ในอเวจี - บทที่ 1 ตอนที่ 1 ซวยชิบหายเลยสัส!! - (บี๋)
มีบางคนเคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตจะมีประสิทธิภาพได้ก็แต่เมื่อเราตั้งใจทำมัน” และถึงแม้ว่าคำๆนี้จะทำให้ใครหลายคนประสบความสำเร็จ แต่หนึ่งในนั้นคงไม่ใช่ผมแน่ๆล่ะ
ผมเดินมาจนถึงหน้าอาคารเรียน ก่อนจะวางลงกระเป๋าไว้ที่เสาแถวๆนั้น แล้วพอผมเงยหน้าขึ้นมา ก็พบเข้ากับเพื่อนสนิทของผม ที่เป็นผู้ชายหล่อเหลาหน้าตาดีติดท็อปของโรงเรียน
” ไงบี๋ วันนี้ตื่นสายเรอะ? “
” อ้า ก็นิดหน่อย “
สวัสดีครับ ผมบี๋ เป็นเพื่อนของเจ้าผู้ชายตัวสูงตรงหน้าผมนี่แหละ มันน่ะมีชื่อว่าบาส มีดีกรีเป็นถึงเอซของทีมฟุตบอลโรงเรียน หล่อเหลา แถมมีสาวติดตรึม เรียนก็เก่ง นิสัยก็ดี เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่างเลยจริงๆ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ บางทีมันก็ซุ่มซ่าม เป็นพวกขี้แกล้งแถมยังกลัวแมลงอีกต่างหาก มันก็เป็นซะแบบนี้ล่ะนะไอ้พวกหล่อน่ะ
นั่นล่ะคือเพื่อนตัวดีของผมล่ะ
ขณะที่ผมกับมันกำลังคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น หูที่เฉียบคมของผมก็ได้ยินกลุ่มคนบางกลุ่ทกำลังพูดคุยเป็นเสียงเดียวกัน
นั่นทำให้ผมได้รู้ว่ามีบางสิ่งกำลังตรฃมาจากทางด้านหลังของผม เนื่องจากใต้อาคารเรียนนั้นเป็นแบบเปิด ทำให้นักเรียน อาจารย์ หรือแม่บ้านเข้าออกได้แทบทุกทิศ
แต่ก็จะมีบุคคลอยู่หนึ่งคน ที่สามารถทำให้ทุกคนที่จับจ้องไปที่เธอนั้น จะไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของผม
” บี๋.. ข้างหลังมึงอ่ะ!!! “
” เออ “
ผมรู้อยู่แล้วล่ะ แม้ว่าผมจะอยากหันไปมองมากแค่ไหน ผมก็ต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้ เพื่อตัวผมเองที่จะได้ไม่ต้องหลงระ้ริงไปกับความงามที่อยู่ตรงหน้าจนทำให้เสียสติไปชั่วขณะ
แม้ว่าเธอคนนั้นจะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมก็ตามที
” ..อ- อึ่ก!!? “
ไอ้บาสมันทำหน้าอะไรของมัน? แปลกว่ะ-
เห๋อ?
ฟุด* ฟิด*
กลิ่นดอกไม้?
กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้มีระดับโชยมาตามลม มาเตะเข้าจมูกของผมพอดี ด้วยความสงสัยผมจึงหันหลังกลับไปมอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคนคนนั้นอยู่ใกล้เพียงแค่ไหน
ขวับ-
” … “
ใกล้ !!?
” … “
คนที่ผ่านหน้าผมไปเมื่อสักครู่คือประธานนักเรียนของโรงเรียนนี้ และยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นห้องหนึ่งอีกต่างหาก เธอเป็นคนที่โคตรสวย
สวยยิ่งกว่าใครทั้งหมดในโรงเรียนนี้ที่ผมรู้จักเลย..
เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่พวกเราได้สบตากัน ทำให้ผมได้รู้จักกับความสุดยอดของสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้ ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเช่นไร ในชั่วอึดใจนั้น ราวกับว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นไปชั่วขณะนึงเลยล่ะ
ผมกลั้นหายใจตัวเอง เพราะความสวยและ ความน่าหลงไหลของเธอนั้นมีมากเกินไปสำหรับผู้ชายมากตัณหาอย่างผม
เฮ้อ~!!
” … ไม่ดีต่อใจสุดๆ “
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
” ฮ่าๆๆ ก็ว่างั้นแหละ! “
ส่วนไอ้บาสดันมานั่งหัวเราะสบายใจเฉิบซะนี่ สงสัย เรื่องนี้ผมคงจะถูกมันล้อไปอีกสักพักเลย
ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ใช่ว่าผมจะรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีขนาดนั้น ผมรู้แค่ว่าเธอเป็นคนเจ้าระเบียบและเรียนเก่ง
… ว่าก็ว่าเถอะ
ผมว่าเราควรจะเข้าแถวกันได้แล้วล่ะ นี่ก็ได้เวลาที่จะได้เข้าแถวตอนเช้าพอดีเลยด้วย ผมเลยจบบทสนทนาระหว่างผมกับบาส ก่อนจะพากันไปเข้าแถวที่แถวของห้องตัวเอง
พอถึงเวลาแปดโมงตรง เพลงชาติเราก็ดังขึ้น ผมร้องเพลงชาติคลอไปตามจังหวะของแผ่นเทปเก่าๆ ก่อนที่จะเริ่มสวดมนตร์เมื่อเพลงจบ
หลังจากนั้นจะเป็นการให้โอวาทของบาทหลวงประจำโรงเรียน.. ก็โรงเรียนเรามันเป็นโรงเรียนคริสของเอกชนนี่นะ ไม่ได้น่าแปลกใจสักเท่าไหร่.. มั้ง
เสียงของคุณพ่อก็สุดยอดซะจนทำผมเคลิ้มจวนจะหลับตรงนั้นเลย… ถ้าไม่ติดที่ว่าไอ่บาสมันเล่นอะไรไม่รู้เกาะแกะอยู่ข้างๆผมอ่ะนะ
” บางทีกูก็สงสัยนะบี๋ “
อยู่ๆมันก็หันมาถามผม ตอนนั้นผมฟังมันแค่ผ่านๆ เพราะในหัวกำลังนึกถึงภาพมังงะของผมที่กำลังดำเนินเรื่องอยู่ในหัว ก็.. กะจะเอาไปเป็นเรฟเฟอเรนซ์ในมังงะจริงสักหน่อยอ่านะ
ดังนั้น ผมจึงตอบมันไปด้วยความเฉื่อยชา
” อะไร “
” ก็ว่าทำไมคนที่หน้าตาดีอย่างยัยนวลถึงไม่มีคนมาจีบบ้างเลย? อะไรแบบนั้น “
สิ่งที่มันพูดมาดึงดูดความสนใจของผมไปได้พอสมควร
” มันอ่ะนะ? .. กูก็ไม่รู้ดิ แต่คิดว่าอย่างมันก็น่าจะหาได้สักคนแหละ ไม่สิ เป็นฮาเร็มเลยมากกว่า”
อย่างว่าแหละผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบและเพรียบพร้อมแบบนั้นใครๆก็ชอบล่ะ ไม่เว้นแม้แต่ผม แต่ผมที่รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้มีดีไปกว่าใครเลย ก็ได้แต่ทำใจและกำลังคิดจะเป็นโสดไปตลอด จนกว่าที่จะมีใครมาทัชใจผมได้ล่ะ
” หรือว่ามึงจะจีบมัน? “
ผมถามกับบาส
” ไม่อ่ะกูมีแฟนแล้ว! “
” อ่าวเฮ้ย!- ตอนไหนวะนิ!? “
” เดือนก่อนน่ะ”
แม่งแบบ.. ช็อตฟีลอ่ะ ผมก็พึ่งจะมารู้ตอนนี้นี่แหละว่ามันมีแฟนแล้ว ก็.. อึ้งอยู่นานเลยล่ะนะ
ก่อนที่ครูเขาจะปล่อยขึ้นห้องเรียน ผมเหลือบไปมองนวลที่แถวของห้องหนึ่งแว๊บนึง ก่อนจะคิดขึ้นในใจ
‘ ก็สมกับที่เป็นผู้หญิงเพอร์เฟ็คดี เอาเถอะ คิดมากไปก็ไม่ได้ทำให้เรามีโอกาสได้ใกล้กันสักหน่อย ‘
ทว่า เธอดันสบตาผมอีกครั้งพอดีกับที่ผมมองตรงไปหา มันทำเอาผมประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก.. สุดท้ายก็ได้แต่ขึ้นห้องไปทั้งอย่างนั้นนี่แหละ
ถึงแม้ผมจะไม่เห็นว่าเธอแสดงสีหน้าเข่นไร แต่ลึกๆแล้ว เธอคนนั้นกำลังยิ้มอยู่แบบที่ผมไม่รู้ตัวล่ะ
จะว่าไปแล้ว มองไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ไม่ดีต่อหัวใจของผมเอาซะเลยนะเนี่ย
‘ …ดาเมจทางใจแรงไปมั้ยเนี่ย? ‘
คือ.. ผมน่ะ หากได้เจอคนสวยแล้วจะกลั้นหายใจล่ะ มันคือกลไกอัตโนมัติของผมล่ะนะ
…
..
.
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
คาบนี้เป็นคาบว่างล่ะ เนื่องจากว่าครูประจำวิชาเศรษฐศาสตร์วันนี้ไม่มาพวกเราเลยได้ไม่มีคนคุยอยู่นี่ไง
แล้วเมื่อไม่มีใครคุมห้องเรา.. ก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
โครม!!!
จ๊อก* แจ๊ก*
กรี๊ดดด!!
เรื่องต่างๆนาๆเกิดขึ้นในห้องนี้ เป็นสถาการณ์ที่ผมที่เป็นรองหัวหน้าห้องไม่อาจจะหยุดได้จริงๆ อีกทั้งหัวหน้าห้องก็ยังไม่มาอีก.. แล้วทีนี้ใครจะมาหยุดห้องนี้ได้ล่ะเนี่ย
” เงียบๆกันสิวะเฮ้ยย!! ครูแต๋มสอนห้องหนึ่งอยู่นะเว้ย!!! “
ประเด็นคือ คาบนี้ครูประจำชั้นเราดันสอนห้องหนึ่งอยู่น่ะสิ ซึ่งไอ้ห้องหนึ่งน่ะดันอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือก็เท่านั้น(ข้างหลัง)
ไม่มีทางเลยที่เสียงที่ดังระงมอย่างกับคอนเสิร์ตอะไรสักอย่างแบบนี้จะไม่ส่งไปถึงครูแก อีกทั้ง.. ดูจะไม่มีใครสนใจเสียงของผมเลยด้วย..
เป็นแบบนี้บ่อยจนเบื่อจริงๆเลยแฮะ..
ตึง!!
‘ .. อะไรวะ? ใครกระแทกกระจก? ‘
ครั้งแรกมันยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่..
ตึงๆๆๆๆๆ!!!!!
ปังๆๆๆ!!!
เสียงทุบประตูกับกระแทกหน้าต่างดังขึ้ระงมจนทำให้พวกนักเรียนในห้องหันมาให้ความสนใจได้
ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ใจผมเริ่มเต้นตุบตับอย่างรุนแรง ลางสังหรณ์กำลังส่งเสียงเตือนถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาทุกฝีก้าว
แผล๊ะ-
กองเลือดขนาดใหญ่สาดกระเซ็นใส่หน้าต่างบานหนึ่งใกล้กับฝั่งประตู จังหวะนั่นแหละที่สัญชาตญาณของผมได้แจ้งเตือนขึ้นมาอย่างหนักหน่วง
ผมใช้ไหวพริบที่มีอยู่สั่งให้พวกเพื่อนผู้ชายใช้เก้าอี้และโต๊ะทั้งหมดบังหน้าต่างเอาไว้ ทั่งยังล็อคประตูแล้วเอาโต๊ะไปขวางกั้นประตูไว
” พวกมึงยกโต๊ะกับเก้าอี้ไปขวางประตูหน้าต่างไว้เร็ว!!!!! “
แม้จะไม่รู่ว่าเกิดอะไรขึ้น.. แต่เสียงกรีดร้องของมนุษย์ที่โอดครวญเข้ามานี่ ฟังแล้วก็ดูจะไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
กรี๊ดดดดดด!!!!!
อ้ากกก!!
ครู!! อย่า!! ผม- อ้ากก!!
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น.. พวกเราจะต้องเก็บตัวในนี้ต่อไปอีกสักพัก จนกว่าเสียงโหยหวนข้างนอกจะซาลง
..
.
ผ่านไปอีกสักพัก
ตอนนี้ผมได้รู้แล้วว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร
แฮร่… กร๊ากก!!!
มันคือซอมบี้
ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนหรือเกิดขึ้นจากอะไร แต่ผมคงต้องงัดทุกอย่างออกมาเพื่อพาเพื่อนผมรอดขีวิตไปด้วยกันแล้วล่ะ..
เพล้ง!!!
กร๊ากกก!!!
‘เห๋อ? … ‘
?????
ไม่นะ.. ผมอยู่ติดกับหน้าต่างเกินไป!! การป้องกันแม่งโคตรหละหลวมเลย!!!
สวบ!!-
อ้าากกกก!!!
ฮ้าห์- ฮ้าห์- ฮว๊ากกกก!!! โคตร!! โคตร!!!!เจ็บ!!!
แม่ง- แม่งเอ๊ยย!!!
ผมฝืนสังขาร คว้าดินสอแหลมๆแถวนั้นมาหนึ่งแท่งก่อนจะ-
” จ- จิมมี่!! “
ทว่า ไอ้ซแมบี้ตัวนี้ดันมาเป็นเพื่อนห้อง 4 ของผม.. จิมมี่ไปซะได้ ผมกำดินสอในมือแน่นขณะที่มันกำลังจะกระชากเนื้อของผมจนจะหลุดอยู่แล้ว
ผมไม่กล้าแทงเพื่อนตัวเอง แต่ในเวลาเดียวกันผมก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว.. ผมไม่รู้ ว่าคอนนี้ผมจะต้องทำอะไรดี
จนกระทั่งไอ้บาสมันได้ตะโกนขึ้นมาเพื่อเรียกสติผม
“บี๋!!! แทงมันเลย!!!! “
” จิมมี่นะเว้ย!! “
” มันคือซอมบี้นะเว้ยไอ้เหี้ย!!!! “
ฉึก!!
กระซวก!!*
ผมจำใจแทงเข้าไปที่ตาของมันเพื่อรบกวนมัน ก่อนที่ผมจะสลัดมันจนหลุดแล้วใช้เก้าอี้ตีหัวมันจนแน่นิ่งไป
แม้จะเป็นแบบนั้นเราก็ไม่ได้ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่ามันตายรึยัง อีกทั้ง..
” บี๋.. “
” ไอ่บาส.. กู.. “
” ไอ้บี๋.. มึงโดนกัด!! “
” เออ!! “
ผ่านไปไม่นานหลังจากที่ผมโดนจิมมี่กัดเข้า ผมก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดแปลกของตัวเอง
” อึ่ก-.. !! “
” บี๋!! “
ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาที่เวทนาของเพื่อนๆ มันเต็มไปด้วยความหาวดกลัวและความระแวงขั้นสุด ตัวผมในตอนนี้คงจะน่าสมเพชจริงๆนั่นแหละ
” หน้าตามึงโทรมมากเลยนะเพื่อน.. “
” รู้น่า.. บาส.. “
” ว่าไง “
” กูเหนื่อยว่ะ… อยากจะวูบมันตรงนี้.. “
” อดทนไว้เพื่อน!! “
เพื่อความปลอดภัยไอ่บาสได้พาเพื่อนทั้งหมดไปหลบที่มุมห้องตรงข้ามฝั่งที่ผมอยู่
ไม่นานนักผมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย.. และอยากจะสลบมันตรงนั้นเลย
ฮร๊ากก!!
กร๊ากกกก!!!
ทว่า ยังไม่ทันที่จะได้ปลอดภัย พวกซอมบี้ที่ได้กลิ่นเลือดและเสียงตะโกนของบาส มันก็เริ่มที่ตะพากันมาทางนี้
” บาสทำไงกันดี!!? “
” เชี่ยเอ้ยย !! “
” กุไม่เชื่อว่าเีาจะตายกันหมด!! “
ทุกคนเริ่มสติแตกกันแล้ว ในเวลาแบบนี้มีสิ่งเดียวที่ผมควรทำ ในฐานะที้ผมเป็นรองหัวหน้าห้อง และผู้ติดเชื้อคนหนึ่ง
” บี๋.. เส้นเลือดมึงปูดขึ้นมาแล้วว่ะ.. “
” เออ! บาส.. กูมีวิธี “
” กูรู้มึงจะทำอะไร.. “
” แต่เราไม่มีทางเลือก- “
” งั้นก็ว่ามาเลย!! “
จากนั้นผมก็บอกให้พวกผู้ชายเตรียมตัวเอาไว้หน้าประตู เมื่อผมออกไปแล้วก็รีบปิดให้ไว ขณะที่พวกซอมบี้ยังไม่เยอะ
” เฮ้อ.. บ้าอะไรวะ วันนี้แม่ง ซวยชิบหายเลยสัส…, พร้อมนะ “
” เออ!! “
” 3 …”
” 2 .. ”
” ไป!! “
ผมรีบวิ่งออกไปนอกห้องสุดชีวิตเพื่อล่อซอมบี้ด้วยกลิ่นเลือดจากผม พอผมเห็นว่าพวกนั้นปิดประตูตามที่ผมบอก.. ผมก็สบายใจพอแล้วล่ะ
ทีนี้ผมจะลงจากชั้นสองนี้ทางบนใดด้านขวา เพราะมันอยู่คิดกับห้องเรียนของผมสุด
ตึกๆๆๆๆ!!
ขณะวิ่งลงบนใด ผมก็เผลอสะดุดขาตัวเองจนล้มกลิ้งลงบันใดมาอย่างแรง
” โอ้ย… ซี๊ด.. “
มันเจ็บ โคตรเจ็บจนทำน้ำตาผมไหลออกมาได้เลย
” อึ่ก- เจ็บขาว่ะแม่ง!! “
แถม ผมคิดว่าขาผมหักล่ะ..
แต่ตอนนี้เวลาไม่คอยท่า พวกมันกำลังตามมาติดๆ
กร๊ากกก!!!
ผมรู้สึกได้เลยว่าฝูงซอมบี้นับสิบกำลังตามมาติดๆ ทั้งเสียงเท้าราวกับกลองกระหน่ำ เสียงคำรามดั่งสัตว์ร้าย ทำให้ผมกลัวสุดขีด
ตั้งแต่เด็ก.. ผมไม่เคยชอบซอมบี้พวกนี้เลยจริงๆ
” ฮว๊าาากกกกกก!!!!! “
เพื่อชีวิต แม้ว่าจะเจ็บขนาดไหนก็จำเป็นต้องวิ่งต่อไป และ.. แม้ว่าฉันจะกลายเป็นซอมบี้ไปก็ตาม.. ฉัน.. ยังอยากมีชีวิตอยู่นะโว้ยย!!
” แม่ง- ซวยชิบหายเลยสัสเอ๊ยย!!!!!!! “
…
..
.
[ นวล ]
” บี๋… ? “
ตัดจบตอน