วันถัดมาหลังจากที่ซวยเหลือหลายเพราะนางุโมะกับคาเอเดะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าโดนผลกระทบจากเทคโนเบรคเกอร์เข้าไป หรือยัยคาเอเดะทำอะไรรึไง
นางุโมะก็เลยขาดเรียนซะตั้งแต่วันที่สองหลังจากย้ายเข้ามา ถึงพูดแบบนี้มันจะไม่ดีก็เหอะ แต่ฉันเนี่ยมีแอบโล่งใจนิดๆเลย
ก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่เรอะ……ไม่รู้เลยเนี่ยว่าควรจะมองหน้ายัยนั่นยังไงดี……..
แต่ถึงงั้นก็เป็นห่วงอาการของนางุโมะอยู่เหมือนกัน เลยว่าจะไปหาของเยี่ยมไข้ดีๆ แล้วขอให้เด็กผู้หญิงในห้อง D (ยกเว้นไอ้คาราสึมะ) ที่มีไม่กี่คนให้ช่วยไปเยี่ยมดูอาการทีอะนะ และเป็นในจังหวะที่ฉันอาศัยจังหวะช่วงพักเบรคระหว่างคาบเรียน เดินมุ่งหน้าจะไปซื้อของอยู่นั่นเอง
“ อ๊ะ ฟุรุยะคุง! มาได้เหมาะเหม็งเลย! ”
ที่โซยะผู้แสนร่าเริงสดใสพลันวิ่งตรงเข้ามาหาจากอีกฝั่งของทางเดิน
“ ฉันเลือกคดีส่อเค้าโรคจิตที่เราจะไล่สืบเป็นงานถัดไปได้พอดีเลยล่ะนะ ”
“ งานถัดไปนี่…….ไม่ใช่ว่าจะเลือกแต่งานพื้นๆระมัดระวังไปซักพักหรอกเรอะ? ”
เอ้อแต่ถ้ามีงานก็จะทำให้เลี่ยงการเรียนเสริมกับนางุโมะได้ละนะ ถือว่าดีสำหรับฉันอยู่หรอก
พอลองถามออกไปพลางสับสนกับโซยะที่หน้าบานซะจนอาการซึมหงอยเมื่อวานซืนหยั่งกับเป็นเรื่องโกหก โซยะก็พลันหัวเราะ “หึหึหึ” พร้อมปั้นรอยยิ้มอันแสนภาคภูมิขึ้นมา
“ เมื่อตะกี้นี้นะ ฉันเผอิญไปเจอคดีที่เหมาะเหม็งสุดๆเข้าให้น่ะ นี่ไงล่ะ ”
โซยะว่าพร้อมส่งสมาร์ทโฟนมาให้ ที่ถูกแสดงอยู่บนนั้น ก็คือบทความจากเว็บข่าวแห่งนึง
มีพาดหัวพิลึกที่กำกับว่า [ไคอิแห่งความยุติธรรมปรากฎกาย!?] ถูกแปะอยู่ด้วยตัวอักษรใหญ่ๆ
“ ไคอิแห่งความยุติธรรม……? ”
พอลองเลื่อนอ่านบทความ ก็ดูเหมือนว่าในตอนนี้จะกำลังมีไคอิประเภทลอบทำร้ายผู้คนแบบเดียวกับสาวนมหลีก ปรากฎตัวขึ้นมาอยู่ทั่วภูมิภาคคันโตเลยแน่ะ
ส่วนเกี่ยวกับว่าทำไมไคอิตนนั้นจึงถูกยกย่องชื่นชมว่าเป็นความยุติธรรมนี่ ก็มีเหตุผลมาจากฝั่งผู้เสียหาย
“ จะเลือกจู่โจมเฉพาะแค่โลลิค่อนอย่างเดียวนี่……..มันไคอิแบบไหนกันฟะน่ะ ”
จำนวนผู้เสียหายเท่าที่ยืนยันได้ในตอนนี้มีทั้งหมด 30 คน โดยแบ่งออกเป็น บาดเจ็บเล็กน้อย 10 คน และบาดเจ็บสาหัส 20 คน
และเนื่องจาก 18 คนในหมู่นั้นต่างก็พกนิตยสารโลลิแบบสุดกู่เกินรับไหวอยู่กับตัวในตอนที่ถูกจู่โจม ก็เลยทำให้ตัวตนของไคอิที่จ้องหมายหัวเล่นงานเฉพาะแต่โลลิค่อนมันโดดเด่นขึ้นมาน่ะ
บทความทำการจัดเรียงข้อมูลเท่าที่ทราบในตอนนี้ให้อ่านได้อย่างง่ายๆ แต่กลับมีปิดท้ายเช่นนี้เอาไว้ในตอนท้ายสุด
[——-ในตอนนี้ สมาคมผู้ปราบมารที่รับงานต่อจากกรมตำรวจกำลังวางมาตรการรับมืออยู่ครับ แต่ก็มีนักวิชาการบางส่วนให้ความเห็นว่า “ให้ว่ากันแล้วผู้ที่ผิดแต่แรกเริ่มก็คือกลุ่มคนที่มีรสนิยมรักชอบเด็กเล็กๆในแบบที่สร้างความกังวลใจให้กับคนรุ่นพ่อแม่ ไคอิตนนี้มีส่วนร่วมช่วยเหลือในการกำจัดคนเหล่านั้นให้ ฉะนั้นแนวทางของสมาคมที่คิดจะจู่โจมไคอิตนนี้ฝ่ายเดียวนี่นับว่าเป็นอะไรที่เหมาะสมแล้วจริงหรือ” อยู่ด้วยเช่นกัน]
เอ้ยไอ้เจ้านักวิชาการพวกนั้นมันไม่มีสามัญสำนึกกันเรอะ? โลลิค่อนที่โดนไคอิทำร้ายนั่นก็เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอาชญากรที่ลงไม้ลงมือกับเด็กจริงๆซะหน่อยนะ
ถึงจะมีคำด่าของผู้คนที่เหมือนว่าจะคิดแบบเดียวกับฉันกระจายอยู่เต็มช่องคอมเม้นไปหมด แต่ภายในนั้นก็มีเสียงแบบ “สมน้ำหน้าไอ้พวกโลลิค่อน55555+” , “สู้ๆนะครับคุณนักฆ่าโลลิค่อน!” , “ตั้งชื่อที่ฟังดูเท่กว่านั้นให้กันเหอะ โลลิค่อนสเลเยอร์นี่เป็นไง?” , “โลลิค่อนสเลเยอร์จงเจริญ!” ……ถูกปะปนอยู่พอสมควรเลยด้วยเหมือนกัน
“ ……..งี้นี่เอง [ไคอิน่าปวดหัว] ที่คาเอเดะพูดถึงมันคือไอ้เจ้านี่เองเรอะ ”
ไม่รู้แน่ชัดก็จริง แต่คงไม่ผิดพลาดแน่ๆล่ะ
ไคอิคือปรากฎการณ์ที่มนุษย์ซึ่งถูกกลินกินโดยปมในใจหรือความแค้นความเศร้า แปลงสภาพกลายเป็นวิญญาณร้ายทั้งๆที่ยังมีชีวิต เนื่องด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีไคอิประเภทล้างแค้น หรือไคอิประเภทจอมโจรคุณธรรมปรากฎขึ้นมาไม่น้อยเลยเหมือนกัน และในบางครั้งไคอิเหล่านั้นก็จะกระทำการในสิ่งที่ตรงใจของประชาชน ทำให้สมาคมซึ่งคิดจะกำจัดไคอิทิ้งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเลยทีเดียว
เจ้าโลลิค่อนสเลเยอร์นี่ก็เข้าข่ายอยู่ในหมวดนั้นเช่นกัน เท่าที่ดูในช่องคอมเม้นแล้ว ก็มีความเห็นทำนอง… ถ้าเป็นโลลิค่อนก็สมควรโดนทำร้ายแล้ว ให้ว่าแล้วควรถูกล่าเด็ดหัวแบบจริงๆจังๆกว่านี้อีก…อะไรทำนองนั้นอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน ก็อยากจะเชื่อว่าเป็นแค่คนกลุ่มน้อยที่เสียงดังหรอกนะ แต่ความดังของเสียงนี่มันก็เป็นอะไรที่ชวนให้ปวดหัวใช่เล่นเลยแฮะ
“ …….นี่ ฟุรุยะคุง คาเอเดะที่ว่าตะกี้ หมายถึงคุณคุซึโนะฮะเหรอ? คนตระกูลจิ้งจอกแปลงโฉมน่ะ ”
เป็นในจังหวะที่ฉันกำลังครุ่นคิดถึงความน่ารำคาญของไคอิที่ชื่อโลลิค่อนสเลเยอร์อยู่นั่นเอง
“ แสดงว่าคุยกันอยู่บ่อยๆเป็นปกติเลยเหรอ? ”
ไม่รู้ทำไมโซยะถึงถามอะไรพิลึกๆเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงเฉยเลย
“ อ๊ะ จะว่าไปแล้วยังไม่เคยบอกหรอกเรอะ คาเอ—-รุ่นพี่คุซึโนะฮะเค้าช่วยปรับซ่อมผนึกของเทคโนเบรคเกอร์ให้ฉันอยู่น่ะ เพราะรู้จักคุ้นหน้ากับคนตระกูลคุซึโนะฮะมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ก็เลยสนิทกันระดับนึง ”
เกือบจะเรียกชื่อห้วนๆแล้ว แต่ก็นึกถึงตอนที่โดนต่อยท้องพร้อมถูกกำชับว่าอย่าเรียกชื่อห้วนๆต่อหน้าคนอื่นขึ้นมาได้ ฉันจึงเปลี่ยนคำเรียกกลางคัน
“ ………….หื~ม งั้นเหรอ…….ตั้งแต่เด็กๆ ”
“ ? เฮ้ย สีหน้าเธอออกจะมืดมนยังไงชอบกลนะนั่น ไม่สบายตรงไหนรึเปล่าน่ะ? ”
“ จู่ๆก็รู้สึกเจ็บตรงบริเวณท้องน้อยขึ้นมา……ทำไมกันนะ กินข้าวเช้ามากเกินไปรึเปล่านะ? ”
โซยะทำสีหน้าแปลกใจจริงๆเลยขึ้นมา เฮ้ยๆ ไหวมั้ยนั่น
“ จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้เธอก็มีอาการแปลกๆในโรงพยาบาลด้วยนี่? ที่จู่ๆก็หน้าแดงนั่นน่ะ ไปติดโรคทางวิญญาณแบบพิลึกๆมารึเปล่า? ที่โรงพยาบาลมีอะไรพรรค์นั้นอยู่เยอะเลยด้วยนี่นะ ”
“ อูวว อาจใช่ก็ได้แฮะ ตั้งแต่ตอนในโรงพยาบาลครั้งนั้นมาก็มีรู้สึกแปลกเป็นพักๆเลยด้วย แถมคุณหมอก็บอกว่าไม่ได้ผิดปกติอะไรอีก ไปให้คุณผู้ปราบมารช่วยตรวจอาการให้ชัดๆดีกว่า…… ”
พอคุยกันแบบนั้นแล้ว โซยะก็พลันเงยหน้าขึ้นพร้อมร้อง “ห้ะ!” ก่อนจะทำตัวกระฉับกระเฉงขึ้นมาโดยพลัน
“ ไม่ใช่สิไม่ใช่! ไม่ได้จะพูดเรื่องนี้สิ งานต่างหากล่ะ! งาน! ”
เฮ้ยอย่าฝืนมากเลยจะดีกว่าน่า……กะจะพูดแบบนั้นหรอกแต่โซยะก็ดันชิงแย่งเอาสมาร์ทโฟนกลับไปก่อน แล้วจึงแสดงอีกหน้าจอนึงให้เห็น พอมองดูแล้วก็พบว่าเป็นฐานข้อมูลของสมาคมที่แอคเซสเข้าได้ผ่านใบอนุญาตชั่วคราวที่จวนเจียนจะถูกเพิกถอนอยู่แล้ว
“ เพราะโลลิค่อนสเลเยอร์มันมีพิสัยที่จะปรากฎตัวกว้างมากเกินไป เลยดูเหมือนว่าเค้าจะขอความร่วมมืออย่างกว้างขวางมาจนถึงผู้ปราบมารที่มีแค่ใบอนุญาตชั่วคราวด้วยเลยน่ะ ระดับสเกลที่คาดการณ์ก็คือ 5! เป็นคดีพิลึกพิลั่นที่อาจจะข้องเกี่ยวกับโบราณวัตถุแห่งตัณหา แถมถ้าคลี่คลายได้ขึ้นมาละก็จะรอดพ้นจากวิกฤติส่อแววถูกเพิกถอนใบอนุญาตชั่วคราวได้ในเปรี้ยงเดียวเลยด้วย ถ้าจะไล่สืบก็ต้องเป็นคดีนี้เท่านั้นแล้วนะ! ”
โซยะให้คำขาดพร้อมส่งเสียงฮึ่ยฮึ่ยอย่างฮึกเหิมมีกะจิตกะใจ
“ ถึงงั้นก็เหอะนะ แต่พิสัยการปรากฎตัวมันครอบคลุมไปทั่วภูมิภาคคันโตเลยเชียวนะเฟ้ย? แค่ในเมืองชิโนโนเมะอย่างเดียวก็ทำเอายุ่งกันหัวหมุนแล้วแท้ๆ เล่นกว้างขนาดนี้สุดท้ายก็คงเหนื่อยเปล่าฟรีๆอยู่ดีแหละมั้ง? ”
“ จิ๊จิ๊จิ๊ อ่อนหัดจริงนะฟุรุยะคุง คราวนี้เราจะไม่ลาดตระเวนแบบมั่วๆหรอกจ้า ”
โซยะยกนิ้วชี้ที่ชูขึ้นมาอย่างจงใจให้ตรงมายังตาของตัวเอง
“ โลลิค่อนสเลเยอร์จะจ้องเล่นงานโลลิค่อนใช่มั้ยล่ะ? และความสามารถของฉันก็คือ……. ”
“ อ๊ะ งั้นเรอะ งี้นี่เองนะ ”
พอเห็นตาของโซยะ——กล่าวคือเนตรมารฝันแล้ว ไอ้ฉันก็พอจะคาดเดาแผนที่ยัยนี่คิดขึ้นมาได้
“ ถ้างั้นก็ เริ่มลงมือกันตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้เลยนะ ฝากบอกอาโอยจังด้วยนะ! ”
ว่าแล้ว โซยะก็วิ่งกลับไปห้อง B ด้วยท่าทางอารมณ์ดีแหละ
แผนที่โซยะคิดขึ้นมา เป็นสไตล์ที่เน้นอยู่กับการดักซุ่มแบบสถานเดียวเลย
รายละเอียดคร่าวๆของแผนการก็คือ เอาเนตรมารฝันที่เปิดโปงข้อมูลกามๆทุกรูปแบบได้เพียงมองเห็นหน้า มาใช้สืบตามหาโลลิค่อนแบบเที่ยงแท้ตัวจริงเสียงจริงซะ ถ้าเจอแล้วก็คอยตามป้องกันโดยพลการ (พูดในอีกแง่นึงก็คือสตอล์กกิ้ง) ไปจนกว่าที่เป้าหมายจะถูกโลลิค่อนสเลเยอร์ลอบทำร้ายน่ะ—-[ไล่ล่าตามหาโลลิค่อนนี่มันต่างกับตอนไล่ล่าตามหาคนนมเล็กตรงที่ไม่ต้องผลาญพลังวิญญาณเลยด้วย ฉะนั้นเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่จริงๆเลยนะ!] …..เนี่ยโซยะคุยโวไว้ว่างี้
เพราะงั้นแหละพวกเราเลยขึ้นรถไฟจากโรงเรียนปราบมาร มุ่งหน้ามายังสถานีฮารุงาฮาระที่ว่ากันว่ามีร้านค้าสำหรับคอโลลิอยู่เยอะ
เนื่องจากวันนี้จะทำตัวเด่นสะดุดตามากไม่ได้ เราทุกคนรวมถึงคาราสึมะก็เลยมาในชุดลำลองแบบพื้นๆกัน เอ้อแต่ทั้งโซยะทั้งคาราสึมะก็หน้าตาดีสวยกันสุดๆ ฉะนั้นต่อให้ถึงยังไงก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากพอสมควรอยู่ดีแหละนะ
ในระหว่างที่โซยะมองซ้ายมองขวาไปตามถนนที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนเพื่อตามหาโลลิค่อนของแท้ คาราสึมะที่เหมือนว่างไม่มีอะไรทำก็พลันพึมพำออกมา
“ ว่าก็ว่าเถอะ แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าเสน่ห์ของโลลิอะไรนี่ได้เลย ”
“ เห? ผิดคาดแฮะ ”
ฉันก็ว่างเหมือนกันเลยตอบกลับไป แต่แล้วไม่รู้ทำไมคาราสึมะมันถึงทำปากจู่อย่างขุ่นเคืองใจเฉย
“ ผิดคาดนั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน แกคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรกันน่ะ ”
อสูรกายในคราบสาวงาม อวัยวะเพศชายที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคน ไอ้โรคจิตวิปริตไร้เกียรติยศสุดน่าหยะแหยง
“ ให้ว่าแล้วก็คือนึกว่าเอ็งจะชอบเด็กผู้หญิงทุกแบบทุกประเภททั้งหมดเลยไง แต่ไม่ใช่หรอกเรอะ? ”
“ เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆก็มีจุดที่น่ารักยิ่งอยู่หรอกนะ แต่จะว่าอย่างไรดีล่ะ…..มันเป็นความน่ารักที่ใกล้เคียงกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆมากกว่ากระมัง กล่าวคือเป็นความน่ารักที่ไม่ชวนให้องคชาติในใจฉันมันไฟติดลุกโชนกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเลยอย่างไรล่ะ ”
“ อ่อ….เอ้อก็พอจะเข้าใจอยู่เหมือนกันนะ ”
คำบรรยายของคาราสึมะแม่มโคตรระยำตำบอนเลยก็จริง แต่ก็เข้าใจที่อยากจะสื่ออยู่
“ โดยเฉพาะถ้ามีน้องสาวด้วยนี่จะยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลยเนาะ อย่าว่าแต่โลลิเลย พาลจะมองเห็นสาวที่อายุน้อยกว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวเล็กจิ๋วไปกันหมดด้วยซ้ำ ”
“ อ้าว? ฟุรุยะคุงมีน้องสาวด้วยเหรอ? ”
สงสัยจะเหงาเพราะเข้าร่วมบทสนทนานี้ไม่ได้ละมั้ง โซยะก็เลยพูดเปลี่ยนหัวข้อคุยพลางกวาดสายตาไปรอบถนน
“ อ่าก็ไม่หรอก ถึงจะเรียกว่าน้องสาวแต่จริงๆแล้วก็แค่อาศัยอยู่ในมูลนิธิเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นน้องแท้ๆสายเลือดเดียวกันอะไรแบบนั้นหรอก เกิดปีเดียวกันด้วยอีกตะหาก อารมณ์ประมาณคนที่คล้ายๆน้องสาวงั้นละมั้งนะ แค่มีคนที่มีความสัมพันธ์แบบนั้นอยู่คนนึงเท่านั้นแหละ ”
กึก
ไหล่ของโซยะที่เฝ้าจ้องมองไปทั่วถนนหนทางตลอดจนถึงตอนนี้พลันสะดุ้งลอย ก่อนที่คุณหล่อนแกจะหันขวับมองมาทางฉันอย่างกะทันหัน
“ เห~ แสดงว่ารู้จักกับเธอคนนั้นมาตั้งแต่เด็กเหมือนคุณคุซึโนะฮะ…..ไม่สิ รู้จักกันมานานกว่าคุณคุซึโนะฮะอีกงั้นสินะ? ตอนนี้เค้าทำอะไรอยู่เหรอ? คุยติดต่อกันบ่อยมั้ย? ”
อะ อะไรของโซยะน่ะ จู่ๆก็ถามซะ……ให้ว่าแล้วโซยะ ตา! มีหัวใจลอยขึ้นมาบนตาเธอแล้วนั่น! ถ้าจำไม่ผิดแล้วนี่คือตอนกำลังอัดพลังวิญญาณใส่เข้าไปในเนตรมารฝันเพื่อเปิดโหมดสุดอันตรายที่เปิดโปงได้กระทั่งขนาดความยาวของอวัยวะท่อนล่างเลยไม่ใช่เรอะ!? หยุดเชียวว้อย!
…….เออจะว่าไปแล้ว เนตรมารฝันของโซยะนี่คงมองไม่เห็นไปถึงเรื่องที่ฉันทำกับนางุโมะหรอกใช่มะ? ก็ไม่ได้ข้ามเส้นซะหน่อยนี่นะ…….ไม่ดิให้ว่าแล้วคำจำกัดความของเส้นในที่นี้มันคืออะไรกันน่ะ? ทำน้ำแตกนี่ถือว่าเซฟเรอะ? ถ้าไม่ได้เก็บเอานางุโมะไปจิ้นเสียวก็โอเค?
“ นี่ว่ายังไงล่ะฟุรุยะคุง ”
ในระหว่างที่ฉันสับสนอยู่ ก็ไม่รู้ทำไมโซยะถึงไล่บี้ถามไถ่ไม่หยุดเลย เอาแต่ใช้ดวงตาที่มีหัวใจโผล่ขึ้นมาจับจ้องมองตรงมายังหน้าฉันอย่างต่อเนื่องท่าเดียว ไม่รู้หรอกนะว่ามีอะไรให้อยากรู้ขนาดนั้น แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้แผนไล่ล่าตามหาโลลิค่อนก็คงไม่เดินซักที แถมฉันก็จะกระวนกระวายอยู่ไม่สุขด้วย
“ อ่า….พวกในมูลนิธินี่ได้การสนับสนุนจากสมาคมแล้วก็ตระกูลคุซึโนะฮะจนเข้าไปศึกษาในโรงเรียนแบบปกติกันเป็นส่วนมากอะนะ อยู่กินแบบคนปกตินั่นแหละ แต่ว่ายัยนั่น—-ชื่อซากุระน่ะ เหมือนว่าจะมีพรสวรรค์ต่างกับพวกเราอะนะ ถ้าจำไม่ผิดเห็นว่าถูกคนใหญ่คนโตที่เป็นอดีต 12 เซียนอัมพรรึไงนี่แหละรับตัวไปฝึกฝน ตอนนี้ก็น่าจะเก่งขึ้นมาสุดๆแล้วละมั้ง ”
รู้สึกเหมือนโซยะส่งสายตาทำนอง “แล้วไงต่อ?” มาให้ ฉันก็เลยเล่าต่อไป
“ ยัยนั่นเป็นเด็กขี้อ้อนสุดๆไปเลยอะนะ เกิดอะไรทีนึงก็จะวิ่งมาหลบตัวติดแนบชิดข้างหลังฉันอยู่เรื่อยเลยไง ตอนที่ได้ยินว่ายัยนั่นเข้าไปเป็นลูกศิษย์ของอดีต 12 เซียนอัมพรด้วยตัวคนเดียวนั่นเลยโคตรตกใจเลยแหละ แต่ทางโน้นดูท่าจะเจอการฝึกโหดมาก ฉันเองแค่จะตามคาบเรียนในห้องให้ทันก็แทบเต็มกลืนแล้วด้วย ก็เลยไม่ได้คุยติดต่อกันมาซักพักแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่มั้ยนะ ”
ก็ไม่ได้มีอะไรทะลึ่งๆชวนให้น่าละอายซะหน่อย ฉันจึงเล่าออกมาให้ฟังตามตรงเลย พอเล่าไปแล้วความทรงจำร่วมกับซากุระที่เกือบจะลืมหายไปจากหัวมันก็ปรากฎโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆเลย
ช่วงที่ขึ้นชั้นประถม ยัยนั่นมักจะอ้าง [ไม่อาวหนูจะอยู่กับพี่จ๋า] แล้วมุดเข้ามาข้างในฟูกมั่งล่ะ พอถึงวันเกิดก็ส่งจดหมายที่เขียนว่า [โตขึ้นแล้วหนูจะเป็นภรรยาของพี่จ๋า] มาให้มั่งล่ะ
เพราะแบบนั้นฉันก็เลยเป็นคล้ายๆคนดูแลของซากุระไปโดยปริยาย จำได้ว่ายัยนั่นโคตรจะติดฉันแจสุดๆไปเลยล่ะ ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีน้องสาวจริงๆขึ้นมาเลยดีใจมากไม่แพ้กัน ไม่นานนักเลยกลายเป็นฝ่ายออกตัวไปช่วยปกป้องเองแทนโดยไม่ต้องขอด้วยซ้ำ อะไรทำนองนั้นน่ะ
“ เมื่อก่อนดีขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ไหงถึงต้องมาคอยปกป้องทีมที่โคตรจะน่าหยะแหยงแบบนี้ไปได้…… ”
“ ทำไมจู่ๆพวกฉันจึงถูกแกด่าว่าเสียหายเฉยเลยละนั่น ”
คาราสึมะมันโต้แย้งเข้ามาก็จริง แต่ว่ากันโดยนิสัยแล้วคนที่น่าหยะแหยงที่สุดก็คือเอ็งเลยนะเว้ย?
“ ……….เห~ ”
แล้วก็ไม่รู้ทำไม ตัวโซยะที่เป็นฝ่ายไล่ถามไถ่อย่างหนักหน่วงจึงหรี่ตาลงด้วยท่าทางหงุดหงิดไม่พอ ยังจะปลดปล่อยออร่าประหลาดๆออกมาอีกต่างหาก ข้องใจอะไรของเธอนั่นเฮ้ย ก็เล่าแบบดีมากแล้วไม่ใช่เรอะ?
“ ฟุรุยะคุง สีหน้าเหมือนสุขใจมากๆเลยนะ พูดถึงความหลังเก่าๆกับน้องไม่แท้แล้วยิ้มหน้าบานแบบนี้นี่ ฟุรุยะคุงนั่นแหละเป็นโลลิค่อนรึเปล่า? ”
“ เฮ้ยเธอ ถ้ามีตานั่นอยู่ก็น่าจะดูรู้นี่ว่าไม่ใช่น่ะ!? อย่ามาปรักปรำกันมั่วๆสิฟะ! ”
ถ้าเป็นข้อมูลกามๆที่โซยะพูดละก็จะมีคนเชื่อเยอะพอควรเลยไง ทำเป็นเล่นไม่ได้เลยซักนิด
แต่เอ้อ แม้ว่าพวกเราจะทำการไล่ล่าตามหาโลลิค่อนแบบนั้นอยู่ซักพัก แต่ก็หาโลลิค่อนระดับเที่ยงแท้ตัวจริงเสียงจริงไม่เจอเลย สุดท้ายจึงแยกย้ายกันกลับเร็วกว่าที่กำหนดเอาไว้แหละ
โลลิค่อนนี่ มีจำนวนน้อยผิดคาดนะเนี่ย…….
“ อ้าว? นั่นเอ็งทำอะไรน่ะโคบายาชิ? ”
พอกลับมาถึงหอ ก็พบว่าห้องข้างๆกำลังทำการขนข้าวของออกมามากมายมหาศาลเลย แล้วก็เผอิญเจอะเข้ากับไอ้น้ำดื่มจากเต้าแม่ 100% โคบายาชิที่เป็นเจ้าของห้องเข้าพอดีเลยลองเอ่ยทักดู เท่านั้นแหละโคบายาชิพลันทำสีหน้าเหมือนงงๆเช่นกัน ก่อนที่จะ
“ อ่าก็แบบ…..ถูกผู้คุมหอสั่งให้ย้ายห้องแบบกะทันหันอะนะ ”
“ ห้ะ? แล้วก็ต้องขนของออกภายในวันนี้เลยด้วยเรอะ? ”
“ ช่ายๆ เอ้อแต่ก็ได้ค่าเหนื่อยมาเยอะเหมือนกันฉะนั้นเลยตกลงยอมรับในทันใดเลยแหละ แต่ก็เหอะนะ จะมีเด็กผู้ชายย้ายเข้ามาใหม่ต่อจากคุณนางุโมะรึไงหว่า? ”
แม้โคบายาชิจะแสดงท่าทางเหมือนสงสัยแปลกใจ แต่มันก็มีแอบยิ้มแบบกวนประสาทขึ้นมาใส่ไปด้วย
“ ถึงกับเพ่งเล็งอยากอยู่ห้องข้างๆเอ็งแบบนี้ ไม่แน่มันอาจจะเป็นผู้ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันก็ได้นะเว้ย ”
“ หยุดพูดเป็นลางได้มั้ยเฮ้ยไอ้เวรนี่……. ”
แค่นี้ก็ถูกยัยคนที่อยากให้ฉันทำน้ำแตกเพื่อจะได้นมใหญ่เพ่งเล็งหมายหัวอยู่แล้วเนี่ย…….
ฉันเมินคำพูดส่อเค้าไม่สู้ดีของโคบายาชิไป ก่อนจะก้าวกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง
หอพักของโรงเรียนปราบมารนั้นตามหลักแล้วจะถูกแบ่งเป็นหนึ่งคน = หนึ่งห้อง เพื่อให้พักผ่อนฟื้นร่างกายเตรียมรบได้ดีขึ้น แล้วก็เพื่อที่นักเรียนแต่ละคนจะได้ซ่อนปกปิดพวกศาสตร์ลี้ลับเฉพาะตัวได้ง่ายขึ้นด้วย
แผนผังห้องเป็นแบบ 1DK….มีห้องครัวที่ใหญ่พอควรติดอยู่ด้วยก็จริง แต่เนื่องจากมีนักเรียนที่ซื้อข้าวจากโรงอาหารหรือร้านสะดวกซื้อมากินอยู่มาก เลยกลายเป็นส่วนพื้นที่แบบเสียของเปล่าๆไปโดยปริยาย
“ ฉิบ ใกล้ถึงเวลาต้องเอาขยะไปทิ้งซะทีแล้วแฮะ ”
ฉันก้าวขาหลบถุงขยะที่กองเป็นตั้งๆเอาไว้หน้าประตูห้อง เพราะมัวแต่ตื่นสายก็เลยลืมเอาออกไปทิ้งมันได้ซะทุกที
“ เฮ่อ…..วันนี้ก็เหนื่อยชะมัดยาด…… ”
นอนแหมะลงกับเตียงทั้งๆที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ เคยผล็อยหลับไปทั้งๆแบบนี้เลยอยู่บ่อยครั้งก็จริง แต่ทำยังไงก็เลิกทำแบบนี้ไม่ได้ซะที
“ ……..จะแสดงให้ซากุระเห็นไม่ได้เด็ดขาดเลยแฮะ สไตล์การมีชีวิตอยู่แบบตอนนี้ ”
แล้วก็ สองมือพรรค์นี้ด้วย
คำสาปที่ฉันปกปิดแม้กระทั่งครอบครัวที่อาศัยอยู่ในมูลนิธิด้วยกัน
เป็นในฉับพลันที่ฉันจ้องมองแบบง่วงๆขึ้นมายังสองมือที่มีเทคโนเบรคเกอร์สถิตอยู่นั่นเอง
ที่สมาร์ทโฟนพลันสั่นแจ้งเตือนว่ามีเมลเข้า
โซยะไม่ก็คาเอเดะคงจะส่งเมลมาแจ้งนัดหมายอะไรละมั้ง ฉันกดเปิดกล่องข้อความแบบไม่คิดอะไรมาก—–แต่แล้วก็ถึงกับเผลอหลุดร้องออกมาดัง “เอ๊ะ?”
นี่น่ะเรอะที่เค้าเรียกว่า พอกล่าวถึงก็ฉายเงา
[พรุ่งนี้จะไปหา]
ผู้ส่งเมลที่สั้นและระบุเอาไว้เพียงแค่ใจความแบบห้วนๆนั่นก็คือ—–ฟุมิโดริ ซากุระ
การติดต่อแบบกะทันหันจากน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน ทำเอาฉันละสายตาจากสมาร์ทโฟนไม่ได้ไประยะนึงเลย
MANGA DISCUSSION