หลังจากนั้นเราก็ไปเข้ารับฟังคำอธิบายแบบคร่าวๆในห้องพักครู แล้วจึงถูกนำทางมายังห้องที่จะถูกใช้เป็นฐานเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณ เป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีผนังกั้นแบ่งเนื้อที่ภายในให้แยกออกเป็นสองฝั่ง โดยอีกฝั่งนึงนี่ก็จะมีอาจารย์แนะแนวที่เป็นคนธรรมดาๆของทางโรงเรียนเฝ้าประจำการอยู่
เนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากวิญญาณร้ายหรือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการกลายเป็นไคอิมันจะมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอยู่กับความเครียดหรือสภาพจิตที่ไม่เสถียรของเด็กช่วงวัยรุ่นอย่างใกล้ชิด ก็เลยจำเป็นต้องวางระบบให้ทั้งสองฝั่งสามารถประสานงานร่วมกันได้อย่างง่ายน่ะนะ
ทำการทักทายคุณอาจารย์แนะแนวเรียบร้อย เท่านี้ก็ถึงคราวได้ฤกษ์เปิดทำการกันซะที ทว่า…….
“ ไม่เห็นจะมีคนมาเลย! ”
โซยะฟาดโต๊ะของศูนย์ให้คำปรึกษาดังเปรี้ยงๆ
“ มันรบกวนห้องข้างๆเค้านะ หยุดเลยเฮ้ย ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ก็เข้าใจความรู้สึกร้อนรนแตกตื่นของโซยะอยู่หรอกนะ
หลายวันหลังจากที่เปิดทำการ พอเข้าคาบเรียนช่วงเช้าของโรงเรียนปราบมารเรียบร้อย เราก็จะมุ่งหน้ามาทำงานนอกสถานที่อยู่ในโรงเรียนชิโนโนเมะในช่วงบ่าย……ดำเนินชีวิตแบบนี้มาได้ซักระยะนึงแล้วก็จริง แต่กลับไม่มีใครมาใช้บริการกันเลยแม้ซักคนเดียว
มีพวกเด็กผู้ชายบ้าๆบอๆที่หลงเสน่ห์รูปโฉมของโซยะหรือคาราสึมะมาแอบยืนเขินๆอายๆอยู่ตรงทางเดินบ่อยก็จริง แต่ก็แค่นั้น มีคิดว่าไอ้เจ้าเด็กผู้ชายพวกนี้มันอาจจะเป็นต้นเหตุทำให้คนไม่กล้ามาปรึกษาก็ได้อยู่เหมือนกันหรอก แต่ถ้าให้เดาแล้วเหตุผลที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดก็คงไม่แคล้ว
“ ต้นเหตุคือเรื่องวุ่นวายในวันแรกยังไงล่ะ! ”
“ ฮิ ฮย้าา หยุดทีเถอะ ได้โปรดอภัยให้กันตีเตอะก๊ะ อปัยไอ้อี๊วววว ”
โซยะเอาแท่งเรียวยาว (ไม้แคะหู) ยัดรุกไล่เข้าไปในรูหูของคาราสึมะพลางพิโรธโกรธเคือง
“ แต่เดิมการจะมายังศูนย์ให้คำปรึกษานี่มันก็ยากมากพออยู่แล้ว แถมนี่ยังเล่นก่อเรื่องให้สูญเสียความมั่นใจซะตั้งแต่วันแรกคนที่จะมาเขาก็เลยไม่มากันเลยไม่ใช่เหรอ! ”
“ เอ้อ ก็จริงอยู่อะแหละนะ ”
เป็นอย่างที่ไอ้ฉันกลัวจริงๆซะด้วย ยัยคนที่ชื่อนางุโมะ มุตสึมินั่นไม่ใช่คนธรรมดาๆเลย
เท่าที่ฟังจากคุณอาจารย์แนะแนวแล้ว นางุโมะ มุตสึมินั้นแม้จะเพิ่งขึ้นม.ปลายปีหนึ่งมาได้หมาดๆแต่ก็เป็นถึงเอซของชมรมเคนโด้เลย เพราะนมที่ใหญ่เบิ้มบักเอ้กจนน่าหวาดผวาก็เลยได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชาย แถมเพราะมาดอาเจ้พึ่งพาได้ที่ผสานเข้ากับวาจาคำพูดแบบเถื่อนๆเหมือนผู้ชาย กับนิสัยแน่วแน่มั่นใจในตัวเองได้อย่างลงตัวนั่นทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง ฉะนั้นการที่ข่าวลือเรื่องไอ้พวกสามหาวที่หมายมั่นคิดจะเล่นงานหน่มน้มของเธอคนนั้นจะถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วมันก็สมควร
“ ฉะนั้น ฉันคนนี้ก็เลยคิดขึ้นมาได้แหละค่ะ ”
โซยะยกนิ้วชี้ตั้งผึงขึ้นมา
“ ว่าจะแยกทีมออกเป็นสองกลุ่มคือคู่ฉันกับอาโอยจัง แล้วก็ฟุรุยะคุง ทำการลาดตระเวนภายในบริเวณโรงเรียนหลังจากที่โรงเรียนเลิกน่ะ ตั้งแต่ช่วงเย็นไปก็จะมีวิญญาณเบ็ดเตล็ดมารวมตัวกันได้ง่ายด้วยนี่นะ แถมยังมีโอกาสให้ปฎิสัมพันธ์กับผู้คนที่ทำกิจกรรมชมรมเพื่อสานสร้างความเชื่อมั่นได้เยอะด้วย! ”
“ ตะ ต้าอย่างอั้น แยกออกเป็นสามกลุ่มจะไม่ได้ประสิทธิภาพดีมากยิ่งกว่าหรือ…… ”
คาราสึมะมันกล่าวเสนอพลางตัวสั่นหงึกๆไปด้วยความฟินของไม้แคะหูก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องคิดไตร่ตรองพิจารณาเลยด้วยซ้ำ ไม่อนุมัติเว้ย
ก็ไอ้เจ้านี่มันมาโดยมีเป้าหมายเพื่อม่อสาว 100% เลยนี่นะ ใครจะยอมปล่อยให้ลอยนวลกันฟะ
“ เอ้ย ไอ้การลาดตระเวนภายในโรงเรียนนี่ ฉันก็ต้องทำด้วยเรอะ? สัญญาว่าจะคอยจัดการไม่ให้ความสามารถของฉันถูกคนโดยรอบรู้อยู่ไม่ใช่เรอะ ลืมไปแล้วรึเปล่าเนี่ย? ”
ต่อให้ฉันเจอะกับวิญญาณเบ็ดเตล็ดภายในโรงเรียนเข้าแต่ก็จะรับมือไม่ได้นะเฟ้ย? เพราะถ้าขืนใช้เทคโนเบรคเกอร์ขึ้นมา จะมีเสียงกรีดร้องแบบโคตรสัปดนดังสะเทือนไปทั้วทั้งภายในโรงเรียนเลยไง…….
“ เป้าหมายหลักของการลาดตระเวนคือการมีปฎิสัมพันธ์กับพวกเด็กนักเรียนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นน่ะ! ฉะนั้นเอาเป็นว่าฟุรุยะคุงก็ให้ความสำคัญกับการชวนคุยเอาไว้ก่อนนะ ถ้าเกิดเจอวิญญาณเบ็ดเตล็ดขึ้นมาก็ให้ติดต่อมาหาฉันแล้วกัน! ”
“ เอ้อถ้าอย่างงั้นก็โอเคอยู่มั้ง…… ”
เพราะงี้แหละ การลาดตระเวนหลังเลิกเรียนของพวกเราก็เลยเริ่มต้นขึ้นมาทันทีตั้งแต่วันนั้นเลย
“ หลงทางซะแล้ว……. ”
บริเวณเนื้อที่อันแสนกว้างใหญ่ ตึกเรียนที่ไม่คุ้นชิน
ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน หยั่งกับหลงเข้ามาอยู่ในเขตพื้นที่ที่เปล่าเปลี่ยวไร้ซึ่งผู้คนเลยงั้นแหละ ห้องเรียนที่มีสภาพเหมือนห้องวางของมันเด่นสะดุดตา หนำซ้ำตึกเรียนที่เงียบกริบนี่ยังเปี่ยมล้นเต็มไปด้วยบรรยากาศราวกับพร้อมจะมีผีโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อเลยอีกตะหาก อาจจะเป็นพื้นที่พวกอาคารเรียนเก่าที่ถูกทิ้งร้างอะไรแบบนี้ละมั้งนะ
ทั้งที่กะจะเดินไปแถวบริเวณห้องพักครู ไม่ก็ตึกทำกิจกรรมชมรมที่จะมีเหล่านักเรียนเดินสัญจรไปมาอยู่เยอะแท้ๆแต่ไหงถึงเป็นงี้…….ไม่มีป้ายนำทางอยู่ตรงไหนเลยรึไงหว่า
เป็นในฉับพลันที่ไอ้ฉันเดินมึนๆงงๆอยู่ข้างในตึกเรียนด้วยท่าทางหยั่งกับบุคคลน่าสงสัยน่ะเอง
ที่มีเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงดังกังวานออกมาจากห้องเรียนใกล้ๆ
“ เป็นอะไรเรอะ!? ”
เสียงกรีดร้องมันฟังดูราวกับใจจะขาดสุดๆเลย และพอฉันพุ่งทะยานอย่างแตกตื่นเข้าไปภายในห้องเรียนที่มีเสียงดังออกมาปุ๊บ
“ ชะ ช่วยด้วยย ช่วยด้วยยย ”
ภายในห้องเรียนอันมืดสลัวที่ถูกยัดอัดแน่นเต็มไปด้วยอุปกรณ์ป้องกันหรือหน้ากากที่น่าจะถูกใช้ในตอนฝึกเคนโด้แห่งนั้น มีนักเรียนหญิงคนนึงกำลังเอามือโอบรอบหัวนั่งยองๆอยู่กับพื้น
บริเวณเหนือหัวของเธอนั่นมีชายที่โชกไปด้วยเลือดงอกลงมาจากเพดาน กำลังส่งเสียงกระซิบพึมพำอะไรบางอย่างเข้าไปในหูของนักเรียนหญิงอยู่ เป็นวิญญาณร้ายสูตรสำเร็จระดับต่ำ ที่จะทำการยุความหวาดกลัวของผู้คนเพื่อคงสภาพการดำรงอยู่ของตนเอาไว้นั่นแหละ
ตามจริงแล้วควรจะต้องรีบติดต่อหาโซยะอย่างด่วนเลยหรอก แต่ประเด็นคือไม่รู้ไงว่าที่นี่มันคือที่ไหน นักเรียนหญิงก็หลับตาเอามืออุดหูให้อย่างเข้าทางพอดี และที่สำคัญที่สุด ไอ้ฉันนี่ทำใจปล่อยให้เด็กผู้หญิงถูกคุกคามอยู่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ
ฉันปลดกำไลรอบข้อมือทั้งสองข้างออก ก่อนจะจิ้มลงไปกลางโพรงเสน่ห์กายิกสุขที่มองเห็นอยู่บนหลังของชายที่โชกไปด้วยเลือด
พอเฝ้ามองชายที่โชกไปด้วยเลือดแลบลิ้นตาเหลือกอย่างเสียวซ่านก่อนจะสลายหายไปแล้ว ฉันก็เอามือตบไหล่ของเด็กนักเรียนหญิงที่เอาแต่ร้อง “ช่วยด้วยยย” ซ้ำไปซ้ำมาเบาๆไปทีนึง
“ ฮิ๊! ”
“ อ่า….ไม่เป็นไรนะ? ปราบวิญญาณร้ายไปแล้วล่ะ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว ”
พอพูดแบบนั้นหลายๆครั้งเข้าหน่อย เด็กนักเรียนหญิงก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ มะ ไม่มีอะไรแล้วเรอะ? มะ ไม่มีผีแล้วสินะ? ”
“ อืม วิญญาณร้ายน่ะถูก—–อ้าว? นี่เธอ ”
เด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ในสภาพเกือบๆจะร้องไห้แงคนนี้นี่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ใบหน้า…..ไม่สิ นมนั่นมันเป็นอะไรที่ไม่อาจลืมลงได้เลย
“ นางุโมะ มุตสึมิ……สินะ? ”
ผมหางม้ากับดวงตาอันเข้มแข็ง แขนขาที่ยาวเรียวระดับที่ต่อให้ก้มตัวอยู่ก็ยังดูรู้ได้ในทันที สาวน้อยนมเบิ้มมาดผู้ชายที่เหมาะสมกับคำบรรยายว่าอีหนูเคนโด้ซะเหลือเกิน
นางุโมะเองก็น่าจะจำฉันได้เหมือนกัน เพราะคุณหล่อนพลันพูดต่อออกมาด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ
“ กะ แกมัน…คนจากศูนย์ให้คำปรึกษาที่มาด้วยกันกับนังผู้หญิงโรคจิตนั่น…… ”
“ อ่า…..อืม ช่ายๆ ฟุรุยะจากศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณที่มาด้วยกันกับไอ้บ้านั่นแหละ ”
ฉันเองก็เคยมีประวัติเผลอเหม่อมองนมสาวแกโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันอะนะ แม้จะรู้สึกอึมครึมนิดๆแต่ก็ทำการกล่าวแนะนำตัวไปใหม่อีกครั้ง
เท่านั้นแหละ ใบหน้าของนางุโมะพลันแดงแจ๋ขึ้นมาในทันใด
“ อะ ไอ้นี่มันแบบว่า ไม่ใช่นะเว้ย! ”
นางุโมะที่ยังคงนั่งยองๆ รีบทำการเก็บมือที่สั่นดิ๊กๆเอาไว้ไม่ให้ฉันเห็นก่อนจะแผดเสียงร้องออกมา
“ ถ้าเป็นนังผู้หญิงโรคจิตแบบก่อนหน้านี้ หรือไอ้พวกแมลงสาบอะไรเทือกนี้ละก็รับมือได้สบายๆเลยล่ะ! แต่ผี……เอ้ยวิญญาณเนี่ยมันนั่นไง มันต่อยไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ!? เพราะงั้นก็เลยแบบ ไม่ถนัดรับมืออยู่นิดๆหรือไงดี…..มะ ไม่ได้กลัวเลยซักนิดนะเว้ย! ”
พอพูดหยั่งกับยิงปืนกลออกมาจบแล้ว นางุโมะก็ก้มหัวลงพร้อมโอดครวญดัง “อุ่กกก”
“ ตะ แต่ว่า ขอบใจมากนะที่ช่วย …….แล้วก็เรื่องนี้น่ะ ช่วยอย่าได้เอาไปบอกใครเลยทีเหอะ แบบว่าไอ้นั่นไง ฉันเองก็มีภาพลักษณ์ที่โรงเรียนอยู่เหมือนกันอะนะ ”
กล่าวขอบคุณอย่างชัดเจน ส่วนครึ่งหลังนั่นพูดพึมพำๆเสียงค่อยอย่างอายๆ
“ เข้าใจแล้วล่ะเข้าใจแล้ว เพราะงั้นแหละเอ้า สงบอารมณ์ให้เย็นๆไว้ก่อน ”
“ จะ จะไม่หัวเราะเรอะ? ”
“ ใช่เรื่องน่าหัวเราะที่ไหนฟะ ขนาดพวกฉันเองก็ยังกลัววิญญาณร้ายด้วยเหมือนกันนี่นะ ”
ก่อนหน้านี้ยังเผ่นหนีหญิงคลานสี่ขาที่เป็นสเกล 3 จนตีนไฟลุกอยู่เลยนี่นะ……
“ จริงน่ะเรอะ? ”
“ จริงๆ ขนาดพวกฉันที่เห็นชินตาอยู่บ่อยๆเนี่ยยังกลัวเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับสามัญชนเล่า ให้ว่าแล้วอยากจะให้กลัวกันมากๆเลยด้วยซ้ำ คนกลัวผีเนี่ยดีกว่าไอ้พวกบ้าที่ไปท้าความกล้าในจุดผีสิงเยอะเลยอะนะ ”
ท้าความกล้าแบบนั้น มันมีแต่จะไปโดนหลอกให้วิญญาณร้ายมีพลังอำนาจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแหละ ฉะนั้นช่วยหยุดทำกันทีเหอะขอร้อง
“ เอ้อ แต่ถ้ากลัวจัดมากเกินไปแบบนั้นมันก็จะดึงดูดให้มีตัวแปลกๆเข้ามาหาได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน ฉะนั้นก็จะไม่เสี้ยมหรอกนะ ”
พอชวนคุยเรื่อยเปื่อยเพื่อช่วยให้นางุโมะสงบอารมณ์ได้ง่ายขึ้นแล้ว สีหน้าของนางุโมะก็ค่อยๆผ่อนคลายความตึงเครียดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
“ ……..อะไรกัน ไอ้ฉันรึก็นึกว่าจะเป็นพวกพิลึกซะอีก แต่ก็เป็นคนดีนี่หว่า โทษทีนะ เผลอเข้าใจผิดจนเอาเรื่องของพวกแกไปด่าเสียๆหายๆจนรู้กันไปเป็นวงกว้างซะได้ ”
“ เอ้อไม่หรอก ก็ไอ้เจ้าบ้าคาราสึมะมันก็ทำงามหน้าเข้าจริงๆนี่นะ…….ฉันกับผู้หญิงอีกคนนึงน่ะไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก ช่วยไปแก้ข้อมูลแบบนั้นให้ทีก็แล้วกัน ”
ในระหว่างที่คุยกันแบบนั้น นางุโมะก็กลับมายืนด้วยตัวเองได้ แล้วคุณหล่อนก็ตบๆไหล่ไอ้ฉันหลายครั้งหยั่งกับเป็นการแก้เขิน
“ ขอบใจมากจริงๆนะ ก็มีผีอย่างเดียวเนี่ยล่ะที่ฉันกลัวหัวหดไม่ไหวจริงๆว่ะ…….ตามปกติแล้วก็จะพยายามเลี่ยงไม่มาใกล้ตึกเรียนฝั่งนี้หรอก แต่เผอิญวันนี้มีติดทำธุระนิดหน่อยอะนะ ”
เท่าที่ฟัง ก็ดูเหมือนว่าชมรมเคนโด้ปีนี้จะมีพวกเด็กผู้ชายถล่มกรูกันมาสมัครเข้ากันเต็มไปหมด คนมันเลยเยอะเนืองแน่นมากระดับที่มีอุปกรณ์ป้องกันไม่พอเลยทีเดียวเชียว และพอหยุดพักจากชมรมเพื่อมาเช็คพวกอุปกรณ์ป้องกันเก่าที่เคยถูกใช้ในคาบเรียนเมื่อนานมาแล้วและมีกำหนดจะถูกเอาไปทำลายทิ้ง เพื่อดูว่าจะสามารถนำกลับเอามาใช้ใหม่อีกรอบได้มั้ยอยู่ ก็เผอิญปะหน้าเจอะเข้ากับวิญญาณร้ายพอดีแน่ะ
นางุโมะชี้นิ้วไปยังนมของตัวเอง ก่อนจะยิ้มร่าออกมาด้วยท่าทางเหมือนเพลียๆครึ่งนึง
“ พูดเองแบบนี้มันก็ยังไงอยู่หรอกนะเว้ย แต่ว่าตามตรงก็คือมีไอ้พวกบ้าที่เข้าชมรมมาเพราะหวังเล็งไอ้เจ้าเนี่ยเยอะเลยล่ะ เพราะงั้นฉันก็เลยเสนอเองอะนะว่าจะยัดอุปกรณ์ป้องกันเหม็นๆที่ถูกใช้งานมาอย่างโชกโชนให้ จะได้เหลือแค่ไอ้พวกที่มีกึ๋นจริงๆพอ ”
เพราะเห็นว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ชมรมลำบาก ก็เลยเหมือนว่าจะพยายามวางมาตรการรับมือให้ได้ด้วยตัวเองว่างั้นเหอะ ทั้งที่การที่นางุโมะนมใหญ่มันไม่ใช่ความผิดของนางุโมะซะหน่อยแท้ๆ
“ แล้วไงล่ะ? ทำไมฟุรุยะถึงได้มาอยู่แถวนี้เรอะ? ”
“ ทำการลาดตระเวนภายในโรงเรียนอยู่ไง เอ้อ ถึงที่โผล่มาตรงนี้จะเป็นเพราะหลงทางเฉยๆก็เหอะนะ……. ”
เท่านั้นแหละนางุโมะพลันพยักหน้าพูด “อ๋อ…ก็โรงเรียนนี้มันใหญ่หยั่งกะบ้าเลยนี่นะ….” ก่อนจะ
“ โอเชเข้าใจละ งั้นฉันจะนำทางให้ก็แล้วกัน เช็คอุปกรณ์ป้องกันไปได้เกือบหมดแล้ว แถมยังให้แกต้องมาช่วยซะเต็มที่เลยด้วยนี่นะ ”
เผยรอยยิ้มอันแสนจะร่าเริงออกมาให้เห็น
…….มันทำไมกันนะ
เพราะตลอดจนถึงตอนนี้มีแต่ต้องคอยรับมือกับเพื่อนสมัยเด็กแสนน่ากลัว ไอ้พวกเด็กผู้ชายบ้าๆบอๆ แล้วก็เพื่อนร่วมทีมที่สติไม่เต็มเต็งอยู่นิดๆเรื่อยมารึเปล่าหว่า พอได้พูดคุยกับนางุโมะแบบธรรมดาๆเป็นผู้เป็นคนแล้ว มันเลยรู้สึกอบอุ่นหัวใจโคตรๆไปเลยเนี่ย
MANGA DISCUSSION