“ หากคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไคอิได้อย่างรวดเร็วซะ นอกจากจะลดความเสียหายได้แล้วเรายังจะได้คะแนนในการประเมินเพิ่มมหาศาลเลยอีกด้วยนะ มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น! จะใครๆก็มีความสุขพร้อมหน้ากัน! ”
เนื่องจากถูกกระชากลากตัวมาโดยโซยะที่ลั่นประโยคดังข้างต้นด้วยท่าทางโคตรจะกระตือรือร้น พวกเราก็เลยเริ่มต้นทำการเดินตรวจตรายามกลางคืนกันน่ะนะ แต่ทีมรวมพวกไม่เอาอ่าวที่ไม่มีทั้งศาสตร์ตรวจจับและศาสตร์เคลื่อนไหวอันทรงอานุภาพใดๆเลยอย่างพวกเรามันก็ไม่มีทางจะเจอะเข้ากับไคอิได้อย่างประจวบเหมาะดังที่หวังแหงอยู่แล้ว วันเวลาจึงล่วงผ่านเลยไปถึง 3 วันโดยที่ไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆเลย ส่วนในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 4 โซยะที่พูด “พอดีวันกำหนดตรวจอาการของเนตรมารฝันถูกเลื่อนมาให้เร็วขึ้นอย่างกะทันหันน่ะ…” ก็ขอตัวออกจากศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณไปก่อนล่วงหน้าอีกต่างหาก
ฉันกับคาราสึมะที่ไม่มีสมาชิกกลุ่มมากพอจะปฎิบัติงานได้ จึงฝากฝังหน้าที่ตรวจตราตอนกลางคืนให้กับทีมผู้ปราบมารกลุ่มอื่นๆซึ่งถูกส่งตัวมาเมื่อวานซืน แล้วหลังจากที่ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณปิดทำการแล้ว ก็ว่าจะเดินทางกลับกันในทันที โคตรไม่มีกะใจทำอะไรเลยไง
โซยะพูดว่า [ถ้าตรวจเสร็จเร็วจะรีบตามมาสมทบในการตรวจตรานะ!] อยู่ก็จริง แต่ขนาดรอจนถึงช่วงที่ศูนย์ให้คำปรึกษาปิดทำการแล้วก็ยังไม่มีการติดต่อใดๆมาเลย ฉันกับคาราสึมะก็เลยมุ่งหน้าเดินทางกลับบ้านดังที่ได้กำหนดเอาไว้นั่นแหละ
“ นมเล็กนั้นถูกอุปมาอุปไมยว่าเป็นแผ่นกระดานเอย หน้าผาสูงชันเอยอยู่บ่อยมากเลยก็จริง แต่หน่มน้มของเด็กผู้หญิงนี่ต่อให้ใครจะว่าอย่างไรแต่มันก็เป็นสิ่งที่นุ่มแสนนุ่มโดยแท้เลยเชียวล่ะ ไม่สิ ร่างกายของเด็กผู้หญิงนั้นจะเป็นส่วนไหนๆก็ล้วนนุ่มนวลเหมือนกันหมดนั่นล่ะ ”
“ เห~ ”
ยามพลบค่ำ
ในระหว่างที่เดินตรงไปตามเส้นทางที่เชื่อมต่อติดอยู่กับสถานี ไอ้ฉันก็ส่งเสียงขานรับต่อหัวข้อคาราสึมะที่ชวนคุยเรื่องเรือนร่างผู้หญิงไปแบบส่งๆ
“ อะไรกันฟุรุยะ คุยไม่สนุกเลย แกฟังให้ดีๆนะ? นี่หาได้เป็นการพูดคุยเรื่อยเปื่อยไร้ความหมายเพื่อระบายตัณหาแสนน่ารังเกียจที่อัดอั้นตันอยู่ในใจของฉันแต่อย่างใดไม่ สาวนมหลีกนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นไคอิซึ่งยึดติดมีปมอยู่กับการที่ตนเองนมเล็ก ฉะนั้นสิ่งที่พวกเราสมควรต้องกระทำยิ่งในตอนนี้ก็คือการเสริมสร้างความเข้าใจในหัวอกของเหล่าผู้เล็กจ้อย เพื่อที่จะให้สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของพวกเธอเหล่านั้นไม่ใช่หรือไร? ฉะนั้นหากจะให้การงานเป็นไปได้ด้วยดีแล้วหัวข้อบทสนทนานี้ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง! ”
“ เอ็งแค่อยากชวนคุยเรื่องทะลึ่งเท่านั้นไม่ใช่เรอะ ”
“ ทะลึ่งอะไรกันแกก็สักแต่จะทึกทักไปเองเสียจริง ชวนคุยเรื่องหน่มน้มกระตุกจิตกระชากใจที่พ่วงทั้งรสนิยมและผลประโยชน์เอาไว้ด้วยกันต่างหากล่ะ! วันนี้แม่หนูมิซากิก็ไม่อยู่ด้วยนี่นะ ฟุรุยะเองก็ลองคายความรู้สึกที่ตามปกติแล้วไม่อาจพูดออกมาดูบ้างเป็นอย่างไรล่ะ? อย่างเช่น หน่มน้มของแม่หนูมิซากิมันทะลึ่งมากเหลือเกินจนชวนปวดใจเอย ที่ไม่เจอกับสาวนมหลีกเสียทีนั่นแท้จริงแล้วเป็นเพราะนมของแม่หนูมิซากิมันใหญ่มากเกินไปหรือเปล่าเอย อะไรจำพวกนี้น่ะนะ ”
“ ………เอ้ยแต่ ไอ้ที่ว่าสาวนมหลีกจะกลัวคนนมใหญ่นั่นมันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่คอนเฟิร์มว่าถูกต้องแน่นอนซะหน่อยนะเว้ย ”
ฉันพูดแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าหนี…..คิดแบบเดียวกันกับไอ้เจ้าคาราสึมะเป๊ะเลยแฮะ
ถ้ามัวพูดอยู่แต่เรื่องแบบนี้มันก็ชักเป็นลางให้รู้สึกเหมือนว่าอาจจะได้เจอกับสาวนมหลีกจริงๆขึ้นมาอะนะ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่หรือช่วงเวลาที่มีรายงานกันว่ามันมักจะโผล่ตัวออกมาบ่อยๆซะหน่อย คงไม่น่าจะมีอันตรายอะไรหรอกมั้ง
“ ให้ว่าแล้ว เอ็งทำเป็นปากดีพูดว่าเสน่ห์ของนมเล็กหยั่งงู้นหยั่งงี้ แต่พอเห็นนางุโมะหรือโซยะเข้าปุ๊บก็ตาลุกวาวเลยไม่ใช่เรอะเฮ้ย ”
“ หึ! ก็นั่นมันช่วยไม่ได้นี่นะ เรือนร่างหญิงแสนสง่าที่ต่อให้มองในสภาพที่สวมเสื้อทับอยู่ก็ยังเข้าถึงความดีงาม องคชาติในใจฉันจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน ทว่า! หากมีเรือนร่างหญิงปรากฎขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าฉันในสภาพเปลือยเปล่าอย่างพร้อมเพรียงแล้วละก็ องคชาติในใจฉันจะต้องร่วมรักจุ๊กกรู๊กับทุกผู้โดยไม่มีการแบ่งแยกว่านมใหญ่หรือนมเล็กอย่างแน่นอน! ”
ถ้าเอาของหนักๆทุบหัวแล้วคนบ้าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้จริง ฉันคงทำการฟาดหัวไอ้เวรนี่อย่างไม่มีลังเลไปแล้ว…….เป็นในฉับพลันที่คิดแบบนั้นอยู่น่ะเอง
ตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ดตื๊ด
ที่สมาร์ทโฟนของฉันพลันแจ้งเตือนว่ามีสายโทรเข้า
ผู้ที่โทรมาก็คือ คุซึโนะฮะ คาเอเดะ
ยัยนั่นช่วงนี้อารมณ์เสียตลอด ขนาดจะรับโทรศัพท์ก็ยังกลัวเลยหรอกนะ…….แต่ก็ยังดีกว่าโดนบังคับให้ต้องฟังไอ้เจ้าคาราสึมะพูดเรื่องเรือนร่างผู้หญิงกรอกหูอยู่ซ้ำๆซากๆละมั้ง
ฉันพูดกับคาราสึมะว่า “โทษที โทรศัพท์เข้า” ก่อนจะกดรับสาย
คาราสึมะก็กล่าวตอบ “อืม ไว้เดี๋ยวเรามาคุยกันต่อทีหลัง!” ก่อนจะเริ่มกดสมาร์ทโฟนเล่น ดูจากที่มันควักเอาหูฟังออกมาแล้ว คงจะฟังเสียงครางสยิวกิ้วอีกรึเปล่าฟะนั่น พอทีเถอะเว้ยขอร้องล่ะ……
“ อ่า…..ฮัลโหล? มีธุระอะไรเรอะ? ”
[เกี่ยวกับการตรวจวินิจฉัยตามวาระครั้งถัดไปน่ะ]
คาเอเดะไม่ได้เกริ่นอะไรเป็นพิเศษ พูดเปิดเข้าประเด็นหลักเลยในทันที ปกติก็เป็นแบบนี้แหละนะ
[ออกจะฉุกละหุกก็จริง แต่พรุ่งนี้ฉันจะต้องกลับไปบ้านน่ะ ขอเปลี่ยนวันนัดตรวจวินิจฉัยตามวาระจะได้รึเปล่า]
พอคาเอเดะพูดแบบนั้นแล้ว คุณหล่อนก็ยกวันเวลาที่ตัวเองว่างอย่างละเอียดมาให้จำนวนนึง
อะไรหว่า? จะว่าไปโซยะก็ถูกเลื่อนวันตรวจอาการเนตรมารฝันให้เร็วขึ้นด้วยเหมือนกันนี่นะ มีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่าหว่า…….แม้จะฉงนสงสัยแต่ฉันก็กำหนดวันเวลาที่ว่างด้วยกันทั้งคู่กับคาเอเดะ และเป็นในฉับพลันที่กำลังจะวางสายพลางอุ่นใจที่เห็นว่าวันนี้คุณหล่อนดูไม่ค่อยโมโหเท่าไหร่อยู่นั่นเอง
——อ๊าาาางงงงง❤❤! อึ๊นนรู้สึกดีจังงง❤!
“ โอ๊ะโอ เวรกรรม เผลอทำหูฟังหลุดเสียได้ ”
ที่มีเสียงดังลั่นระดับที่ไม่น่าเป็นไปได้ กระหึ่มออกมาจากสมาร์ทโฟนของ (ไอ้ควาย) คาราสึมะ
[……………………ฟุรุยะคุง?]
เสียงคาเอเดะที่ดังมาจากอีกฝั่งของมือถือ พลันก่อร่างสร้างตัวเป็นจิตสังหารศูนย์สัมบูรณ์ขึ้นมาเฉยเลยเฮ้ย!
[อยู่ระหว่างไล่ผี….นี่ก็ไม่น่าจะใช่ด้วย……..อย่าบอกนะว่า นี่เธอใช้ความสามารถกับคนเป็นๆเหรอ]
“ ไม่ใช่! เข้าใจผิดแล้ว! นี่มันคือว่าไอ้เจ้าบ้าคาราสึมะ—– ”
——อึ้นฮี๊~~~❤! ทั้งที่จะส่งเสียงออกมาไม่ด๊ายแต๊ๆ❤ ความจะแตกแล้ว เสียงครางมันจะทำให้ความแตกแล้วววว❤!
“ ไอ่คาราสึม๊าาาาาาาาาา! รีบทำอะไรกับเสียงที่ดังหยั่งกับบ้านั่นเร็วเข้าสิว้อยยยยยย! ”
ดันทะลึ่งเปิดเสียงร้องชวนสยิวออกมาได้โคตรถูกจังหวะงามหน้าซะอีกนะ!
“ โทษทีนะ แต่ช่วงนี้สภาพสมาร์ทโฟนมันไม่ค่อยดี…….คงถึงคราวต้องซื้อเปลี่ยนใหม่แล้วกระมัง ”
——ไม่นะอย่าเล่นหัวน๊มมมมม❤! เดี๋ยวนมมันก็ใหญ่ขึ้นกันพอดีน่ะสิอ๊าาางงงงงงง❤!
นมใหญ่ขึ้นแป๊ะอะไรเล่าเฮ้ย! ลดเสียงให้เบาลงทีสิว้อยย!
[คาราสึมะ……? ที่สนิทสนมใกล้ชิดด้วยไม่ใช่โซยะแต่เป็นเด็กมีปัญหาอีกคนหนึ่งหรอกเหรอ…..? คาราสึมะ เห~ คาราสึมะ คาราสึมะ อาโอย]
ฉิบหายฉิบหายฉิบหายฉิบหาย! ก็ไม่รู้หรอกนะทำไม แต่โทนเสียงคาเอเดะกลายเป็นโทนเดียวกับในช่วงประถมที่โดนพวกเด็กเกรียนข้างบ้านป่วนจนเสื้อตัวเก่งเปรอะคราบไปหมดเข้าแล้วเว้ย!
ทำไมไอ้ฉันถึงจำเรื่องยิบย่อยแบบนั้นได้เรอะ!? ก็เพราะไอ้เด็กเกรียนพวกนั้นมันโดนลงทัณฑ์จนยับระดับที่แค่ฉันมองดูอยู่ห่างๆก็ยังช็อคเป็นแผลใจขึ้นมาเลยยังไงล่ะไอ้เวร! ชีวิตของคาราสึมะกำลังอยู่ในอันตราย!
“ รอเดี๋ยวก๊อนน! คืองี้นะ? ฟังดีๆนะเฮ้ย? ตะกี้นี้มันคือเสียงครางชวนสยิวที่ไอ้บ้าคาราสึมะมันฟังอยู่เฉยๆ ฉันเนี่ยไม่ได้ใช้ความสามารถมั่วๆเลยซัก—— ”
[ฟุรุยะคุง!]
เป็นในฉับพลันนั้นเอง ที่คาเอเดะแผดเสียงร้องดังลั่นขัดคำพูดไอ้ฉันเอาไว้
อะ อะไรฟะ!? เสียงที่ฟังดูจวนตัวขนาดนี้ของคาเอเดะ….ไม่ได้ยินมานานมากแล้วนะ
[รีบหนีไปจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้เลย!]
คาเอเดะพูดต่อโดยไม่สนไอ้ฉันที่งงงวยเลยซักนิด
“ ………..ขึก!? ”
มันเป็นตรงนั้นเอง ที่ฉันเพิ่งจะสัมผัสถึงความแปลกประหลาดได้ซะที
คาราสึมะที่เงียบกริบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันกำลังจ้องตาไม่กระพริบไปยังจุดๆหนึ่งด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม
มีเค้าลางที่ชวนให้ขนลุกซู่ โชยลอยมาจากทางเบื้องหน้า
[สัมผัสได้ถึงเค้าลางที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย เธอรีบถอยห่างออกจากที่นั่นแล้วเรียกกำลังเสริม—-]
หันขวับโดยที่รู้สึกว่าเสียงของคาเอเดะมันค่อยๆลอยห่างไกลออกไป
ปลายสายตาของคาราสึมะ ณ อีกฝั่งของความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟอันพร่ามัวนั่น มองเห็นได้ว่ามีบุคคลในชุดสีแดงฉานยืนตระหง่าน—–
“ นี่ ”
““ ฮึก! ””
ซู่! ขนทั่วร่างพลันลุกชัน
ในพริบตาเดียวระดับที่ยังไม่ทันได้หายใจ—-หญิงในเสื้อโค้ทสีแดงก็เคลื่อนไหวโผล่มาอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเราแล้ว
เพราะสวมหมวกและแมสก์ปกปิดก็เลยไม่อาจมองเห็นโฉมหน้านั่นได้ และแล้วหญิงผู้ห่อหุ้มกายเอาไว้ด้วยเสื้อโค้ทหลวมโพรก ก็เอื้อนเอ่ยคำถามนั่นออกมาด้วยเสียงกระซิบอันไร้โทนประดุจดั่งเป็นหญิงสาว
“ ฉันนมหยั่ยไหม? ”
“ ………ขึก! ”
เจ้านี่น่ะเรอะ……สเกลคาดการณ์ 2-3?
ก็ระยำแล้วโว้ย…….!
ฉันกระชากกำไลข้อมือทั้งสองข้างออกแบบเกือบจะด้วยสัญชาติญาณ ช่วงเวลาในระหว่างที่แขนกับดวงตาจะแปลงสภาพซึ่งตอนปกติไม่ได้คิดว่านานอะไรนั่น มาตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนยาวนานไม่จบไม่สิ้นซักที
“ หึ…หึฮ่าฮ่า ”
พลันมีเสียงหัวเราะเล็กๆดังก้องขึ้นมาจากข้างๆฉัน ไอ้เจ้าคาราสึมะที่น้ำตานองหน้าเรียบร้อยเพราะเผอิญซวยเจอะเข้ากับไคอิอย่างกะทันหันนั่นเอง
“ ยะ อย่าได้แตกตื่นไปเชียวล่ะฟุรุยะ มาตรการรับมือนี่ มะ แม่หนูนางุโมะ มุตสึมิได้ทำการบอกกล่าวเล่าให้เราฟังไว้แล้วไม่ใช่หรือ ”
เพราะตรวจจับถึงสเกลพลังของสาวนมหลีกได้แม่นยำมากกว่าฉันหลายเท่าตัวก็เลยเข้าสู่สภาวะแตกตื่นไปนิดๆหรือไง คาราสึมะมันจึงแผดเสียงร้องคำรามออกมาสุดกำลังโดยไม่เว้นช่วงให้ปรามได้เลย
แค่เจอออร่าที่สาวนมหลีกปลดปล่อยออกมาก็ใจฝ่อกลัวขี้หดตดหายแล้วละมั้ง ไอ้เจ้าคาราสึมะมันก็เลยไม่ใช้ศาสตร์พันธนาการเข้าสู้ ชิงร้องหน่มน้มออกมาสามครั้งแทน
“ ………. ”
แต่ทว่า แต่ช้าแต่….สาวนมหลีกกลับไม่ได้หวั่นไหวสะเทือนต่อเสียงร้องหน่มน้มสามครั้งของคาราสึมะเลยซักนิด
ในท้ายที่สุด
“ แล้วแบบนี้ยังหยั่ยอยู่ไหม……? ”
มันก็กล่าวราวกับกระซิบ พลางเปิดด้านหน้าของเสื้อโค้ทสีแดงให้เห็น
“ …………ขึก! ”
ที่แผ่หราอยู่ตรงนั้น ก็คือที่ราบอันแสนกว้างใหญ่มากระดับที่ชวนให้เกิดความรู้สึกสงสารเวทนาจับจิตเลยด้วยซ้ำ
ภายใต้เสื้อโค้ท มีชุดแนบเนื้อบางๆเพียงตัวเดียว หญิงคนตรงหน้าสวมใส่เจ้าชุดนั่นอยู่ราวกับว่าเป็นชุดวันพีซที่ออกจะสั้นหน่อย บริเวณเท้ามีรองเท้าและถุงน่องที่เหมือนเคยเห็นที่ไหน แขนขาที่ยาวเรียวงดงามได้รูปทรงสมหญิงนั่นในมุมนึงก็ดูมีเสน่ห์อย่างมากล้นเลยก็จริงหรอก แต่มันกลับเป็นตัวทำให้ความเหงาหงอยของบริเวณอกที่ไม่มีมุมโค้งนูนใดๆเลยดูเด่นขึ้นมาด้วยซะอย่างนั้น
แม้ตามเดิมแล้วจะเป็นเรือนร่างแสนงดงามที่สมควรต้องสรรเสริญชื่นชมด้วยคำว่าหุ่นสเลนเดอร์ แต่เพราะคุณหล่อนแกดันชิงถามออกมาว่า “ฉันนมหยั่ยไหม?” ไง เลยหยุดยั้งความรู้สึกสงสารจับจิตไม่ได้เลยซักนิดเนี่ย
ตะกี้ไอ้เจ้าคาราสึมะพูดว่า [ต่อให้ใครว่ายังไงแต่นมเล็กก็นิ่มเหมือนกัน] อยู่หรอกนะ แต่หยั่งกับว่าถูกเผยให้เห็นนมที่เป็นข้อยกเว้นต่อคำกล่าวนั่นอยู่จะๆต่อหน้าต่อตาเลยเชียวเว้ย หน้าผาสูงชันเลย….สาวนมหลีกที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าพวกเรานี่ มันนมเล็กคนละระดับกับมนุษย์มนาทั่วไปสุดกู่เลยทีเดียว
คาราสึมะก็เหมือนว่าจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับไอ้ฉัน มันจึงบิดเบี้ยวใบหน้าไปด้วยความเวทนาพร้อมกับตะโกนกร้าว “นมใหญ่! นมใหญ่! นมใหญ่!” ออกมาราวกับร้องขอชีวิต
และเป็นในฉับพลันนั้นเอง ที่ฉันรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวของสาวนมหลีกมันพองขึ้นมา
“ คาราสึมะ! อันตรายเว้ย! ”
ฉันผลักคาราสึมะปลิวกระเด็นไป ด้วยมือที่ไม่ใช่ของมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
โครมมมมมมมมมมมมมมม!
หมัดของสาวนมหลีกมัน กวาดเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ข้างหลังคาราสึมะไปพร้อมๆกับมือขวาของฉัน
“ อ๊าาาากกกกกกกก!? ”
มือขวาไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไร แต่ร่างของฉันกลับถูกส่งลอยปลิวกระเด็นไปไกลทั้งๆอย่างนั้น กลิ้งกระแทกไปตามพื้นดินไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
เปรี๊ยะ! กร๊อบ! โครมมมมมมม!
เสาไฟฟ้าล้มครืนลงมา และสายไฟฟ้าที่ถูกกระชากตามลงมาโดยเสานั่นก็ขาดว่อนกระเด็นกระดอนทั่วไปหมด
แสงไฟพลันเลือนหายไปจากบ้านของประชาชนโดยรอบในคราเดียว มีเพียงแสงไฟข้างทางบางส่วนที่เอาไฟฟ้ามาจากแหล่งอื่นเท่านั้นที่สาดแสงพร่ามัวฉายอยู่ทั่วบริเวณ
“ มะ มันอะไรกันเนี่ยเฮ้ย…..เป็นไปได้เรอะ จะบอกว่าอาการทรุดหนักจากสเกล 3 กลายมาเป็นแบบนี้ได้ภายในไม่กี่วันจริงดิ ”
ฉันลุกกลับขึ้นมาพลางฝืนกลั้นอดทนความเจ็บปวดทั่วร่าง แล้วพอหันขวับไปเพื่อตรวจสอบว่าคาราสึมะยังปลอดภัยดีรึเปล่าปุ๊บ
“ อะ…อะหวาหวาหวาหวาหวา ”
“ …….. ”
ก็พบว่าสาวนมหลีก มันกำลังกำหมัดเดินรุกไล่เข้าไปหาคาราสึมะที่ล้มหมดสภาพอยู่กับพื้น
“ ไอ้เบื๊อก! หนีเร็วเข้าคาราสึมะ! ”
“ ตะ ตึ๊งตะว่าอย่างอั้น…..ตะ แต่เอวมัน…… ”
“ ไอ้ใจปลาซิวเอ๊ย! ”
ฉันเพ่งตาจดจ่อไปยังสาวนมหลีกที่หันหลังให้ ถ้ามีโพรงเสน่ห์กายิกสุขอยู่ตรงบริเวณหลังจะจิ้มซะ……คิดแบบนั้นอยู่ก็จริง แต่ตรงบริเวณแผ่นหลังนั่นกลับไม่มีจุดที่ส่องประกายแสงอยู่เลย
บัดซบเอ๊ย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ละก็คาราสึมะเสร็จมันแน่!
นังสาวนมหลีกนั่นไม่ได้เป็นสาวนมหลีกแบบตลอดมาจนถึงตอนนี้อีกแล้ว
ถ้ามนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อโดนมันต่อยเข้าละก็ไม่จบแค่บาดเจ็บแน่
“ ปัดโธ่โว้ย! อาจจะดูปัญญาอ่อนสิ้นดีก็จริง แต่แม่มไม่เหลือทางอื่นนอกจากไอ้นี่แล้ว! ”
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าถ้าขนาดตะโกนนมใหญ่รัวๆยังเอามันลงไม่ได้ งั้นทำแบบนี้ไปจะใช้ปราบสาวนมหลีกได้รึเปล่า……แต่ฉันก็ตระเตรียมการในทันที ก่อนจะแผดเสียงร้องสุดกำลังเพื่อดึงดูดความสนใจของสาวนมหลีก กล่าวมันออกไป ประโยคที่เดิมพันเอาไว้ด้วยชีวิตนั่น
กึก
การเคลื่อนไหวของสาวนมหลีกพลันหยุดกึก
คาราสึมะทำหน้าซีดหยั่งกับจะสื่อว่า “เอาแหล่วเอาแหล่วเอาแหล่วไอ้ห่านั่นตายแน่แหล่ว”
พริบตานั้น
“ ตะกี้ พูดว่าอะไรเหรอ? ”
ฟุ่บ….สาวนมหลีกมัน หันคอตรงดิ่งมาทางนี้
——วู่ม!
พอคำรามปลดปล่อยเสียงกรีดร้องประดุจอสูรกายออกมาจากช่องปาก สาวนมหลีกมันก็พุ่งทะยานอัดตรงดิ่งเข้ามาทางนี้เลย สมรรถภาพร่างกายอันสูงล้นท่วมท้นนั่น ผสานเข้ากับร่างกายที่ไม่มีทรงโค้งนูนต้านอากาศก่อให้เกิดเป็นอำนาจที่สำแดงแผลงฤทธิ์ได้ออกมาเป็นความเร็วระดับที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ ……..ขึก! ”
และฉัน ก็ทำการสวนกลับมันด้วยท่านั่งกอดเข่า
พูดแบบละเอียดก็คือ พับเข่าทั้งสองข้างให้ลอดเข้าไปข้างในเสื้อ ทำให้กระดูกสะบ้าหัวเข่าที่แพลมออกมาจากอกเสื้อดูราวกับว่าเป็นร่องอก—–เข้าสู่สภาวะจำลองสร้างนมใหญ่ขึ้นมายังไงล่ะพวกเอ็ง
เท่านั้นแหละ สาวนมหลีกที่พุ่งดิ่งเข้ามาทางนี้พลันหลีกฉัน—-ไม่สิ หลีกนมใหญ่ปลอมๆของฉัน ก่อนจะแผดร้องเสียงหลงพลางกระแทกชนเข้ากับรั้วข้างหลังอย่างจัง
“ ได้ผลด้วยเรอะ!? ”
ในฉับพลันเดียวกับที่ฉันแผดเสียงที่ระคนไปด้วยความยินดีพลางหันขวับไปมอง สาวนมหลีกมันก็ลุกพรวดกลับขึ้นมาจากกองภูเขาซากปรักหักพัง
“ กิ๊…อุ…กิ๊กิ๊ ”
ดวงตาอันแดงก่ำที่เผยออกมาให้เห็นได้จากช่องว่างของแมสก์และหมวก มันกำลังจับจ้องหมายหัวฉันอยู่
อารมณ์ที่สถิตอยู่ในตาคู่นั้นก็คือจิตสังหาร
หมัดที่ป่นเสาไฟฟ้าจนแหลกกระจุย ได้ถูกเหวี่ยงยกขึ้นสูง
ขุ่ก…ไอ้ที่บอกว่าสาวนมหลีกจะกลัวนมนั่นเป็นแค่เรื่องที่ถูกกุขึ้นมั่วๆจริงด้วยเรอะ!?
หรือว่านมใหญ่ปลอมๆของไอ้ฉันมันจะใช้การได้ไม่ค่อยดี!?
จะยังไงก็ตามแต่ ทางฝั่งฉันนี่ไม่เหลือมาตรการใดจะใช้ไล่ให้สาวนมหลีกถอยกลับไปได้อีกแล้ว
ฉันเตรียมตัวตายในท่านั่งกอดเข่าสร้างนมสุดจะเฮงซวย หลับตาปี๋พร้อมรับชะตากรรม
เป็นในฉับพลันนั้นเอง
ที่เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดรวดร้าวไม่มีอะไรเกิน พลันเสียดแทงเข้ามาในหูของฉันที่หลับตาอยู่
อะ อะไรฟะ?
พอลืมตาขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็พบว่าไม่ได้มีมอนสเตอร์แสนน่าเศร้าที่เที่ยวไล่ไปถามชาวบ้านเค้าอย่างสุดระทมว่า “ฉันนมหยั่ยไหม?” อยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว
“ ทั้งสองคน! ไม่เป็นอะไรนะ!? ”
กลับกัน สิ่งที่กำลังวิ่งตรงดิ่งมาทางนี้ก็คือนมใหญ่ที่เห็นจนชินตา
“ ได้ยินเสียงดังกระหึ่มก็เลยรีบวิ่งมาเลยน่ะ……แต่ทำไมถึงต้องเจอในตอนที่ฉันไม่อยู่ด้วยเนี่ยยย!? ”
“ โซยะเรอะ……? ทำไมเธอถึง ”
“ เพราะตรวจอาการของเนตรมารฝันเสร็จเร็ว ก็เลยกลับมาเพื่อดูว่าจะร่วมสมทบในการเดินตรวจตราตอนกลางคืนทันรึเปล่าน่ะสิ! ”
โซยะคุกเข่าลงข้างๆฉัน ก่อนจะทำการแปะยันต์สำหรับรักษาบาดแผลภายนอกรัวๆไปทั่วร่างกายให้
ถึงจะดูหยาบๆหน่อยแต่ศาสตร์มันก็ออกฤทธิ์อยู่ แม้จะเพียงนิดเดียวแต่ก็ช่วยผ่อนให้ความเจ็บปวดเลือนหายไปได้
“ ขอโทษนะ รู้แบบนี้น่าจะให้พกชิกิงามิติดเอาไว้ซักสองสามตัวก็ดีน่ะสิ …….แต่ถ้าฉันไม่ได้อยู่ร่วมตรงนั้นด้วย ต่อให้มีหรือไม่มีก็คงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อยู่ดีละมั้ง ”
โซยะมองบาดแผลของฉันและสภาพความเสียหายโดยรอบ ก่อนจะทำสีหน้าหม่นหมอง
“ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไม่ใช่ว่าสเกลที่คาดการณ์คือ 2-3 หรอกเหรอ…..? ทั้งที่ยังระบุตัวบุคคลที่เป็นแกนกลางของไคอิไม่ได้เลยแท้ๆ……ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ใครจะรู้ว่าความเสียหายจะกระจายไปมากเท่าไหร่…… ”
โซยะที่ความสดใสร่าเริงแบบปกติเจือจางลงไป พลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
สำหรับโซยะที่มีท่าทางออกเปิ่นๆแล้วนับว่าหายากเลยนะนั่น จะมองดูอยู่ต่ออีกซักพักก็ได้หรอก แต่พอเห็นโซยะซึมๆอยู่แล้วมันก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดใจน่ะนะ ฉันก็เลยชี้นิ้วไปยังบริเวณเท้าของสาวแกก่อนจะพูดออกมาว่าอย่างงี้
“ อ่า ถ้าเป็นร่องรอยที่จะสาวไปถึงตัวเจ้าคนที่เป็นแกนกลางของไคอิละก็ ฉันหาเจอแล้วล่ะ ”
“ เอ๊ะ? ”
“ รองเท้ากับถุงน่องที่สาวนมหลีกใส่อยู่ไง……มันคือของบังคับใช้ของทางโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะอะนะ ”
ถุงน่องสีกรมท่า กับรองเท้าโลฟเฟอร์สีดำ
ในตอนที่ปะหน้าเข้ากับสาวนมหลีก คำถามอันแสนพิลึกกับออร่าอันน่าเกรงขามนั่นมันจะเป็นตัวดึงดูดให้ไม่ว่าใครก็ต้องมองไปยังนม….กล่าวคือบริเวณร่างกายท่อนบนของสาวนมหลีกอย่างเดียว ฉะนั้นก็เลยอาจจะคลาดสายตามาตลอดจนถึงตอนนี้ละมั้ง
“ สถานการณ์แบบนั้นแต่ยังจะสังเกตเห็นได้อีก……นี่แก เป็นหนึ่งในชมรมคนนิยมเท้างั้นหรือ แถมดูทีแล้วน่าจะอาการหนักพอดูเลยด้วย ”
“ ……ขยันหมั่นเช็คน่องขาอยู่เรื่อยแบบนี้ สมกับเป็นฟุรุยะคุงจริงๆนะ ”
ไอ้คาราสึมะที่กลิ้งหมดแรงอยู่ใกล้ๆมันแซวไม่เข้าเรื่อง ส่วนโซยะที่เป็นผู้ถือครองเนตรมารฝันก็พูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนหยึยนิดๆ คนเขาอุตส่าห์คว้าร่องรอยเอาไว้ได้แท้ๆแต่บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันครับเนี่ยเฮ้ยพับผ่าสิ
“ ไม่ได้นิยมเท้าซะหน่อยว้อย! แค่ในระหว่างที่สาวนมหลีกมันไถ่ถามคาราสึมะอยู่นั่น มีเวลาได้เฝ้าสังเกตการณ์ก็แค่นั้นแหละ! ”
ฉันพูด “เอาเป็นว่า” เพื่อวกกลับเข้าประเด็น ก่อนจะให้คำขาด
“ ไม่ผิดแน่นอน ตัวตนแท้จริงของสาวนมหลีก ก็คือยัยนมเล็กที่อยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะยังไงล่ะ ”
MANGA DISCUSSION