“ จะว่าไปแล้ว….. ”
ผ่านไปหนึ่งวันหลังจากที่ตกกระไดพลอยโจนต้องยอมสยบต่อคำข่มขู่ของโซยะแล้วกลายมาอยู่ร่วมทีมด้วยกัน ช่วงหลังเลิกเรียนของวันรุ่งขึ้น เป็นในระหว่างที่กำลังมุ่งตรงไปยังห้องพักครูด้วยกันกับโซยะเพื่อขอให้พวกอาจารย์ช่วยแนะนำตัวเด็กปีหนึ่งที่ยังไม่มีทีมให้ทีนั่นเอง
ที่โซยะพลัน ส่งสายตาอย่างหวาดระแวงตรงดิ่งเข้ามาใส่ไอ้ฉันนี่
“ ความสามารของฟุรุยะคุงนี่ นอกจากวิญญาณหรือชิกิงามิแล้ว ยังจะใช้ได้ผลกับมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ด้วยรึเปล่าน่ะ? ”
“ ……… ”
ถ้าให้บอกตามตรงก็คือ ได้
ขอแค่จิ้มจึ้กลงไปยัง “โพร่งเสน่ห์กายิกสุข” ที่ปรากฎขึ้นมาอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งของร่างกายแบบสุ่มด้วยมือข้างนี้ได้ ต่อให้จะคนตายหรือคนเป็นก็จะโดนบีบบังคับให้ถึงจุดสุดยอดในทันใดมันตรงนั้นทั้งหมดเลย
แต่ว่า ควรจะบอกเรื่องนี้ออกไปตามตรงเลยจริงๆน่ะเรอะ
ในเมื่ออยู่ร่วมทีมเดียวกันแล้ว ก็สมควรจะต้องแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในระดับนึงซะจะดีกว่านั่นแหละ แต่ถ้าบอกกล่าวข้อมูลตรงนี้ไปแล้วจะโดนเค้าหยึยใส่รึเปล่า……..เนี่ยพอกำลังครุ่นคิดแบบนี้อยู่
“ ……..ได้สินะ ”
โซยะก็พลันหรี่ตามองขึ้นมายังไอ้ฉัน อ๊ะ โดนหยึยชัดเจนเลยนี่หว่าพี่เอ๊ย
“ อืมม ถ้าใช้ได้ผลกับคนเป็นด้วยก็จะสามารถใช้ชำระล้างไคอิหรือวิญญาณร้ายที่เข้าสิงร่างใครได้ด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นก็จะทำให้รับงานได้กว้างขวางมากขึ้นดีอยู่หรอกนะ แต่ว่า……. ”
ว่าแล้ว โซยะก็ถอยเว้นระยะห่างออกจากฉันเต็มที่เลยนั่นเฮ้ย
“ ถ้าเข้ามาอยู่ใกล้ในระยะที่แตะต้องโดนตัวฉันได้ละก็ จะฟ้องศาลข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ”
“ จะบ้าเรอะเฮ้ย! ”
หยุดทีว้อยอะไรหยั่งเงี้ย! มันเจ็บกระดองใจนะเฟ้ย!
เพราะงี้ไงถึงไม่อยากให้มีคนรู้เรื่องความสามารถพรรค์นี้น่ะ!
“ เออมันใช้ได้ผลกับคนเป็นด้วยก็จริงหรอกนะ แต่ในระหว่างที่ถูกผนึกอยู่โดยกำไลข้อมือนี่น่ะไม่เป็นอะไรหรอก สบายใจเหอะ ”
ฉันยกข้อมือสองข้างขึ้นให้โซยะดู ราวกับโชว์กำไลข้อมือที่มีกางเขนเงินติดอยู่ให้เห็น
“ เอ๊ะ! อะไรน่ะอะไรน่ะ ”
โซยะทำดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะยืดมือเข้ามายังกำไลข้อมือของฉันนี่
ถูกมืออันนุ่มนิ่มของโซยะแตะๆโดนแขนอยู่นิดๆ เล่นทำเอาใจเต้นตึ้กตั้กไม่น้อยเลยทีเดียว
ตะกี้ยังพูดว่าถ้าเข้าใกล้จะถือเป็นล่วงละเมิดทางเพศอยู่เลยไม่ใช่เหรอเฮ้ย……
“ คำสาปของฟุรุยะคุงก็รุนแรงพอสมควรเลยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่กลับควบคุมได้เนี่ยนะ!? ดีจังเลยอ่าา อย่างน้อยถ้าของฉันสามารถควบคุมได้บ้างเหมือนกันก็คงดีน่ะสิ…….ใครเป็นคนทำให้เหรอ!? ผนึกนี้น่ะ! ”
“ เรื่องนั้น……ก็นั่นไง พ่อที่เลี้ยงดูฉันมาที่เล่าให้ฟังเมื่อวานน่ะ ถึงจะชำระล้างไม่ได้ แต่ถ้าจะวางผนึกแบบง่ายๆละก็พอจะไหวอยู่ ”
“ แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างสิ! ”
“ อ่า…..ไอ้เรื่องนี้คงทำไม่ได้แฮะ ”
ฉันเปิดประตูห้องพักครู พร้อมกับพูดขึ้น
“ เพราะพ่อไม่อยู่แล้วน่ะนะ ”
“ ………เหรอ ”
ฉันพูดออกมาอย่างเฉยเมย และโซยะที่เหมือนจะเดาอะไรได้ก็ตอบกลับมาอย่างนิ่งเฉย
ความตายของคนเนี่ย สำหรับวงการนี้แล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรที่หายากซะหน่อยนี่นะ
“ เฮ่อ เอาจริงดิเฮ้ย……. ”
ขอให้พวกอาจารย์ในห้องพักครูช่วยบอกข้อมูลของเด็กปีหนึ่งที่ยังไม่มีทีมให้เรียบร้อย และก็กำลังมุ่งหน้าไปชักชวนเจ้าบุคคลนั้นด้วยกันกับโซยะนี่แหละ…….แต่ฉันนี่ถึงกับต้องกุมหัวตัวเองเลยเว้ย
“ ฟุรุยะคุงเป็นอะไรไปเหรอ? คุณคาราสึมะ อาโอยที่อาจารย์เค้าแนะนำมาให้นั่นคือเพื่อนร่วมชั้นของฟุรุยะคุงไม่ใช่เหรอ? เด็กผู้หญิงใจดีที่ช่วยบอกข้อมูลต่างๆนาๆของฟุรุยะคุงให้กับฉันคนนั้นน่ะ มีปัญหาอะไรให้ต้องกลุ้มใจขนาดนั้นเหรอ? ”
ต้องพูดว่ามีแต่ปัญหาให้กลุ้มใจเลยต่างหากถึงจะถูก
ถึงจะเที่ยวพูดว่าตัวเองมีอำนาจอันเที่ยงแท้แฝงเร้นอยู่เอย คาบเรียนของโรงเรียนไม่อาจวัดระดับพลังของตนได้เอยอยู่เรื่อย แต่โดยพื้นฐานแล้วผลการเรียนของเจ้าคาราสึมะมันก็อยู่ในระดับบ๊วยเลย
หลักการเคลื่อนไหวคิดลงมือทำอะไรของมันมีเพียง “เอาเป็นว่าอยากจะปู้ยี่ปู้ยำเด็กผู้หญิงให้ถึงใจเหลือเกิน!” เท่านั้นแหละ อาจจะถึงขั้นจีบผู้ว่าจ้างหรือจีบวิญญาณร้ายระหว่างทำงานขึ้นมาเลยก็ได้…ไม่ดิ ไม่อาจจะหรอก มันต้องทำแน่ๆเลยต่างหาก
แถมยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของมันกับโซยะให้ต้องกังวลอีก
ตอนเกิดเหตุชิกิงามิคลุ้มคลั่งนั่นดูเหมือนจะทำตัวสงบเสงี่ยมต่อหน้าโซยะก็จริง แต่มันก็พูดจาทำนองว่าแอบๆเล็งโซยะอยู่ด้วยนี่นะ ถ้าต้องมาอยู่ร่วมทีมเดียวกันมันก็จะน่าหวาดเสียวมากเกินไป
“ ให้ตาย จะเป็นใครไม่เป็น ไหงคนที่เหลืออยู่ต้องมีแค่เจ้าคนพรรค์นั้นด้วยฟะเนี่ยพับผ่าเอ๊ย…… ”
ทว่าถึงจะไม่อยากยังไง แต่คนที่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอตั้งทีมให้กับทางโรงเรียนในปัจจุบันนี้ ก็มีแค่ฉัน โซยะ แล้วก็คาราสึมะแค่สามคนเท่านั้นเอง
พวกไม่มีใครเอา “ไม่กี่คน” นอกจากพวกฉันที่คาเอเดะพูดให้ฟังนั่น ได้ทำการยื่นเรื่องตั้งทีมเสร็จเรียบร้อยกันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วแน่ะ….พวกไม่มีใครเอาในหมู่พวกไม่มีใครเอาอีกที นั่นล่ะคือพวกฉันสามคนซึ่งนับรวมถึงคาราสึมะด้วย
“ อ๊ะ นี่หรือว่า ”
เห็นฉันที่ลังเลกับการเชิญชวนคาราสึมะแล้ว โซยะก็พลันยิ้มเล็กยิ้มใหญ่
“ อายที่จะต้องบอกเรื่องความสามารถตัวเองให้คุณคาราสึมะรู้งั้นสินะ ”
“ อ๊าาาาากกกกก! เออเว้ยเฮ้ยแม่มมีเรื่องนั้นด้วยนี่หว่าาาาาาาา! ”
เรื่องความสามารถฉันนี่ สั่งกำชับกับโซยะว่า “ห้ามเอาไปบอกใคร” กับ “ต้องจัดการไม่ให้ผู้คนโดยรอบรู้” เอาไว้แล้วก็จริง แต่ถ้าอีกฝั่งคือเพื่อนร่วมทีมงั้นมันก็คนละเรื่อง
เพราะในเมื่อตั้งทีมอยู่ร่วมกัน การจะซ่อนปกปิดความสามารถมันก็มีขอบเขตขีดจำกัดอยู่นั่นเอง
“ ถ้าคาราสึมะรู้เรื่องความสามารถนี่เข้าละก็…….ได้กลายเป็นเรื่องชวนปวดหัวแน่นอนเลย ”
ตรงข้ามกับไอ้ฉันที่เจ็บปวดรวดร้าว โซยะกลับพูดขึ้นด้วยท่าทางเหมือนสบายใจเฉิบ
“ ไม่ต้องห่วงหรอกไม่ต้องห่วง คุณคาราสึมะเค้าดูจะเป็นคนใจกว้างด้วยนี่นะ ต่อให้เล่าเรื่องความสามารถสุดหยึยของฟุรุยะคุงให้ฟัง แต่เค้าก็จะต้องยอมรับอย่างไม่ขัดใจแน่นอนเลยล่ะ ”
เอ้อก็ มันน่าจะยอมรับอย่างไม่ตะขิดตะขวงเลยจริงๆนั่นแหละนะ……แต่คือในกรณีของเจ้านั่น มันอาจถึงขั้นคิดหาทางตัดแขนฉันเพื่อแย่งเอาพลังเป็นของตัวเองเลยก็ได้นี่ดิ เอาเป็นว่าเค้าลางเหมือนว่าจะเกิดเรื่องชวนน่าปวดหัวนี่เต็มที่เต็มเปี่ยมเลยเชียวเอ็ง
“ แล้วก็ ฉันได้ยินเรื่องราวมาจากเด็กผู้หญิงที่เกือบจะตั้งทีมร่วมกับคุณคาราสึมะมานิดหน่อยล่ะ คุณคาราสึมะเนี่ยเหมือนว่าเค้าจะใช้ศาสตร์สายพันธนาการที่สุดยอดมากๆได้ด้วยนะ! ท่าจะประสานร่วมกับความสามารถสุดหยึยของฟุรุยะคุงได้ดีด้วย แบบนี้นี่คืออนาคตสดใสสุดๆไปเลยนะเนี่ย! ”
หืม มีคำให้การแบบนี้แสดงว่าไอ้เจ้าคาราสึมะมันไม่ได้พูดเพ้อละเมอตดไปเรื่อย แต่แอบซ่อนอำนาจอันเที่ยงแท้อะไรพรรค์นั้นอยู่จริงๆงั้นเรอะ?
…….แต่ก็นะ ต่อให้สมมติว่าความสามารถนั่นมันจะโคตรมีประโยชน์สุดๆไปเลยจริง แต่นิสัยสันดานของไอ้เจ้าคาราสึมะมันก็ย่ำแย่หนักระดับหักล้างข้อดีหมดเกลี้ยงได้เลยไง เพราะงี้แหละถึงได้กลุ้มปวดหัวอยู่เนี่ย
สงสัยจะไม่ได้ยินไปถึงความอัปรีย์ของคาราสึมะละมั้ง โซยะก็เลยเดินตัวลอยพร้อมกับฮัมเพลงอย่างสบายใจเฉิบไปพลางเลยนั่น
ชิลแท้เหลา…..
“ เอ้อ เรื่องคาราสึมะเนี่ยแทนที่จะให้อธิบายปากเปียกปากแฉะแล้ว ให้เห็นของจริงจะๆกับตาเลยคงจะเร็วกว่าละมั้งนะ ”
ฉันพูดเช่นนั้น ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียนที่มีคาราสึมะเฝ้ารอคอยอยู่
คาราสึมะได้รับการติดต่อจากฉันเรียบร้อยแล้ว บอกให้มันมาคอยอยู่ที่นี่น่ะนะ
“ ฟุรุยะ ฮารุฮิส่าาา! ”
พริบตาหลังจากที่เปิดประตู ไอ้เจ้าคาราสึมะมันก็พุ่งทะยานอัดเข้ามาใส่ด้วยรอยยิ้มหน้าบานเว้ยเฮ้ย
“ นึกว่าแกล้งอำกันเล่นเสียอีก แต่ที่ไหนได้นี่จะสามารถตั้งทีมร่วมกันกับโซยะ มิซากิได้อย่างแท้จริงเลยงั้นสินะ!? นับว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่งยวดเลยเชียวหน่มหน้มนี้….เอ้ยข้อเสนอนี้! หากให้พูดแล้วก็มีแกนี่แหละนะฟุรุยะที่เกะกะขวางหูขวางตา แต่ถ้าหากจะทำให้อยู่ร่วมกับโซยะ มิซากิได้ก็จะยอมทนเสียหน่อยเป็นไร! ”
คาราสึมะจ้องหน่มน้มของโซยะไม่ละสายตา ก่อนจะไหลมาจับมือของคุณหล่อน
“ ได้รับฟังเรื่องราวคร่าวๆมาจากฟุรุยะแล้วล่ะนะ! ทำการไล่ผีอย่างยิ่งใหญ่แล้วขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตอย่างเร็วไวงั้นหรือ นับว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่งยวดเลยเชียวหน่มน้มนี้….เอ้ยเป้าหมายนี้! หนำซ้ำยังจะตรงกับเป้าหมายของฉันที่หวังจะยืนอยู่เหนือจุดยอดสุดของวงการผู้ปราบมารเพื่อสร้างฮาเร็มอีกด้วย! ได้โปรดให้ฉันผู้นี้ได้ร่วมมือด้วยทีเถอะ! ”
“ !?!? ”
เห็นอาการสติแตกของคาราสึมะเข้าแล้ว โซยะก็ถึงกับงงแดกไปเลยทีเดียว
ไอ้เจ้าคาราสึมะ……เพราะเห็นว่าตนจะได้ร่วมทีมกับโซยะอย่างแน่นอนแล้วงั้นเรอะ มันถึงไม่คิดจะทำตัวสงบเสงี่ยมเลยด้วยซ้ำนั่น
“ แต่จะยืนหยัดอยู่เหนือจุดยอดสุดของวงการงั้นหรือ นับว่าเป็นเส้นทางที่แสนยากลำบากและทุกข์ทรหดโดยแท้ สมาชิกในทีมต้องมีพลังอำนาจอันสูงล้นอย่างเดียวไม่พอ จำต้องให้ความสำคัญกับการประสานงานมีทีมเวิร์คมากยิ่งกว่านั้นอีกด้วย ด้วยเหตุฉะนี้ล่ะ สนใจจะไปรับประทานอาหารด้วยกันเพียงสองต่อสองเพื่อสานสร้างความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจของทีมกันไหม อยากจะมาห้องพักของฉันตอนนี้เลยไหม? หึหึหึ สีหน้าตอนสับสนก็ยั่วยุเร้าอารมณ์อย่างยิ่งยวดเลยทีเดียวเชียวนะ……? ”
เฮ้ย สองต่อสองบ้านแป๊ะเอ็งสิฟะ อย่าถีบฉันออกจากกลุ่มหน้าด้านๆดิเฮ้ย
“ เอิ่ม….คือว่าฟุรุยะคุง นี่มันคือ….. ”
โซยะที่ถูกคาราสึมะมันจับมืออยู่อย่างรุนแรง พลันหันเพียงแค่หัวเข้ามาขอคำอธิบายจากฉัน
“ ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ สาวมัธยมปลายตัวจริงเสียงจริงที่โคตรจะบ้าผู้หญิง , S ตัวแม่ แล้วก็ไอ้หน้าม่อหลายใจจีบมั่วซั่วไม่ดูตาม้าตาเรือ ”
พอบรรยายออกมาเป็นคำพูดแล้ว ก็โคตรจะระยำตำบอนจริงๆเลยนะเนี่ย ไอ้เจ้าคาราสึมะ
“ ว่าตรงๆเลยนะ ไอ้เจ้านี่มันก็เล็งโซยะอยู่เต็มสตรีมเลยด้วยเหมือนกัน แถมยังเหมือนว่านอกจากสายข่ายอาคมแล้วจะใช้ศาสตร์ปราบมารดีๆไม่ได้เลยด้วย……ต่อให้เอามาเป็นพวกก็คงมีแต่จะถ่วงแข้งถ่วงขาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ”
เอ้อ แต่ถ้ากิริยาท่าทางของคาราสึมะที่โคตรจะเป็นตัวปัญหามันจะช่วยหักล้างความมุทะลุของโซยะลงได้บ้าง ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับฉันล่ะ เพราะจะทำให้เข้าใกล้เป้าหมายแรกเริ่มของฉันที่อยากจะอยู่แบบชิลๆโดยรับทำแต่งานง่ายๆเพียงอย่างเดียวได้ยังไงล่ะ
แต่เป็นในฉับพลันที่ฉันคิดเช่นนั้นอยู่นั่นเอง
ที่โซยะหันไปจ้องเพ่งใบหน้าของคาราสึมะเขม็งตาไม่กระพริบ
“ …….หื~ม? คนสวยสายเท่ที่บ้าผู้หญิงขั้นหนักแล้วก็จีบไม่เลือก …….แต่จะมีแค่นั้นจริงๆรึเปล่านะ? ”
“ อื๋อ? แม่หนูมิซากิ? เล่นส่งแววตาร้อนแรงใส่กันเช่นนั้น ร่างกายฉันมันก็ร้อนรุ่มจะอดรนทนอยู่ไม่ไหวกันพอดีสิ ”
“ ฟู่….ฮ่า…. ”
แล้วจากนั้นพอโซยะหายใจเข้าออกลึกๆราวกับเตรียมใจให้พร้อมอย่างแน่นหนาปุ๊บ
“ …….ที่ทำให้ออกตัวแรงมากถึงขนาดนี้ เป็นเพราะอยากจะซ่อนปกปิดความจริงเรื่องที่ไม่มีประสบการณ์และความมั่นใจในตัวเองรึเปล่านะ อาโอยจัง? ”
คุณหล่อนแกก็ทำการยกเอามือของคาราสึมะที่จับมือของตนอยู่แน่นขึ้นมาถึงริมฝีปาก ก่อนจะขบนิ้วนั่นเข้าไปในปากดังหงุบ
ยะ ยัยโซยะทำบ้าอะไรน่ะ!?
ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวคาราสึมะมันก็ยิ่งอารมณ์ขึ้นหนักจนคุมไม่อยู่หรอกนะเว้ย!? เนี่ยฉันช็อกอยู่แบบนี้ แต่พอได้เห็นปฎิกิริยาถัดมาของคาราสึมะแล้ว ฉันก็ยิ่งช็อกหนักมากเข้าไปอีก
“ ฮย้า!? ”
มีเสียงหยั่งกับเด็กผู้หญิงที่ไม่สมกับเป็นคาราสึมะเลยซักนิด…หลุดลอดออกมาจากปากของคาราสึมะเว้ยเฮ้ย
ฟั่บ! คาราสึมะชักมือออกจากโซยะด้วยความเร็วมหาศาล พร้อมกับเอานิ้วส่วนที่ถูกอมเข้าไปซ่อนเอาไว้
“ ว่าแล้วเชียว ”
โซยะที่พึมพำออกมาเล็กๆ พลันไล่ต้อนคาราสึมะที่เริ่มทำตัวลุกลี้ลุกลนจนหลังชนกำแพง ก่อนจะเอามือพาดผนังดังเปรี้ยง! อย่างรุนแรงราวกับปิดกั้นทางหนีทีไล่
“ อะ…อูววว ”
คาราสึมะที่ถูกโซยะจ้องมองตาเขม็งในระยะเผาขนนั้นถึงกับหน้าแดงแจ๋ สภาพนี่คือเกือบๆจะหลั่งน้ำตาร้องไห้โฮอยู่แล้ว
ไอ้เจ้าคาราสึมะที่บ้าผู้หญิงจนเกินเยียวยาคนนั้นน่ะเรอะ! หมายความว่ายังไงกันฟะ!?
“ นี่อาโอยจัง ฉันน่ะคิดอยากจะเป็นใหญ่เป็นโตอย่างแท้จริงเลยล่ะนะ เพื่อปลดคำสาปนี้ ”
โซยะทำการถอดคอนแทคเลนส์ เพ่งดวงตาที่มีเครื่องหมายหัวใจตรงเข้าไปใส่คาราสึมะ
แล้วจากนั้นโซยะก็ไซ้มือไปตามแก้มของคาราสึมะด้วยท่าทางที่โคตรจะออกตัวแรง
“ ฉะนั้นแล้วนะ ถ้าเธอเล่นอะไรพิลึกๆกับฉันหรือผู้ว่าจ้างจนเป็นการขัดขวางไม่ได้ทำงานทำการแล้วละก็……จะโดนแบบนี้นะ? ”
โซยะไล่นิ้วจากแก้มไปยังหูของคาราสึมะอย่างค่อยๆราวกับจักจี้
“ ฮย้างงง!? ”
เท่านั้นแหละร่างของคาราสึมะถึงกับกระตุกสะดุ้งโหยงเลย
พอโซยะไซ้นิ้วซักไซ้อย่างอ่อนโยนต่อเนื่องไปราวกับลูบไล้ร่องหู คาราสึมะก็สั่นต้นขาที่ยาวออกมาจากกระโปรงซะหยั่งกับเจ้าเข้า ก่อนจะ
“ ขะ เข้าใจแอ้วอะ เข้าใจแอ้วค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่าาา ”
ล้มฟุบลงกับพื้น พร้อมหลั่งน้ำตาร่วงลงมาดังเผาะๆ
“ เข้าใจแล้วก็ดี ”
พอโซยะพูดจบแล้ว คุณหล่อนก็เดินอย่างสง่าออกไปยังทางเดินเฉยเลยเว้ย
“ เอะ….เอ๋….. ”
เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกัน ฉันที่จับต้นชนปลายไม่ถูกรีบวิ่งไล่ตามโซยะออกมายังทางเดินในทันที
เท่านั้นแหละ
“ อ๋า…..อูววววว ”
เจอเข้ากับโซยะที่เอาหัวดันชนอยู่กับกำแพงทางเดินโดยพลัน แถมยังส่งเสียงร้องครวญครางอยู่ด้วยหน้าที่แดงแจ๋อีกนั่น
“ โซยะ ไอ้ตะกี้นี้นั่นมันคืออะไรกันน่ะเฮ้ย ”
“ อูววววว ”
หลังจากที่โซยะแผดเสียงครวญครางออกมาดังกระหึ่มแล้ว คุณหล่อนที่ยังคงดันหัวติดอยู่กับกำแพงก็
“ จำนวนคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยเป็น 0 หมดทั้งผู้ชายผู้หญิง เรื่องรุกล่ะก็ถนัดหรอกแต่ถ้าถูกรุกเข้าซะเองจะถึงกับเขวหงายเงิบทำอะไรไม่ถูก จุดเสียวก็คือหู—–นั่นคือ ข้อมูลส่วนหนึ่งที่มองเห็นอยู่ข้างๆใบหน้าของอาโอยจังน่ะ ”
พูดดังเช่นนั้นออกมา
งั้นเรอะ จะว่าไปแล้วก็ใช่ว่าพลังของเนตรมารฝันมันจะใช้ได้เฉพาะกับผู้ชายซะหน่อยนี่นะ
“ ทั้งที่เป็นคนสวยถึงระดับนั้น แถมยังรุกใส่ซะรุนแรงแบบนั้นแท้ๆ แต่พอเห็นว่ามีจำนวนคนที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยเป็น 0 แบบนั้นแล้วก็เลยรู้สึกแหม่งๆขึ้นมาน่ะ เพราะงั้นก็เลยสงสัยว่าเป็น “S ปลอมๆ” จิตอ่อนปวกเปียกที่พอถึงคราวจริงๆแล้วจะตะกุกตะกักไม่กล้าใจปลาซิวอะไรทำนองนั้นรึเปล่าน่ะสิ…..เลยลองทำแบบนั้นดูน่ะ ”
ที่จำนวนคนที่มีเพศสัมพันธ์เป็น 0 นั่นน่าจะเพราะไอ้เจ้านั่นมันปัญญานิ่มมากกว่ามั้ง…..แต่ตามผลลัพธ์แล้วการสันนิษฐานของโซยะก็ถูกต้องตรงเผงจริง เล่นเอาคาราสึมะกลายเป็นสารรูปแบบนั้นเลย
“ อายสุดๆไปเลยก็จริงหรอก……แต่เอาเป็นว่าเท่านี้ก็น่าจะมีทางใช้ควบคุมอาโอยจังได้แล้วละมั้งนะ ”
โซยะว่าพลางเอามือพัดๆต้นคอที่แดงเถือก
ถึงกับยอมขายหน้าขนาดนั้นเพื่อทีมเลยเรอะ……ก็รู้อยู่หรอก แต่ความรู้สึกอยากจะคลายคำสาปของโซยะมันไม่ใช่อะไรครึ่งๆกลางๆจริงด้วยแฮะ
“ ………… ”
ฉันลองกลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้งเพื่อเช็คสภาพของคาราสึมะ
เท่านั้นแหละเจ้าคาราสึมะรีบทำการปรับเปลี่ยนท่าทางอย่างแตกตื่น หมายมั่นพยายามจะทำกิริยาอันผ่าเผยเหมือนเช่นเคย พร้อมกับ
“ อะ อืม ฟุรุยะหรือ แหม่จะว่าอย่างไรดีนะ แม่หนูโซยะ มิซากิเป็นสตรีผู้ทรงเสน่ห์อย่างยิ่งยวดโดยแท้เลยเชียวหรอก แต่ควรจะพูดว่าเฟติชของเรามันไม่ตรงกันกระมัง ดูทีแล้วเห็นท่าว่าจะประสานเข้ากับฉันได้ไม่ค่อยดีเสียทีเดียว จะสร้างความเดือดร้อนให้กับแม่หนูมิซากิเพราะเฟติชที่ไม่ตรงกันก็ไม่สมควร แล้วก็ไม่อยากที่จะขัดขวางเป็นภาระในการเป็นใหญ่เป็นโตเพื่อคลายคำสาป? อะไรนั่นด้วย ฉะนั้นตรงนี้ฉันจะขอถอนตัวอย่างสมเป็นสุภาพสตรีก็แล้วกัน หาได้แปลว่าฉันใจเสาะแต่อย่างใดไม่ ”
พูดอะไรหยั่งกับไอ้ซิงเมากาวที่แสนจะปากเก่งออกมา
“ อ๊ะ หยุดร้องแล้วเหรอ? ”
ในฉับพลันที่โซยะซึ่งหน้าหายแดงแล้วก้าวเข้ามาในห้องเรียน คาราสึมะมันก็ถึงกับสะดุ้งโหยงตัวลอยเลยทีเดียวเชียว
“ อ๊ะ เปล่าหรอก เมื่อครู่นี้เผลอแสดงสารรูปที่แสนจะน่าสมเพชให้เห็นไปเสียได้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ มันเป็นเช่นนั้นอย่างไรล่ะ ดูเหมือนว่าตัวฉันที่ยังอ่อนด้อยไร้ประสบการณ์จะยังมีกำลังความสามารถไม่มากพอจะเข้าร่วมทีมของแม่หนูมิซากิได้—– ”
“ อื๋อ? ว่าอะไรนะ? ”
“ เอ๊ะ อ่า เปล่า….. ”
พอเข้าจับไหล่ของคาราสึมะที่ปอดแหกโดยสมบูรณ์อย่างแน่นหนา โซยะก็ทำการกดดันคาราสึมะด้วยท่าทางสุดจะมั่นราวกับจะสื่อเป็นนัยว่า “เรื่องอะไรจะยอมให้หนี” ……โซยะที่มองทะลุเห็นจุดอ่อนของคาราสึมะด้วยพลังของเนตรมารฝันนั้นไม่มีการปรานีอีกต่อไปแล้ว
“ จะช่วยตั้งทีมด้วยกันสินะ? ”
“ …….อะ อืม ”
“ ค่อยยังชั่ว! ถ้าอย่างงั้นก็ ตั้งแต่วันนี้ไปขอฝากตัวในฐานะเพื่อนร่วมทีมด้วยนะ? อาโอยจัง ”
เนตรมารฝัน
แม้จะต่างกับเทคโนเบรคเกอร์ของฉันตรงที่อำนาจการโจมตีเป็นศูนย์ แต่พอผนวกเข้ากับความไร้เมตตาปรานีของโซยะที่เป็นผู้ใช้งานแล้ว ก็ทำเอาคิดขึ้นมาได้อีกครั้งเลยเชียว ว่าพลังที่แสนน่าหวาดหวั่นขวัญผวาระดับนี้มันคงหาเจอไม่ได้ง่ายๆมั้ง? แน่ะ
MANGA DISCUSSION