ในฐานะเพื่อนฉันจะมอบการหลุดพ้นแก่เธอเอง - ตอนที่ 20 ข้อเสนอ
“ครับ… กำลังเตรียมตัวครับ”
คิมจีฮุนวางโทรศัพท์ในมือของเขา
เขามองโทรศัพท์ค้างอยู่แบบนั้นก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
วันนี้… เป็นวันที่เขาจะต้องหาทางคุยกับรัฐบาลให้ได้
เขาออกห้องตรงดิ่งไปที่ห้องรับแขก
ซึ่งตอนนี้แบคฮารยอนกำลังพูดคุยกับผู้ชายสวมชุดสูทอยู่
เธอจับมือของเขาและเขย่าอย่างเป็นทางการ
ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนจากรัฐบาล
คิมจีฮุนรีบเดินไปหาแบคฮารยอน
“มาแล้วหรอ? เตรียมตัวพร้อมใช่ไหม?”
“เดี๋ยวเธอกับฉันที่อยู่ในเหตุการณ์หลักต้องไปที่ทำเนียบรัฐบาล”
“แค่สองคนหรอครับ?”
“ใช่… ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลกับรัฐบาลด้านอื่นแทน”
“…เข้าใจแล้วครับ”
คิมจีฮุนเดินตามแบคฮารยอนที่เดินนำหน้าเขาไปพร้อมกับคนจากรัฐบาล
ไปยังรถสีดำที่จอดอยู่หน้าตึกแทยังบิช
พวกเราใช้เวลาเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลหลายชั่วโมง
เมื่อมาถึงชายคนนั้นก็พาเข้าไปที่อาคารสีฟ้าที่ห้อมล้อมไปด้วยทหาร
ภาพของทหารที่คอยคุ้มกันทำให้รับรู้ได้ถึงความเข้มงวดของมัน
ชายคนนั้นพาพวกเราไปที่ประตูหนึ่งและเปิดประตูเชิญพวกเราเข้าไป
เบื้องหน้าของคิมจีฮุนและแบคฮารยอน คือ กลุ่มคนแปดคน
ทั้งแปดคนนั้นนั่งอยู่บนที่นั่งที่อยู่สูงจนต้องเงยหน้ามอง
ทั้งแปดคนนี้คือคนที่อยู่จุดสูงสุดของเกาหลี
พวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดภายในเกาหลี
หากพวกเขาต้องการ
การทำให้กิลด์แทยังบิชหายไปนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด
แบคฮารยอนเดินนำคิมจีฮุนไปยังพื้นที่ตรงกลางที่ยกสูงขึ้นมาระดับหนึ่ง
หนึ่งในแปดคนเหล่านั้นพลิกเอกสารก่อนที่จะมองหน้าแบคฮารยอนและคิมจีฮุน
“แบคฮารยอนจากกิลด์แทยังบิช”
“โปรดรายงานการปฏิบัติการครั้งล่าสุดเกี่ยวกับการจับกุมคนร้ายระดับสูงสุดฉายา ‘หมอคลั่ง’ ด้วย”
“ค่ะ ขอรายงานว่าการปฏิบัติการเกี่ยวกับการจับกุมคนร้าย…”
แบคฮารยอนสูดลมหายใจเข้าก่อนที่จะพูดออกมา
“ล้มเหลวค่ะ”
“ล้มเหลวงั้นหรอ? พอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ต้องพูดตามตรงเลยว่าสาเหตุที่ล้มเหลวเป็นเพราะว่าพลังของอีกฝ่ายค่ะ”
“นอกเหนือจากพลังของอีกฝ่ายแล้ว เราได้เจอกับบุคคลปริศนาที่อยู่ฝ่ายเดียวกันหมอคลั่ง”
“เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พลังของเธอคือการแปรเปลี่ยนร่างกายเป็นของเหลวสีดำ”
“ซึ่งการแปรเปลี่ยนร่างกายเป็นของเหลวของเธอนั้นแข็งแกร่งมาก”
“สมาชิกกิลด์ของฉันไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เธอได้เลยด้วยซ้ำรวมถึงฉันเองด้วยค่ะ”
แบคฮารยอนมองหน้าคนที่เอ่ยคำถามกับเธอด้วยสายตาหนักแน่น
“หมอคลั่งมีพรรคพวกด้วยงั้นหรอ? ข้อมูลนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน… แถมยังแข็งแกร่งระดับที่ว่าหัวหน้ากิลด์แทยังบิชยังไม่สามารถสร้างบาดแผลได้เลยงั้นหรอ?”
“ถือว่าการปฏิบัติการนี้ถึงจะล้มเหลวแต่เราก็ได้ข้อมูลใหญ่หลวงมา”
เจ้าของเสียงคนนั้นใช้ปากกาจดข้อมูลลงบนกระดาษก่อนที่ผายมือให้แบคฮารยอน
“เชิญต่อเลย”
“ค่ะ นอกเหนือจากพรรคพวกของหมอคลั่งแล้วพลังของหมอคลั่งเองก็เป็นสาเหตุสำคัญค่ะ”
“จากการคาดเดาครั้งล่าสุดของพวกเรา พวกเราคาดว่าหมอคลั่งจะมีพลังเกี่ยวกับควบคุมของเหลวทว่าการคาดเดานั้นผิด”
“หมอคลั่ง มีพลังที่เกี่ยวกับการสร้างประตูค่ะ ประตูที่สามารถก้าวข้ามพื้นที่ไปยังอีกพื้นที่หนึ่งได้”
เสียงพูดคุยของเหล่าคนทั้งแปดถึงดังขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินที่แบคฮารยอนพูดออกมา
“ไม่แปลกเลยสักนิดที่มันจะหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยได้”
“คิดเหมือนกัน… ฉันเคยใช้เส้นสายของฉันไล่หาร่องรอยของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ”
“อืม… ดูเหมือนเราจะต้องเปลี่ยนแผนการจับกุมหมอคลั่งใหม่หมดแล้ว”
เสียงพูดคุยระหว่างคนทั้งแปดทำให้คิมจีฮุนขมวดคิ้ว
พวกเขาเหล่านี้เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเกาหลี
แต่ทำไมกลับไม่สามารถจับกุมคนร้ายเพียงคนเดียวได้
ถึงแม้ว่าการค้นหาร่องรอยของหมอคลั่งในครั้งนี้ เขาจะอาศัยความช่วยเหลือจากจองฮารังก็เถอะ
แต่ทีมค้นหาชั้นยอดของจองฮารังก็ยังหาร่องรอยเจอได้
แต่ทำไมบรรดาคนเหล่านี้ที่ได้ชื่อว่าจุดสูงสุดของเกาหลี
ที่น่าจะมีบุคลากรชั้นยอดยิ่งกว่าจองฮารังกลับไม่สามารถค้นหาร่องรอยและติดตามหมอคลั่งได้
เขาสงสัยจริงๆ ทว่าเขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านไป
หลังจากที่คนทั้งแปดนั้นพูดคุยปรึกษากันอยู่นาน
ทั้งหมดก็เงียบลงก่อนที่จะหันมาทางแบคฮารยอนอีกรอบ
“แล้วเรื่องเกี่ยวกับการจับกุมปีศาจล่ะ?”
สีหน้าของคิมจีฮุนตึงขึ้นเมื่อได้ยินหัวข้อต่อมา
“เกี่ยวกับเรื่องปีศาจ… ก่อนอื่นต้องแก้ก่อนค่ะ”
“ไม่ใช่ปีศาจแต่เป็น ‘ผู้เสียหาย’ ค่ะ”
“……”
ทั้งแปดคนหลังจากที่ได้ยินนั้นก็นิ่งไป
“จะเป็นผู้เสียหายได้ยังไงในเมื่ออีกฝ่ายคือ ‘ปีศาจ’ ชัดเจนเสียขนาดนั้น!”
“ไม่ค่ะ… ผู้ที่พวกเรานำตัวกลับมา คือ ‘ผู้เสียหาย’ หรือ ‘เหยื่อ’ ของหมอคลั่งจริงๆ ค่ะ”
“ความจริงแล้ว ‘ผู้เสียหาย’ คือคนปกติโดยทั่วไปแต่ถูกหมอคลั่งล้างสมองโดยใช้สารเสพติดเพื่อการทดลองค่ะ”
“และการทดลองที่ว่านั่น… น่าจะเกี่ยวกับการสร้าง ‘ปีศาจ’ ขึ้นมาค่ะ”
“……!!”
คนทั้งแปดแสดงท่าทางตกใจอย่างชัดเจน
“ดังนั้นแล้วคนที่พวกเรานำตัวมาจึงไม่ใช่ ‘ปีศาจ’ ค่ะ”
“หากพูดถึงพยานแล้ว ฉันก็พาตัวมาด้วยค่ะ”
แบคฮารยอนผายมือมาที่คิมจีฮุน
คิมจีฮุนยืดหลังตรงเมื่อเขาเจอกับสายตาของคนทั้งแปดที่มองมาที่เขาพร้อมเพียงกัน
“…จริงหรือเปล่าที่ว่า ‘ปีศาจ’ ที่เธอนำกลับมาเป็นคนปกติ”
“ใช่ครับ… เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม”
“แต่ว่า ‘ปีศาจ’ น่ะปลิ้นปล้อน… เธอมั่นใจหรือเปล่าว่าเพื่อนของเธอเป็นมนุษย์แต่แรกและไม่ได้ถูกหลอก”
“ครับ ผมมั่นใจครับ… พวกเราอยู่ด้วยกันกว่าสิบปีและอาศัยที่เมืองเมืองหนึ่งที่ถูกปล่อยร้างไปหลังจากโรคระบาด”
“พวกเราอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดและเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา”
“ฮันซอยอน… เพื่อนของผม เธอมีอาการป่วยขึ้นมาและได้ไปโรงพยาบาลมาครั้งหนึ่งดังนั้นน่าจะมีประวัติคนไข้อยู่”
“ซึ่งจะเป็นหลักฐานยืนยันว่าเธอเป็นมนุษย์ได้ครับ”
“ยังงั้นหรอ… เข้าใจแล้วแต่ถึงอย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้อง ‘ประหาร’ เพื่อนของเธอ”
หัวของคิมจีฮุนว่างเปล่าเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดออกมา
‘ประหาร’
พวกเขากำลังจะประหารฮันซอยอน
หัวของเขาว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
“เดี๋ยวนะ พวกท่านไม่เข้าใจงั้นหรอ? ฮันซอยอนเป็นเหยื่อนะ ทำไมถึง…”
คิมจีฮุนพูดออกมาด้วยความสับสน
“ใช่… เพื่อนของเธอเป็นเหยื่อแต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความสงบสุขของประเทศ”
“พวกเราต้องขอแสดงความเสียใจด้วย พวกเราจำเป็นต้องประหารเพื่อนของเธอ”
“การปล่อย ‘ปีศาจ’ ไว้นั้นนอกจากจะทำให้ประชาชนภายในประเทศหวาดกลัวแล้ว…
“เธอมั่นใจหรอว่าเพื่อนของเธอจะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกรอบ?”
“แต่ว่า…!”
แบคฮารยอนเอามือบังคิมจีฮุนที่ตอนนี้กำลังกระวนกระวาย
“ทุกท่านที่เคารพคะ”
“ฉันเข้าใจความสำคัญเกี่ยวกับการ ‘ประหาร’ เพื่อความสงบสุขของประเทศ”
“แต่ว่าฉันขอค้านเรื่องนั้นค่ะ”
“ฉันไม่อาจนิ่งเฉยกับเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนั้นได้”
แบคฮารยอนสูดลมหายใจเข้าลึก
“ฉันไม่อาจฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ค่ะ เธอคนนั้นยังเป็นเด็กยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตของตัวเอง”
“เธอกลับต้องมาตายเพราะถูกคนร้ายล้างสมองจากยาเสพติดและทดลอง”
“ฉันอยากให้ทุกท่านคิดถึงเรื่องนี้สักนิดนะคะ”
“เด็กคนนั้น… เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึงยี่สิบปีแต่กลับต้องมาตายอย่างไร้ความยุติธรรมแบบนี้”
“พวกเราเข้าใจถึงสิ่งที่เธอกำลังพูดถึงแบคฮารยอน พวกเราเองก็ลำบากใจที่ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน”
“ค่ะ ฉันทราบค่ะแต่เราจำเป็นต้องประหารอย่างเดียวจริงๆ งั้นหรอคะ?”
“ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพียงแค่วิธีที่พวกท่านอยากให้ตัวเองไม่มีภาระงั้นหรอ?”
แบคฮารยอนพูดประชดประชันพร้อมชักสีหน้าออกไปด้วยประโยคสุภาพ
ทั้งแปดคนเงียบไปหลังจากที่ได้ยินแบคฮารยอนพูดออกมา
“ฉันขอเสนอค่ะ”
“พวกเราจะควบคุมตัวและคอยติดตามดูอาการของ ‘ผู้เสียหาย’ อย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ”
ทั้งแปดคนหลังจากที่ได้ยินแบคฮารยอนเสนอ
พวกเขาก็พูดคุยกันเองอีกครั้ง
ก่อนที่หนึ่งในแปดที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนจะพูดออกมา
“ได้… พวกเรารับข้อเสนอ”
“แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกิลด์แทยังบิชจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างโดยรับโทษขั้นสูงสุด”
“นอกเหนือจากนั้นจะต้องมีการรายงานเกี่ยวกับผู้เสียหายทุกๆ อาทิตย์”
“ฉันขอขอบคุณความเข้าใจของทุกท่านค่ะ”
แบคฮารยอนก้มหน้าลงแสดงความขอบคุณเล็กๆ
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงไปแล้ว
แบคฮารยอนก็พาคิมจีฮุนออกมา
“ตอนนี้ยังดีที่ทางนั้นไม่ได้ยืนกรานประหารฮันซอยอนนะ จีฮุน”
“…ครับ”
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“อ่าา.. ให้ตายสิ”
แบคฮารยอนคล้องคอคิมจีฮุน
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้เธอต้องดีใจงั้นหรอ?”
“ตอนนี้ถือว่าเราช่วยเพื่อนของเธอได้แล้วนะ!”
แบคฮารยอนพูดออกมาพร้อมกับขยี้ผมของคิมจีฮุน
คิมจีฮุนเงียบไป
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือเปล่า
ฮันซอยอน ตอนนี้รอดจากการประหารก็จริง
แต่ว่าก็ต้องถูกจับตามองตลอดเวลา
มันไม่ต่างกับนักโทษเลยไม่ใช่หรอ?
ไม่สิ… บางทีนี่อาจจะดีแล้วก็ได้
“ว่าแต่… หัวหน้ากิลด์คิดจะให้ใครเป็นคนดูแลฮันซอยอนหรอครับ?”
“ก็เธอไง… เพื่อนเธอไม่ใช่หรอ?”
แบคฮารยอนพูดออกมาพร้อมยักไหล่
‘มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ ถามอะไรโง่ๆ’
เธอแสดงออกประโยคนั้นออกมาได้ชัดเจน
คิมจีฮุนนิ่งไป
เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนดูแลและจับตามองฮันซอยอน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงท่าทางต่อฮันซอยอนยังไงดี
เมื่อเขาเจอเรื่องทั้งหมดพวกนั้น
เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาในตอนที่สู้กัน
ฮันซอยอนเลือก ‘คนรัก’ มากกว่าที่จะเป็นเพื่อนที่อยู่มาด้วยกันครึ่งชีวิต
เขารู้ว่านั่นมันเป็นเพราะสภาพของฮันซอยอนไม่ปกติ
เธอถูกหมอคลั่งนั่นทำให้เป็นแบบนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็โกรธและเศร้า
แต่ในเมื่อแบคฮารยอนเลือกที่จะมอบหน้าที่นั้นให้กับเขา
เขาก็ต้องทำ
“เข้าใจแล้วครับ…”