“ ฉันได้ยินมาแล้วล่ะฟุรุยะคุง เธอเล่าเรื่องของคุณพ่อให้ยัยหนูโซยะฟังงั้นสินะ ”
หลายวันหลังจากที่คดีสาวนมหลีกแห่งเมืองชิโนโนเมะถูกคลี่คลายจบสิ้นลงไปได้ด้วยดี….ณ หลังตึกเรียนของโรงเรียนปราบมารมหานคร
ฉันเผ่นหลบการถามไถ่ของไอ้พวกห้อง D กับแววตาที่ติเตียนครหา “ดูเหมือนเจ้านั่นมันจะเป็นไอ้โรคจิตสติแตกที่วิ่งเข้าไปลวนลามไคอิแหละ” ที่อัดตรงเข้ามาใส่จากทั่วสารทิศ หนีมานั่งกินข้าวกลางวันอยู่ตัวคนเดียว แต่เป็นตอนนั้นเองที่เผอิญพลาดโดนยัยเพื่อนสมัยเด็กที่ท่าทางจะอารมณ์เสียสุดๆ—คุซึโนะฮะ คาเอเดะรวบตัวเข้าให้
เหมือนว่ายัยนี่จะเพิ่งกลับมาจากบ้านได้เมื่อวานนี้เอง เลยรู้สึกว่าห่างหน้ากันไปนานซักพักนึงเลยเหมือนกันแฮะ
เอ้อแล้วก็ ไอ้ฉันในตอนนี้กำลังถูกจับบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่เหนือพื้นคอนกรีตหลังตึกเรียนอันแสนจะเย็นเฉียบแหละ
พอคาเอเดะเห็นหน้าฉันปุ๊บ ยัยนั่นก็เล่นโพล่ง “คุกเข่า” บีบบังคับขืนใจแบบสุดจะไร้เหตุผลมาเลยไงเอ็ง แถมยังปล่อยแรงกดดันลึกลับออกมาจนฉันไม่อาจต้าน จำใจต้องใช้มือถืออันปันที่ยังกินไม่หมดไปพลางฝืนกลั้นอดทนความเจ็บปวดของขาไปด้วยเนี่ยแหละนะ
คาเอเดะยืนเอามือกอดอก จ้องมองต่ำลงมายังฉัน ก่อนที่จะ
“ ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่อิดออดพยายามปกปิดเรื่องคำสาปกับเรื่องคุณพ่อ ไม่ยอมให้มีใครรู้เต็มที่เต็มกำลังถึงขนาดนั้นแท้ๆ เจอผีห่าซาตานที่ไหนดลใจเข้าน่ะ? ”
“ เอิ่มก็แบบ ถ้าเธอได้ยินมาจากโซยะงั้นก็น่าจะรู้ไม่ใช่เรอะ? เพื่อที่จะปราบไคอิในเมืองชิโนโนเมะแล้ว มันจำเป็นต้องขอให้เหล่าผู้ปราบมารมืออาชีพช่วยเคลื่อนไหวในทันทีเลยไง ”
ดูเหมือนในวันนั้น โซยะจะทำเรื่องติดต่อไปยังตระกูลคุซึโนะฮะผ่านเส้นสายของบ้านตัวเองด้วย เพื่อที่จะบีบให้เหล่าผู้ปราบมารมืออาชีพในสถานที่จริงเคลื่อนไหวให้ได้โดยเร็วมากที่สุดน่ะ
“ เออเรื่องการปราบผีพ่อเนี่ย มันเป็นประเด็นที่จะมีผลกระทบกระเทือนไปถึงกลุ่มตระกูลเก่ากับเหล่า 12 เซียนอัมพรได้เลย คุณยายเธอก็เตือนกับฉันมาว่าอย่าเที่ยวเอาไปบอกใครมั่วซั่วด้วยเหมือนกัน…….แต่รายละเอียดลึกๆนี่ฉันบอกให้โซยะรู้แค่คนเดียวเท่านั้นเองนะ ฉะนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เรอะ? เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยไง ”
“ อืม ไม่มีปัญหาหรอก ยัยหนูโซยะเองก็เหมือนว่าจะทราบถึงตรงนั้นดี เลยให้คำอธิบายกับทีมผู้ปราบมารและทางบ้านแบบขั้นต่ำเท่านั้นเองด้วย ”
“ ถ้างั้น——- ”
“ แล้วก็ ”
คาเอเดะปัดการชี้แจงของฉันทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทั้งๆที่ยังต่อมความหงุดหงิดเต็ม MAX อยู่อย่างนั้น
“ ผู้ปราบมารที่อยู่ในสถานที่จริงเค้าให้คำรายงานอันน่าฉงนมาด้วย ดูเหมือนว่าในศึกตัดสินกับไคอิ A แห่งเมืองชิโนโนเมะ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กับแผ่นดินแยกขึ้นสินะ ทั้งที่ในระบบข้อมูลของทางการจับสัญญาณว่าจะเกิดแผ่นดินไหวไม่ได้เลยแท้ๆ ”
อ๊ะ ฉิบหายแล้ว
“ อย่าบอกนะว่า….เป็นฝีมือของเธอรึเปล่า? ”
เพราะมีอะไรต่อมิอะไรมากมายเต็มไปหมด ก็เลยลืมรายงานเรื่องอำนาจแปลกประหลาดของเทคโนเบรคเกอร์ให้คาเอเดะฟังซะสนิทเลย
เหงื่อพุ่งพวยออกมาจากทั่วร่างในคราเดียว
แต่ก็ตัดสินใจได้ว่าหากผลัดการรายงานให้ค้างเติ่งไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะถูกคาเอเดะฆ่าทิ้งมันก็จะยิ่งพุ่งสูงปรี๊ด ฉันจึงเค้นความกล้าออกมาสุดขีดก่อนจะอธิบายให้คาเอเดะฟังหมดทุกอย่าง
ทั้งเรื่องที่แม้จะไม่ได้กำลังหลับ แต่กลับได้ยิน “เสียง” ในระหว่างต่อสู้กับสาวนมหลีก แล้วก็ใจความที่เสียงนั่นบอกกล่าวเล่าให้ฟัง
ทั้งเรื่องที่เริ่มมองเห็นโพรงเสน่ห์กายิกสุขปรากฎขึ้นมาในวัตถุ แต่ตอนนี้ดันกลับมามองไม่เห็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ ห้ะ…….ทำไมเธอถึงต้องมาไม่เอาไหนในคราวสำคัญอยู่เรื่อยเลย! ”
คาเอเดะที่รับฟังคำรายงานแล้ว ถึงกับกระชากเอามือของฉันเข้าไปใกล้ตัวด้วยท่าทางหยั่งกับระเบิดลง
สีหน้าเหมือนกับว่ามีคำด่าทอมากมายหลากหลายรูปแบบแล่นปรากฎเข้ามาในหัวก็จริง แต่คาเอเดะก็ฝืนกลั้นกลืนคำพวกนั้นกลับลงไป เพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการตรวจวินิจฉัยมือสองข้าง
วะ หวิดไปแล้วไง ถ้าเกิดคาเอเดะให้ความสำคัญกับการด่าตวาดมากกว่าตรวจวินิจฉัยละก็ ไอ้ฉันมีหวังโดนเอ็ดจนจิตตายด้านแหงๆ
พอไปได้ซักพักคาเอเดะก็ปล่อยมือฉัน พลันเอียงหัวอย่างสับสน
“ ……..ผนึกก็ไม่ได้อ่อนลงนี่นา แล้วไง? ตอนนี้เธอยังได้ยินเสียงนั่นอยู่รึเปล่า? ”
“ มะ ไม่อะ ที่ได้ยินเสียงในตอนที่ตื่นอยู่นี่ มีแค่ในคืนนั้นเท่านั้นแหละ …….แถมในช่วงนี้ แม้แต่ในฝันก็ยังไม่มีสัมผัสเหมือนมีใครกำลังส่งเสียงทักเข้ามาคุยเลยด้วยนะ ”
พอฉันตอบไปแบบนั้นอย่างกลัวๆ คาเอเดะก็ทำหน้าครุ่นคิดต่ออีกซักระยะ ก่อนจะ
“ เอาเป็นว่าจะขอยกเรื่องนี้ไปปรึกษากับคุณยายก่อนก็แล้วกัน ฟังดีๆนะ? ต่อให้จะเป็นเรื่องที่เล็กจ้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบไหนอย่างไรขึ้นมาก็รายงานมาในทันทีเลยเชียวล่ะ เข้าใจแล้วนะ? ”
สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เหมือนข่มขู่กันว่าถ้าละเลยการรายงานอีกละก็ได้เละแน่ ฉันจึงพยักหน้ากลับไปอย่างว่าง่าย….และในจังหวะเดียวกันนั้น ก็เริ่มจะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมานิดๆ…..ทำไมคาเอเดะกับคุณยายของคาเอเดะถึงได้หวาดระแวงเสียงนั่นมากเกินเหตุขนาดนี้นะ
“ แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าไอ้เจ้าเสียงนั่น มันคิดที่จะช่วยเหลือพวกเราอยู่ยังไงชอบกลนะ ”
ถึงสิ่งที่มันพูดจะโคตรปัญญานิ่มเลยก็เหอะ
แต่ถ้าไม่มีเสียงนั่นกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนเบรคเกอร์ละก็…….พวกฉันคงจะตายไปแล้วล่ะ
“ ฟุรุยะคุง ”
คาเอเดะปั้นสีหน้าที่จริงจังจนชวนขนลุกขึ้นมาเหนือโฉมหน้าอันงดงามประหนึ่งเป็นของที่ถูกสร้างขึ้น ก่อนจะจ้องมองเข้ามายังหน้าของฉัน
“ อย่าได้เผลอปล่อยตัวไปไว้วางใจเสียงนั่นเด็ดขาดเลยเชียวนะ มันอาจจะเป็นเสียงกระซิบอันอ่อนหวานของปีศาจก็ได้…..ปีศาจของแท้เลยน่ะ ”
คาเอเดะลดระดับเสียงให้ทุ้มต่ำราวกับเน้นให้มั่นใจ ก่อนจะ
“ เอาเป็นว่า หลังจากนี้เธอต้องพึงระวังกับการใช้งานมือสองข้างนั้นให้มากขึ้นยิ่งกว่านี้อีกนะ ……อาจจะทำให้ลำบากขึ้นก็จริง แต่พยายามระวังให้ได้เต็มที่ล่ะ ”
ทิ้งคำพูดที่ดูมีความหมายแอบแฝงเอาไว้ ก่อนจะหันหลังให้เดินฉับๆจากฉันไปอย่างรวดเร็ว คงกะจะไปรายงานให้คุณยายทราบเรื่องโดยด่วนที่สุดละมั้งนั่น
ฉันที่ถูกปลดปล่อยจากแรงกดดันของเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นดั่งไต้ฝุ่นสุดดุร้าย พลันถอนหายใจออกมาเฮือกนึง
“ โอ๊ะ พูดถึงเรื่องที่ลืมแล้วก็มีนั่นด้วยนี่นะ ”
ฉันหยิบสมาร์ทโฟนออกมา เพราะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่ยังไม่ได้รายงานรายละเอียดของคดีสาวนมหลีกให้รู้เลย—-ยัยรุ่นน้องที่อยู่มัธยมต้นปีสามของโรงเรียนปราบมาร ทาจิคาวะ เมย์นั่นยังไงล่ะ
ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วมันมีประโยชน์หรือมันช่วยทำให้เรื่องวุ่นวายหนักเข้าไปใหญ่กันแน่ แต่ก็ได้ยันต์แปลงร่างนั่นช่วยเอาไว้เยอะเลยนี่นะ
นึกว่าเมย์ที่ข่าวสารเร็วจะบึ่งมาเยี่ยมไข้ในทันทีซะอีก แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มาซักที เลยคลาดโอกาสที่จะขอบคุณมาจนถึงตอนนี้เลย
ตรื๊ดดดดด เสียงโทรออกดังก้องมาจากสมาร์ทโฟน และเป็นในฉับพลันนั้นเอง
ตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ด
“ ฮึก!? ”
พลันมีเสียงสายเข้าที่ไม่คุ้นหู ดังมาจากคาเอเดะที่เดินอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย
คาเอเดะรีบวิ่งแจ้นไปด้วยท่าทางเหมือนตะลีตะลานยังไงชอบกล หายวับไปในทันตา
ทางการส่งคำร้องไล่ผีแบบเร่งด่วนมาให้รึไงหว่า
“ นักเรียนที่มีฐานะเป็นมืออาชีพนี่ท่าจะยุ่งน่าดูเลยแฮะ ”
ในระหว่างที่ฉันพูดแบบนั้นอยู่ ก็มีเสียงของเมย์ดัง [ขะ ค่าฮัลโหลๆ เมย์เองนะค้า~] ออกมาจากอีกฝั่งของสาย
“ อ่อ เมย์ โทษนะที่จู่ๆก็โทรมาแบบกะทันหัน ควรส่งเมลมาแทนจะดีกว่ารึเปล่า? ”
เมย์ที่อยู่อีกฟากของสายกำลังหอบหายใจอยู่อย่างเห็นได้ยาก โรงเรียนปราบมารแห่งนี้ไม่ได้มีห้ามเด็กม.ปลาย หรือม.ต้น จากการใช้มือถือภายในบริเวณโรงเรียนแท้ๆนะ หรือว่ายัยนั่นอยู่ในที่ที่รับสายลำบากรึไงหว่าเลยต้องวิ่งมาจนหอบแบบนั้น
[มะ ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดเลยซักติ๊ดเดียว แต่มีอะไรเหรอคะเล่นติดต่อมากะทันหันซะแบบนี้]
“ อ่า….ก็นั่นไง ก่อนหน้านี้ฉันได้ยันต์ที่ใช้แปลงร่างมาจากเธอใช่มั้ยล่ะ เลยกะจะขอบคุณซะหน่อยอะนะ ”
คุยกับเมย์นิดหน่อย แล้วพอกล่าวขอบคุณไปชัดๆอีกครั้งปุ๊บก็วางสาย
เป็นจังหวะนั้นเองที่ออดซึ่งบ่งบอกว่าช่วงพักกลางวันจบลงแล้วพลันดังขึ้น และเป็นในฉับพลันที่ฉันร้อง “อ๊ะ เวรแล้วไง คุยนานไปหน่อย” พร้อมวิ่งกลับห้องนั่นเอง
พอวิ่งขึ้นบันไดตึกเรียนปีหนึ่งที่มีเสียงดังเซ็งแซ่ไปได้ไม่กี่ขั้น ก็มีสายเข้ามายังสมาร์ทโฟน
หยิบมาดูพลางฉงนสงสัยว่าใคร ก่อนจะพบว่าชื่อที่ถูกแสดงอยู่คือ โซยะ มิซากิ
พอกดรับสายโดยพอจะคาดเดาถึงธุระได้เท่านั้นแหละ
[เดี๋ยวเถอะฟุรุยะคุง! ทำไมถึงไม่ได้อยู่ในห้อง D ล่ะ!? ตอนนี้อยู่ไหน!?]
เสียงของโซยะพลันดังกระหึ่มจากอีกฝั่งของสายเข้ามาเสียดแทงแก้วหูโดยพลัน
[ผลการประเมินครั้งแรกสุดถูกประกาศครบหมดแล้วนะ! ฉันกับฟุรุยะคุง แล้วก็อาโอยจัง เราสามคนได้ใบอนุญาตชั่วคราวกันครบหมดเลยล่ะ!]
ฉันรีบวิ่งไปยังห้อง D ราวกับถูกฉุดโดยเสียงของโซยะที่ความกระฉับกระเฉงเต็ม MAX
แต่ผู้ที่เข้าต้อนรับฉันซึ่งวิ่งมาถึงห้อง D กลับไม่ใช่โซยะ แต่เป็นไอ้พวกเด็กผู้ชายห้อง D ซะนี่
“ เอ็งได้ใบอนุญาตชั่วคราวมาได้ยังไงกันวะ! ไม่ใช่ว่าจะโดนไล่ออกเพราะลวนลามไคอิหรอกเร้อออ! ”
“ เอ็งไม่ใช่เอซของห้อง S นะว้อยถึงจะเล่นได้ใบอนุญาตชั่วคราวตั้งแต่ประเมินรอบแรกสุดเงี้ย! นี่หรือว่า ข่าวลือที่ว่าเอ็งเป็นคนปราบไคอิในเมืองชิโนโนเมะนั่นคือเรื่องจริงงั้นเรอะ!? ”
“ แถมไอ้คาราสึมะก็เอาแต่พูดอะไรชวนโมโหอย่าง [ได้มาเพราะความสามารถอย่างไรล่ะเจ้าพวกโง่] อย่างเดียวอีก…….คราวนี้แหละอธิบายมาเลยเชียว! ”
ราวๆหนึ่งเดือนหลังจากที่ตั้งทีมแล้วเสร็จ
ยามบ่ายของวันนี้ที่จะมีการประเมินความสามารถในสนามจริงเป็นครั้งแรกนั้น ต่อให้จะเป็นห้องไหนๆก็ส่งเสียงอึกทึกฮือฮากันเต็มที่ก็จริงอยู่ แต่มีความอลหม่านของห้อง D นี่แหละที่แปลกผ่าเหล่ามากกว่าใครเขา
แถมเพราะฉันเอาแต่บ่ายเบี่ยงข้อสงสัยที่ว่าก่อเหตุอนาจารกลางสายตาสาธารณชนในเมืองชิโนโนเมะจริงรึเปล่ามาตลอด การถามไถ่เค้นข้อมูลของไอ้พวกเด็กผู้ชายมันเลยระเบิดบึ้มเลยเนี่ยเฮ้ย แต่ความอลหม่านที่ใกล้เคียงกับการจลาจลนั่นมันก็พลันดับมอดลงในบัดดล
“ [ถุงกรองกาแฟ], [สาวดุ้นโชตะ], [แปลงฟันปากล่าง] ——-”
เสียงของโซยะพลันกระซิบดังกังวานไปทั่วห้องเรียนที่อลหม่านใหญ่หลวง และพอเสียงนั่นดังขึ้นครั้งนึง ไอ้พวกผู้ชายมันก็จะสะดุ้งไหล่สั่นเงียบกริบไปในทันใด จนในท้ายที่สุดห้องเรียนก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด
โซยะที่ยืนเด่นสง่าอยู่ข้างคาราสึมะแย้มยิ้มร่า ก่อนที่จะ
“ เอาล่ะ แท็กไหนเป็นที่โปรดปรานของเด็กผู้ชายคนไหนกันน้า~ ”
“““““ ……………. ”””””
ไอ้พวกเด็กผู้ชายที่ตะกี้ยังล้อมรอบแหกปากส่งเสียงดังลั่นใส่ฉัน ต่างพากันเดินกลับไปนั่งที่อย่างว่าง่าย ก่อนจะเริ่มตัวสั่นกึกๆว่ะเฮ้ย อำนาจกดดันของโซยะที่มีเนตรมารฝันมันช่างน่าหวาดหวั่นขวัญผวาอะไรอย่างงี้……
โซยะก้มหน้าที่แดงแจ๋ลงมาพร้อมเอาสองมือพัดๆลมเข้าใส่ ก่อนจะพูด
“ ฟุรุยะคุง สำเร็จแล้วนะ! ”
พอรับเอกสารใบอนุญาตชั่วคราวอย่างเป็นทางการจากอาจารย์แล้ว โซยะก็ลากฉันออกมายังทางเดิน ก่อนจะส่งรอยยิ้มหน้าบานให้ ไม่เหลือเค้าความซึมเศร้าเหงาหงอยที่แสดงให้เห็นในห้องผู้ป่วยก่อนหน้านี้เลย ดูท่าว่าโซยะจะฟื้นคืนชีพโดยสมบูรณ์แล้วงั้นสินะ
“ หึฮ่า มันแน่แหงอยู่แล้วล่ะนะ ให้ว่าแล้วฉันนั้นออกจะไม่เห็นด้วยกับคำชี้แจงที่ถูกเขียนเพิ่มเติมมานี่เสียด้วยซ้ำ ”
คาราสึมะที่ถูกลากออกมายังทางเดินด้วยกันกับฉัน เอามือตบกระดาษชี้แจงที่อยู่ในเอกสารใบอนุญาตชั่วคราวดังแซ่กๆ
ตรงนั้นมีเขียนอะไรที่แสนเข้าใจยากอยู่ด้วยตัวอักษรสีแดง ให้สรุปใจความก็คือ [แม้จะมีผลลัพธ์ส่วนร่วมในการปราบ สเกล 6 อย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็เพิ่งจะสร้างผลงานได้เพียงครั้งเดียว หากผลลัพธ์หรือกิริยาท่าทางในหลังจากนี้ไม่เหมาะสมถึงเกณฑ์ ก็จะถูกยึดใบอนุญาตกลับคืนได้อย่างง่ายๆเลยนะ] แน่ะ เอ้อแต่ก็ถือเป็นมาตรการที่สมควรอยู่แล้วละนะ
“ แต่ก็ได้ใบอนุญาตชั่วคราวมาแล้วนะ! ”
โซยะเหวี่ยงเอกสารไปมาหยั่งกับเด็กๆ ก่อนที่จะ
“ ช่วงบ่ายของวันนี้ไม่มีอะไรให้ต้องทำพอดีเลยด้วย ฉะนั้นต้องฉวยจังหวะก่อนที่จะถูกยึดใบอนุญาตชั่วคราวนี่แหละ แอคเซสเข้าไปในฐานข้อมูลของสมาคมผู้ปราบมารกันเถอะ! ”
วิ่งแจ้นไปตามทางเดินพร้อมพ่นคำพูดที่เหมือนจะยินยอมให้เขายึดในอนุญาตกลับคืนเต็มที่เฉยเลยนั่น
“ อูวว พอคิดว่าจะคุ้ยข้อมูลจริงๆแล้วใจมันก็เต้นตึ๊กตั๊กสุดๆไปเลยน้าาา ”
ศูนย์ข้อมูลของโรงเรียนปราบมาร
ฉัน คาราสึมะ แล้วก็โซยะ เราสามคนทำการแสดงเอกสารใบอนุญาตชั่วคราวที่เพิ่งได้มาหมาดๆ แล้วจึงกดเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องนึงขึ้นมา จะดูข้อมูลผ่านเครื่องมือพกพาแบบที่คาเอเดะทำเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้เหมือนกันหรอก แต่การจะแอคเซสครั้งแรกนี่มันต้องกรอกอะไรต่อมิอะไรผ่านขั้นตอนมากมายเลยไง ฉะนั้นทำผ่านเดสท็อปของโรงเรียนมันเลยง่ายกว่าน่ะนะ
“ แต่ถึงงั้นก็เป็นแค่ใบอนุญาตชั่วคราวอะนะ มันก็คงไม่ได้มีข้อมูลที่ใหญ่มากมายอะไรหรอกม้าง? ”
ถ้าลองสงบใจให้เย็นแล้วคิดดูดีๆ ก็จะรู้ว่าเนตรมารฝันของโซยะมันคือเครื่องมือต้องสาปในระดับที่ขนาดเจ้าตัวที่โดนสาปเองก็ยังถูกปิดข้อมูลไม่ให้รู้รับทราบเลย ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงใบอนุญาตชั่วคราวหรอก เผลอๆแล้วแม้แต่มืออาชีพอย่างเป็นทางการก็ยังจะเข้าถึงข้อมูลไม่ได้เลยด้วยซ้ำมั้ง
“ อูวว~ อุตส่าห์พยายามจนได้ใบอนุญาตชั่วคราวมาแล้วทั้งที ขอให้มีข้อมูลดีๆทีเถอะนะ ”
โซยะใช้นิ้วมือที่สั่นเทิ้มพิมพ์ “เนตรมารฝัน” ใส่ลงไปในช่องค้นหา
ส่วนฉันก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมไอ้คาราสึมะถึงเงียบแปลกๆ แล้วพอหันไปมองข้างๆดูก็รู้เลย คาราสึมะมันใช้คอมอีกเครื่องแอคเซสเข้าฐานข้อมูลเร็วยิ่งกว่าโซยะ และกำลังเซิร์จ “คุซึโนะฮะ คาเอเดะ ขนาดทรีไซส์” อยู่ว่ะเฮ้ย
“ มุ ไม่มีเลยหรือ…… ”
ไม่มีแหงอยู่แล้วว้อยไอ้บ้าห้าร้อย
แล้วจากนั้นไอ้เจ้าคาราสึมะก็ทำการพิมพ์ค้นหา “คุซึโนะฮะ คาเอเดะ หัวนม สีอะไร” แบบโคตรปัญญานิ่มต่อ ควรบอกมันดีมั้ยวะเนี่ยว่าประวัติการค้นหามันลบไม่ได้นะเว้ย…..เป็นในระหว่างที่ฉันกำลังกลุ้มลังเลจับจิตอยู่นั่นเอง ที่โซยะพลันร้องเสียงใสดัง “อ๊ะ!” ขึ้นมา
พอถูกเสียงฉุดจนมองไปยังหน้าจอ ก็พบว่ามีผลการค้นหาที่ตรงอยู่หนึ่งลิงค์
“ มีด้วยล่ะ! ”
“ เอาจริงดิเฮ้ย ”
โซยะคลิกไปยังลิงค์นั้นโดยพลัน
และที่ปรากฎขึ้นมาหลังจากที่รอโหลดอยู่หลายวินาที ก็คือประโยคอธิบายสั้นๆเพียงสองบรรทัด
[เนตรมารฝัน——–หนึ่งในโบราณวัตถุแห่งตัณหาที่ราชันย์ซัคคิวบัสเหลือทิ้งเอาไว้ มีอีกนามหนึ่งคือ เนตรมารของราชันย์ซัคคิวบัส]
“ ……..เอ๊ะ? แค่นี้เองเหรอ? ให้ว่าแล้วคืออะไรน่ะ ราชันย์ซัคคิวบัสนี่ ”
โซยะที่ตะกี้ยังกระฉับกระเฉงอยู่เลย พลันแสดงสีหน้าที่แยกยากว่ากำลังสับสนหรือเซ็งอยู่กันแน่
“ ซัคคิวบัสนี่ คือเผ่ามารระดับต่ำที่ถูกกวาดล้างไปในช่วงยุคกลางของยุโรป…….ใช่มะ? ”
พอฉันกำลังหวนนึกถึงความรู้ที่จำได้อยู่ลางๆ โซยะที่เหมือนว่าจะยอมรับไม่ได้ที่มีข้อมูลอยู่เพียงสองบรรทัดก็พลัน
“ ราชันย์ซัคคิวบัสมันคืออะไรง่าาา!? ”
พิมพ์วลีลึกลับนั่นอัดใส่เข้าไปในช่องค้นหา แต่ผลลัพธ์ก็คือเอเรอร์ ถ้าไม่ใช่ว่าไม่ได้มีข้อมูลอยู่ในฐานข้อมูลแต่แรกเริ่ม ก็คงเป็นเพราะแค่ระดับใบอนุญาตชั่วคราวยังไม่มีสิทธิมากพอจะดูได้ละมั้ง
“ เขียนว่าเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุแห่งตัณหานี่ แสดงว่ามีอย่างอื่นๆอีกเหรอ!? ”
ว่าแล้วโซยะก็พิมพ์ ขาของราชันย์ซัคคิวบัสมั่งล่ะ ก้นมั่งล่ะ ลำตัวมั่งล่ะ แขนมั่งล่ะ มือมั่งล่ะ อัดใส่เข้าไปในช่องค้นหารัวๆ
และที่น่าอึ้งก็คือขากับก้นมันดันมีด้วยนี่สิ จะอันไหนก็ถูกกำกับเอาไว้ด้วยคำอธิบายที่ไม่เข้าใจความหมายว่า “เป็นหนึ่งในโบราณวัตถุแห่งตัณหาของราชันย์ซัคคิวบัส” ทั้งนั้น
“ เอ๊ะ……หรือก็คือยังมีของอื่นๆที่เหมือนกับตานี่อยู่อีกงั้นเหรอ……? แต่ไม่มีมือหรือแขนแฮะ……. ”
โซยะชำเลืองมองลงมายังมือฉัน ลองพิมพ์ เทคโนเบรคเกอร์ (ไล่ผีโดยทำให้ถึงจุดสุดยอด) ลงไปค้นหาเผื่อดูก็แล้วแต่ก็ไม่มีที่ตรงเลย นึกว่าเป็นคำสาปที่คล้ายกันซะอีก แต่เป็นคนละแบบคนละประเภทกันเลยหรอกเรอะ
“ อ๊าาาโธ่! ข้อมูลแค่นี้ไม่ได้ช่วยให้รู้อะไรเลยนี่นา! ”
โซยะฟาดโต๊ะดังเปรี้ยงๆราวกับระบายอารมณ์
เป็นคำสาปที่กระทั่ง 12 เซียนอัมพรก็ยังคลายไม่ได้ เลยเตรียมใจไว้แล้วหรอก แต่ดูท่าหนทางจะยังอีกยาวไกลจริงๆด้วยแฮะ
“ โธ่! ”
โซยะกดปิดเครื่องคอม ก่อนจะพุ่งออกไปนอกศูนย์ข้อมูลด้วยแก้มที่ปูดพองนุ่มนิ่ม
“ เฮ้ย นั่นเธอจะไปไหนน่ะ!? ”
ฉันทิ้งไอ้เจ้าคาราสึมะที่ติดลมอยู่กับการใช้ฐานข้อมูลสมาคมเซิร์จคำลามกเอาไว้ ก่อนจะวิ่งไล่ตามหลังโซยะไป
“ กระดานข่าว! ต่อไปจะหางานที่ทำให้ได้ใบอนุญาตตัวจริงในเปรี้ยงเดียวเลย! ”
“ เอ้ยๆๆ ใจเย็นก่อนเฮ้ย รีบร้อนไปแบบนั้นมันก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาหรอกนะ! ”
ฉันพูดแบบนั้นเพื่อหยุดโซยะเอาไว้ แต่โซยะกลับปั้นรอยยิ้มอันแสนน่าหมั่นไส้ขึ้นมาอยู่เหนือใบหน้าแสนน่ารักน่าเอ็นดูนั่น ก่อนจะ
“ ฟุรุยะคุง บอกกับฉันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะรั้นตามเอาด้วยไปจนถึงที่สุดฉะนั้นเตรียมใจเอาไว้ให้พร้อมน่ะ ”
“ อุก ”
“ ฟุรุยะคุงนั่นแหละเตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ ต่อให้จะเป็นที่ไหน แต่ก็พร้อมจะติดตามฉันไปด้วยทุกหนแห่งใช่มั้ยล่ะ? ”
บางทีฉันอาจจะเผลอหลุดให้คำขาดที่โคตรจะเลินเล่อไปแล้วก็ได้แฮะ
เจอเข้ากับยัยหนูบ้าคลั่งหยุดไม่อยู่ที่ปั้นสีหน้ามีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจแบบนี้แล้ว ไอ้ฉันก็ได้แต่ต้องถอนหายใจสถานเดียว
แต่มันทำไมกันนะ รู้ดีอยู่แก่ใจแท้ๆว่าที่รออยู่ข้างหน้าจะต้องเป็นเรื่องชวนปวดหัวสุดๆ แต่ตัวฉันกลับไม่ได้เสียใจมากเท่าระดับลมหายใจที่พ่นออกมาเฮือกใหญ่นั่นเลย
MANGA DISCUSSION