ไล่ผีแบบเจอะหน้าปุ๊บแตะจึ๊กเดียวถึงสวรรค์! - ตอนที่ 18 ไล่ล่าตามหายัยนมเล็ก (1)
——อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ คุณฟุรุยะ
เสียงของเด็กผู้หญิงที่ฟังดูร่าเริงสดใสยังไงชอบกล ดังก้องกังวานขึ้นมาภายในหัวโดยชัดเจนอย่างน่าประหลาด
——ฮิฮิ เพราะคุณฟุรุยะ ท้องจึงเริ่มจะอิ่มขึ้นมาได้กำลังดีเลยค่ะ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ
แต่พอสติเริ่มจะตื่นขึ้นจากการหลับไหล เสียงที่น่าจะได้ยินอยู่อย่างชัดเจนนั่นก็ค่อยๆมัวหมองสูญเสียเค้าโครงไป และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็เป็นดังเช่นเคย ไม่อาจจำได้เลยแม้ซักนิดเดียว ว่าเด็กผู้หญิงพูดเรื่องอะไรอยู่
หนึ่งคืนหลังจากที่ถูกสาวนมหลีกมันลอบโจมตี
ฉันเข้ามานอนค้างคืนเฝ้าดูอาการ อยู่ภายในโรงพยาบาลที่ถูกบริหารโดยสมาคมผู้ปราบมาร
ก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักมากมายอะไรหรอกนะ แต่ยัยโซยะบังคับทำเรื่องให้กันอย่างเสร็จสรรพเพราะพะวงห่วงว่าฉันอาจจะหัวกระทบกระเทือนเข้าตรงไหนน่ะสิ
เอ้อ เมื่อคืนก็ลำบากหลายเรื่องเลยนี่นะ แถมยังได้ร่องรอยที่จะใช้โยงไปยังตัวจริงของสาวนมหลีกมาแล้วด้วย ฉะนั้นนานๆทีลองเข้ามาพักผ่อนให้สบายอยู่ในสถานที่ซึ่งมีข้าวของครบครันซะหน่อยก็ไม่เลว…..เนี่ยยอมเข้ามานอนโรงพยาบาลด้วยอารมณ์แบบกึ่งๆไปเที่ยวเล่นแบบนี้หรอกนะ…..
“ ถ้าอย่างนั้น เธอกับคาราสึมะ อาโอยก็ไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่จริงๆสินะ? ”
“ เออไง ก็บอกแบบนั้นไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้วไม่ใช่เรอะ…… ”
ณ ห้องผู้ป่วยเดี่ยวภายในโรงพยาบาล
ไอ้ฉันนี่คือกำลังถูกคาเอเดะจับไต่สวนอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่เลยเว้ยเฮ้ย
เมื่อคืนนี่ เหมือนว่าพอฉันถูกหามเข้ามาแล้ว คาเอเดะจะรีบบึ่งมาโรงพยาบาลในทันทีเลยแน่ะ แล้วพอโต้รุ่งใช้เวลาตลอดทั้งคืนตรวจสอบคุยอยู่กับพวกหมอจนเห็นว่าร่างกายของฉันไม่มีอาการผิดปกติใดๆแล้ว คุณหล่อนแกก็บุกถล่มเข้ามาในห้องผู้ป่วยตั้งแต่เช้ามืดเลยนั่น
แม้แต่ยักษ์ก็มีน้ำตา ยัยนี่กังวลเป็นห่วงฉันที่ถูกทำร้ายโดยไคอิที่แสนน่าหวาดผวางั้นเหรอ……ตัวฉันที่เผลอคิดแบบนั้นไปแม้เพียงชั่วขณะเดียวนี่มันงี่เง่าสิ้นดีเลยจริงๆ
เพราะคาเอเดะที่วิ่งเข้ามาภายในห้องผู้ป่วยพลันจ้องหน้าฉันก่อนจะเปิดปากโพล่งคำแรกออกมาว่า
“ คาราสึมะ อาโอยนี่ฉันทำการไต่สวนจบสิ้นไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาเธอบ้างล่ะ จะตรวจสอบดูให้รู้แน่ไปเลยว่าคำพูดขัดแย้งกันรึเปล่า ”
เงี้ย เริ่มเปิดประเด็นต่อเนื่องจากที่คุยกันผ่านมือถือเมื่อคืนนี้เฉย แล้วก็กลายมาเป็นในปัจจุบันนี่แหละนะ
ไอ้ที่เห็นว่าทำสีหน้าอุ่นใจอยู่แวบนึงในตอนที่วิ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วยนั่น สงสัยฉันจะคิดไปเองเต็มๆเลยงั้นสินะเนี่ย
“ ให้ตายเถอะน่าปวดหัวจริงๆเลย เด็กมีปัญหาที่ชื่อคาราสึมะ อาโอยนั่น เป็นเด็กมีปัญหาเหนือมากยิ่งกว่าที่ฉันคาดการณ์เอาไว้อีกสินะเนี่ย ”
เรื่องนั้นนี่มันก็นะ….ถึงไอ้เจ้าคาราสึมะมันจะโคตรปัญญานิ่มยังไงก็ตาม แต่ใครมันจะไปคิดกันละเนอะว่าจะถึงกับขนาดเปิดเสียงครางชวนสยิวพรรค์นั้นดังสนั่นในระหว่างที่ชาวบ้านกำลังคุยโทรศัพท์เนี่ย ขนาดฉันพยายามอธิบายก็ยังคิดเองเลยเนี่ยว่า “อ๊ะ พูดไปแบบนี้เค้าแม่มไม่เชื่อแหงๆเลยแฮะ” น่ะ
“ หลังจากนี้ไปจงพึงระวังอย่าให้เกิดเรื่องชวนเข้าใจผิดแบบนี้อีกนะ นี่คือคำสั่ง ”
“ เธอนี่น้า……คนเขาเพิ่งจะโดนไคอิที่แกร่งหยั่งกะบ้ากะหลังทำร้ายมาหมาดๆแท้ๆ หัดเป็นห่วงกันซักหน่อยไม่ได้เลยเรอะ ”
หวนนึกถึงความน่าเกรงขามอันเหนือล้นท่วมท้นของสาวนมหลีกที่เข้าทำร้ายฉันกับคาราสึมะในคืนวาน
สเกล 5
นั่นล่ะคือระดับอันตรายของสาวนมหลีก ที่ถูกวัดอย่างชัดเจนจากคำให้การของคาราสึมะ สภาพความเสียหายของบริเวณโดยรอบ และร่องรอยของพลังวิญญาณที่หลงเหลือติดค้างอยู่
ด้วยเหตุนี้เองเมืองชิโนโนเมะจึงได้มีการประกาศเตือนภัยพิบัติเชิงวิญญาณ กลายเป็นสถานการณ์คับขันระดับที่จำเป็นต้องมีการส่งตัวทีมมืออาชีพมากประสบการณ์เข้ามาอย่างเร่งด่วนเลย
สเกล 5 นี่ก็คือระดับที่คาดการณ์ได้ว่ามีอันตรายมากพอจะทำให้สามัญชนตกเป็นเหยื่อได้มากถึงหลักหลายสิบคนเลยทีเดียว หนำซ้ำยังว่ากันว่าต่อให้เป็นผู้ปราบมารมืออาชีพ แต่หากไม่มีความสามารถสูงโดดเด่นมากพอก็จะไม่อาจเอาชนะได้เลยทีเดียว
ฉะนั้นก็คงพูดได้แหละว่าที่พวกเราสามารถเอาตัวรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยนี่ถือว่าโชคเข้าข้างอย่างปาฎิหาริย์เลย
เป็นอย่างนั้นแท้ๆ แต่คาเอเดะกลับหรี่ตามองเขม่นหยั่งกับจะสื่อว่า “แล้วมันทำไมเหรอ?”
“ โดนแค่สเกล 5 ทำร้ายก็ร้องแรกแหกกระเชอซะแล้วเหรอสารรูปดูไม่ได้ซะเลยนะ แถมยังบาดเจ็บเบาๆเองนี่ เดี๋ยวช่วงสายๆก็ออกจากโรงพยาบาลกลับไปทำงานต่อได้แล้ว ”
“ …….ทีเมื่อวานยังพูดว่า [รีบหนีเดี๋ยวนี้] อยู่เลยแท้ๆ แถมยังพูดด้วยท่าทางเหมือนลนลานตาลีตาเหลือกน่าดูเลยด้วยไม่ใช่เรอะ ”
“ เหอะ เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ฉันก็แค่ทำหน้าที่ในฐานะมืออาชีพ แค่มอบคำสั่งให้ลี้ภัยเพื่อลดระดับความเสียหายให้น้อยลงมามากที่สุดก็เท่านั้น ”
“ ยังคงไม่น่ารักซักนิดอยู่เหมือนเคยเลยแฮะ……. ”
“ ห้ะ? ”
“ เปล่าคับ ไม่มีอะไรหรอกคับ ”
พอคาเอเดะที่ผนึกคำต่อล้อต่อเถียงของฉันด้วยการเขม่นเพียงครั้งเดียว ทำการตรวจวินิจฉัยอาการของเทคโนเบรคเกอร์ตามวาระให้ไปด้วยเลยเสร็จแล้ว คุณหล่อนก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ในทันทีไม่มีรีรอหยั่งกับว่าหมดธุระกับที่นี่
“ ฉันจะกลับไปบ้านตั้งแต่วันนี้ก็จริง แต่ก่อนที่จะระวังไคอิน่ะหัดพึงระวังการกระทำของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆเลยเชียวล่ะ ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดแบบในคราวนี้ แต่เธอเอาความสามารถไปใช้แบบมั่วซั่วขึ้นมาจริงๆแล้วละก็…….ในตอนนั้นฉันจะฆ่าเธอทิ้ง ”
และสุดท้าย คุณหล่อนก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไปโดยไม่ได้กล่าวคำพูดแสดงความเป็นห่วงต่ออาการของไอ้ฉันเลยซักคำเดียว
“ อ๊ะ รุ่นพี่คุณพี่ หวัดดีค่าหวัดดี อาการเป็นยังไงบ้างคะ? เมย์ที่เป็นห่วงม๊ากมากมาเยี่ยมแล้วน้า~ ”
หลังจากที่คาเอเดะเดินออกไป
ผู้ที่เดินเข้ามาราวกับสลับที่กันนั่นก็คือ รุ่นน้องที่อยู่มัธยมต้นปีสามของโรงเรียนปราบมาร ทาจิคาวะ เมย์นั่นเอง
ยังรู้ข่าวเร็วเหมือนเคยเลยแฮะ
“ เพราะเห็นว่าออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ของเยี่ยมก็เลยเป็นแค่ขนมเล็กๆน้อยๆนะคะ เอ้านี่ ”
เมย์ที่มาโดยสวมเครื่องแบบนักเรียนพลันวางกล่องที่บรรจุขนมเยลลี่สี่แบบเอาไว้ข้างเตียง ก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้ตัวกลม
ขั้วตรงข้ามกับยัยเพื่อนสมัยเด็กที่ลั่นอะไรสุดน่ากลัวอย่างจะฆ่ากันกลางโรงพยาบาลเลยจริงๆนะเนี่ย……
“ ขอบใจนะ แต่เธอไม่ไปโรงเรียนเรอะ? ”
“ มันก็แบบนี้ไงคะ พอได้ยินว่ารุ่นพี่คุณพี่ถูกไคอิทำร้ายเข้า หนูก็ปิ๊งขึ้นมาเลยว่าอะฮ้าได้ข้ออ้างดีๆสำหรับใช้โดดเรียนแล้วสิเรา แล้วรีบบึ่งมาเยี่ยมเยียนดูอาการกันเลยนี่แหละค่ะ ”
พอเมย์พูดแบบสนุกสนานแบบนั้นแล้ว
“ ซะที่ไหนล่ะแค่ล้อเล่นเฉยๆหรอก เพราะได้ยินว่ารุ่นพี่คุณพี่จะออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปยังเมืองชิโนโนเมะในช่วงสายวัน หนูก็เลยรีบมาหา เพราะมีสิ่งที่อยากจะมอบให้อยู่น่ะค่ะ ”
คุณหล่อนแกก็ทำการควักเอาแผ่นกระดาษสามใบออกมาจากกระเป๋า
“ นี่มันอะไรน่ะ? ยันต์? ”
แต่มันก็ดูประณีตมากเกินไปที่จะเป็นยันต์ แถมยังอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณระดับที่ฉันซึ่งใช้ศาสตร์สายตรวจสอบวิญญาณไม่ได้ก็ยังดูรู้เลย เป็นเครื่องมืออาคมแบบพิเศษชัดๆ
“ ฮี่ฮี่ฮี่ เจ้านั่นน่ะนะคะ มันคือยันต์ที่ขอแค่ส่งพลังวิญญาณใส่เข้าไปแค่นิดเดียวก็จะสามารถแปลงร่างให้กลายเป็นสารรูปแบบไหนก็ได้ดั่งที่ใจต้องการค่ะ ถึงจะเป็นของใช้แล้วทิ้งที่จะหมดฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที แต่ก็เป็นของดีแสนดีที่สร้างขึ้นมาโดยการประกอบเอ็กโทพลาซึม (สารเชิงวิญญาณ) กับศาสตร์มายาเข้าด้วยกัน ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถแปลงกายแบบสมจริงม๊ากมากได้เหมือนๆกันหมดเลยเชียวค่ะ! ”
เมย์ทำการอธิบายอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าตนเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ก่อนจะ
“ หรือก็คือ สามารถแปลงร่างกลายเป็นนมใหญ่ของแท้ แบบที่สาวนมหลีกซึ่งเข้าทำร้ายรุ่นพี่คุณพี่กลัวหัวหดนั่นได้ด้วยนะคะ ”
ยื่นยันต์ทั้ง 3 ใบตรงเข้ามาให้ฉัน
“ ถ้าจะกลับไปเมืองชิโนโนเมะ ก็ช่วยรับเอาไปเป็นเครื่องรางทีเถอะค่ะ เอาไปมอบให้พวกคุณๆเพื่อนร่วมทีมใช้ป้องกันตัวเองกันด้วยนะ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่จำเป็นสำหรับยัยหนูโซ…..รุ่นพี่โซยะก็เถอะ ”
“ เอ้ยๆๆ รอเดี๋ยวก่อนนะ ”
ฉันยื่นมือออกไปราวกับจะปัดไม่เอายันต์
“ ยันต์นั่น มันเป็นของราคาแพงเอาเรื่องเลยใช่มั้ยล่ะ ต่อให้จะยังไงแต่ก็รับเอาไว้ง่ายๆแบบนั้นไม่ได้หรอกเฟ้ย ”
ให้ว่าแล้วคนที่สามารถใช้ศาสตร์สายแปลงร่างได้เนี่ยมันก็หายากสุดๆแล้ว
ฉะนั้นการจะยัดเอาอำนาจนั่นให้กลายมาเป็นยันต์ หนำซ้ำยังทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถใช้การได้ทั้งหมดแบบนี้มันจึงถือเป็นอะไรที่แสนจะยากยิ่งสุดกู่เลย ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะสามารถทำได้กันหมดแน่นอน และก็มั่นใจได้เลยว่ามูลค่าของยันต์นี่คือสูงระดับไม่อาจประเมินค่าได้แหงๆ
ถึงจะไม่เคยรู้ว่ายัยนี่ไปได้ของแบบไหนมาจากที่ไหนเมื่อไหร่อยู่เรื่อย แต่ของในคราวนี้ มันไม่ใช่อะไรที่จะรับเอาไว้โดยแลกกับ “การตอบแทนเพียงเล็กน้อย” เลยซักนิดเดียว
“ แล้วก็นะ ไอ้ยันต์แบบนั้นน่ะมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วล่ะ ”
ฉันพูดให้คำขาดอย่างชัดเจน
ทำไมน่ะเรอะ ก็เพราะว่าฉันนั้นมั่นใจว่าคดีสาวนมหลีกนี่จะถูกคลี่คลายลงได้ภายในวันนี้เลยนั่นเองไงล่ะ
ก็ฝั่งนี้มีเนตรมารฝันของโซยะอยู่นี่นะ
ความสามารถตรวจสอบเชิงวิญญาณสุดโรคจิตที่สามารถสืบลึกรู้ตั้งแต่ฝันกามๆที่คนเราเห็นเป็นครั้งแรกไปยันรสนิยมสุดโปรดที่นำมาใช้ตอนคลายกำหนัด เห็นไปหมดตั้งแต่จำนวนคนที่เคยมีอะไรด้วยไปยันจำนวนครั้งที่ช่วยตัวเอง นับว่าโคตรจะน่าหวาดหวั่นขวัญผวาของแท้
เท่าที่ลองถามยืนยันกับโซยะดูแล้ว ก็ได้ความว่า [ต้องใส่พลังเข้าไปในตานิดหน่อยก็จริงหรอก แต่ก็มองเห็นทรีไซส์ได้ชัดเจนเลยเหมือนกันล่ะ!] ด้วย ฉะนั้นคุณหล่อนตอนนี้ก็เลยกำลังรวมหัวกับคาราสึมะง่วนไล่ล่าตามหายัยนมเล็กในโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะมาตั้งแต่เช้าแล้วอะนะ
คงเป็นเรื่องของเวลาแล้วก่อนที่ตัวตนของสาวนมหลีกจะถูกเปิดโปง
ที่เหลือก็แค่ให้ทีมมากประสบการณ์ที่จะมาถึงภายในวันนี้ทำการไล่ผีซะ คดีสาวนมหลีกก็เป็นอันสิ้นสุดกันล่ะ
เพราะแบบนี้ไงล่ะ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่เมืองชิโนโนเมะประกาศเตือนภัยพิบัติเชิงวิญญาณไปทั่วบริเวณ แต่ฉันก็ยังนอนนิ่งเฉยสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงโรงพยาบาลพลางคิดว่า [นานๆพักผ่อนให้สบายหน่อยก็ไม่เลว] แบบนั้นได้ (เอ้อแต่เพราะยัยคาเอเดะก็เลยพักไม่สบายเลยซักนิดเดียวอะนะ)
“ เห็นว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้แล้วก็ดีใจหรอกนะ แต่คราวนี้จะขอรับเอาไว้แค่ความรู้สึกก็แล้วกัน ”
“ ไม่ได้ค่ะ ”
“ เอ๊ะ? ”
ทั้งที่ฝั่งฉันปูทางเพื่อคลี่คลายคดีเอาไว้เรียบร้อยแล้วแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมเมย์ถึงดึงดันจะยัดยันต์มาให้อยู่ท่าเดียว
“ ปะ เป็นอะไรนั่น หายากนะที่เธอจะรั้นซะขนาดนี้ ”
“ ก็คนที่แนะนำงานในเมืองชิโนโนเมะให้มันคือเมย์เองนี่นา…… ”
เมย์ที่ตามปกติจะร่าเริงชอบแหย่กันเล่น มาตอนนี้กลับไหล่ตกเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเซื่องซึม
“ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้พรุ่งนี้ ฉะนั้นจึงอยากให้พกติดตัวเอาไว้เผื่อถึงคราวจำเป็นค่ะ ถ้าจบเรื่องได้โดยไม่ต้องใช้ ตอนนั้นค่อยเอามาคืนกันก็ได้ ”
“ …….เข้าใจแล้วล่ะ ”
ในเมื่อพูดถึงขั้นนั้นแล้วก็จะมามัวเกรงใจอยู่ไม่ได้
พอฉันรับยันต์ทั้งสามใบเอาไว้แล้ว สีหน้าของเมย์ก็พลันสดใสขึ้นในทันใด
“ อ๊ะ ยอมรับแล้วสินะคะ!? ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตอบแทนโดยการกอดหนูแน่นๆทีค่ะ! ”
“ เฮ้ย ”
“ ฮิฮิฮิ ล้อเล่นค่ะ ถ้าอย่างงั้นก็ รักษาตัวเองดีๆนะคะ ”
และแล้ว เมย์ที่สลัดบรรยากาศเศร้าหมองให้หายวับไปกับตาก็พลันก้าวออกไปจากห้องผู้ป่วย
“ ให้ตาย ”
เกลียดยัยรุ่นน้องคนนี้ไม่ลงจริงๆแฮะ
“ โอ๊ะ ฉันเองก็เริ่มตระเตรียมตัวทำเรื่องซะทีดีกว่ามั้ง ”
เพราะคุยกับคาเอเดะแล้วก็เมย์อยู่นานพอควร เวลาตอนนี้ก็เลยเริ่มสายมากแล้ว
เนื่องจากไม่ได้มีข้าวของมากมายอะไร ก็เลยเปลี่ยนพวกเสื้อผ้าตระเตรียมการพร้อมในทันใด
“ อื๋อ? ”
พอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยอย่างเร็วไวและก้าวออกมานอกโรงพยาบาลปุ๊บ ก็มีสายโทรเข้ามาจากคาราสึมะ
คาราสึมะไม่ได้รับบาดเจ็บเหมือนกับฉัน วันนี้ก็เลยน่าจะกำลังติดตามโซยะทำการไล่ล่าตามหายัยนมเล็กภายในโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะมาตั้งแต่เช้าตรู่นี่นา ที่ถึงกับโทรมาหาแบบนี้ แสดงว่าเปิดโปงตัวจริงของสาวนมหลีกได้แล้วรึไง คิดเช่นนั้นพลางกดรับสาย
[ฟุรุยะหรือ? สถานการณ์ชักท่าไม่ดีเล็กน้อยเสียแล้วล่ะ]
แต่พอได้ยินคำพูดถัดมาของคาราสึมะเข้า ฉันก็เกือบจะเผลอทำมือถือร่วงหล่นลงจากมือเลยทีเดียว
[แม่หนูมิซากิล้มฟุบไปแล้ว]