ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ) - ตอนที่ 36 คงมีแต่ต้องตายเท่านั้นแล้วล่ะ
- Home
- ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ)
- ตอนที่ 36 คงมีแต่ต้องตายเท่านั้นแล้วล่ะ
“……”
ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
กรรไกรของผมถูกทุบโดยค้อนสามอัน
“……”
จากนั้นมือของผมก็ค่อย ๆ แบออก
“””เป่า ยิ้ง ฉุบ”””
ผมถูกเมินอย่างสมบูรณ์ และการมองเห็นของผมก็บิดเบี้ยว
แล้วผมก็ล้มลงกับพื้นพร้อมร้องไห้
ระ…เรานี่มัน…ช่างอ่อนแอยิ่งนัก…!!
“อ๊ะ!”
มีเสียงร้องด้วยความดีใจดังขึ้น และลาพิสก็หน้าแดงและยิ้มด้วยความตื่นเต้น
“ฉันชนะแล้ว! เย้!”
ดูเหมือนว่าคนที่ชนะนั้นจะเป็นลาพิส
ลาพิสมองมาที่ผม และพอผมสบตากับเธอ เธอก็ชูสองนิ้วแล้วยิ้มให้
“……”
เอาเถอะ ก็ถือว่าดีแล้วล่ะมั้ง
คนได้ที่สองคือสึกิโอริ ส่วนคนที่ได้ที่สามคือเรย์…ลาพิสน่ะ ผมก็บอกไปแล้วว่าสโนว์เป็นคู่หมั้นปลอม ๆ
เพราะงั้นเธอก็รู้อยู่แล้วว่าผมคบกับผู้หญิงไม่ได้
อย่างน้อยผมก็วางใจในตัวเธอได้มากกว่าเรย์ที่มีแนวโน้มจะมีความรู้สึกพิเศษให้ผมหรือสึกิโอริที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แหละนะ แถมเธอเองก็เป็นคนที่เคยอาศัยอยู่ที่บ้านพักตระกูลซันโจด้วยกันอยู่แล้ว เพราะงั้นต่อให้จะค้างคืนด้วยกันก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง
เรย์ที่รู้สึกเสียใจอย่างน่าแปลกได้เดินจากไปพร้อมกับสีหน้าอันเศร้าสร้อย ส่วนสึกิโอริก็ถอนหายใจและเดินกลับห้องไป
“ลาพิส ไม่ต้องเป็นห่วงเกินเบอร์อะไรขนาดนั้นก็ได้นะ ฉันพอจะทำอะไรเองได้อยู่หรอก”
“ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นหรอกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง แค่บอกมาว่าต้องการอะไร ฉันก็จะทำให้เลยนะ”
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อะไรกัน ก็ดูปกติดีนี่นา นี่เราคงคิดมากไปเองสินะ
ถึงจะดูเหมือนว่าการเล่นเกมระดับสุดยอดของผมมันจะผิดพลาดไปไกลจนกลายเป็นการเสี่ยงชีวิตปกป้องลาพิสไปก็เถอะ…
แต่ลาพิสก็ยังคงเป็นลาพิสอยู่วันยังค่ำสินะ
“ถ้างั้นมื้อเย็นล่ะ? ต้องไปที่ไหนล่ะ? ต้องกินด้วยกันกับกลุ่มของตัวเองรึเปล่า?”
“ไม่หรอก เห็นเขาว่านักเรียนก็น่าจะเข้ากันได้ดีแล้วจากการนันทนาการ ก็เลยไม่ได้มีการบังคับให้กินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่มก็ได้น่ะนะ แล้วก็จะกินอยู่ที่ไหนก็ได้เลยด้วย…อยากดูแผนที่เด็คเรือก่อนแล้วค่อยเลือกดูมั้ยล่ะ?”
พอพูดเสร็จ ลาพิสก็ขยายจอแสดงผลให้ดู
ผมจ้องมองไปยังจอและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันนุ่มนวลบนไหล่
หือ?
“คือว่านะ…เห็นว่าร้าน [ไลท์แอตเทนแดนท์] ที่อยู่เด็คแซฟไฟร์มีอาหารทะเลอร่อย ๆ อยู่ด้วยล่ะ มีเขียนไว้ในแพลนด้วยนะว่าเชฟของเด็คนั้นจะเลือกวัตถุดิบเป็นอย่างดีด้–“
“…เอ่อ…คุณลาพิสครับ?”
“หืม? อะไรเหรอ?”
ผมชี้ไปที่ไหล่ของผมกับลาพิสที่ติดกันมาซักพักแล้ว
“มะ…มันไม่ใกล้เกินไปหน่อยเหรอ…?”
“เหรอ? ก็ปกติดีนี่?”
ลาพิสทัดผมไว้หลังหูและยิ้มออกมา
กลิ่นแชมพูที่โชยออกมา และต้นคอที่ขาวบริสุทธิ์กับผมสีบลอนด์ที่ปลิวไปที่ต้นคอ
แล้วพอมองลงไปผมก็เห็นหน้าอกที่ไร้การป้องกั–
ผมชกหมัดซ้ายเข้าที่หน้าของตัวเอง
“หวา!? ฮิอิโระ!?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“จะ…จะไม่มีอะไรได้ไง…เลือดกำเดาไหลแล้วนะนั่น…!”
ลาพิสเช็ดจมูกผมเบา ๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้า
“โธ่…ฮิอิโระนี่ล่ะก็…”
เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ช่วยไม่ได้นะ”
เสียงเตือนภัยในจิตใจของผมมันได้ดังขึ้น
งานเข้าล่ะสิ…งานเข้าจริงง ๆ แล้ว…ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป คงย้อนกลับมาไม่ได้แล้วแน่ ๆ …สุดยอดยูริอันยิ่งใหญ่ แต่พอผ่านไปได้ครึ่งทางก็กลับมีผู้ชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวและเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับนางเอกแบบนี้…รู้สึกเหมือนหัวใจจะล้มเหลวเลย…!
“ละ…ลาพิส โทษทีนะ แต่ฉันขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะ”
“หืม? ได้สิ เดี๋ยวฉันจะรออยู่นี่นะ”
ผมปล่อยให้ลาพิสที่กำลังพิงแขนบนรั้วและมองไปที่ทะเลรออยู่ตรงนั้น…จากนั้นผมก็กดโทรศัพท์
“สโนว์เอม่อนนน…!”
“ว่าใครเป็นเมดหุ่นยนต์แมวแห่งโลกอนาคตกันคะ แล้วนี่ช่วยหยุดร้องไห้และโทรหาทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ทีจะได้มั้ยคะ?”
ผมอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้สโนว์ที่รับสายแล้วฟัง
เธอที่อยู่ในสถานะที่ลงเรือลำเดียวกันก็ได้ให้คำตอบกับผม
“แค่ยินดีรับเธอไว้ในอ้อมแขนก็พอแล้วนี่คะ?”
“ไอ้เจ้าสิ่งชั่วร้ายนี่!!”
“ความสัมพันธ์มันอาจจะยังอยู่ในจุดที่พัฒนาไปในเชิงโรแมนติกก็จริง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะค่ะว่ามันค่อนข้างจะใกล้เคียงจุดนั้นแล้ว แต่ว่าเจ้าหญิงผู้นั้นดูจะทนรับแรงกดดันไม่ค่อยได้ เพราะงั้นก็ใช้เหตุการณ์นี้กดดันให้เธอยอมเอง จนไปถึงสถานการณ์ที่แบบว่า [มะ…ไม่ได้นะ…ฮิอิโระ] เลยสิคะ–“
“เอเมนนนนนนนนนนน!! เอเมนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!! จงพินาศไปซะ เจ้าพวกลัทธิปีศาจ!! ฉันจะไม่ยอมแพ้ต่อการล่อลวงของแกหรอกนะ!! พินาศไปซ้าาาาาาาาาาาา!!”
“น่า ๆ ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะนายท่าน”
ฟังจากเสียงแล้ว ดูเหมือนจะกำลังดื่มชากับคุณลิลลี่อยู่รึเปล่านะ
ดูเหมือนว่าที่ปลายสาย ผมจะได้ยินคำพูดโอ้อวดของผู้ดูแลหอพักมิวล์กับคุณลิลลี่อยู่ด้วย
“ท่านลาพิสน่ะเป็นเจ้าหญิงที่มีนิสัยจริงจังนะคะ ต่อให้นายท่านจะไม่ทำอะไร เธอก็ไม่มีทางล้ำเส้นคำว่าเพื่อนหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า อย่าทำอะไรที่ดูจะเพิ่มความชอบไปมากกว่านี้ก็พอค่ะ”
“ฉันรู้น่า จะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“……”
“อะไร เธอเงียบไปทำไมเนี่ย การเงียบไประหว่างที่กำลังโทรคุยกันมันทำให้รู้สึกไม่ดีนะ อะไรเนี่ย เธอกำลังดื่มด่ำช่วงเวลาที่แสนวิเศษอยู่รึไง? หรือกำลังวิจัยวิธีหาเรื่องคนอื่นด้วยการเงียบใส่อยู่เรอะ?”
เธอเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นสโนว์ก็พึมพำกับตัวเอง
“หรือว่าเราควรจะตอกย้ำเธอไว้อีกซักหน่อยดีล่ะคะ”
“โย่วว!! สมแล้วที่เป็นคุณสโนว์!! กำลังรอคำพูดแบบนี้อยู่เลยยย!! ขอตอกฝาโลงแบบเบิ้ม ๆ เลยนะ!!”
“แสดงเป็นลูกน้องเก่งจริง ๆ เลยนะหมอนี่…ถ้างั้นก็ช่วยไปหาท่านลาพิสทั้ง ๆ ที่ต่อสายอยู่แบบนี้ที ได้รึเปล่าคะ?”
“ใช่ ใช่! เห็นว่าเมื่อวานนี้น่ะเพื่อนฉันกินเรียบทั้งโต๊ะเลยล่ะ!!”
“บทสนทนาโคตรจะแปลก คนที่ไหนเขาคุยกันแบบนั้นบ้างล่ะคะ เพื่อนกินเรียบทั้งโต๊ะเนี่ยนะคะ เดี๋ยวฉันเชือดทิ้งซะเลยนี่”
ลาพิสมองมาที่ผมด้วยความสงสัย
“พออยู่ใกล้พอแล้วก็เปิดลำโพงด้วยนะคะ”
ผมกดเปิดลำโพง จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงหวาน ๆ ออกมาจากปลายสาย
“รักนะค้า ที่รัก! รีบกลับมานะคะ!”
พอมีเสียง [จุ๊บ] ดังขึ้น ลาพิสก็หยุดชะงักไปในตอนที่กำลังยกมือมาทางผม
เธอลดมือลงต่อหน้าผมอย่างช้า ๆ ในตอนที่ผมกดวางสาย
“อ๊ะ…มะ…เมื่อกี้นี้ คุณสโนว์เหรอ?”
“อะ…อื้ม…ใช่แล้วล่ะ”
ลาพิสจับข้อมือซ้ายของเธอด้วยมือขวาแล้วมองลงด้านล่าง
“ฮิอิโระเนี่ย…เอ่อ…เป็นคู่หมั้นปลอม ๆ กับคุณสโนว์งั้นสินะ…?”
“ก็ใช่แหละ แต่ถ้าพวกเราไม่แสดงแบบนี้อยู่ตลอด คนเขาก็รู้พอดีสิว่าแกล้งทำน่ะ ก็ฉันคบกับผู้หญิงไม่ได้นี่นา ฉันกับสโนว์น่ะจริงจังกับเรื่องนี้มากนะ”
“งั้นเหรอ…นั่นสินะ…ฮิอิโระน่ะ…อื้อ ขอโทษทีนะ”
ลาพิสยิ้มอ่อน ๆ
“งั้นไปกันเลยดีมั้ย [ไลท์แอตเทนแดนท์] น่ะ”
“โอ้ว ไปกันเถอะ”
ผมเดินข้างลาพิส…พร้อมกันนั้นผมก็ปรบมือให้กับความยิ่งใหญ่ของสโนว์ไปด้วย
สมแล้วทีเป็นสโนว์ กลยุทธ์ช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน เธอใช้ประโยชน์จากความจริงจังของลาพิสและตอกย้ำเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ลาพิสก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่ต้องคบหากับผมในเชิงธุรกิจเท่านั้นแล้ว–
แต่ทันใดนั้นเองลาพิสก็หยุดเดิน
หืม?
เธอหันกลับมาและมองหน้าผม
“ขอโทษนะ ฮิอิโระ”
เธอจับแขนของตัวเองพร้อมหันหลังกลับมาพร้อมแก้มที่แดงระเรื่อ
“ในตอนที่ฉันกำลังคอยดูแลนายอยู่น่ะ…อย่าติดต่อกับคุณสโนว์อีกเลยนะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ทำไมล่ะ?”
“กะ…ก็ฉันไม่ชอบน่ะสิ”
เธอมองมาที่ผม
“ฉันไม่ชอบน่ะ…เพราะงั้นอย่าติดต่อกันเลยนะ…”
“……”
ตายดีกว่า
ในขณะที่ผมกำลังตะลึงอยู่นั่นเอง เธอก็คว้านิ้วชี้ของผมไว้แล้วเขย่าเบา ๆ
“…ไปกันเถอะ”
“……”
แบบนี้คงมีแต่ต้องตายจริง ๆ แล้วล่ะแบบนี้
พอสมองของผมมันสูญสลายไปจนหมดสิ้น ลาพิสก็ได้พาผมไปยังร้าน [ไลท์ แอตเทนแดนท์]
ในขณะนั้นเอง นักเรียนหลาย ๆ คนกำลังเพลิดเพลินไปกับมื้อเย็นสุดหรูกันอยู่
ดูเหมือนว่าที่ [ไลท์แอตเทนแดนท์] นั้น จะไม่ต้องแต่งตัวเป็นพิธีอะไรมากนักถ้าเทียบกับร้านอาหารสุดหรูบนเด็คอื่น
เหล่าสาว ๆ ที่แต่งชุดลำลองกัน (ซึ่งก็ยังดูทันสมัยอยู่ดี) ก็กำลังนั่งกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นทะเลพร้อมกับพูดคุยและเพลิดเพลินไปกับลมทะเลด้วย
“……”
“ฮิ…ฮิอิโระ”
ลาพิสหน้าแดงพร้อมยื่นช้อนมาทางผมด้วยตัวที่สั่น ๆ
“อะ…อ้าม”
“……”
ผมที่กำลังรู้สึกซึมเป็นส้วมก็ได้แต่อ้าปากค้าง ส่วนลาพิสก็ได้ป้อนซุปทะเลเข้าไปในปาก
ซุปอันแสนอร่อยที่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งทะเล เปรียบเหมือนหยดน้ำมันที่หยดลงบนหัวใจที่กลายเป็นสนิมของผม ทำเอาน้ำตาไหลออกมาจากตาของผมเลยทีเดียว
“ขะ…ขอโทษนะ พอดีว่าฉันก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน…”
ลาพิสหน้าแดงจนถึงคอ จากนั้นเธอก็เอามือทั้งสองปิดหน้าไว้
“อะ…อาจจะดูน่าอายไปซักหน่อยนะ…ก็ไม่หน่อยหรอก…ก็ดูน่าอายเลยแหละ…กะ…ก็ขอโทษด้วยนะ ฮิอิโระยังกินเองไม่ได้นี่นา…”
“…(น้ำลายไหลลงมาจากมุมปาก)”
“ฮิ…ฮิอิโระ…อ้าม…”
ในตอนที่มหาสมุทรถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ที่นั่งกลางแจ้งใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกนั้น ราวกับแชนเดอร์เลียที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่กลางทะเลเลยทีเดียว
แต่ว่าสำหรับผมแล้ว ตอนนี้มันดูเหมือนเทียนหน้าหลุมศพมากกว่า
“……”
ผมมองโต๊ะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“อื้ม! กุ้งยักษ์ตัวนี้นี่อร่อยดีนะเนี่ย”
“ไม่ใช่กุ้งยักษ์ซะหน่อย นี่ล็อบสเตอร์ต่างหากล่ะ”
เด็กผู้หญิงที่ดูหัวดีคนนั้นนั่งลงที่ตรงที่นั่งตรงข้ามกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ดูร่าเริงพร้อมกับหัวเราะคิกคักเล็กน้อย
“อ๊ะ! นี่ล้อเลียนฉันอีกแล้วนะ!”
“ไม่ใช่ซักหน่อยนะคะ ฉันก็แค่”
เด็กผู้หญิงที่ดูหัวดีคนนั้นได้ประทับริมฝีปากลงบนแก้มของหญิงสาวที่ดูร่าเริงแล้วเลียซอสที่ติดตรงแก้มเธอออก
“คิดว่าดูน่ารักดีน่ะค่ะ”
“อะ…อึ้ก…ขะ…ขี้โกงนี่…”
หลังจากที่ได้เห็นทิวทัศน์อันแสนหรูหรายามราตรีนี้ ผมก็ได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ
หญ้าเขียวชะอุ่มที่อยู่ข้างบ้าน…กับดอกลิลลี่สีขาว…ผมนี่มันงี่เง่าสิ้นดี…ยูริไอคิว 180 อะไรกัน…นางเอกเกมยูริกำลัง [อ้าม] ป้อนมื้อเย็นอยู่กันสองต่อสองแบบนี้…จะปกป้องยูริไว้ให้ได้อะไรกัน…ผมนี่มัน…มันนี่มันโง่สิ้นดี…ไร้พลังสิ้นดี…ทั้งที่ปกป้องสึกิโอริกับคนอื่น ๆ เอาไว้…แต่ผมกลับกำลังถูกลงโทษด้วยการฝืนให้มีชีวิตอยู่แบบนี้เนี่ยนะ…!
ผมคงมีต้องต้องตายเท่านั้นจริง ๆ แล้วล่–
“การเตรียมการล่ะ”
“แน่นอนว่าเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ เพียงเท่านี้ลาพิส คลูเอ ลา ลูเมต , ซันโจเรย์ , สึกิโอริซากุระ…แล้วก็ใครก็ตามที่มาขวางจะต้องพินาศกันหมด”
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และมองไปรอบ ๆ
“มะ…มีอะไรเหรอฮิอิโ–“
“นั่งลงอยู่นั่นแหละ อย่าเพิ่งลุกขึ้นนะ”
ที่ไหนกัน…อยู่ที่ไหนกัน…?
ผมตั้งใจฟังเสียงและกลอกตาไปมาตลอดเวลา
“ฮุฮุ หลังจากนี้คงจะสนุกน่าดูเลยนะ”
“จะสนุกมันก็ได้อยู่หรอก แต่อย่าไปขวางท่านผู้นั้นก็แล้วกัน”
เจอตัวแล้ว–พอผมเห็นพวกเธอสองคนลุกจากที่นั่ง ผมก็ได้หันไปยิ้มให้กับลาพิส
“เดี๋ยวฉันจะกลับมากินเองคนเดียวทีหลัง เธอกินมื้อเย็นไปก่อนได้เลย…ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็กลับห้องไปก่อนเลยนะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิฮิอิโระ…เอ๊ะ อะไรล่ะเนี่ย…?”
ผมรีบวิ่งตามผู้หญิงสองคนนั้นไป
ในระหว่างที่กำลังดูผังเด็คเรือที่ไกด์ให้มา ผมก็เปิดหน้าจอด้วยมือซ้ายและพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในขณะที่กำลังวิ่งด้วย
แต่ก่อนที่จะรู้ตัว กลิ่นอายก็หายไปแล้ว…แล้วจู่ ๆ ก็มีเด็กสาวหกคนมาปรากฎตัวที่ตรงมุมหนึ่งของเรือที่ไม่ค่อยมีคน
“จะ…จับเขาเอาไว้…ได้จริง ๆ ด้วย…”
“โง่ซะจริงนะเจ้าผู้ชาย ใครมันจะไปคุยแผนการสำคัญ ๆ ในที่แบบนั้นกันเล่า”
“โผล่หน้ามาทั้งที่ไม่รู้ว่ามันเป็นกับดักแบบนี้เนี่ย…เป็นเหมือนที่ท่านผู้นั้นได้บอกไว้เลยว่าถ้าพูดว่าลาพิสหรือคนอื่น ๆ จะตกอยู่ในอันตรายแล้ว มันจะต้องติดกับแน่…”
“พยายามทำเป็นเท่และบอกให้ [กลับห้องไปก่อน] เนี่ยนะ คิดจะเล่นเป็นอัศวินรึไง?”
“นายจะต้องตายอยู่ที่นี่แหละ”
“แขนขวาใช้การไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ น่าสมเพชจริง ๆ คิดว่าจะชนะพวกเราได้รึไง?”
ด้วยจำนวนที่น้อยกว่า
อุปกรณ์เวทย์จึงเล็งมาที่ผมจากหลายทิศทาง–แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“อะไร? นี่เสียสติไปแล้วรึไง?”
“ไม่ล่ะ ฉันว่าเจ้านั่นคงยังไม่เข้าใจอะไรมากกว่า”
ผมเงยหน้าขึ้นและยิ้มกว้างออกมา
“คนที่ติดกับน่ะมันพวกเธอต่างหากล่ะ ยัยพวกโง่เอ๊ย”
จังหวะนั้นเอง เรย์กับสึกิโอริที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ส่วนลาพิสที่วิ่งตามผมมาก็ได้ง้างธนูเล็งรอไว้แล้ว
พวกที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกสึกิโอริอยู่แล้วนั้นก็ถึงกับตื่นตระหนกแล้วเริ่่มถอยไปข้างหลัง
สถานการณ์ที่พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้พวกเธอหน้าซีดกันใหญ่
“เดี๋ยวไว้ค่อยถามอะไรทีหลังก็แล้วกัน”
ผมหัวเราะออกมาและถอดเฝือกออกจากแขนขวาของผม
“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยสิ ไอ้ [การเตรียมการ] อะไรที่พวกเธอว่ากันนั่นน่ะ”
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเธอเริ่มยอมแพ้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเธอจึงเริ่มพากันลดอุปกรณ์เวทย์กันลง
[ติดตามเรื่องนี้ได้ที่ Okuse-Translator]