“ แล้วหลังจากนั้นก็ลองรับงานทำดูอยู่จำนวนนึงหรอกนะ แต่มันก็ดันไม่มีวิญญาณร้ายสาวสวยโผล่มาให้เจอได้ง่ายๆเลยเนี่ยสิ แถมโซยะก็ยังจะเด๋อด่าพึ่งพาอะไรไม่ได้อีกตะหาก โคตรจะพังสุดๆไปเลยแหละ ”
ยามเที่ยงของสุดสัปดาห์
ไอ้ฉันบ่นปลดปล่อยความหงุดหงิดใจที่สั่งสมก่อตัวมาตลอดช่วงหลายวันนี้ ให้คาเอเดะที่มายังห้องหอพักฉันเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระดูว่าอาการของคำสาปเป็นยังไงบ้างแล้วฟังแบบรัวๆ…..แน่นอนว่าพูดโดยละเว้นรายละเอียดช่วงที่โดนข่มขู่เพราะฝันที่เอาคาเอเดะมาจิ้นลามกไว้แล้ว
“ ………. ”
“ แต่ยัยโซยะก็ไม่ยอมแพ้ดึงดันจะเป็นใหญ่เป็นโตให้ได้อยู่ท่าเดียวอีก มีงานง่ายๆปลอดภัยแล้วก็สามารถใช้เก็บสั่งสมผลงานได้อย่างรวดเร็วอยู่ที่ไหนมั่งมั้ยน้า ”
“ ………. ”
แต่คาเอเดะกลับกุมมือของฉันไว้อย่างเดียว เงียบกริบไม่หือไม่อือด้วยท่าทางอย่างกับอารมณ์เสียเฉยเลยซะงั้น ไม่มีแม้แต่จะพูดอืมอือขานรับให้รู้ว่าฟังอยู่เลยด้วยซ้ำนั่น
งานยุ่งมากจัดจนความเครียดสั่งสมรึไงหว่า…..พอคิดแบบนั้นอยู่ คาเอเดะที่ทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระเสร็จแล้วก็พลันส่งจิตสังหารอันเย็นเฉียบให้ขึ้นมาสถิตอยู่ภายในดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนจะ
“ เพราะมัวแต่เรื่อยเปื่อยไม่เข้าเรื่องอยู่กับปาร์ตี้ที่มีแต่เด็กผู้หญิงไงล่ะถึงไม่ได้เรื่องไม่ได้ความซักที ชิ …..ถึงกับยอมใช้ความสามารถที่รังเกียจไม่อยากจะใช้มากถึงระดับนั้นเลยเชียวเหรอ โดนยัยหนูโซยะโปรยเสน่ห์ใส่จนหลงโงหัวไม่ขึ้นไปแล้วรึเปล่านะ ”
ครึ่งแรกพูดห้วนๆเหมือนพ่นอัดกระแทกหน้า แต่ครึ่งหลังดันเป็นพึมพำๆหยั่งกะวิญญาณร้ายแสนมืดมนซะอย่างงั้น ก็ฟังไม่ออกหรอกนะว่านั่นพูดอะไรอยู่ แต่ไอ้เสียงเดาะลิ้นนั่นมันน่ากลัวเกินจนไม่กล้าถามกลับไปเลยเนี่ย
จากนั้นคาเอเดะก็หันขวับไปโดยไม่มองตากันด้วยซ้ำ แล้วพอคาเอเดะ แปลงโฉม กลายเป็นร่างของเด็กนักเรียนชายเช่นเดียวกับในตอนที่เดินมายังห้องนี้แล้ว คุณหล่อนแกก็กระแทกประตูเปิดดัง ปัง! พร้อมเดินฉับๆออกไปจากห้องเลยนั่น
“ งะ ไหงถึงได้หงุดหงิดขนาดนั้นเล่า ยัยคาเอเดะ…… ”
พวกที่จริงจังแล้วก็น่าจะเครียดสั่งสมง่ายแบบนั้นมันจะ “กลายเป็นไคอิ” ได้ง่ายก็เลยเป็นห่วงแน่ะ……แต่ยัยนั่นก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมบอกอะไรออกมาง่ายๆด้วยนี่นะ สรุปแล้วเค้าเป็นอะไรนั่น
เอ้อ แต่ก็สมกับเป็นลูกสาวผู้สืบตระกูลที่ถูกเรียกขานว่า <<คุซึโนะฮะแห่งจิ้งจอกแปลงโฉม>> ล่ะนะ คาเอเดะก็เลยถนัดวิชาแปลงกายเปลี่ยนรูปร่าง ทั้งที่ไม่ใช่ศาสตร์ที่จะสามารถใช้ได้ง่ายๆเลยแท้ๆ แต่ในตอนที่มาหาฉันนี่กลับทำการเปลี่ยนร่างมาแบบถี่ๆเลยเชียว มีความความสามารถระดับนั้นเลยนี่นะ ไม่แน่ยัยนั่นอาจจะแปลงโฉมกลายเป็นคนละคนแล้วทำอะไรระบายความเครียดอยู่ในช่วงที่ฉันไม่รู้ก็ได้
……..แต่คิดไปคนเดียวก็ไม่ได้อะไรเนอะ
เอาเป็นว่าทางนี้ก็พักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการทำงานบ้างดีกว่า….แล้วพอฉันเริ่มนอนกลิ้งไปได้ไม่กี่นาที
——-ตื๊ดตื๊ดตื๊ด
ก็พลันมีสายโทรเข้ามาในสมาร์ทโฟน
ชื่อที่ถูกแสดงอยู่บนหน้าจอก็คือ ทาจิคาวะ เมย์
รุ่นน้องที่อยู่มัธยมต้นปีสามของโรงเรียนปราบมาร และก็เป็นคนที่ฉันเรียกขานเป็น <<แหล่งข้อมูล>> อยู่ในใจ
พอฉันกดรับสายปุ๊บ ก็พลันได้ยินเสียงอันมีบรรยากาศแสนเฉื่อยชาดังก้องมาจากอีกฝั่ง
[อ๊ะ รุ่นพี่คุณพี่ ห่างหน้ากันไปนานเลยนะค้า~]
“ มีอะไรเรอะ? พอดีตอนนี้เหนื่อยอยู่อะนะ วันนี้กะว่าจะนอนเล่นมันทั้งวันเลยเนี่ย ”
[ฮี่ฮี่ฮี่ ได้ยินว่าตั้งปาร์ตี้กับกลุ่มคนที่ชวนปวดหัวสุดๆก็เลยเหนื่อยจับจิตไปเลยสินะคะ รุ่นพี่คุณพี่]
สมกับเป็นแหล่งข้อมูล ทั้งที่อยู่ต่างชั้นปี ตึกเรียนก็อยู่คนละที่กันแท้ๆแต่รู้ข่าวเร็วจริงแฮะ
[หนูก็เลยมีข่าวดีจะมาบอกกล่าวเล่าให้รุ่นพี่คุณพี่ฟังแหละค่ะ มีงานดีๆเด็ดๆจะแนะนำแหละน้าา]
เมย์พูดออกมาด้วยวาจาคำพูดหยั่งกับเป็นข้าราชการรับสินบน
[มาเจอหน้าคุยกันตรงๆดีกว่าค่ะ จะรออยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ๆสถานีคิซารางินะคะ เจอกันน้าเจอกาน]
พอว่าแบบนั้นปุ๊บ คุณหล่อนก็พลันตัดสายดังฉึบไปเฉยเลย
ฉันเพิ่งจะได้รู้จักกับทาจิคาวะ เมย์ ก็เมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้เอง
เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่ฉันใกล้จะเรียนจบจากระดับชั้นมัธยมต้น เรื่องมันเริ่มในตอนที่ฉันเข้าไปช่วยเมย์เอาไว้ในตอนที่กำลังถูกพวกผู้ชายท่าทางออกอันธพาลตามตื๊ออยู่หน้าร้านกาแฟใกล้ๆโรงเรียนน่ะนะ (แล้วก็ เนื่องจากจำนวนอีกฝั่งมันเยอะกว่ามากก็เลยเผลอมือลั่นใช้เทคโนเบรคเกอร์ไป ถือเป็นประวัติศาสตร์มืดที่ไอ้ฉันเก็บเงียบไว้เป็นความลับไม่ยอมบอกใครเลย)
แล้วก็เลยมีติดต่อพูดคุยกับเมย์ที่เป็นรุ่นน้องอายุน้อยกว่าหนึ่งปีมานับแต่นั้นแหละ
ถึงตามหลักแล้วจะเป็นความสัมพันธ์แบบกิฟแอนด์เทคก็เหอะนะ อารมณ์แบบถ้าฉันมีข้อมูลไหนที่อยากรู้ ก็จะต้องพาเมย์ไปเลี้ยงพาเฟ่ต์บ้าง ตามไปซื้อของด้วยกันบ้าง กล่าวคือต้องยอมทำตามเงื่อนไขที่เมย์เสนอมาเพื่อให้น้องแกยอมบอกข้อมูลน่ะนะ
“ วันนี้จะถูกขอให้ทำอะไรอีกละเนี่ย……. ”
เพราะทำงานไปได้จำนวนนึงก็เลยมีเงินติดตัวอยู่พอสมควรหรอก แต่ดูจากที่บอกว่าจะแนะนำงานดีๆเด็ดๆให้แล้ว ก็แสดงว่าผลตอบแทนที่เมย์ต้องการน่าจะใหญ่พอสมควรเลยละมั้ง
“ อ๊ะ รุ่นพี่คุณพี่ หวัดดีค่า~ ”
ยามบ่ายของสุดสัปดาห์ หน้าม้านั่งที่ตั้งอยู่ ณ มุมนึงของสวนสาธารณะอันแสนสงบร่มเย็นและเปี่ยมล้นเต็มไปด้วยคู่พ่อแม่ลูกนั่นเอง
ที่เมย์ซึ่งสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนปราบมารแบบไม่เรียบร้อยซะหยั่งกับสาวแกล พลันโบกมือมาให้
“ โอ๊ะโอๆ ดูท่าว่าจะงานหนักจริงนะคะเนี่ย ดวงตานี่คือตายสนิทมากยิ่งกว่าปกติอีกนะค้า~? ”
เมย์นั่งอยู่กับม้านั่งพลางพูดจาหยอกล้อกันมาแบบนั้น
ผมที่หยิกเป็นลอนอยู่นิดๆ ผิวขาวนวลแสนบอบบางที่เล็ดลอดออกมาให้เห็นได้จากชุดนักเรียนที่ถูกสวมอยู่อย่างไม่เรียบร้อย เหล่าเครื่องประดับที่บ่งชี้แสดงออร่าให้เห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งนั่นดูราวกับว่าเป็นตัวช่วยเสริมทรวดทรงอันได้รูปสมหญิงยังไงชอบกล เห็นบรรยากาศที่ดูเฉื่อยชากับเครื่องแต่งกายที่แต่งอยู่แบบส่งๆนั่นแล้วมันพาลให้สัมผัสได้ถึงช่องโหว่ความไม่ระมัดระวังตัว ทำให้เมย์ที่แต่เดิมก็มีรูปโฉมน่ารักอยู่แล้วยิ่งดูมีเสน่ห์อย่างประหลาดมากเข้าไปอีก
อายุมั่งล่ะบรรยากาศมั่งล่ะ…ทำให้คิดขึ้นมาได้อีกรอบเลย ว่าจะอะไรต่อมิอะไรก็อยู่ขั้วตรงข้ามกับยัยเพื่อนสมัยเด็กแสนน่ากลัวบางคนสุดๆไปเลยแฮะเธอคนนี้
ฉันนั่งลงข้างๆเมย์ ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ แล้ว งานดีๆเด็ดๆที่เธอว่านั่นมันคือ? ”
“ เปิดเข้าประเด็นเร็วจริงนะค้า~ หนูกับรุ่นพี่คุณพี่เราซี้กันจะตายไม่ใช่เหรอ คุยเล่นเรื่อยเปื่อยเพื่อตรวจสอบรักที่สองเราต่างมีให้กันซักพักก่อนค่อยเข้าเรื่องไม่ได้เหรอ? ”
“ รู้มะเมย์ ไอ้เจ้าสิ่งที่เรียกว่างานเนี่ยอะนะ มันจะทำให้คนเราห่อเหี่ยวไร้ซึ่งแรงใจมากจนไม่มีแรงจะตบมุกเออออไปกับคำพูดเล่นเรื่อยเปื่อยของเธอได้ด้วยซ้ำแหละ…… ”
“ งื้อ~ เบื่อภรรยาซะแล้วเหรอคะคุณสามี ”
พอเมย์พูดหยอกเล่นแบบนั้นแล้ว คุณหล่อนก็ทำการกระแอมไอหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มต้นทำการอธิบาย
“ รุ่นพี่คุณพี่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณ รึเปล่าคะ? ”
“ ……เหมือนว่าจะเป็น สำนักงานสำหรับผู้ปราบมารที่ออกมาทำงานนอกสถานที่สินะ ที่ถูกตั้งขึ้นอยู่ในโรงเรียนม.ต้น กับม.ปลายแบบปกติน่ะ ”
ให้ว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้ว ปรากฎการณ์เชิงวิญญาณเนี่ยมันจะเกิดขึ้นมาโดยมีต้นเหตุมาจากพลังงานด้านอารมณ์อันรุนแรงของมนุษย์แหละ
ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจอย่างละเอียดหรอกนะ แต่พูดง่ายๆก็คือ สถานที่ที่มีอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์อัดแน่นกันอยู่เป็นจำนวนมากเนี่ยจะเกิดเรื่องประหลาดขึ้นได้ง่ายนั่นเอง
จะในอดีตหรือปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม หากว่ากันในความหมายนี้แล้ว โรงเรียนนี่จะถือเป็นสถานที่อันน่าหนักใจอย่างแท้จริงเลย
พื้นที่พิเศษที่เหล่าหนุ่มสาวช่วงวัยรุ่นซึ่งยังมีสภาพจิตใจไม่เสถียรหลักร้อยๆคนจะถูกจับให้เข้ามาอยู่ร่วมกันในที่เดียวแบบไร้ทางเลือก—-มันหยั่งกับขอร้องอ้อนวอนให้มีปรากฎการณ์เชิงวิญญาณเกิดขึ้นดีๆนี่เอง บางครั้งอาจจะดึงดูดวิญญาณร้ายให้เข้ามาหาก็ได้ หรือจะเกิด “ไคอิ” อันเป็นปรากฎการณ์เชิงวิญญาณที่มีต้นตอมาจากมนุษย์เป็นๆขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
และศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณ ก็คือระบบที่จะส่งตัวผู้ปราบมารจำนวนนึงไปเฝ้าประจำการอยู่ตามโรงเรียน เพื่อที่จะได้สามารถรับมือกับปรากฎการณ์เชิงวิญญาณที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆภายในโรงเรียนได้อย่างทันท่วงทีน่ะเอง
“ โอ้โห ขนาดผลการเรียนย่ำแย่แบบรุ่นพี่คุณพี่ ก็ยังรู้เรื่องศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณกับเค้าด้วยเหรอคะเนี่ย ”
“ หนวกหูเฟ้ย ให้ว่าแล้วไหงเธอถึงรู้ลึกไปถึงผลการเรียนฉันได้กันละนั่น…… ”
แต่ถึงจะพยายามไต่ถามเรื่องนั้นไปก็มีแต่จะโดนเบี่ยงประเด็นอย่างเดียว ฉันก็เลยเลิกใส่ใจหันมาพูดเข้าเรื่องต่อ
” ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณนี่มันก็เป็นงานสบายจริงแหละนะ แต่เพราะมันสบายก็เลยไม่มีที่ว่างเหลือเลยไม่ใช่เรอะ? ”
ก็มันเป็นงานที่แทบจะไม่ต้องเจ็บตัวเลยไงเอ็ง
แถมเพราะงานมันเน้นไปในทางวางมาตรการป้องกันหรือไม่ก็รับมือกับปรากฎการณ์เชิงวิญญาณในช่วงระยะแรก ก็เลยเป็นงานที่นอกจากจะไม่ค่อยอันตรายมากแล้วยังจะถูกประเมินผลงานได้อย่างง่ายอีกด้วย เพราะงี้แหละเลยเป็นงานที่มีอัตรการแข่งขันแย่งชิงสูงสุดๆเลย ตามปกติแล้วไม่ใช่หน้าที่ที่จะถูกส่งมาให้กับนักเรียนที่ยังไม่ได้ใบอนุญาตชั่วคราวด้วยซ้ำหรอก
“ ตรงนั้นนี่เดี๋ยวหนูจะพูดช่วยให้ฉะนั้นสบายได้หายห่วงค่า ฮี่ฮี่ฮี่ ”
เมย์ปั้นรอยยิ้มที่ดูน่าสงสัยพร้อมกับยกนิ้วให้
แบบจะว่าไงดี ยัยนี่ก็มีปริศนาเยอะเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย……
มีเครือข่ายข้อมูลพิลึกๆมั่งล่ะ แถมยังพูดจาเหมือนใบ้ๆว่าตัวเองมีเส้นสายแปลกๆแบบเมื่อกี้มั่งล่ะ ชวนให้สงสัยเลยว่ายัยนี่เป็นคนที่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกตระกูลใหญ่อย่างระดับตระกูลคุซึโนะฮะรึเปล่า ถึงแม้ว่านามสกุลทาจิคาวะนี่มันจะไม่คุ้นหูเลยซักนิดก็เหอะนะ
“ แต่ก็เป็นงานเด็ดม๊ากมากถึงระดับนี้เลยนี่นะคะ จะให้แนะนำแบบฟรีๆนี่เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกค่ะ ”
เมย์ตั้งนิ้วชี้ขึ้นมา
“ ก็คงงั้นแหละนะ ”
ฉันเตรียมตัวเตรียมใจทันที เอ้าเงื่อนไขคืออะไรล่ะ จะใช้งานกันยังไงก็เอาเลย!
“ ขอนอนหนุนตักหน่อยค่ะ ”
“ ……….อื๋อ? ”
“ ให้หนูนอนหนุนตักทีค่ะ ที่นี่ตอนนี้เลย ซักราวๆ 30 นาที ”
“ ห้ะ? ”
ฟังคำพูดของเมย์ไม่เข้าใจ หัวนี่คือถึงกับนิ่งค้างไปซักพักนึงเลย
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะเฮ้ย ปกติแล้วเธอจะขอทำนองพวกให้พาไปดูหนังไม่ก็ให้ช่วยถือของอะไรพรรค์นั้นไม่ใช่เรอะ ”
“ พูดอะไรกันค้าา นี่คนเค้าจะช่วยแนะนำงานที่ดีแสนดีขนาดนี้ให้เลยเชียวน้า คิดว่าจะใช้เงินหรือเวลาตอบแทนได้เหรอคะ? เมย์กำลังอยู่ในช่วงหิวโหยต้องการไออุ่นจากร่างกายผู้อื่นค่ะ อยากจะออดอยากจะอ้อนค่ะ ”
“ ………..กล่าวคือ จะให้ฉันชดใช้ด้วยร่างกาย…….? ”
“ ช่วยอย่าพูดแบบแปลกๆทีจะได้มั้ยอะคะ ”
เมย์เจอแบบนั้นเข้าก็คงจะเขินไม่น้อยเลยเหมือนกันละมั้ง คุณหล่อนจึงเบือนหน้าหนีอย่างงอนๆ ก่อนจะ
“ เอ้า จะเอายังไงคะ จะให้เมย์นอนหนุนตักหรือไม่ให้ ”
ทำการนับเบาๆดัง “ติ๊กต๊อกติ๊กต๊อกติ๊กต๊อก” ราวกับกำหนดเวลาจำกัด
“ ขุ่ก….กรอดดด ”
ถึงจะมีคู่พ่อแม่ลูกเต็มไปหมดก็เหอะ แต่ที่นี่คือสวนสาธารณะช่วงสุดสัปดาห์ที่มีผู้คนสัญจรไปมาอยู่มากมายเลยนะเว้ย ไม่ยากเกินไปหน่อยเรอะเงี้ย?
ทว่า หากปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปละก็ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าไปจะต้องกลับลงไปสู่ขุมนรกที่ต้องคอยแบกไอ้เจ้าพวกเซ่อซ่าเด๋อด๋าสองคนนั่นไม่เว้นวันอีกแหงมๆ
“ ขึ่ก อยากทำอะไรก็ทำ! ”
พอไอ้ฉันเตรียมใจพร้อมแล้วเปิดตักให้ปุ๊บ
“ ยอมกันง่ายกว่าที่คิดนะคะเนี่ยย รุ่นพี่คุณพี่ ”
เมย์ก็พลันแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะร้อง “อุยย้า!” แล้วเอาหัวหนุนขึ้นมาบนตักในแบบที่ใบหน้าชนติดอยู่กับหน้าท้องไอ้ฉันนี่
“ เอ้ย เดี๋ยว เฮ้ยเธอนี่มัน! ”
ตรงนู้นตรงนี้มันแตะโดนกัน แถมยังมีลมหายใจอุ่นๆซึมรดเข้ามาอยู่ตรงท้องอีก……ขึก!
นี่มันเกินเลยขอบเขตที่เรียกว่านอนหนุนตักไปแล้วไม่ใช่เรอะ!?
“ ก็รุ่นพี่คุณพี่ที่โตมาในโบสถ์ ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อคนต่างเพศเลยนี่นะค้า~ ”
เมย์เอามือกอดไว้รอบเอวของฉันที่พยายามบิดตัว ทำการล็อกเอาไว้ราวกับว่าจะไม่ยอมให้หนีไปไหนได้พ้น
“ เพื่อที่จะไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เด็กผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมทีมเข้าแล้ว คงต้องขอทำการฉีดวัคซีนป้องกันแล้วก็ทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ซะหน่อยนะคะ ”
ไม่อาจรู้ได้เลยว่านั่นพูดจริงหรือหลอก แต่เมย์ก็ร้อง “นี่แน่ะนี่แน่ะ” พร้อมเอาหน้าไซ้ๆลูบไล้ไปตามสารพัดส่วนบนร่างกายไอ้ฉันนี่
สุดท้ายแล้ว เมย์ก็ปลดปล่อยฉันหลังจากที่เวลาล่วงเลยเกิน 30 นาทีไปไกลโข ก่อนจะให้คำมั่นสัญญาเรื่องศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณอย่างอารมณ์ดี
…….จะว่าไงดี หยั่งกับว่าถูกปั่นหัวเล่นโดยหญิงเจ้าเล่ห์ที่เป็นร่างแปลงโฉมของจิ้งจอกเก้าหางเลยงั้นแหละ…….เป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่ชวนให้คิดแบบนั้นสุดๆเลย
MANGA DISCUSSION