“ …….แล้ว ไหงเธอถึงได้ซึมกะทือแบบนั้นเล่าเฮ้ย? ”
“ ……… ”
หลังจากที่นางุโมะก้าวออกจากห้องผู้ป่วยโดยพาผู้ปราบมารมืออาชีพสองคนที่มีหน้าที่คอยเฝ้าจับตาไปด้วยแล้ว
โซยะยังคงนั่งต่อเนื่องอยู่ภายในห้องผู้ป่วย ปล่อยตัวอยู่เหนือเก้าอี้กลมพลางเอานิ้วมือสองข้างกุมเข้าด้วยกันอย่างเก้ๆกังๆ
ดูเหมือนว่านอกจากจะตามมาเป็นเพื่อนนางุโมะ กับอธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว โซยะจะยังมีธุระอื่นอยู่อีกสินะ
“ …….คือว่า เกี่ยวกับเรื่องความสามารถ ของฟุรุยะคุงน่ะ ”
โซยะที่เงียบกริบไม่พูดอะไรไปซักพัก พลันอ้าปากกล่าวขึ้นราวกับตัดสินใจได้เด็ดขาด
“ ขอโทษนะ! ”
โซยะกล่าวออกมาในทีเดียว พร้อมกับก้มหัวให้ด้วยความรุนแรงระดับเดียวกัน หรือไม่ก็มากยิ่งกว่านางุโมะซะอีก
ท่าทางหยั่งกับคิดอยู่ในหัวมาตลอดเลยงั้นแหละ ว่าจะพูดกับฉันยังไงดีนั่น
“ คือ ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเรื่องรายละเอียดของความสามารถถึงแพร่กระจายออกไปได้ไม่กว้างนัก แต่ที่โรงเรียนเค้าก็ลือต่างๆนาๆกันให้แซ่ดสุดๆไปเลยล่ะ ว่าฟุรุยะคุงฉวยโอกาสในตอนที่เค้ากำลังปราบผีเข้าไปลวนลามทางเพศบ้างล่ะอะไรบ้างล่ะ…..ฉันกับอาโอยจังพยายามช่วยกันหาทางกลบเกลื่อนแล้วก็จริง แต่เพราะมีคนสนใจคดีสาวนมหลีกกันมากมายข่าวลือก็เลยแพร่สะพัดไปกว้างไกลแล้วก็รวดเร็วมากเลย…..แล้วก็คือ อารมณ์ตอนนี้คือเหมือนกับว่าไม่อาจคลายความเข้าใจผิดได้อีกแล้วน่ะ ”
“ …….อ่า….เออรู้อยู่แล้วล่ะ ”
ฉันเอาหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่จ้องตลอดมาจนถึงเมื่อกี้ให้โซยะเห็นนิดนึง
ให้เห็นเหล่าเมลจำนวนมหาศาลที่ไอ้พวกโง่ห้อง D มันกระหน่ำส่งมาให้นั่น
เท่านั้นแหละโซยะพลันหน้าถอดสีหนักเข้าไปอีก ก่อนจะ
“ ขอโทษนะ…… ”
ขอโทษซ้ำใหม่อีกครั้ง ฉันนี่คือกำลังจะอ้าปากถามแล้วว่าทำไมโซยะถึงต้องขอโทษด้วย แต่โซยะกลับชิงพูดต่อออกมาก่อน
“ ทั้งที่ฟุรุยะคุง ไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องความสามารถมากๆเลยแท้ๆ…….เพราะฉันบีบบังคับขู่เข็ญให้เข้าร่วมทีม ฟุรุยะคุงก็เลยได้รับบาดเจ็บหนักมากถึงขนาดนี้เลย……คงไม่อยาก จะอยู่ในทีมแบบนี้อีกต่อไปแล้วสินะ…… ”
ว่าตามตรงนะ ฉันนี่คืออึ้งสุดๆไปเลยล่ะ
ไม่คิดฝันเลยไงว่าโซยะที่เอาแต่ทะยานตัวไปข้างหน้าโดยไม่สนเรื่องเล็กน้อยคนนั้น โซยะที่เป็นดั่งตัวแทนของพวกปัญญานิ่มคนนั้น จะแสดงปฎิกิริยาท่าทางที่หงอยเหงาเศร้าสร้อยแบบนี้ได้
และที่น่าตกใจมากที่สุด
“ นี่เธอ….ใส่ใจกับอะไรพรรค์นั้นด้วยเรอะ? ”
“ ฟุเอ๊? ”
โซยะเงยใบหน้าที่เหมือนกับว่าจะร้องไห้ขึ้นมามองฉัน
“ ระ เรื่องพรรค์นั้นอะไรกัน ก็ฟุรุยะคุง บอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าถูกคนรอบข้างรู้เรื่องความสามารถเข้าจะสลายทีมน่ะ…..นี่นอกจากจะถูกพวกคุณผู้ปราบมารมืออาชีพที่อยู่ในสถานที่รู้เรื่องเข้าแล้ว ยังจะกลายเป็นข่าวลือพูดกันให้แซ่ดในโรงเรียนด้วยนะ……ถ้าฟุรุยะคุงจะขอลบทีมทิ้ง ฉันก็คงไม่อาจแย้งอะไรได้เลย…… ”
เฮ้ยๆๆ ยัยนี่มันปัญญานิ่มจริงๆนั่นแหละฟ่ะ
ตกอกตกใจหมด เห็นโซยะคนนั้นซึมเศร้าไม่ร่าเริงแล้ว ไอ้ฉันก็พาลพะวงไปไกลเลยไง นึกว่าไอ้เรื่องที่ว่าฉันจะโดนไล่ออกจากโรงเรียน & โดนรวบเข้าซังเตข้อหาบังคับก่อเหตุอนาจารนั่นมันจะเป็นเรื่องจริงซะอีก
“ นึกให้ออกดีๆสิเฮ้ยยัยบ้า เงื่อนไขที่ฉันเรียกร้องกับเธอในตอนที่ตั้งทีม ก็คือต้องไม่เอาเรื่องความสามารถของฉันไปบอกใคร แล้วก็ต้องคอยจัดการไม่ให้คนรอบๆรู้เข้าเท่านั้นนะ เธอน่ะรักษาสัญญาได้ดีแล้ว แถมเรื่องคราวนี้ฉันก็เป็นฝ่ายพุ่งออกไปใช้ความสามารถต่อหน้าผู้คนเองด้วย ฉะนั้นมันก็ต้องไม่นับแหงอยู่แล้วสิ ”
“ เอ๊ะ……? ”
โซยะถึงกับทำตาปริบๆเลยทีเดียว จะ เอ๊ะ? ทำแป๊ะอะไรเล่าเฮ้ยยัยบ้านี่
“ ที่สำคัญ มาป่านนี้แล้วจะยอมให้สลายทีมได้ที่ไหนกันฟะ ”
ฉันม้วนนิตยสารที่หมอเจ้าของไข้เอามาให้อ่านเล่นฆ่าเวลา
แล้วจึงเอาทุบหัวโซยะดังป๊อกป๊อกเบาๆพร้อมกล่าว “ฟังให้ดีๆล่ะ”
“ ฉันน่ะถูกผู้คนจำนวนพอประมาณรู้เรื่องเทคโนเบรคเกอร์เข้าแล้วนะเฟ้ย ถึงจะเป็นความสามารถสุดลามกแต่ก็ใช้ปราบตัวระดับสเกล 6 ได้ในจึ้กเดียวเลยไง ถ้ามีพลังพรรค์นี้อยู่กับตัวต่อไปเรื่อยๆละก็ ร่างกายกับชื่อเสียงในสังคมของฉันมีหวังพังป่นปี้ย่อยยับหมดแหงๆ ”
นอกจากจะถูกเรียกตัวไปยังสนามรบสุดอันตรายอย่างคราวสาวนมหลีกรัวๆแล้ว ยังจะต้องถูกผู้คนโดยรอบดูหมิ่นดูแคลนกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณก่อเหตุโรคจิตวิตถารชัวร์ป๊าบ เรื่องสภาพร่างกายนี่ไม่ต้องพูดถึง สภาพจิตใจก็คงย่อยยับอ่อนเพลียสุดๆแน่นอน
คงต้องทนอยู่กับคำสาปนี้ไปตลอดชีวิตละมั้ง…..เนี่ยไม่อาจจะพูดอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นได้อีกแล้ว
“ จะรั้นตามร่วมมือเอาด้วยกับเธอไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาวิธีการคลายคำสาปเจอได้นั่นแหละ เผลอๆแล้วกังวลด้วยซ้ำเนี่ยว่าเธอจะล้มเลิกยอมแพ้ไปกลางทางรึเปล่า เตรียมใจเอาไว้ให้พร้อมเลยเชียวล่ะ ”
โซยะบอกว่า [อย่างน้อยก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะพึงพอใจกับชีวิต] , [ถ้าพยายามเข้าไม่แน่อาจจะเจอคนที่ปล่อยใจให้รักได้แม้จะมีดวงตานี้] ที่เหมือนบ่งชี้ว่ามีเส้นทางอื่นนอกเหนือจากคลายคำสาปให้ได้สำเร็จอยู่หรอกนะ แต่เรื่องอะไรจะยอมให้เป็นแบบนั้นกัน
“ ต่อให้พูดยังไงแต่เธอก็คงคิดใช่มั้ยล่ะ? ว่าที่ความสามารถของฉันถูกคนอื่นรู้เข้าเป็นเพราะ [โดนเธอข่มขู่บังคับให้เข้ามาร่วมทีม] น่ะ งั้นก็รับผิดชอบแล้วตามมาจนถึงสุดขอบนรกเลยเชียวนะเฟ้ย ”
เทคโนเบรคเกอร์กับเนตรมารฝัน คำสาปทั้งสองที่ดูมีจุดที่คลับคล้ายกัน
เป็นคำสาปที่เหล่าคนเก่งยอมยกธงขาวบอกว่าไม่อาจคลายได้ทั้งคู่เลยก็จริง แต่ถ้ามีเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วละก็ ไม่แน่อาจจะแหวกทะลวงฝ่าฟันอุปสรรคไปไหวก็ได้
“ ……… ”
แล้วทีนี้ โซยะที่นิ่งเงียบยอมโดนทุบหัวดังป๊อกป๊อกมาตลอด ก็กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยังอ้าปากค้างอย่างเซ่อๆอยู่แบบนั้น
“ ……….คนที่พูดแบบนั้นกับฉัน มีฟุรุยะคุงนี่แหละเป็นคนแรกเลย……. ”
พึมพำราวกับปล่อยสิ่งที่ลอยเข้ามาอยู่ในหัวออกมาทั้งๆอย่างนั้น
“ ตั้งแต่ที่ตากลายมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีใครอื่นนอกจากครอบครัวยินยอมอยากจะอยู่ด้วยกันกับฉันอีกเลย….ฉันเอง ก็ปลีกตัวออกห่างจากคนอื่นอยู่บ่อยๆเพราะไม่อยากจะเห็นอะไรต่างๆนาๆมากด้วยเหมือนกัน ”
โซยะก้มหน้าลงนิดๆ ก่อนจะปล่อยคำพูดออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับพูดคนเดียว
“ แถมคนที่ยินดีจะร่วมมือเอาด้วยกับฉันที่ไม่ยอมล้มเลิกฝันที่จะคลายคำสาปนี่ ก็ยิ่งมีน้อยมากเข้าไปใหญ่…..เพราะฉันมันเป็นคนไม่ได้เรื่อง ก็เลยฝืนทำแต่อะไรบ้าๆจนผู้คนโดยรอบต้องลำบาก……ฟุรุยะคุงเองก็ต้องลำบากตรากตรำเพราะฉันมากมายเลย เป็นอย่างนั้นแท้ๆ——แต่คนที่ช่วยพูดแบบนั้นกับฉัน ก็มีฟุรุยะคุงนี่แหละเป็นคนแรกเลยล่ะ ”
เอ้ยไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันก็เผอิญโดนคำสาปแบบเดียวกันอยู่พอดีไงก็เลยจำใจต้องช่วย……กำลังจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ฉันก็หุบปากลงโดยพลัน
เพราะจู่ๆโซยะก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมาโดยกะทันหันเลยไงล่ะ ทั้งที่เราก็ไม่ได้คุยเรื่องลามกกันอยู่แท้ๆนะ
โซยะก็เหมือนจะสับสนกับสภาวะของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“ เอ๊ะ? ไหงงั้นล่ะ? นี่มันอะไรกันน่ะ? ”
พอเอามือแตะหน้าตัวเองแปะๆปุ๊บ โซยะก็ครวญครางออกมาว่า “ทำไมร้อนจัง!”
“ หะ เฮ้ยเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ? ต่างกับฉันที่น็อกไปเลย เธอต้องง่วนอยู่กับการเก็บกวาดหลังเรื่องจบด้วยนี่นะ ความเหนื่อยล้ามันเพิ่งจะมาออกอาการเอาป่านนี้รึเปล่า? ”
“ ฮึก!? อะ อาจใช่ก็ได้นะ! ”
พอฉันโน้มตัวเข้าไปเพื่อจะดูสีหน้าของโซยะได้ใกล้ๆ ก็ไม่รู้ทำไมโซยะถึงสะดุ้งลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้กลม ก่อนจะ
“ อุ อุหวาาาา ชักจะพิลึกยังไงชอบกลแล้ว อยู่โรงพยาบาลพอดีด้วยนี่นะ ไปให้เค้าตรวจดูอาการให้หน่อยดีกว่า! ”
วิ่งออกไปนอกห้องผู้ป่วยอย่างแตกตื่นเฉยเลยนั่น
“ ……..ซึมหงอยมั่งล่ะไฮเปอร์เกินเหตุมั่งล่ะ ยัยนั่นมันอยู่ไม่สุขเลยจริงๆแฮะ ”
เอ้อ แต่เห็นว่ากลับมาร่าเริงดีเหมือนเดิมแล้วแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
ฉันเดินไปปิดประตูที่โซยะเปิดค้างเอาไว้
แล้วจึงดื่มด่ำกับความเงียบสงบราวกับเป็นคนแก่ อยู่ภายในห้องผู้ป่วยที่เงียบเสียงลงมาในฉับพลันนั่น
ดื่มด่ำเอาให้เต็มที่ เพราะถ้าออกจากโรงบาลไปเมื่อไหร่ ชีวิตในฐานะผู้ปราบมารอันแสนวุ่นวายหาดีไม่ได้นั่นมันก็จะต้องเปิดฉากขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอนเลยยังไงล่ะ
MANGA DISCUSSION