ฉันที่เหม่อลอยโดยสมบูรณ์ตลอดจนการประชุมจบลง รีบทำการแฝงตัวเข้าไปในฝูงผู้คนเพื่อสลัดพวกโซยะ ก่อนจะพุ่งทะยานออกมานอกโรงยิม ไม่ใช่ว่าทนรับแววตาดูหมิ่นดูแคลนกับหยึยหยะแหยงที่อาบเข้ามาใส่จากรอบทิศไม่ได้หรอกนะ ฉันแค่อยากจะคุยกับซากุระให้ได้โดยเร็วมากที่สุดต่างหาก คุยกันแบบตัวต่อตัวน่ะ
(กรมตรวจสอบนี่…..มันยังไงกันน่ะยัยซากุระ…..มีที่ไหนกันละฟะการได้เจอกันอีกครั้งที่สุดจะบ้าบอพรรค์นี้น่ะ)
มีเรื่องที่อยากถามกองเป็นภูเขาเลากาเลย
แต่เพราะเวลาผ่านไปนานพอสมควรแล้วหลังจากที่ซากุระขึ้นมากล่าวคำทักทาย ทำให้ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน
ก็ไปถามที่ห้องพักครูมาแล้วหรอก แต่พวกอาจารย์ก็เอาแต่พูด “นี่เธอ คิดจะทำอะไรน่ะ?” พร้อมแสดงท่าทางหวาดระแวงให้เห็นเด่นชัด ไม่ได้ข้อมูลแบบเป็นชิ้นเป็นอันเลย โหดร้ายเกินไปแล้วว้อย คิดว่าฉันจะทำอะไรยัยนั่นน่ะ ……..ไล่ผีโดยทำให้น้ำแตกเรอะไง
ลองวิ่งวนไปทั่วโรงเรียนอยู่แบบนั้นซักพัก แต่ก็หาตัวซากุระไม่เจอเลยแม้แต่เงา แล้วพอหวนกลับมายังหอพักพลางคิดในใจว่าอย่าบอกนะปุ๊บ
(เหวย ขนของย้ายเข้ามาจริงๆด้วย!)
พบรถบรรทุกของบริษัทขนของย้ายบ้านจอดอยู่หน้าทางเข้าหอพัก
งี้แสดงว่า ซากุระอยู่ในห้องหมายเลข 407 เรอะ!?
ฉันแหงนมองขึ้นไปยังหอพักเด็กผู้ชายที่เห็นจนชินตา และเป็นในจังหวะที่กำลังจะวิ่งทะยานขึ้นไปตามขั้นบันไดนั่นเอง
“ เฮ้ย! ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! ”
จู่ๆก็ถูกเรียกชื่อ แล้วพอหันกลับไปมองปุ๊บ ก็มีหญิงสาวคนนึงเดินออกจากเงารถบรรทุก ก้าวฉับๆตรงดิ่งเข้ามาใกล้ทางนี้
ฉับพลันนั้น ฉันถึงกับสับสนดูไม่ออกอย่างแท้จริงเลยว่านั่นคือใครกันแน่
ทั้งที่ใกล้มากยิ่งกว่าตอนอยู่บนแท่นแท้ๆ ถึงแม้สารพัดอย่างจะเติบโตขึ้นมา แต่ก็ยังเป็นคนที่คุ้นหน้าไม่ผิดแน่แท้ๆ แต่กลับมองไม่ออกว่าเป็นใคร เพราะน้ำเสียงที่ถูกเธอคนนั้นเพ่งตรงเข้ามาใส่ กับสีหน้าที่ถูกเธอผู้นั้นปั้นเข้ามาใส่ มันช่างดูเหน็บแหนมไม่เป็นมิตรซะเหลือเกินนั่นเอง
“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฟุรุยะ ฮารุฮิสะ มาหาตรงตามที่ส่งเมลบอกไปเมื่อวานแล้วไงล่ะ ในฐานะผู้จับตานายน่ะนะ ”
ขั้วตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่มีอยู่ในหัว สไตล์การพูดก็ต่างกันสุดกู่เลย พอฟุมิโดริ ซากุระจ้องมองฉันอย่างตรงแหน่วด้วยดวงตาที่เหมือนมองสิ่งปฏิกูลแล้ว เธอคนนั้นก็พลันถ่มคำพูดออกมาว่าเช่นนั้น
มีเรื่องที่คิดอยากจะถามกองเป็นภูเขาเลากา
ที่ว่ากรมตรวจสอบนั่นมันหมายความว่ายังไงน่ะ เธอสังกัดอยู่ในที่แบบนั้นงั้นเรอะ? คำทักทายสุดอลังการเมื่อตะกี้ที่บอกว่ามาเฝ้าสังเกตการณ์นั่นมันอะไรกัน กินอาหารครบทุกหมู่รึเปล่า? รู้เกี่ยวกับเทคโนเบรคเกอร์ลึกไปถึงระดับไหน
แต่สิ่งที่หลุดออกจากปากของฉันมาเป็นอย่างแรกสุด กลับเป็นคำพูดแบบนี้
“ ปะ เป็นอะไรไปน่ะซากุระ……[ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ] นั่นมัน…ทำไมถึงเรียกกันแบบนั้นล่ะ? เมื่อก่อนเธอยังเรียกฉัน ว่าพี่จ๋าพี่จ๋าอยู่เลย…… ”
“ หาา? หยะแหยง ”
นึกว่าจะขาดใจตายซะแล้ว
“ ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ! เรื่องอะไรจะเรียกนายด้วยคำเรียกที่แสนน่าขยะแขยงแบบนั้นกันล่ะ!? ”
ไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้หงุดหงิดไม่พอใจมากถึงขนาดนั้น แต่ซากุระถึงกับยกไหล่ขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับว่าจะพุ่งเข้ามาขย้ำกัดกันเลยก็ไม่ปาน
“ แถมเป้าหมายต้องจับตาที่กำลังถูกสงสัยอยู่ด้วยข้อหาสุดจะหาดีไม่ได้อย่างนายน่ะ เรียกแค่ [ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ] แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วย่ะ! ฉันไม่เรียกนายด้วยหมายเลขก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว! ”
ขอถามจริงเลยนี่ยัยซากุระเป็นอะไรไปแล้วน่ะ…….วะ วัยต่อต้านเรอะ?
หรือว่าจะเป็นเพราะ….ดูจากวาจาคำพูดตอนนี้ กับคำทักทายตอนอยู่บนแท่นนั่นแล้ว นี่หรือว่าซากุระที่สังกัดอยู่ในกรมตรวจสอบจะรู้ลึกเกี่ยวกับเทคโนเบรคเกอร์มากพอสมควร ก็เลยแสดงท่าทางแบบนี้ออกมางั้นเรอะ…..? ถ้าใช่นี่ฉันคงต้องมีคิดพิจารณาจะฆ่าตัวตายแบบจริงๆจังๆหน่อยแล้วล่ะ
พอเห็นซากุระที่เปลี่ยนกลายเป็นคนหยาบคาบมากเกินรับไหวจนฉันอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่ ซากุระก็พลันหรี่ตาลงราวกับคิดจะว่าร้าย ก่อนจะ
“ ให้ว่าแล้ว นายไม่ได้เจียมกะลาหัวรู้จุดยืนตอนนี้ของตัวเองเลยรึไง? ฟังดีๆนะ? ตอนนี้นายน่ะ กำลังถูกจับตาเพราะเรื่องที่ว่ามีความสามารถไล่ผีแบบลวนลามทางเพศ—— ”
ตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ด
เป็นในตอนนั้นเอง ที่สมาร์ทโฟนของฉันส่งเสียงดังขึ้นขัดคำพูดของซากุระ แสดงให้ทราบว่ามีสายเข้า
“ ……..รับสิยะ ”
“ เอ๊ะ? เอ้ยช่างเหอะไม่ต้องสนมันหรอก ”
ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับการคุยกับซากุระเป็นอันดับหนึ่งไง
“ ก็บอกว่าให้รับยังไงล่ะ …….หรือว่าไง ที่โทรมานั่นคือคนที่จะยอมให้ฉันได้ยินบทสนทนาไม่ได้รึไง? ”
“ เอ้ยก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ….. ”
ฉันที่พ่ายให้กับแรงกดดันพิลึกของซากุระ พยันหยิบเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมา ชื่อที่ถูกแสดงอยู่ตรงนั้นก็คือ—–โคบายาชิ ว้อยแม่มเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องสนของแท้เลยนี่หว่า! ไปดูดนมแม่ซะไป๊ไอ้เวร!
“ ………ฮัลโหล ”
[ฟุรุยะ! ปลอดภัยเรอะ!?]
“ ห้ะ? ”
พอกดรับสายปุ๊บ ไอ้เจ้าโคบายาชิมันก็พ่นคำพูดรัวๆเป็นปืนกลมาด้วยท่าทางที่ดูโคตรจะแตกตื่นลนลานสุดขีด
[จะขอโทษก่อนล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน! ขอโทษจริงๆ! แต่ว่านะ? พวกเราเองก็ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเหมือนกันเว้ย!]
“ เอ้ย ใจเย็นๆก่อนดิ พูดอะไรของเอ็งน่ะไม่เห็นรู้เรื่องเลย อธิบายให้มันดีๆหน่อยสิเฮ้ย ”
ฉันใช้หางตาชำเลืองมองซากุระที่เงี่ยหูฟังอยู่ พร้อมกับยุโคบายาชิไปด้วย
[เอ้อก็คือว่า…..ตะกี้ฉันกะจะแกล้งเกรียนเล่นนิดหน่อย ก็เลยเอาตุ๊กตาฟางที่ใส่เส้นผมของเอ็งลงไปมาให้ทุกคนช่วยกันรุมเอาตะปูตอกให้ทั่วอะนะ……]
ทำแป๊ะอะไรของเอ็งวะไอ้ฉิบหาย! ให้ว่าแล้วทุกคนช่วยกันนี่มันยังไงกันว้อย! อย่าทิ้งฉันเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครคบอยู่คนเดียวเด้!
[ก็ไม่ได้ประกอบศาสตร์วิชาแบบเป็นชิ้นเป็นอันหรอก เลยคิดว่าอย่างน้อยก็คงจะทำให้ฟุรุยะปวดท้องขึ้นมานิดๆหน่อยๆแค่นั้นอะนะ…..แต่คือ เหมือนว่าความเกลียดชังของคนในโรงเรียนที่มีต่อเอ็งมันจะรุนแรงมากยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้น่ะสิ…….]
ห้ะ?
[ก็เลยมีจิตความคิดจำนวนมหาศาลของคนจากทั่วโรงเรียนไหลหลากมารวมกัน แล้วก็เกิดขึ้นมาเป็นพรายสาปแช่งระดับ สเกล 4 อะนะ……]
“ เกิดขึ้นมาแล้วอะนะ☆ บ้านพ่องเอ็งสิวะ! ไม่ใช่แฮมสเตอร์นะเฟ้ยที่เกิดแล้วจะไม่คิดอะไรอะ! ”
ให้ว่าแล้ว สเกล 4 นี่มันคือระดับเดียวกับชิกิงามิที่โซยะพลาดทำให้บ้าคลั่งตอนต้นฤดูกาลเลยไม่ใช่เรอะ? หรือก็คือกำลังมีตัวพรรค์นั้นพุ่งดิ่งเข้ามาใส่ฉันงั้นเหรอวะ!? ไม่ตลกนะเฟ้ย!
[แล้วทีนี้นะ เหมือนว่าความเกลียดชังที่มีต่อเอ็งเนี่ย มันจะมีแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือจากกลุ่มแฟนคลับมิซากิจัง แล้วก็กลุ่มแฟนคลับท่านคุซึโนะฮะอะนะ……ก็เลยแบบว่าคือ มี สเกล 4 สองตัวแหละ…..]
ที่เกิดขึ้นมาแม่มมีสองตัวเลยเรอะ!? เอ้ยก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่ใช่แฮมสเตอร์นะว้อย!
ถึงจะบ้ากันขนาดไหนแต่ก็ไม่น่าเล่นแรงขนาดนั้นมั้ง…..เป็นในจังหวะที่ฉันคิดว่าโคบายาชิมันอาจจะโทรมาอำกันเล่นอยู่นั่นเอง
——–โอ้ววววววว!
เหมือนกับว่าได้ยินเสียงร่ำร้องของอมนุษย์ที่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ดังก้องออกมาจากจุดที่อยู่ห่างออกไป
แถมยังเห็นได้ชัดเจนว่ามันกำลังรี่เข้ามาใกล้ทางนี้ด้วย
[ตะ แต่ว่า เอ็งไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเนอะ!? ก็ฟุรุยะเอ็ง มีข่าวลือว่าเอ็งเฉิดฉายสร้างวีรกรรมในสนามรบที่ สเกล 6 มันคลั่งอาละวาดนั่นด้วยนี่ แถมยังมีใบอนุญาตชั่วคราวด้วยนี่ ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเนอะ!?]
“ เป็นสิว้อยเป็นเต็มๆเลยแหละไอ้ฉิบหาย! พวกเอ็งจำเอาไว้เลยนะ! ”
ฉันกดวางสายของโคบายาชิ และเป็นในฉับพลันที่กำลังจะบอกให้ซากุระหนีอยู่นั่นเอง ที่มีเงาขนาดใหญ่ถูกฉายทอดลงมายังผืนดิน
[——–เจอตัวแล้ว]
“ เหวยย!? ”
สิ่งที่ชะเง้อหัวออกมาจากเงาของหอพักผู้ชายที่อยู่ข้างหลังซากุระ พร้อมจับจ้องมองต่ำลงมายังพวกเรา ก็คือผู้หญิงร่างยักษ์ที่ร่างกายประกอบสร้างขึ้นจากแก๊ส พรายสาปแช่งที่ราวกับว่าถูกสานสร้างขึ้นมาจากจิตคิดร้ายล้วนๆ ……ที่ดูหน้าตาคลับคล้ายคลับคลาเหมือนโซยะชอบกลนี่ เป็นผลกระทบจากความหมกมุ่นของไอ้พวกผู้ชายที่เป็นแฟนคลับโซยะงั้นเรอะ
พรายสาปแช่งรูปร่างเหมือนโซยะ พลันพุ่งทะยานเข้ามาใส่ทางนี้ด้วยความเร็วสูงสุดกู่เลย!
“ หนีเร็วเข้าซากุระ! ในระหว่างที่ฉันล่อมันเอาไว้นี่น่ะ! ”
ฉันวิ่งออกไปข้างหน้าราวกับจะเอาตัวปกป้องซากุระ ปลดกำไลออกแบบเกือบๆจะตามสัญชาติญาณ
ตามจริงแล้ว การใช้เทคโนเบรคเกอร์ต่อหน้าซากุระนี่มันเป็นทางเลือกที่ต่อให้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเลย
ถึงยังไงก็คงจะถูกรู้ไปเยอะแล้วด้วยนี่นะ ใช้ๆไปเหอะไม่เสียหายอะไรหรอก……มันทำใจให้เปลี่ยนมาคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะความสามารถนี้มันเฮงซวยห่วยแตกมากเกินไป แต่นอกจากพรายสาปแช่งมันจะเร็วมากๆแล้ว ยังว่ากันว่าหากผู้ใช้ศาสตร์ฝีมือไม่ดี มันอาจจะก่อความเสียหายกระจายไปรอบๆตัวเป้าหมายได้เลยอีกด้วย
ถ้าใช้ความสามารถต่อหน้าซากุระจริงๆแล้วถูกเกลียดมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก สภาพจิตของฉันคงได้ตายแหงแก๋เลยหรอก……แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ซากุระได้รับบาดเจ็บหลายเท่าตัว
“ ก็ฉัน เป็นพี่ของซากุระนี่นะ! ”
แผดเสียงคำรามราวกับปลุกปั่นให้กำลังใจตนเอง แต่เป็นในฉับพลันที่ฉันเพ่งสายตาค้นหาโพรงเสน่ห์กายิกสุขของพรายสาปแช่งที่ฉายอยู่ภายในการมองเห็นโหมดอมนุษย์นั่นเลย
“ ก็ถึงบอกไงยะ—— ”
พอคิดว่าได้ยินเสียงอันหงุดหงิดของซากุระดังก้องเข้ามาปุ๊บ
“ เอ๊ะ? ”
ร่างกายของฉัน ก็พลันล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับสูญเสียน้ำหนักทั้งมวล
“ ว่าฉันไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้วน่ะ! ”
“ อ๊อกก!? ”
ร่วงเอาหลังลงมากระแทกกับพื้นดิน และในฉับพลันที่ฉันสังเกตว่าตัวเองโดนเล่นงานเข้าโดยศาสตร์กระบวนท่าที่มีระดับความชำนาญสูงล้นสุดกู่ ซากุระที่เป็นตัวการโยนฉันปลิวกระเด็นไปกับมือก็กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับ สเกล 4 ด้วยสีหน้าสบายใจเฉิบ
สวบ!
ในพริบตาที่ซากุระเสียบแท่งโลหะซึ่งถูกพันรอบเอาไว้ด้วยยันต์ลงไปฝังอยู่กับพื้น ก็พลันมีกำแพงแสงปรากฎขึ้นมาขวางกลางระหว่างพวกเรากับพรายสาปแช่งเอาไว้ วิญญาณพยาบาทรูปร่างคล้ายโซยะพุ่งเข้ามากระแทกชนกับกำแพงในทันที แต่กำแพงมันกลับโก่งตัวยืดหยุ่นหยั่งกับแทรมโพลีน ก่อนจะ
“ ดูให้ดีๆซะล่ะ ฟุรุยะ ฮารุฮิสะ! ”
ในจังหวะเดียวกับที่ซากุระประสานอินส่งพลังวิญญาณเข้าไปในแท่งโลหะที่ปักอยู่กับพื้น พรายสาปแช่งก็ได้ถูกยิงส่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอันสูงลิ่ว และแล้วร่างกายนั้นก็ระเบิดกัมปนาทราวกับเป็นดอกไม้ไฟ สลายหายไป
“ สะท้อนคำสาปแช่ง….. ”
พอฉันตกตะลึงอยู่กับศาสตร์วิชาที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ซากุระก็พลันหันขวับมาทางนี้
“ ฮึ ฉันน่ะได้รับการสั่งสอนมาจากอาจารย์ที่เป็นอดีต 12 เซียนอัมพรเลยเชียวนะ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของกรมตรวจสอบที่ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องดำเนินศึกเชิงวิญญาณกับคนด้วยกันแล้ว กะอีแค่สะท้อนคำสาปแช่งระดับนั้น ฉันย่อมต้องทำได้แหงอยู่แล้วสิยะ ”
สีหน้าที่ดูโอ้อวดอย่างภาคภูมินั่น เริ่มจะเผยเค้าลางที่คล้ายกับตอนเป็นเด็กๆให้เห็นได้นิดหน่อย
“ ตามจริงแล้วผู้ปราบมารที่งัดเอาตุ๊กตาฟางออกมาใช้นี่จะต้องถูกลงทัณฑ์ก็จริงหรอก เอ้อแต่เพราะสะท้อนคำสาปแช่งเมื่อกี้ ป่านนี้เจ้าพวกที่มีส่วนร่วมร่ายคำสาปด้วยก็คงจะป่วยสุขภาพเสียกันนิดหน่อยหมดแล้วละมั้ง คราวนี้จะถือว่าเป็นอุบัติเหตุแล้วช่วยมองข้ามให้ก็แล้วกัน ”
ทว่า เป็นในจังหวะที่ซากุระดึงแท่งโลหะออกมาจากดินนั่นเอง
[——–เจอตัวแล้ว]
“ ขึก! ซากุระ! อันตราย! ”
ข้างหลังของซากุระ พลันมีพรายสาปแช่งตัวที่สอง—-คราวนี้รูปร่างเหมือนคาเอเดะ—-แอบย่องกระชั้นชิดเข้ามาใกล้ ต่างกับตัวเมื่อกี้ คราวนี้มีขนาดเท่ามนุษย์ธรรมดา ฉะนั้นก็เลยสังเกตถึงการเข้ามาใกล้ของมันได้ล่าช้า
ซากุระใช้สะท้อนคำสาปแช่งไม่ทันแน่ ตัวฉันที่พบเจอโพรงเสน่ห์กายิกสุขอยู่ตรงบริเวณอกของพรายสาปแช่งจึงผลักซากุระออกไป ก่อนจะกระแทกกระทั้นอัดเทคโนเบรคเกอร์เข้าใส่พรายสาปแช่งรูปร่างคล้ายคาเอเดะที่กำลังยื่นมือตรงเข้ามา
[——–อึ้ก!?!?]
ใบหน้าที่ดูจะสวยได้ทรงเกินกว่าที่จะเป็นพรายสาปแช่งนั่นพลันบิดเบี้ยวไปด้วยความตกตะลึง……และในท้ายที่สุดก็เยิ้มละลายจนไม่เหลือเค้า
[………โอ๊ะ!?❤ อ๊อวววว!?!?!?❤ ฮิ๊!?❤ โอะโฮะ!?❤]
พรายสาปแช่งรูปร่างคล้ายคาเอเดะสั่นร่างกายหงึกหงักไปพลางหอบหายใจอย่างรุนแรง จากนั้นจึงเอาสองมือกดไปตรงระหว่างขาราวกับกำลังกลั้นฉี่ ร่ำร้อง [โอ๊ะ!?!?❤ อ๊อววว!?❤] พลางเกร็งร่างพยายามสะกดคลื่นที่เดือดพล่านถาโถมเข้ามาจากลึกๆภายในร่างกายตัวเองอยู่หลายวินาทีก็จริง แต่ก็เป็นได้แค่การต่อต้านอันเสียแรงเปล่า
พุซ่าาาาาาาาาา!
หลังจากแผดเสียงร้องเสียวซ่านอย่างบัดสีน่าละอายราวกับสัตว์เดียรัจฉาน พรายสาปแช่งรูปร่างคล้ายคาเอเดะก็เสร็จไปถึงสวรรค์ พอระหว่างขาของคุณหล่อนที่กางขาหยั่งกับปูอยู่กลางอากาศสั่นกระตุกกักกักทีนึง ก็จะมีมวลน้ำไหลหลากมหาศาลถูกปล่อยสาดลงมาดัง ปรู๊ด! ปรู๊ด! ไปพร้อมกัน ทำเอาสงสัยอยู่เรื่อยเลยว่าไปเอาน้ำมาจากไหนกัน แต่ในฉับพลันเดียวกับที่ร่างของพรายสาปแช่งระเหิดหายไป ของเหลวลึกลับมันก็มลายหายตามไปด้วย…….เอ้ย ถึงอีกฝั่งจะรูปร่างเหมือนคาเอเดะก็เหอะ แต่นี่มันใช่เวลามาจ้องสังเกตการณ์อย่างละเอียดถี่ยิบซะที่ไหนกันละฟะ!
“ ไม่เป็นไรนะซากุระ! บาดเจ็บตรง——อ้อก!? ”
ในพริบตาที่วิ่งเข้าไปใกล้ซากุระนั่นเอง
ร่างกายฉันก็หมุนติ้วกลางอากาศอย่างสวยงามรอบนึง ก่อนจะถูกส่งลงมาเอาหลังกระแทกพื้นอย่างจัง ต่างกับการโยนเมื่อตะกี้ คราวนี้โดนจับทุ่มข้ามไหล่แบบเน้นๆ พอขยับเขยื้อนไม่ได้เนื่องจากผลของแรงกระแทกที่เสียดแทงไปทั่วร่างอยู่
“ นะ นะนะ นะ ”
ซากุระที่ร่างกายสั่นริกๆไปหมด แถมใบหน้ายังแดงแจ๋หยั่งกับปลาหมึกต้มพลันมองต่ำลงมาหาฉันด้วยสีหน้าแบบน้ำตาคลอเบ้า อะ อะไรเป็นอะไร!? ทำไมถึงเช็ดมือสองข้างอย่างรุนแรงขนาดนั้นล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะแตะตัวฉันในตอนที่ทุ่มข้ามไหล่…….เฮ้ยไม่จริงหรอกใช่มั้ย!?
“ พะ เพราะเห็นเป็นโอกาสดี ก็เลยปล่อยให้นายจัดการกับตัวที่สองเพื่อจะได้ดูความสามารถหรอก……ตะ แต่นั่นมันอะไรกันน่ะ! ”
เอ๊ะ?
“ ไม่ใช่อย่างที่ลือกันแล้ว! ยิ่งกว่าที่ลือกันอีก…..มันอะไรน่ะไอ้เจ้านั่น!? ไม่อยากจะเชื่อเลย! ”
อะ อ้าว? นี่หรือว่าซากุระ ไม่ได้รู้ไปถึงรายละเอียดของเทคโนเบรคเกอร์….หรอกเรอะ?
ครืดดด! ซากุระเอามือโอบรอบร่างตัวเองราวกับป้องกันตัวพร้อมถอยหลังกรูดด้วยความเร็วสุดกู่ พร้อมกับมองต่ำลงมายังฉันด้วยแววตาหยั่งกับมองหอยทากที่โดนเหยียบร่างเละ
“ สะ ซากุระ……ไม่ใช่นะ เธอเข้าใจผิด……. ”
ขนาดตัวเองก็งงเหมือนกันว่าเข้าใจผิดตรงไหนยังไง แต่ฉันก็ยืดมือออกไปเพราะทนถูกซากุระมองด้วยแววตาแบบนั้นไม่ได้ ทว่าซากุระกลับแผดร้อง “อย่าเข้ามาใกล้นะ!” พร้อมเตะมือฉันกระเด็น
“ สมัยก่อนนายพูดว่าจะเป็นผู้ปราบมารแบบพ่ออยู่บ่อยๆก็จริงหรอก แค่ใครจะไปคิดกัน ใครจะคิดกันว่าจะกลายเป็นผู้ปราบมารที่โรคจิตมากยิ่งกว่าพ่อซะอีกแบบนี้! ”
โรคจิตยิ่งกว่าไอ้พ่อเวรนั่นอีก…..งั้นเรอะ!?
“ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…… ถ้าปล่อยคนอย่างนายให้ลอยนวลต่อไปละก็อย่าว่าแต่สมาคมจะเสียเครดิตเลย บ้านของพวกเรามีหวังถูกมองด้วยแววตาแปลกๆไม่เข้าเรื่องมากไปยิ่งกว่านี้แน่…..! ฉันจะรายงานให้สมาคมรับทราบทุกกระเบียดนิ้วและจะเฝ้าจับตาดูอย่างถี่ถ้วนเลยเชียวล่ะ เตรียมใจเอาไว้ซะเถอะย่ะไอ้เจ้าโรคจิต!! ”
“ ……..ขั่ก ”
ภายในหัวของฉันที่โดนซากุระด่าทอเสียๆหายๆ กำลังมีภาพความทรงจำในวันวานที่อยู่ร่วมกับซากุระแล่นผ่านเข้ามาอยู่
ซากุระที่ยอมแบ่งของกินสุดโปรดของตัวเองมาให้ฉัน… ซากุระที่วาดรูปพิธีแต่งงานพร้อมพูด [คุณพ่อเป็นคุณบาทหลวง ส่วนพี่จ๋าก็เป็นคุณสามี]… ซากุระที่บ้าบิ่นเข้าทะเลาะวิวาทกับคาเอเดะ แล้วก็ร้องไห้น้ำตานองมาให้ฉันช่วยปลอบ…….นี่มันภาพก่อนตายชัดๆ
หึ หึหึหึ…..ปกป้องน้องสาวสุดน่ารักคนนี้เอาไว้ได้แล้วนะเว้ย…..แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เรอะ……ถึงซากุระจะพูดทำนองต่อให้ไม่เข้าไปช่วยก็ยังสบายๆอยู่ดีก็เหอะนะ……
“ ฟุรุยะคุง เป็นอะไรรึเปล่า!? ได้ยินว่าถูกพรายสาปแช่ง สเกล 4 จ้องเล่นงานอยู่ใช่มั้ย! ”
คงจะได้ยินเสียงอึกทึกครึมโครมเข้าละมั้ง ก็เลยมีเสียงของโซยะดังก้องมาจากจุดที่อยู่ห่างออกไป แต่ฉันก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นมาส่งเสียงตอบกลับเลยด้วยซ้ำ
เป็นสิเป็นเต็มๆเลยแหละ…….โดยเฉพาะตรงสภาพจิตเนี่ยใกล้ตายเต็มทีละ…….
MANGA DISCUSSION