได้เด็ดขาดเลย ”
“ ……..เธอคอยเกาะฟุรุยะคุงติดหนึบตลอดมาตั้งแต่ยังเด็กๆแล้วนี่นะ น่าขยะแขยงที่สุด ถึงจะพูดว่าเป็นผู้จับตา แต่จริงๆแล้วก็แค่สตอล์คเกอร์ที่มีเหตุผลรองรับการกระทำเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ ”
“ หาา!? สตอล์คเกอร์อะไรกันยะพูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย! ”
ซากุระคำรามด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋
“ ให้ว่าแล้วนะ! คุซึโนะฮะ คาเอเดะ! อย่างหล่อนน่ะไม่มีสิทธิอะไรจะมาว่าใครเค้าแบบนั้นได้ซักหน่อย! ระ รู้เกี่ยวกับความสามารถสุดโรคจิตพรรค์นี้แต่กลับไม่ยอมรายงานให้สมาคมทราบ แถมหล่อนที่เป็นลูกสาวผู้สืบตระกูลคุซึโนะฮะยังลงทุนมาคอยดูแลด้วยตัวเองอีกเนี่ยนะ มันจะน่าสงสัยมากเกินไปแล้วย่ะ! ในหลายๆความหมายเลย! ”
สงสัยจะหวนนึกถึงตอนที่ฉันไล่ผีโดยทำให้ถึงจุดสุดยอดในตอนกลางวันขึ้นมาได้ละมั้ง หน้าของซากุระก็เลยแดงหนักมากเข้าไปใหญ่ หยั่งกับปลาหมึกต้มเลยนะนั่น
กลับกันแล้วคาเอเดะนั้นกำลังจับจ้องมองมายังฉันด้วยสีหน้าเย็นเฉียบที่แฝงเร้นไว้ด้วยจิตสังหารเฉย หยั่งกับฆาตกรเลยนะเนี่ย
“ เธอใช้ความสามารถต่อหน้านังนี่งั้นเหรอ? ”
“ เอิ่มคือแบบว่า ซากุระเกือบจะบาดเจ็บไงก็เลยช่วยไม่ได้….. ”
ถึงจริงๆแล้วเหมือนว่าจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายซักนิดเลยก็เหอะนะ……เอ้อแต่ถ้าทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงจะถูกเห็นตอนใช้ความสามารถอยู่ดีแหละ ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น ฉะนั้นได้โปรดอย่าจ้องกันด้วยแววตาคมกริบแบบนั้นเลยนะครับ แค่นี้ก็ถูกซากุระปฎิบัติด้วยหยั่งกับว่าเป็นไอ้โรคจิตจนใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้วเนี่ย ใครก็ได้ช่วยอ่อนโยนกับฉันทีเหอะ
“ เฮ่อ อืมเอาเถอะ มันสายเกินแก้ตั้งแต่ที่เธอพลาดทำตัวโดดเด่นในเมืองชิโนโนเมะแล้วนี่นะ ”
คาเอเดะถอนหายใจ ก่อนจะเพ่งสายตาตรงไปยังซากุระ
“ แล้วก็ ที่ฉันไม่ได้รายงานเรื่องความสามารถของเขาให้สมาคมรับรู้ มันก็เป็นเพราะฉันคิดคำนึงถึงชีวิตส่วนตัวของเขาก็เท่านั้นแหละ ถ้ามีความสามารถพรรค์นี้อยู่กับตัวก็คงจะมีชีวิตอย่างสงบสุขไม่ได้แน่…คุณพ่อของพวกเธอก็เลยจงใจปิดเงียบเอาไว้ และตระกูลคุซึโนะฮะก็เลือกที่จะสานต่อเจตนารมย์ของเขาน่ะ อย่าได้ถามไถ่ไม่เข้าเรื่องซะจะได้มั้ย ”
“ ……..ขึก ”
ซากุระที่ถูกยกเอาเรื่องของพ่อออกมาอ้างนั่นผงะไปชั่วพริบตา แต่แล้วก็ตั้งสติกลับมาได้ในทันที
“ ……..ก็ไม่ได้จะปฎิเสธเรื่องที่หล่อนว่านั่นหรอกนะ แต่ในฐานะคนของกรมตรวจสอบแล้วคงจะหลับตาเชื่อมั่วๆไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าตัวฉันน่ะมีหน้าที่ต้องคอยเฝ้าจับตาดูฟุรุยะ ฮารุฮิสะอย่างถี่ถ้วนในฐานะเจ้าหน้าที่ของกรมตรวจสอบ ฉะนั้นถ้ามีเรื่องอะไรต้องพูดก็พูดออกมาซะที่นี่เลยสิยะ หากไม่ใช่อะไรที่ต้องละอายงั้นต่อให้มีฉันฟังอยู่ด้วยก็น่าจะไม่เป็นไรใช่มั้ยล่ะ ”
“ ……..ว่าแล้วเชียว ถ้ามีนังหนูนี่อยู่ด้วยก็คงจะคุยแบบทำใจให้สงบไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ”
เจอะกับซากุระที่หมายมั่นดึงดันจะทำหน้าที่ในฐานะกรมตรวจสอบแล้ว คาเอเดะก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง
“ ก็ไม่ได้มีธุระสำคัญเป็นพิเศษด้วยนี่นะ ช่างมันเถอะน่ารำคาญ ฟุรุยะคุง เธอน่ะกลับไปได้แล้ว ”
“ อะไรของเธอน่ะเฮ้ย เรียกกันมาทั้งทีไหงถึงทำงี้เฉย……. ”
แม้จะบ่นแบบนั้น แต่ฉันก็พอจะเดาเป้าหมายของคาเอเดะได้ไว้แล้ว อาจจะแค่อ้างว่ามีเรื่องจะคุยไว้เฉยๆ ตามจริงแล้วอยากจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าซากุระที่เป็นกรมตรวจสอบจะรั้นตามมาถึงขั้นไหนก็ได้ ก็การตรวจวินิจฉัยตามวาระที่คาเอเดะจะทำให้หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์นั่น มันเป็นการตรวจสอบเชิงวิญญาณที่ต้องมีความละเอียดเป็นอย่างยิ่งเลยนี่นะ หากไม่รู้ก่อนล่วงหน้าว่าซากุระที่เป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมาจะตามมาด้วยรึเปล่า ระดับความแม่นยำของการตรวจสอบเชิงวิญญาณมันก็อาจจะมีพลิกผันกันได้บ้างเหมือนกันแหละ
เป็นในจังหวะที่ฉันคิดอะไรพวกนั้น พร้อมกับจะลุกขึ้นเดินทางกลับไวกว่ากำหนดนั่นเอง
“ เธอน่ะอยู่ต่ออีกซักพักนึง ”
คาเอเดะพลันส่งเสียงรั้งตัวซากุระที่ลุกขึ้นพร้อมกับฉันเอาไว้
“ หา? ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ต้องกลับบ้านไปด้วยกันกับฟุรุยะ ฮารุฮิสะเป็นแน่แหงอยู่แล้วสิ ”
ซากุระพูดพร้อมทำสีหน้าเหมือนภาคภูมิใจทำไมก็ไม่รู้ แต่แล้วคาเอเดะก็เอาปากเข้าไปพึมพำใกล้ๆหูซากุระ
“ ฉันอยากจะขอคุยกับเธอนิดหน่อยน่ะ เกี่ยวกับเรื่องความสามารถของฟุรุยะคุง ”
“ ……..คิดอะไรของหล่อนอยู่น่ะ? ”
“ ไม่ต้องหวาดระแวงถึงขนาดนั้นหรอก สำหรับเธอแล้ว ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องจับตาเอาไว้มากๆก็ไม่เสียหายซะหน่อยใช่มั้ยล่ะ? คนจากตระกูลคุซึโนะฮะอย่างพวกฉันก็ไม่ได้มีเจตนาอยากจะเป็นศัตรูกับกรมตรวจสอบเลยแม้ซักนิดเดียว ฉะนั้นจึงอยากจะแบ่งปันข้อมูลสำคัญน่ะ ”
“ บอกออกมาที่นี่ตรงนี้เลยไม่ได้รึไง? ”
“ มันเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมาก เลยอยากจะขอย้ายสถานที่ก่อนด้วยซ้ำไป แล้วก็จะต้องตรวจสอบยืนยันกับคุณยายซักพัก ฉะนั้นเลยอาจจะกินเวลาซักระยะน่ะ ว่ายังไงล่ะ ถ้าเธอต้องการแล้วละก็ จะยอมบอกข้อมูลของพวกผู้หญิงที่อยู่รอบตัวฟุรุยะคุงให้ด้วยก็ได้นะ ข้อมูลด้านมนุษย์สัมพันธ์ของเป้าหมายก็ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญยิ่งด้วยเช่นกัน ถูกมั้ย? ”
“ ……..……..แต่ว่า ฉันมีหน้าที่ต้องเฝ้าจับตาดูฟุรุยะ ฮารุฮิสะ ”
“ แค่ส่งชิกิงามิแบบง่ายๆติดตามเอาไว้ ให้รู้แนวโน้มการเคลื่อนไหวซะก็พอแล้ว ”
“ …….. ”
ว่าแล้วทั้งสองคนที่แอบพึมพำซุบซิบอะไรบางอย่างอยู่ก็แยกย้ายกันไปคนละทางซักพัก แล้วเห็นเหมือนว่าจะมีนัดมาเจอกันอีกครั้งตรงที่ไหนซักแห่งหรือไงนี่ ฉันที่ไม่อยากถูกลากเข้าไปพัวพันกับบรรยากาศแสนจะขุ่นมัวของทั้งคู่มากไปกว่านี้จึงไม่ได้ถามไถ่เค้นความใดๆ มุ่งหน้ากลับมายังบ้านอันเป็นวิมานแสนรักในทันที—–ทว่า
ปิ๊งป่อง
ในทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
พอฉันกำลังจะเปลี่ยนมาใส่ชุดสบายๆอยู่บ้าน อินเตอร์คอมก็พลันส่งเสียงแจ้งเตือนบ่งบอกว่ามีแขกมาหา
และเมื่อมองดูรูปโฉมของแขกผู้มาเยือนผ่านตาแมวปุ๊บ ก็ถึงกับมีเสียงดัง “ห้ะ?” หลุดลอดออกมาจากปากของฉันเลยทีเดียว
“ เมย์นี่เธอ ดึกดื่นค่ำมืดแบบนี้มาหอพักเด็กผู้ชายทำไมกันน่ะ คิดอะไรของเธอเนี่ย! ”
“ เอะเฮะเฮ้~ แหม่ก็แบบว่า พอดีมีเรื่องที่อยากจะแจ้งให้รุ่นพี่คุณพี่รับทราบอย่างเร่งด่วนที่สุดอยู่น่ะค่ะ ”
พอเปิดประตูโดยคิดสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปรึเปล่าปุ๊บ ก็พบว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ว่าฉันตาฝาดหรืออะไรไปเองเลยซักนิด….รุ่นน้องม.ต้น ปีสามของโรงเรียนปราบมาร ทาจิคาวะ เมย์นั่นเอง….ชุดนักเรียนที่ใส่แบบไม่เรียบร้อยคล้ายสาวแกล บรรยากาศชิลๆสบายๆที่เป็นขั้วตรงข้ามกับคาเอเดะ แต่เมย์ที่ปกติจะเฉื่อยชาชิลๆอยู่เสมอคนนั้น มาวันนี้กลับกำลังหอบหายใจราวกับรีบร้อนวิ่งมาอย่างแตกตื่น แก้มก็ดูแดงๆพิกลอีก ยิ่งทำให้รูปโฉมที่แต่เดิมก็น่ารักมากพอแล้วดูมีเสน่ห์อย่างพิลึกมากเข้าไปใหญ่
“ ถ้างั้นแค่โทรมาซะก็พอแล้วนี่! รู้มั้ยว่าถ้าโดนใครเห็นเข้าจะถูกมันเอาไปพูดว่าอะไรน่ะ! ”
“ มีหวังถูกคิดว่าเป็นเมียแอบมาหาผัวแน่ๆเลยสินะค้า~ ”
“ จะบ้าเรอะ! เอาเป็นว่ารีบเข้ามาเร็ว! ก่อนที่จะถูกใครเห็นเข้า! ”
“ ค่~า ”
คิดดีๆอีกทีแล้ว ให้เข้ามาในห้องนี่อาจดูหนักมากยิ่งกว่าเดิมอีกก็ได้แฮะ แต่เพราะยัยนี่โผล่มาเยือนอย่างกะทันหัน ไอ้ฉันก็เลยนึกวิธีการรับมือแบบอื่นใดนอกจากนั้นไม่ได้เลยไง
พอเมย์ก้าวเข้ามาในห้องฉันอย่างไม่มีระวังตัวเลยแล้ว คุณหล่อนก็ไหลไปนั่งลงเหนือเตียงนอนเฉย เอิ่มก็ ฉันก็ไม่ได้เตรียมตัวรับแขกเอาไว้ด้วย ฉะนั้นมันก็ไม่มีที่อื่นให้นั่งได้ก็จริงหรอก แต่ใจแข็งกล้านั่งลงตรงนั้นเลยเชียวเรอะ…….
“ แล้ว จู่ๆมีอะไรเรอะ ”
เซียนข้อมูล ทาจิคาวะ เมย์
รู้กันอยู่ว่าหากเธอคนนี้เข้ามาติดต่อกับฉันเมื่อไหร่ ก็จะย่อมเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เพิ่งจะเคยถูกบุกมายันที่พักแบบนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ ฉันนี่ถึงกับเกร็งตัวเลย ต้องเป็นข้อมูลที่ย่ำแย่สุดๆไปเลยแหง
“ เกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะนะคะ……เอาเป็นว่าช่วยดูนี่ก่อนก็แล้วกันค่ะ ”
สิ่งที่เมย์หยิบออกมาจากกระเป๋าก็คือสมาร์ทโฟน ที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็คือเว็บข่าวบนอินเทอร์เน็ตที่คล้ายกับอันที่โซยะเปิดให้ดูในวันก่อน และสิ่งที่ถูกเขียนไว้อยู่บนนั้นก็เผอิญ เป็นข้อมูลที่ข้องเกี่ยวกับไคอิตัวนึงเหมือนกันอีกต่างหาก
“ ผู้ปราบมารมืออาชีพถูกโลลิค่อนสเลเยอร์ทำร้าย…….? ”
ฉันเลื่อนอ่านเนื้อหาข่าวทั้งๆที่ยืนอยู่ข้างเตียง และพอลองกดดูคลิปที่ตัดจากรายการทีวีมาแปะประกอบเอาไว้ด้วยปุ๊บ….
[ถึงได้บอกไงครับ ใช้ได้ที่ไหนกันแบบนี้ เห็นว่าค้นพบมังงะและอนิเมะแสนน่ารังเกียจที่จับเอาเด็กตัวเล็กๆมาบรรยายเป็นวัตถุทางเพศอยู่ภายในที่พักอาศัยของผู้ปราบมารที่ถูกทำร้ายเป็นจำนวนมากมายเลยด้วยไม่ใช่หรือครับ มันคือไอ้สารเลวเดนมนุษย์ดีๆนี่เอง และสมาคมผู้ปราบมารที่ประกอบเต็มไปด้วยพวกเดนมนุษย์นั่น ก็กำลังคิดที่จะกำจัดไคอิแห่งความยุติธรรมอยู่ครับ ทั้งที่ไคอิตนนั้นช่วยสร้างประโยชน์โดยการล้างบางพวกสารเลวทั้งหลายให้หมดไปเพื่อพวกเราอยู่แท้ๆ แทนที่สมาคมจะทำอะไรแบบนั้น ทำไมจึงไม่เริ่มจากกวาดล้างภายในให้องค์กรใสสะอาดก่อน—-]
ยังเป็นนักวิชาการที่สติแตกไร้จิตสำนึกเหมือนเคย แต่ในช่องคอมเม้นกลับเต็มไปด้วยความเห็นที่สนับสนุนความคิดนั่นมากยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ซะอีก ทุกคนต่างก็ก่นด่าตำหนิโลลิค่อนและสมาคมผู้ปราบมาร แล้วหันไปเชิดชูยกย่องโลลิค่อนสเลเยอร์กันหมด ……เหวย ใน SNS มีแฮชแท็กว่า ‘สมาคมโลลิค่อน’ ฮิตขึ้นมาอยู่บนเทรนด์ด้วยเลยนี่หว่า
ต่อให้อีกฝั่งจะเป็นโลลิค่อน แต่ก็ไม่ควรสนับสนุนยกยอปอปั้นไคอิที่ทำร้ายคนบริสุทธิ์อยู่ฝ่ายเดียวเด็ดขาด ทว่าก่อนที่จะรู้สึกโกรธ หัวของฉันกลับเกิดความฉงนสงสัยขึ้นมาก่อน
“ ทำไมสื่อถึงรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของผู้เสียหายได้ล่ะ? แถมที่พักอาศัยนี่มัน ”
“ นั่นแหละค่ะ ”
เมย์พลันตอบข้อสงสัยของฉัน
“ เรื่องที่เจ้าพนักงานตกเป็นเหยื่อถูกโลลิค่อนสเลเยอร์ทำร้ายนี่ ทางสมาคมก็ได้ทราบเรื่องอย่างรวดเร็วแล้ว หนำซ้ำยังวางมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลไปถึงหูประชาชนเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเนื่องจากไม่มีเวลา แต่ก็เห็นว่าทำการวางจำกัดจิตวิญญาณคำพูดไว้อีกด้วยค่ะ ”
จำกัดจิตวิญญาณคำพูด หมายถึงศาสตร์วิชาที่จะทำการร่ายคำสาปแบบพิเศษใส่ข้อมูลนั้นๆ เพื่อปิดผนึกการแชร์และแพร่กระจายข้อมูลนั่นเอง
“ กล่าวคือไอ้นี่มัน….. ”
“ ค่ะ มีคนที่จงใจปล่อยข้อมูลภายในของสมาคมออกมาสู่ภายนอกอยู่ ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่ต้องเป็นคนมากฝีมือระดับที่มีสิทธิปลดจำกัดจิตวิญญาณคำพูดได้อย่างแน่นอนเลย ”
พวกที่ปลดจำกัดจิตวิญญาณคำพูดได้นี่……มันต้องเป็นคนที่มีความสามารถสูงส่งใกล้เคียง หรือไม่ก็ทัดเทียมกับ 12 เซียนอัมพรเลยไม่ใช่เรอะ?
“ เพราะถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างรุนแรง สมาคมก็เลยแตกตื่นลนลานสุดๆไปเลยค่ะ นอกจากจะทำการสั่งควานหาตัวคนร้ายที่ปล่อยข้อมูลออกไปแล้ว อีกซักพักคงอาจมีหนักข้อถึงขั้นตรวจเช็คเฟติชของผู้ปราบมารทุกคนด้วยเลยก็ได้ ”
โซยะน่าจะได้เฉิดฉายสุดๆเลยแฮะ…… แค่ผลงานคราวนั้นอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอให้ได้ใบอนุญาตตัวจริงแล้วม้าง? เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละคนควานตามหาตัวพวกโลลิค่อน…… พอฉันคิดอะไรแบบนั้นอยู่ สีหน้าของเมย์ก็ยิ่งทวีความจริงจังขึ้นไปอีกระดับ
“ เพราะแบบนั้นแหละค่ะ หนูเลยอยากให้รุ่นพี่คุณพี่ที่ถูกกรมตรวจสอบหมายหัวอยู่ ช่วยระวังตัวให้มากเป็นพิเศษด้วย ต่อให้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดก็เถอะ แต่ถ้ารุ่นพี่คุณพี่พลาดไปก่อเรื่องฉาว จนข้อมูลถูกแพร่สะพัดกระจายออกไปพร้อมกับรายละเอียดของความสามารถที่เฉิดฉายในเมืองชิโนโนเมะนั่นแล้วละก็…..จะต้องเกิดเป็นเรื่องยุ่งอย่างใหญ่หลวงแน่นอนเลยค่ะ ”
“ นี่เธอ…….รู้ลึกไปถึงเรื่องในเมืองชิโนโนเมะเลยเรอะ ”
พอคิดว่าเรื่องความสามารถสุดเฮงซวยนี่มันถูกรู้ไปจนถึงหูเมย์ด้วยแล้ว ก็อายจับจิตขึ้นมาอีกรอบนึงเลย
“ อืม ก็ จากนี้ไปจะระวังให้มากเป็นพิเศษเลยล่ะ ขอบใจนะที่อุตส่าห์ลำบากมาบอก ”
“ พูดแบบนี้แล้วก็ค่อยใจชื้นหน่อยค่ะ แต่ว่านะคะ……เมย์รู้สึกกังวลม๊ากมากเลยค่ะ ”
เมย์ที่นั่งอยู่บนเตียงพลันลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ อะ อะไรน่ะ?
“ รุ่นพี่คุณพี่ที่ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาในโบสถ์ ไม่มีภูมิต้านทานต่อคนต่างเพศเลยซักนิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่คุณพี่ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ฉะนั้นถ้าถูกรุกใส่แรงๆเข้าก็จะแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก มีแต่ช่องโหว่เต็มไปหมดเลยนะคะ มีหวังได้โดนบีบบังคับให้ใช้ความสามารถอันแสนน่าหวาดเสียวนั่นออกมาแน่ๆเลยค่ะ ”
“ นะ นี่เธอ รู้ลึกไปถึงขนาดไหนกันแน่…… ”
คิดมากไปเองรึเปล่าหว่า หยั่งกับว่าเมย์มองทะลุรู้ไปถึงเรื่องที่ฉันทำใส่นางุโมะเลยงั้นแหละ น่ากลัวว้อย
“ แถมแค่นั้นไม่พอ ผู้จับตาที่มาจากกรมตรวจสอบ ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าอกใหญ่แล้วก็น่ารักมากๆเลยด้วยนี่คะ ถ้ามีคนแบบนั้นคอยเฝ้าติดตามไปไหนไปกันอยู่ตลอดเวลาทุก 24 ชั่วโมงแล้วละก็ รุ่นพี่คุณพี่อาจจะผีเข้าตบะแตกขึ้นมาก็ได้….เมย์เลยเป็นห่วงมากเหลือเกินจนอดทนไม่ไหวเลยเชียวค่ะ ”
พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็สังเกตขึ้นได้ แบบว่ายัยนี่….นมใหญ่มากขึ้นยิ่งกว่าตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้รึเปล่าน่ะ? อย่าบอกนะว่าใส่ฟองน้ำแบบนางุโมะ หรือไม่ก็อยู่ในช่วงวัยกำลังโตเรอะ—–พอครุ่นคิดไปถึงตรงนั้น ฉันก็ส่ายหัวสลัดความคิดพวกนั้นออก ตอนนี้มันใช่เวลาซะที่ไหนฟะ
“ มะ ไม่หรอกน่า ยัยนั่นเป็นคล้ายๆน้องสาวฉันนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องกังวล—-เหวยย!? ”
เป็นการเล่นทีเผลอที่ช่างไหลลื่นเหลือเกิน พอรับรู้ว่ามือแสนออนนุ่มสองข้างของเมย์ถูกเอื้อมไปพันอยู่รอบคอของฉันปุ๊บ เมย์ก็ล้มตัวไปยังข้างหลัง—-กล่าวคือบนเตียงนอน ฉันเองก็ถูกลากเข้าไปด้วย โดนฉุดลงมาให้อยู่ในสภาพเหมือนขึ้นคร่อมจับเมย์กดลงกับเตียงเฉย
“ ห้ะ เมย์!? นี่เธอเล่นอะไรเนี่ยเฮ้ย!? ”
กะจะปลีกถอยออกห่างอย่างแตกตื่นหรอก แต่เพราะเมย์ใช้ขาสองข้างที่แนบแน่นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์รัดตัวฉันเอาไว้ ก็เลยขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
“ แค่เด็กๆอย่างนอนหนุนตักมันยังไม่พอค่ะ เมย์คิดว่ารุ่นพี่คุณพี่น่ะสมควรต้องได้รับภูมิต้านทานแบบจริงๆจังๆซักทีแล้ว ……ภูมิคุ้มกันแสนรุนแรง แบบที่ทำให้มีอารมณ์กับหญิงอื่นใดนอกจากเมย์ไม่ได้เลยน่ะนะ ”
“ นี่เธอ จะ จะแกล้งกันแรงไปแล้วนะ ”
“ ไม่ได้แกล้งซะหน่อยค่ะ ……หรือว่า สำหรับคนซื่อบื้อตาขาวแบบรุ่นพี่คุณพี่แล้ว จะชอบโดนแบบนี้มากกว่ารึเปล่าคะ ”
“ เฮ้ยย!? ”
พอรับรู้ว่าถูกเล่นงานด้วยอะไรที่คล้ายๆกับเตะตัดขา ร่างกายของฉันกับเมย์มันก็พลันสลับตำแหน่งกัน คราวนี้กลายเป็นฉันถูกจับกดลงกับเตียงแทน ขาอ่อนของเมย์ทำการหนีบขาอ่อนของฉันให้นิ่งสนิทอยู่กับที่
เพราะอยู่ใกล้กันละมั้ง กลิ่นอันหอมหวนเข้มข้นของเด็กผู้หญิงก็เลยถาโถมเทลงมาจนมึนหัวไปหมด มือสองข้างของเมย์ที่พันอยู่รอบคอ ก็พลันเลื่อนลงมาจับข้อมือสองข้างของฉันเอาไว้พร้อมๆกับกำไลแทน
ลูบ….จุดที่นิ้วมือของเมย์ลูบไล้ลงไปนั่น ก็คือบริเวณที่ถูกคาเอเดะหยิกจนเป็นรอยเมื่อไม่นานมานี้ เมย์ทำการลูบไล้บริเวณผิวที่อ่อนไหวเพราะใกล้จะหายนั่นด้วยนิ้วมืออันลื่นไหลและร้อนรุ่มหลายต่อหลายครั้งไม่ยอมลดละ และพอฉันเพ่งจิตไปยังสัมผัสอันไม่เคยพบเจอมาก่อนนั่นอยู่ ร่างกายทั้งร่างก็พลันถูกคลอบคลุมไปด้วยสัมผัสอันอ่อนนุ่ม
“ ผลตอบแทนสำหรับข้อมูลในคราวนี้ ก็คือตัวรุ่นพี่คุณพี่เองนั่นแหละค่ะ ”
เมย์ที่เอาตัวทับร่างกายของฉัน พลันเอาปากจ่อกระซิบอย่างยั่วยวนเข้ามาภายในหู ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่อาบไว้ด้วยความชุ่มชื้นมันซึมซับเข้าไปในผิวกายชวนให้รู้สึกเสียว ตบะจวนเจียนจะถูกฟาดแตกอยู่ร่อมร่อแล้ว
แต่เป็นในตอนนั้นเอง เพราะเมย์ทุ่มเอาร่างกายทั้งหมดเข้ามาทับเอาไว้ ฉันก็เลยสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้ทวงคืนเอาความเยือกเย็นกลับมาได้แบบหวุดหวิด
“ ……..เมย์ นี่เธอ……ตัวสั่นอยู่รึเปล่าน่ะ? ”
“ เอ๊ะ? ”
“ นี่หรือว่า ฝืนตัวเองอยู่รึเปล่า…… ”
“ จะ จะไปใช่แบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ! ……..อ๊ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะคะ! ”
เอ้ยฝืนอยู่ชัดๆเลยไม่ใช่เรอะ เหมือนว่าวาจาคำพูดจะดูแหม่งๆไปด้วยนะนั่น
“ ก็รู้สึกขอบใจอยู่หรอกนะที่อุตส่าห์เป็นห่วงฉัน แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นที่เธอจะต้องฝืนตัวเองแบบนี้—– ”
“ ก็บอกว่า เมย์ไม่ได้ฝืนตัวเองซะหน่อยไงละคะ หนูจะทำให้รุ่นพี่คุณพี่รู้สึกดีมากๆให้เองนะ ”
เมย์พูดแบบนั้น พร้อมกับร้อง “โฮกกก” ด้วยท่าโพสเหมือนเสือที่หิวกระหาย ถึงจะพูดกลบเกลื่อนแบบนั้นก็เหอะ แต่หน้าเธอแดงแจ๋เลยนะนั่นเฮ้ย……เป็นในฉับพลันที่ฉันเองก็ชักจะหน้าแดงร้อนรุ่มตามไปด้วยอีกคนนั่นเอง
“ ——-ขึก ”
เมย์ที่หน้าแดงแจ๋อยู่ไม่สุข พลันหันขวับไปยังอีกทิศนึงอย่างกะทันหัน
“ ……..ชิ เร็วยิ่งกว่าที่คิดก็จริง แต่ก็ถือว่ามาได้ถูกจังหวะดีละมั้งคะ ”
พอพึมพำอะไรซักอย่างแล้ว เมย์ก็ผละตัวออกห่างจากฉัน ก่อนจะจัดชุดนักเรียนที่ยับไปหมดให้เรียบร้อย
“ เอาล่ะ ทำธุระเสร็จแล้วด้วยนี่นะ เลิกแกล้งรุ่นพี่คุณพี่เอาไว้แค่นี้ดีกว่า เมย์ขอตัวลาก่อนก็แล้วกันนะคะ ”
“ เฮ้ยนั่นเธอแกล้งเรอะน่ะ…… ”
ฉันมันก็เป็นเด็กผู้ชายช่วงมัธยมปลายที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกันนะเฟ้ย
“ อ๊ะ แล้วก็นะคะ ข้อมูลคราวนี้มีส่วนที่ข้องเกี่ยวกับกรมตรวจสอบอยู่ด้วย ถ้าเกิดเรื่องที่หนูแอบเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรมตรวจสอบมาปล่อยให้รู้เกิดแตกขึ้นมามีหวังซวยแน่ๆ ฉะนั้นได้โปรดช่วยอุบเรื่องที่เมย์มาที่นี่ในวันนี้เอาไว้อย่าได้บอกใครทีนะคะ ”
พอพูดใส่อยู่ฝ่ายเดียวแล้ว เมย์ก็เดินฉับๆออกจากห้องไปเลย ช่างเป็นรุ่นน้องที่วุ่นวายประดุจไต้ฝุ่นจริงแฮะ
“ ให้ตาย ขอทีเหอะน่า……. ”
ก็ไม่รู้หรอกนะว่ากะเอาจริงไปถึงระดับไหน แต่ถ้าแกล้งกันแบบนั้นฉันก็กลุ้มตายกันพอดีสิ เออก็รู้ตัวดีอยู่หรอกว่าถ้าไปเทียบกับเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว อารมณ์ทางเพศของฉันเนี่ยมันจะดูน้อยแปลกๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หื่นเลยซักหน่อยนะเฟ้ย ฉันเองก็ขึ้นเป็นเหมือนกัน
และเป็นในจังหวะที่ฉันกะจะเปิดคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ภายในห้องขึ้นมาเล่นเน็ต เพื่อสงบอารมณ์ซะหน่อยอยู่นั่นเอง
ตึงตึงตึงตึงตึงตึงตึงตึง! เปรี้ยง!
“ พี่จ๋—-ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! ”
“ เหวยยย!? มีอะไรเรอะ!? ”
พอได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดังกระหึ่มปุ๊บ ประตูที่ดูเหมือนว่าจะลืมล็อกกลอนก็พลันถูกกระแทกเปิดออกอย่างรุนแรงราวกับโดนเป่ากระเด็น ทำซะหยั่งกะเป็นบ้านตัวเอง……ผู้ที่ก้าวเท้าฉับๆเข้ามาโดยไม่มีลังเลเลยซักนิดนั่นก็คือซากุระ ดวงตาที่กลมโตนั่นกำลังมอดไหม้ไปด้วยความโกรธกริ้ว ริมฝีปากที่สีเข้มมีชีวิตชีวาก็บิดงอแยกเขี้ยวหยั่งกับอสูรกาย ท่าทางดุร้ายหยั่งกับจะกระโจนเข้ามาขย้ำกันได้ทุกเมื่อแล้ว ปะ เป็นอะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น?
“ นังผู้หญิงนั่นมันมาที่นี่รึเปล่า!? ”
“ นะ นังผู้หญิงไหน? ”
“ ก็ต้องเป็นคุซึโนะฮะ คาเอเดะแหงอยู่แล้วสิยะ! ต่อให้รอเท่าไหร่ก็ไม่ยอมโผล่หัวมายังที่นัดหมายซักที ก็เลยนึกขึ้นได้แล้วรีบกลับมานี่แหละ! ”
“ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าทำไมถึงคิดว่ายัยนั่นจะมาที่นี่…….แต่ก็นะ คาเอเดะไม่ได้มาหรอก ”
ตรวจวินิจฉัยตามวาระเสร็จเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย ไม่มีเหตุผลให้คาเอเดะต้องมาที่นี่ซะหน่อย
“ นังจิ้งจอกตัวดีนั่น….! งั้นก็หมายความว่ามันเรียกฉันออกมาเพื่อแกล้งป่วนประสาทกันเล่นงั้นเหรอ? นังผู้หญิงคนนั้นมันนิสัยเสียมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วจริงๆเลย! คอยดูเถอะซักวันจะเอาให้หงาย…………….อื๋อ? ”
จู่ๆซากุระที่ระเบิดปลดปล่อยความโกรธเรื่องอะไรไม่รู้ที่มีต่อคาเอเดะ ก็พลันแน่นิ่งหยุดกึกลงไปอย่างกะทันหัน
แต่พอคิดแบบนั้นเท่านั้นแหละ จมูกอันเล็กแล้วก็แสนน่ารักของยัยนั่นพลันขยับดังฟุดฟิด
“ นี่….ห้องนี้น่ะ มันได้กลิ่นเหม็นสางผู้หญิงยังไงชอบกลรึเปล่า? แถมยังดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นด้วย ”
“ เอ๊ะ!? ”
ประสาทดมกลิ่นสุดเทพนั่นมันอิหยังวะ!? หรือว่านั่นคือศาสตร์วิชาที่ได้ติดตัวมาจากการฝึกรึไง!?
ฉันที่สับสนงงงวยนั้นถูกเมินสนิท ซากุระเริ่มต้นจากการเอาหน้าซุกลงไปกับที่นอน จากนั้นจึงเอาหน้าเข้ามาใกล้อกฉันพร้อมดมกลิ่นฟุดฟิดใหญ่ แล้วพอกระชากคอเสื้อฉันขึ้นมาทั้งๆอย่างนั้นปุ๊บ คุณหล่อนก็เบิกตาโพลงไล่บี้กดดันเข้ามาด้วยหน้าเคร่งว่ะครับ
“ ……….อย่าบอกนะ ในระหว่างที่ฉันละสายตาไปแค่แปปเดียวนี่ นายไปพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในห้องอีกแล้วเหรอ……..? ”
“ มะ ไม่ใช่! เข้าใจผิดแล้ว! ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยนะจ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!? ”
“ คายมาซะ! เอาใครเข้ามาแล้วทำอะไรกันน่ะบอกมาเลยเชียวนะยะไอ้เจ้าโรคจิต! ”
หลังจากนั้น
แม้ตัวฉันที่ทานทนนรกถูกล็อกข้อต่อนานกว่าหนึ่งชั่วโมง และประคองชีวิตไว้ได้ตลอดการสืบค้นร่องรอยทั่วห้องเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมง จะสามารถกลบเกลื่อนปกปิดเรื่องเมย์เอาไว้ได้ในที่สุด แต่ก็แน่นอนว่าตัวฉันที่น่วมเละเทะไปหมดทั้งกายใจนั้นถึงกับผล๊อยหลับในคาบเรียนวันต่อมาอยู่เรื่อยไม่พอ ยังไม่วายโดนอาจารย์โมโหใส่รัวๆอีกต่างหากแน่ะ
MANGA DISCUSSION