ในฐานะเพื่อนฉันจะมอบการหลุดพ้นแก่เธอเอง - ตอนที่ 41 เก็บกู้อาร์ติแฟกต์ (3)
ฉันกับคิมจีฮุนเดินด้วยกันเงียบๆ
ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาเพราะภาพติดตาก่อนหน้านี้ที่ซาอึนนั่งทับอยู่บนตัวของเขา
แต่ฉันก็โล่งใจที่ฉันไม่ต้องจับคู่ทีมกับอีจงซอก
“ซอยอน”
“…?”
จู่ๆ คิมจีฮุนก็เรียกฉัน
ฉันเลยหันไปมองเขา
“ขอโทษ เมื่อกี้มันแค่บังเอิญจริงๆ”
คิมจีฮุนกำลังทำสีหน้ารู้สึกผิดอยู่
เขาขอโทษฉันแต่ว่าฉันก็ยังไม่พอใจกับแค่คำขอโทษแบบนี้อยู่ดี
เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองแล้วที่คิมจีฮุนกับซาอึนทำอะไรที่ฉันไม่รู้ลับหลัง
ครั้งแรกกลิ่นตัวของซาอึนที่ติดตัวคิมจีฮุนและครั้งนี้ที่ซาอึนนั่งบนตัวของเขา
“อืม”
ฉันตอบสั้นๆ ไป
คิมจีฮุนมองหน้าฉันและถอนหายใจออกมา
เขาคงรู้ว่าฉันไม่มีทางหายโกรธเร็วๆ นี้แน่ๆ
เขาเลยไม่พูดอะไรอีกและเลือกที่จะเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าฉัน
“ห้องนี้… ดูเหมือนพวกลัทธินอกรีต”
คิมจีฮุนพูดออกมาหลังจากที่พวกเราเดินสำรวจไปอยู่พักหนึ่ง
โถงทางเดินทางที่พวกเราเดินมามันเชื่อมกับห้องที่มีสัญลักษณ์แปลกๆ
ภายในห้องมีโต๊ะที่จุดเทียนอยู่ เหนือโต๊ะที่กำแพงนั้นก็มีตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่ถูกวาดด้วยของเหลวสีแดง
ร่องรอยของเทียนที่โต๊ะทำให้รู้เลยว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเพราะเทียนนับร้อยอันที่มอดดับไปแล้ว
“นี่มัน… เลือด”
คิมจีฮุนใช้มือแตะของเหลวสีแดงบนกำแพง
ของเหลวสีแดงที่แห้งติดกับกำแพงหลุดร่อนบนมือของเขา
ในระหว่างที่คิมจีฮุนกำลังสำรวจโต๊ะและกำแพง
ฉันก็เดินดูรอบๆ
รอบๆ เป็นห้องที่ค่อนข้างกว้างพอที่จะให้คนสิบคนอยู่ได้เลย
บนพื้นมีร่องรอยเลือดที่กระจัดกระจายเต็มไปหมด
ร่องรอยเลือดแบบนี้ดูเหมือนว่าจะมีเหยื่อที่ถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่
เหยื่อ… ลัทธิ… รอยเลือด…
“บูชายัญ”
ฉันพึมพำกับตัวเองและเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
ชั้นหนังสือเล็กๆ ที่วางไว้ตรงมุมห้อง มันดึงดูดความสนใจของฉัน
ฉันเดินไปที่ชั้นหนังสือและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเปื้อนเลือดเต็มไปหมดขึ้นมาและอ่านมัน
‘โอ… ผู้ยิ่งใหญ่เหนือฟ้าและผืนดิน
พระองค์ผู้ซึ่งทำลายและแก้ไขโลกา
เราขอน้อมถวายเลือดของแกะดำผู้นี้
เลือดแดงดั่งเพลิงแห่งชีวิต
หลั่งรินเพื่อบูชา ส่งเสริมอำนาจสู่ท่าน
เนื้อหนังคือธัญญาหารแห่งจิตวิญญาณ
หยาดโลหิตคือสายใยแห่งสัญญาอมตะ
ขอท่านสดับฟังคำสรรเสริญนี้
รับเครื่องบูชาจากแกะดำผู้น่าสงสาร
ประทานพลังให้แก่แกะขาวเช่นเรา
โอ… ท่านลอร์ด’
บทสรรเสริญ…
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นลัทธินอกรีตจริงๆ แถมยังบูชายัญมนุษย์
ฉันได้แต่รู้สึกขยะแขยง ฉันรีบโยนหนังสือที่ฉันอ่านทิ้งออกไป
ฉันรีบเดินไปหาคิมจีฮุน
“จีฮุน ที่นี่น่าจะเป็นห้องบูชายัญ”
“ใช่… แถมที่นี่น่าจะมีเหยื่อจำนวนมาก”
สีหน้าของเขาดูหนักอึ้ง
ดูเหมือนว่าการเก็บกู้อาร์ติแฟกต์จะไม่เหมือนอย่างที่คิดแล้ว
เมื่อกลุ่มอาชญากร ‘Rest’ เกี่ยวข้องกับลัทธิแบบนี้
แต่ว่า… ลัทธิที่บูชายัญมนุษย์งั้นหรอ?
ฉันจำได้ว่าในช่วงท้ายของนิยายมีลัทธิที่บูชายัญมนุษย์อยู่
แต่จำนวนของลัทธินอกรีตที่บูชายัญมนุษย์มันมีเยอะเกินไป
ฉันไม่รู้เลยว่าลัทธินี้ คือ ลัทธิไหนกันแน่ในนิยาย
แต่ว่าการที่คิมจีฮุนมาเจอลัทธินี้ก่อนนิยายเริ่มนั้นส่งผลดีต่อแน่นอน
การที่พวกเราได้ข้อมูลและมีโอกาสกำจัดลัทธิพวกนี้ก่อนที่พวกมันจะเติบโตไปมากกว่านี้ได้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
“จีฮุน พวกเราออกไปสำรวจที่อื่นกันเถอะ”
ฉันพูดออกมา ฉันรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยกับการที่ต้องอยู่ในห้องที่มีเลือดเต็มไปหมด
ถึงกลิ่นเลือดมันจะจางหายไปบ้างแล้วแต่มันก็ยังมีกลิ่นอยู่ดี
คิมจีฮุนที่เห็นสีหน้าของฉันรู้สึกไม่ค่อยดี เขาก็พยักหน้าและจูงมือฉันเดินออกไปจากห้องบูชายัญ
พวกเราเดินสำรวจอยู่หลายห้องทว่าพวกเรากลับไม่เจอกับดักอะไรเลย
นอกจากจะไม่เจอกับดักแล้ว… พวกเราก็ไม่เจอคนเลยสักคน
มันราบรื่นมากๆ
ราบรื่น… จนรู้สึกแปลกๆ
พวกเราสำรวจต่อไปเรื่อยๆ จนทางเดินที่เคยเป็นโถงทางเดินเปลี่ยนไป
มันราวกับกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างและปลายเส้นทางของพวกเราที่ต่างจากที่คิดไว้
“…ถ้ำงั้นหรอ?”
ตรงหน้าของพวกเราคือ ถ้ำที่มีทางเข้าที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
คิมจีฮุนยืนคิดอยู่นิดหน่อยก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าทำท่าจะเข้าไปข้างในถ้ำ
ฉันรีบกระตุกเสื้อของเขา
ถ้ำที่มีทางเดินแคบๆ ที่พอจะเข้าไปพร้อมกันได้สองสามคนแบบนี้
มันไม่น่าเข้าไปเลย
“…จีฮุน จะเข้าไปจริงๆ งั้นหรอ?”
ฉันกระตุกเสื้อของเขาอีกรอบ
“…อืม พวกเราต้องสำรวจให้ลึกและเก็บข้อมูลทุกอย่างให้ละเอียด”
คิมจีฮุนตอบฉันด้วยน้ำเสียงปกติ
เขาไม่ได้มีความกังวลอะไรเลย
“…เข้าใจแล้ว”
ฉันถอนหายใจออกมาและตัดสินใจเดินตามคิมจีฮุนเข้าไปข้างในถ้ำ
ถ้ำที่มีแสงสลัวๆ จากคบเพลิงมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกังวล
พวกเราเดินสำรวจต่อไป
ถ้ำที่เคยเป็นขนาดเล็กก็เริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ำนี้มีแม้แต่ลำธารธรรมชาติเล็กๆ ด้วย
ฉันเริ่มรู้สึกหนาวๆ ขึ้นมาหลังจากที่เดินเข้ามาได้พักหนึ่ง
แต่ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นความคิดไปเองของฉันเอง
ฉันเลยไม่คิดอะไรและเดินตามคิมจีฮุนต่อไป
“…หินที่มีสัญลักษณ์”
พวกเราเจอหินที่ถูกพันผ้าอะไรสักอย่างไว้
บนหินที่ถูกสลักด้วยอะไรสักอย่างเป็นสัญลักษณ์แปลกๆ
คิมจีฮุนเดินไปแตะโขดหินอันนั้นและหยิบผ้าที่พันไว้มาตรวจสอบ
“ผ้าเป็นของปกติทั่วไป… โขดหินก็ปกติ”
คิมจีฮุนพึมพำออกมา
ทุกอย่างมันไม่มีอะไรผิดปกติเลย
ไม่มีร่องรอยของเวทมนตร์หรือกับดักอะไรสักอย่าง
คิมจีฮุนทำท่าจะเดินสำรวจต่อไป
ฉันก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา ฉันเลยหยุดชะงักไม่ขยับเท้าไปมากกว่านี้
“…จีฮุน”
ฉันกระตุกเสื้อของคิมจีฮุน
“…?”
คิมจีฮุนหันมามองฉันด้วยความสงสัย
“พวกเรากลับไปรวมตัวกันเถอะ”
ฉันรีบเสนอออกไป
ฉันรู้สึกแปลกๆ
ฉันรู้สึกว่าพวกเราไม่ควรก้าวเดินไปมากกว่านี้
หากมากกว่านี้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างมันจะจบไม่สวยแน่ๆ
มันอาจจะเป็นที่ฉันคิดไปเองก็ได้แต่สำหรับฉันบรรยากาศตอนนี้มันเย็นสุดๆ
ทว่าคิมจีฮุนกลับไม่รู้สึกแบบฉัน เขาดูปกติดีทุกอย่าง
คิมจีฮุนมองฉันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็พยักหน้า
“…เข้าใจแล้ว”
เขาตอบตกลงและในขณะที่พวกเรากำลังจะก้าวเท้าเดินกลับไปตามทางที่พวกเราผ่านมา
ตึง!
แผ่นหินที่หล่นมาจากด้านบนปิดเส้นทางกลับของพวกเราสนิท
ทางกลับตอนนี้ถูกปิดแล้ว ยิ่งทำให้ฉันขนลุกชัน
ลางสังหรณ์ของฉัน มันบอกว่าฉันกำลังจะเจออันตรายสุดๆ
คิมจีฮุนที่เห็นว่าแผ่นหินขนาดใหญ่ปิดเส้นทางกลับของพวกเรา
เขาก็เปิดใช้งานพลังของเขาและใช้มีดฟันไปที่แผ่นหิน
“…ตื้นเกินไป”
คิมจีฮุนพูดออกมาพร้อมกับมองรอยมีดของเขาบนหิน
ใบมีดของเขาตัดแผ่นหินราวกับเนยแต่ว่าด้วยขนาดของมีดของเขาและความหนาของแผ่นหิน
มันเลยทำอะไรแผ่นหินที่ปิดกั้นเส้นทางของพวกเราไม่ได้เลย
…ในเมื่อมันไม่มีทางที่เลือกอื่นแล้ว
“…ซอยอน”
คิมจีฮุนหันมาหาฉัน
สีหน้าของเขาลำบากใจแต่ฉันก็รู้ความคิดของเขาทันที
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองพยายามห้ามตัวเองไม่ให้สั่น
“อือ… ไปกันต่อเถอะ”
ฉันลังเลพูดออกมาก่อนที่คิมจีฮุนจะพยักหน้าและเดินนำหน้าฉัน
หลังจากที่พวกเราเดินเข้ามาลึกขึ้น
รูปลักษณ์ภายในถ้ำก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ถ้ำที่เคยเป็นหินทั่วๆ ไปและมีแสงสลัวๆ
ตอนนี้ทุกอย่างล้วนกลายเป็นสีขาว
ก้อนหิน หินย้อยแม้แต่พวกเศษผงดิน
แปลก… มันแปลกมากจริงๆ
ยิ่งฉันเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่
ฉันยิ่งรู้สึกอยากหนีออกไปจากที่นี่มากเท่านั้น
แต่ฉันก็กัดฟันเดินสำรวจต่อเพราะสายตากังวลของคิมจีฮุนที่มองมาที่ฉัน
จนในที่สุดพวกเราก็ถึงจุดหมายของถ้ำ
พวกเราใช้หินย้อยสีขาวเป็นที่ซ่อนตัวและชะเง้อมองออกไป
พื้นที่โล่งขนาดใหญ่และคนนับสิบคนที่สวมชุดคลุมสีดำสนิทยืนอยู่ภายในพื้นที่โล่ง
คนเหล่านั้นกำลังพนมมือและพึมพำอะไรสักอย่างราวกับว่ากำลังท่องบทสวด
พวกเขาล้อมรอบอะไรสักอย่างที่เป็นสัญลักษณ์บนพื้น…
โดยที่บนสัญลักษณ์ที่พื้นมี… ร่างของชายและหญิงสองคน
ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเหยื่อที่เสียชีวิตไป
คิมจีฮุนกำหมัดแน่น
‘พวกเรามาช้าไป’
คิมจีฮุนจ้องมองไปที่กลุ่มนั้นภายในกลุ่มมีคนคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาวราวกับนักบวช
หากไม่ใช่เพราะว่าชุดสีขาวราวกับนักบวชนั้นเปื้อนเลือดอยู่ละก็… คงไม่มีใครแยกชายคนนั้นได้ว่าเป็นพวกลัทธินอกรีต
ดูเหมือนคนคนนั้นจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้
“…ยินดีต้อนรับ”
เสียงแผ่วเบาราวกับดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ฉันหันขวับแต่ว่าฉันก็ไม่เจอใคร
ในตอนนั้นเองคนนับสิบคนก็มองมาที่พวกเรา
“…พวกมันรู้ตัวตั้งแต่แรก”
คิมจีฮุนพูดออกมา ใบหน้าของเขาตึงเครียด
เขาชักมีดออกมาพร้อมกับเปิดใช้งานพลัง
“อย่าได้วิตกกังวลเลยท่านผู้มาเยือน”
ชายที่สวมชุดนักบวชเดินมาหาฉันกับคิมจีฮุนด้วยรอยยิ้มและแขนที่อ้ากว้าง
“พวกท่านนั้นนับว่าเป็นผู้มาเยือนที่ทรงประเสริฐและวาสนาช่างตรงกันกับพวกเรามากเสีย”
“พวกเรากำลังขาดผู้อุทิศตนอยู่พอดีดังนั้นพวกเราจึงต้องขอบคุณทั้งสองท่านมาก”
คิมจีฮุนเดินออกจากหินย้อยด้วยท่าทางระมัดระวัง
เขารับรู้ได้ว่าชายตรงหน้าคือตัวอันตราย
“…จีฮุน”
“…อยู่เฉยๆ ก่อน”
คิมจีฮุนหันมาบอกฉัน
หลังจากที่เขาเห็นว่าฉันกำลังจะเดินไปหาเขา
“อา… ช่างเป็นความเมตตาจากพระองค์โดยแท้จริง”
“ท่านแม้กระทั่งประทานเหล่าแกะดำผู้น่าสงสารแก่พวกเราในยามคับขันที่ผู้อุทิศตนไม่เพียงพอ”
ชายชุดนักบวชสีขาวค่อยๆ เดินมาหาพวกเราใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ด้านหลังของชายคนนั้นก็คือกลุ่มสาวกที่สวดบทสวดดังขึ้นเรื่อยๆ
คิมจีฮุนกระชับมีดแน่นขึ้นจนเมื่อชายคนนั้นใกล้เข้ามา
คิมจีฮุนก็เร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไป
“…ช่างเป็นแกะดำที่รีบร้อนเสียจริง”
ชายคนนั้นถอนหายใจและยื่นฝ่ามือขวาออกมา
คิมจีฮุนตวัดใช้มีดในมือหวังจะเฉือนมือและแขนของอีกฝ่าย
ทว่ายังไม่ทันที่มีดจะถึงตัวของชายคนนั้น
มีดของคิมจีฮุนก็หยุดค้างกลางอากาศ
ตรงหน้าฝ่ามือของชายคนนั้น
“…!”
คิมจีฮุนรีบกระโดดถอยหลังออกมา
“…นี่คือพลังของท่านผู้นั้น ผู้ที่เคยทำให้โลกใบนี้แดงฉานไปด้วยหยาดโลหิตของแกะดำ”
“อา… ช่างวิเศษยิ่งนัก”
ชายคนนั้นพึมพำออกมาพร้อมกับกุมมือราวกับสวดภาวนาสรรเสริญภายในใจ
“……”
คิมจีฮุนสีหน้าของเขาตึงเครียดมากขึ้น
อีกฝ่ายมีพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
พลังนั้นเหมือนกับ… พลังจิต?
เขาไม่แน่ใจแต่มันคงเป็นรูปแบบเดียวกัน
“จีฮุน!”
ฉันเรียกชื่อของเขาหลังจากที่เห็นท่าไม่ดี
สัญชาตญาณของฉันมันเตือนฉันว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ขึ้นเรื่อยๆ
ฉันต้องรีบหนี พวกเราต้องหาทางหนีจริงๆ
ฉันวิ่งออกจากหินย้อยที่ซ่อนและไปอยู่ข้างๆ คิมจีฮุน
ความวิตกกังวลของฉันทำให้ฉันหน้าซีด
“……!!”
ชายคนนั้นหยุดชะงักทันทีที่เห็นฉัน
ชายคนนั้นจ้องมองฉันด้วยสายตาตกตะลึง
เขามองมาที่ใบหน้าของฉันและค่อยๆ ลดระดับสายตาหยุดลงที่เอวของฉัน
“อาา!! ท่าน! ท่านผู้เป็นดั่งเขา!”
ชายคนนั้นยิ้มออกมาราวกับคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
ชายคนนั้นกุมมือราวกับอธิษฐาน
ในขณะเดียวกันกับที่กลุ่มคนชุดคลุมสีดำต่างก็หันมามองฉัน
คนชุดคลุมสีดำพวกนั้นหยุดท่องบทสวดทุกอย่าง
เสียงตะโกนและดีใจดังขึ้นมาทันที
“……”
ฉันกับคิมจีฮุนนิ่งเงียบและมีสีหน้าตึงเครียด
“อาาา~ แกะขาวผู้น่าสงสารผู้นี้รู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก”
“ในที่สุด… ในที่สุด…”
ชายคนนั้นสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขก่อนที่เขาจะมองหน้าฉัน
“…!”
เพียงเสี้ยววินาที
ชายคนนั้นก็หายไปจากสายตาของฉัน
ราวกับว่าชายคนนั้นเทเลพอร์ต
เขาโผล่มาอยู่ข้างๆ ฉัน
ฉันขยับตัวไม่ได้ มันราวกับว่าฉันถูกแช่แข็ง
จับปีกของฉัน…
“อึ่ก…!”
ความรู้สึกในตอนที่ถูกจับปีก… ไม่…
“ใช่… ใช่เลย! นี่แหละ! แบบเดียวกับท่านผู้นั้น!”
“ไอนักบวชบ้านี่…!!”
คิมจีฮุนตวัดมีดในมือของเขาเต็มแรง
ทว่ามีดของเขาก็ถูกหยุดอยู่กลางอากาศไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม
คิมจีฮุนพยายามจะเดินเข้ามาหาฉันที่ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้
ทว่ามันราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นแบ่งแยกพวกเราไว้ด้วยกัน
“หยุด… หยุดนะ!”
ฉันตัวสั่นออกมา
การถูกจับปีกแบบนี้
…ไม่ได้!
ฉันจะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้!
ฉันคิดในใจและพยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเอง
ทว่า… ความรู้สึกที่มากเกินไปมันก็ทำให้ฉันก็เข่าอ่อนยวบและล้มลงกับพื้นได้แต่หอบหายใจ
“อา… ช่างเหมือนท่านผู้นั้นจริงๆ”
ชายคนนั้นยิ้มออกมาราวกับบรรลุ
เขาคุกเข่าลงและเชิดใบหน้าของฉันขึ้น
เขาใช้นิ้วแทรกเข้ามาข้างในปากของฉัน
“ปีกเช่นนี้… รูปร่างเช่นนี้… แม้แต่เขี้ยวช่างเหมือนท่านผู้นั้น”
ฉันได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมองไปหาคิมจีฮุน
ฉันเห็นคิมจีฮุนที่พยายามดิ้นรนจะเข้ามาช่วยฉันแต่ก็ทำไม่ได้
มันทำให้ฉันรู้สึกแย่สุดๆ
ในตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็ปลิวออกไป
“จีฮุน!”
ซาอึนตะโกนเรียกคิมจีฮุน
ซาอึนในสภาพสะบักสะบอมและอีจงซอกที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
รีบวิ่งเข้ามาหาฉันกับคิมจีฮุน
“…พวกนาย!”
คิมจีฮุนยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
ซาอึนรีบเดินมาหาคิมจีฮุนและตั้งท่าพร้อมสู้ด้วยหอกสีทองในมือของเธอ
“พวกนี้มีพลังแปลกๆ ฉันเองก็เจอคนแบบหมอนี่ตอนที่แยกกันไป”
“กว่าจะชนะเล่นเอาหอบขึ้นคอ”
“…งั้นหรอ”
ในระหว่างที่คิมจีฮุนกับซาอึนพูดคุยกัน
อีจงซอกเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ฉันและยื่นมือมาให้ฉัน
ฉันลังเลนิดหน่อยแต่ก็ตอบรับมือของอีจงซอก
“แปรสภาพกระแสพลังงาน”
อีจงซอกพูดออกมาประโยคเดียวในขณะที่มองหน้าคิมจีฮุน
“…?”
คิมจีฮุนนิ่งเงียบไปและแสดงสีหน้าสงสัย
“อีจงซอกหมายถึง พลังของพวกนี้มันคือการแปรเปลี่ยนแรงที่โจมตีเข้าหาผู้ใช้”
“เปลี่ยนจากหนักเป็นเบาและเปลี่ยนจากเบาเป็นหนัก”
“…ฉันถึงว่าทำไมโจมตีไม่โดนหมอนั่นเลย”
คิมจีฮุนถอนหายใจออกมา
ในตอนนี้เขารู้วิธีรับมือกับพลังของนักบวชนอกรีตนั่นแล้ว
มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก
“ถ้างั้น… พวกเราเตรียมพร้อม”
คิมจีฮุนพูดขึ้นมาในขณะที่กระชับมีดในมือตัวเอง
ซาอึนกระชับหอกในมือส่วนอีจงซอกก็หยิบอาวุธของเขาออกมา
‘แส้สีดำ’ อาวุธประจำตัวของอีจงซอก
“อา… ช่างเป็นอุปสรรคที่ยากลำบากยิ่งนัก นี่คงเป็นบททดสอบที่มอบแก่เรา”
ชายคนนั้นที่ปลิวออกไปค่อยๆ เดินออกมาจากกลุ่มควัน
“เหล่าสาวกทั้งหลาย… เตรียมพร้อมต่อสู้ขจัดมารผจญของพวกเราเสีย!”