ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์! - ตอนที่ 44 น้องสาวของผมไม่เฮี้ยบขนาดนั้นหรอก (3)
- Home
- ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์!
- ตอนที่ 44 น้องสาวของผมไม่เฮี้ยบขนาดนั้นหรอก (3)
ผู้ที่วิ่งเข้ามาหาเพราะได้ยินเสียงอึกทึกครึมโครม ไม่ได้มีเพียงแค่โซยะคนเดียว
ข้างตัวโซยะมีนางุโมะอยู่ด้วย แล้วก็ไม่รู้ทำไมนางุโมะถึงกำลังหิ้วคาราสึมะที่ห่อเหี่ยวอ่อนระทวยเอาไว้อยู่ใต้โคนแขนอีกต่างหากนั่น
“ ……..ขุ่ก มันอะไรกันน่ะเพื่อนร่วมทีมพรรค์นั้น มีแต่เด็กน่ารักยิ่งกว่าที่ได้เห็นในเอกสารเต็มไปหมดเลยนี่นา นายนี่มันเลวที่สุดเลย ”
หลังจากเห็นทั้งสามที่กำลังวิ่งเข้ามาหาจากจุดที่อยู่ห่างออกไป ซากุระก็เอ่ยเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่สบอารมณ์ออกมา
“ เอ้ยเรื่องนั้นมันแค่บังเอิญเฉยๆ……ไม่ดิให้ว่าแล้ว มีคนน่ารักเยอะแล้วมันมีอะไรให้ต้องข้องใจด้วยเรอะ ”
“ แค่มีเด็กผู้หญิงน่ารักหลายๆคนมารุมล้อมอยู่รอบตัวผู้ใช้ความสามารถสุดโรคจิตแค่นั้น มันก็ฟังดูไม่ดีสุดๆแล้วย่ะ! ”
พอฉันที่นอนหมดสภาพกับพื้นอยู่อย่างนั้นถามออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงปุ๊บ ซากุระก็ยกเอาตรรกะแปลกๆอัดกลับมาใส่เฉย แต่ก็ไม่มีกะใจหลงเหลือจะแย้งกลับไปด้วยซ้ำ อยากจะกลายเป็นปุ๋ยไปทั้งๆแบบนี้จังเลยน้า…..เนี่ยฉันนอนแผ่หราหงายเก๋งอยู่แบบนี้หรอก ทว่า
“ ……..อื๋อ? โซยะ? ขึก! แย่แล้วซากุระ! รีบหลบเร็วเข้า! ”
นึกได้ถึงเรื่องที่โซยะมีเนตรมารฝันอยู่ในครอบครอง ฉันก็เลยกระโดดลุกพรวดขึ้นมาโดยพลัน
“ ถ้าโดนยัยนั่นมองหน้าเข้าแล้วจะย่ำแย่สุดๆเลย! เอาเป็นว่าใช้กางเกงในฉันปิดหน้าแอ๊กก!? ”
“ หนวกหู! ”
พอกำลังจะถอดเอากางเกงในมาพันปิดรอบหน้าซากุระเท่านั้นแหละ ข้อต่อฉันโดนบิดงอกลับด้านในบัดดล เจ็บข้อต่อจี๊ดไม่พอนี่ลามเจ็บแปล๊บไปยันหัวใจเลยด้วยโคตรเศร้า
“ ความสามารถตรวจสอบเชิงวิญญาณสุดจะสติแตกของยัยหนูตระกูลโซยะสินะ? ของพรรค์นั้น ถ้าจิตใจใสสะอาดไร้มลทินซะอย่างก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรอกย่ะ ”
ว่าแล้ว ซากุระที่หน้าแดงเล็กๆก็หันหน้าเข้าไปใส่พวกโซยะอย่างผ่าเผย
จิตใจใสสะอาดไร้มลทินนี่มัน…….เอ้ยแต่ก็เนอะ ถ้าเป็นซากุระละก็ย่อมต้องบริสุทธิ์ใสไร้เดียงสาระดับนั้นเป็นแน่แหงอยู่แล้วเนอะ
ในท้ายที่สุด แก๊งสามคนคือ โซยะ นางุโมะ และคาราสึมะที่อ่อนระทวยก็วิ่งมาถึงตัวพวกเรา
“ ค่อยยังชั่วหน่อยฟุรุยะคุง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไรสิ นะ……..ฟุเอ๊!? ”
จู่ๆโซยะก็ร้องเสียงหลงออกมาอย่างกะทันหัน แล้วจากนั้นก็นิ่งกึกอยู่กับที่ไปเฉย
โซยะจ้องเขม็งไปยังหน้าของซากุระตาไม่กระพริบ แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงมีแอบชำเลืองมองมาทางฉันเป็นพักๆอีกต่างหาก
ข้อมูลกามๆของซากุระที่มองเห็นได้ผ่านเนตรมารฝันมันช่างผ่องแผ้วไร้มลทินมากซะจนสับสนงุนงงเลยงั้นสินะ….พอฉันคิดแบบนั้นอยู่ ซากุระก็ก้าวฉับๆเข้าไปหาพวกโซยะ
“ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อฟุมิโดริ ซากุระ เป็นเจ้าหน้าที่กรมตรวจสอบที่ถูกส่งตัวมาเพื่อเฝ้าจับตาดูไอ้เจ้าโรคจิตนี่ แล้วก็เคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าหมอนี่มาตลอดจนถึงช่วงมัธยมต้นปีที่ 2 ด้วยค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะ ”
ซากุระก้มหัวนิดๆกล่าวทักทายกับพวกโซยะเรียบร้อย โดยที่ฉันไม่ต้องกล่าวแนะนำเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการทักทายที่ดูกดดันแปลกพิกลแฮะ โซยะที่โดนมองหน้าตรงแหน่วถึงกับตื่นกลัวสอดส่ายสายตาหนีไปมาใหญ่เลยนั่น
มันอะไรกันหว่า รู้สึกแปลกแยกอยู่พอควรหรอก แต่มันก็ไม่ใช่บรรยากาศแบบที่จะตีเนียนเข้าไปขอร่วมวงด้วยอีกคนได้เลยนี่สิ…..
“ อ่า…..จะว่าไปแล้วนางุโมะ ไอ้เจ้านั่นมันเป็นอะไรน่ะ ”
ฉันจึงหันไปคุยกับนางุโมะที่จับจ้องสังเกตร่างกายของซากุระ พร้อมพึมพำประมาณ “แข็งแกร่งมาก…..” อยู่นั่นแทน สงสัยมาตั้งแต่ตะกี้นี้แล้วไง ว่าทำไมคาราสึมะมันถึงได้อ่อนระทวยถูกจับหิ้วอยู่ใต้โคนแขนของนางุโมะแบบนั้นน่ะ เออก็รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกที่ช่วยสงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าซากุระให้ แต่พอเห็นคาราสึมะที่ปกติจะร่าเริงแข็งแรงในเชิงน่ากระทืบอยู่เสมอมาหงอยเหงาอยู่แบบนี้แล้วมันก็ชวนให้รู้สึกสยองยังไงชอบกลอะนะ
“ อีผู้หญิงโรคจิตนี่น่ะเรอะ? พอมีอะไรคล้ายๆดอกไม้ไฟสีดำถูกยิงขึ้นไประเบิดบนฟ้า มันก็สุขภาพเสียขึ้นมาอย่างกะทันหันเลยอะนะ ”
“ ไอ้ระยำคาราสึมะ! นี่เอ็งก็เข้าร่วมพิธีกรรมของไอ้พวกควายห้อง D นั่นด้วยเหรอฟะ! ”
แค่โอดครวญเพราะโดนสะท้อนคำสาปแช่งกลับเข้าตัวเท่านั้นเองเรอะ! ไม่น่าเสียแรงเป็นห่วงเลยว้อย!
“ อูววว……ก็แกไม่ยอมมอบคุณน้องสาวให้ฉันนี่นา….. ”
พาลไม่เข้าเรื่องโดยสมบูรณ์เลยนี่หว่า ตายไปซักพักเหอะ
“ อ่าแล้วก็ ”
ฝึบ
ซากุระที่ส่งสายตาอัดเข้าใส่โซยะมาตลอดจนถึงตอนนี้ พลันเดินเอาตัวแทรกเข้ามาขวางกลางอยู่ระหว่างฉันกับนางุโมะ
“ ดูพวกคุณจะสนิทสนมกับไอ้โรคจิตนี่พอสมควรเลยก็จริงหรอก….แต่มันจะดีเหรอคะ? ”
ซากุระที่หมุนไปยืนประจันหน้ากับพวกโซยะโดยหันหลังให้ฉัน พลันปล่อยเสียงที่แฝงไว้ด้วยหนามแหลมทิ่มแทงออกมา
“ เจ้านี่มันคือไอ้โรคจิตวิปริตที่มีความสามารถสุดน่ารังเกียจ ถูกกรมตรวจสอบเฝ้าเล็งหมายหัว แล้วก็กำลังถูกคนจากทั่วโรงเรียนจ้องมองด้วยแววตารังเกียจเดียดฉันท์ด้วยนะ? หากเป็นคนจิตปกติแล้วละก็ คงจะต้องมีคิดสลายทีมและตัดขาดเลิกเป็นเพื่อนกับมันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ? ”
………..เฮ้ยซากุระ นี่อย่าบอกนะว่า คำทักทายอันแสนจะอลังการบนแท่นนั่น มีเป้าหมายเพื่อทำให้ฉันโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบเรอะ….คงไม่พูดแบบนั้นหรอกใช่มั้ย? ตะ ต่อให้ยังไงแต่ก็คงไม่ได้เกลียดขี้หน้าฉันมากถึงขนาดนั้นหรอกเนอะ?
“ ……… ”
เท่านั้นแหละ โซยะที่สับสนประหม่ามาตลอดจนถึงตอนนี้ พลันกลับมาสงบนิ่งได้ในฉับพลัน
“ อื~ม ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ไม่ใช่แค่ฟุรุยะคุงคนเดียวซะหน่อย ตามเดิมแล้วพวกเรานี่ก็เป็นคล้ายๆกลุ่มคนที่ถูกรังเกียจไม่มีใครเอากันหมดเลยนั่นแหละนะ ”
โซยะชี้นิ้วไปยังตาของตัวเอง ตามด้วยหัวของคาราสึมะ
แล้วโซยะก็ก้าวกระชั้นชิดเข้าไปหาซากุระ ก่อนจะพูด
“ แล้วก็ ฟุรุยะคุงเขาพูดกับฉันด้วยล่ะ ว่าจะติดตามฉันไปด้วยทุกหนแห่งน่ะ มาจนป่านนี้แล้ว ฉันจะไม่เป็นฝ่ายแยกตัวออกห่างจากเขาไปเองหรอกนะ ”
ไม่รู้ว่าได้แรงบันดาลใจจากคำพูดของโซยะรึไง นางุโมะกับคาราสึมะก็เลยหันหน้าเข้าหาซากุระด้วย พร้อมกับ
“ ฟุรุยะเป็นผู้มีพระคุณของฉันนี่นะ ไม่มีทางถอยตัวออกห่างเพราะกะอีแค่นี้หรอกเว้ย ……แถมยังเป็นผู้กุมวิธีช่วยเสริมเพิ่มขนาดนมที่ในที่สุดก็หาเจอด้วย ”
“ หากปลีกตัวออกห่างจากฟุรุยะ ก็จะไม่ได้ยลสีหน้าตอนน้ำแตกอันสุดซาบซึ้งอีกน่ะสิ…..ยอมไม่ได้เป็นอันขาด…… ”
นางุโมะกับคาราสึมะก็เห็นพ้องตรงกันกับโซยะ ……..แต่ว่านะเว้ย โซยะอุตส่าห์พูดอะไรซึ้งๆให้ดีใจทั้งที พวกเอ็งก็หัดเอาอย่างเลือกคำดีๆบ้างสิฟะ
“ ขุ่ก……. ขู่ถึงขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลอะไรเลยเหรอ……. ทั้งที่นึกว่าตัวขัดขวางมีแค่นังจิ้งจอกนั่นคนเดียวแท้ๆ……. ”
พอซากุระพึมพำอะไรบางอย่างด้วยท่าทางเจ็บใจปุ๊บ
“ เอาเป็นว่านะ! หลังจากนี้ตอนตั้งทีมภายในโรงเรียนก็ระวังไว้ให้ดีๆเลยเชียวล่ะ อย่าได้ให้ไอ้เจ้าผู้ถือครองความสามารถสุดโรคจิตนั่นมันก่อเรื่องขึ้นมาเชียวนะยะ! ถ้าเกิดพลาดปล่อยให้มันใช้ความสามารถมั่วๆแล้วละก็…..ฉันจะกำจัดทิ้งทั้งทีมเลยคอยดู! ”
ซากุระก็ยกลังบรรจุข้าวของชิ้นสุดท้ายลงมาจากรถบรรทุกขนย้าย ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดหอพักเด็กผู้ชายไปอย่างปราดเปรียว
“ หะ เฮ้ยซากุระ! ถ้าเธอจะแกะลังจัดข้าวของละก็ ฉันจะร่วมช่วยด้วยอีกแรงนะ!? ”
“ ก็ถึงได้บอกไงล่ะว่าอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กๆน่ะ! กะอีแค่งานเล็กๆน้อยๆหลังย้ายบ้านแค่นี้ฉันทำคนเดียวได้หรอก! ”
โดนปฎิเสธอย่างเย็นชา ทำเอาฉันกลับมาซึมกะทือหมดอาลัยตายอยากอีกรอบเลย
อูวว ซากุระที่สุดจะขี้เหงาแล้วก็ขี้อ้อนคนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว…..
พอเศร้าหมองอยู่แบบนั้น โซยะก็เข้ามาวางมือลงกับไหล่ฉันด้วยหน้าตาที่ดูซีเรียสจริงจังยังไงชอบกล
“ นี่ฟุรุยะคุง……จะพูดยังไงดีล่ะ คือว่า……ระวังตัวเอาไว้เยอะๆหน่อยจะดีกว่านะ เอาเป็นว่า ไปซื้ออุปกรณ์ป้องกันอาชญากรรมทางวิญญาณกันเถอะนะ ”
อื๋อ? จะสื่อว่าให้ระวังการเฝ้าจับตาของซากุระเรอะ?
“ ไม่จำเป็นหรอกม้าง ไม่มีทางที่ฉันจะใช้ความสามารถมั่วๆอยู่แล้วด้วยอะนะ ”
ขอแค่ระวังหลีกเลี่ยงจากการบ้าคลั่งของนางุโมะให้ได้ก็เป็นพอ
“ คือมันไม่ใช่แบบนั้นสิ…… ”
พอโซยะแหงนมองขึ้นไปยังหอพักเด็กผู้ชายด้วยท่าทางอ้ำอึ้งยังไงชอบกลปุ๊บ ก็พลันมีเมลถูกส่งเข้ามายังสมาร์ทโฟนของฉัน
เมลจากคาเอเดะแฮะ
[สี่ทุ่มคืนนี้ มาที่ร้านกาแฟหน้าสถานีด้วยตัวคนเดียวซะ มีเรื่องจะคุยด้วย]
ร้านกาแฟนอกโรงเรียน ตัวคนเดียว
เมลจากคาเอเดะที่ถึงกับระบุชี้เฉพาะเอาไว้แบบนั้น มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าถูกเขียนขึ้นมาโดยคาดการณ์ถึงตัวตนของซากุระเอาไว้แล้ว…….
ไม่เว้นช่วงให้ได้พักหายใจเล้ย…..ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะส่งเมลตอบรับไปให้คาเอเดะ