ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ตอนที่ 1-4
อินซอบตื่นขึ้นเพราะลมเอื่อยๆ อีอูยอนปล่อยให้อินซอบนอนหนุนตักของตัวเองและโบกพัดเบาๆ เขาถามว่า “ตื่นแล้วเหรอครับ” พร้อมกับทำสีหน้าเป็นกังวล
“…กี่โมงแล้วครับ”
“สี่โมง”
อินซอบตกใจและจะลุกขึ้น อีอูยอนเห็นดังนั้นก็กดไหล่ให้นอนลงไปอีกครั้ง
“นอนต่อเถอะครับ”
“ผมตื่นแล้วครับ”
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำตนก็หมดแรงไปแล้ว และจำได้ว่าสัปหงกอยู่หลายครั้งขณะเปลี่ยนเสื้อจนอีอูยอนหัวเราะออกมา…
“ผมกำลังมองคุณอินซอบนอนหลับน้ำลายไหลอยู่เลยครับ”
อินซอบหน้าแดงและใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง แต่ไม่มีอะไรโดนมือเลย
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่ะ”
อีอูยอนก้มลงไปจูบริมฝีปากบนของอินซอบเบาๆ และยิ้ม ใบหน้าของอินซอบแดงยิ่งขึ้น
“…กินข้าวเถอะครับ”
“ผมเตรียมเอาไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นอยู่แบบนี้ต่ออีกสักห้านาทีเถอะ”
แม้จะหิวเล็กน้อย แต่อินซอบก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะน้ำเสียงของอีอูยอนอ่อนโยนเหลือเกิน
ตาที่โค้งอย่างอ่อนโยนจากการยิ้มมองใบหน้าของอินซอบทีละจุด และเมื่อสบตากัน อีอูยอนก็จะยื่นปากมาจูบราวกับคนที่ไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกของตัวเองได้
ข้อดีของการได้อยู่ด้วยกันคือต่อให้ไม่ได้นัดกันหรือต่อให้ไม่มีเวลาว่าง พวกเขาก็สามารถเจอกันและมีช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ร่วมกันได้
อินซอบซบหน้าลงกับฝ่ามือของอีอูยอนเงียบๆ และหลับตาลง
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ
“ครับ”
“ตอนที่อยู่ที่อเมริกาคุณเกลียดผมมากไหมครับ”
อินซอบตกใจจนหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่อีอูยอนพูดเรื่องที่เกี่ยวกับเจนนี่แบบนี้
“เหมือนคุณจะเกลียดผมมากเพราะเพื่อนนะ”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ คุณอูยอน…”
“พูดมาตรงๆ ได้เลยครับ”
“…ครับ ตอนนั้นผมเกลียด…”
อินซอบเอ่ยตอบพร้อมกับลุกขึ้นมาพูดต่อ
“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะครับ ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด ความจริงแล้วแทนที่จะเกลียด ฝ่ายที่พยายามจะทำแบบนั้น…”
“ผมรู้ครับ”
อีอูยอนลูบริมฝีปากของอินซอบ ทุกครั้งที่ริมฝีปากนุ่มและน่ารักของอีกฝ่ายแตะปลายนิ้วของเขา อีอูยอนก็ตระหนักว่าตนกำลังครอบครองสิ่งใด
อินซอบไม่สามารถเกลียดตนได้ เขาไม่สามารถเกลียดใครได้จริงๆ ด้วยนิสัยที่ใจดีและอ่อนโยนนั้น การที่อินซอบซึ่งมีนิสัยแบบนั้นมาถึงที่นี่เพื่อแก้แค้นตนเป็นเรื่องที่อาจเรียกได้ว่าเรื่องอัศจรรย์ เป็นความโชคดีที่จะไม่มีวันเป็นจริงหากผู้หญิงที่ชื่อเจนนี่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย
ถ้ารู้ว่าผมคิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ทำให้เพื่อนของคุณตาย คุณคงจะโคตรรังเกียจผม
อีอูยอนขยับมือโดยไม่พูดอะไร และลูบขนตาของอินซอบที่แผ่ตัวลงด้านล่าง
“จริงๆ นะครับ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ …แล้วผมก็ชอบคุณอีอูยอนด้วยครับ”
อินซอบที่ไม่รู้ถึงจิตใจที่สกปรกและดำมืดของคนรักร้อนรนเพราะความรู้สึกผิด และสารภาพความรักที่นุ่มนวลและอบอุ่นของตัวเองออกมา
อีอูยอนจูบแก้มอินซอบ
“เรื่องนั้นผมก็รู้ครับ ก็แค่…”
อีอูยอนกุมหน้าของอินซอบไว้และใช้นิ้วโป้งลูบแก้มเบาๆ แม้จะอยู่ในมือแต่เขาก็ยังต้องการ
“ตอนนั้นคุณจะน่ารักขนาดไหนนะ ถ้าได้เจอกันเร็วกว่านี้อีกนิดก็คงดี”
“เอ่อ คือ…”
อินซอบหน้าแดงรีบหลบสายตา เขามักจะทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่คำว่าสวยหลุดออกมาจากปากของอีอูยอน เหมือนคนที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับตัวเอง
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดแบบนี้ครั้งหนึ่งด้วยสีหน้าที่แน่วแน่
‘จงใจ? ถ้าไม่ให้เรียกของสวยงามว่าสวย แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ ถ้ามีคำที่ดีคำอื่นก็ช่วยแนะนำให้ทีครับ ผมจะได้ใช้โอกาสนี้เรียนภาษาเกาหลีอีกครั้ง’
หลังจากเหตุการณ์นั้นอินซอบก็ไม่ห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดคำว่าสวยอีกเลย เพียงแต่ค่อยๆ หลบตาเท่านั้น
สวยจริงๆ
อีอูยอนลูบสิ่งสวยงามที่ตัวเองมีและทำตายิ้ม
“เร็วๆ นี้เราไปอเมริกากันอีกรอบดีไหมครับ”
“อเมริกาเหรอครับ”
อีอูยอนทัดผมอินซอบไว้ที่หลังหูทีละช่อและพูดต่อ
“ผมอยากเห็นรูปสมัยเด็กของคุณอินซอบ อัลบัมรูปเยอะเลยใช่ไหมครับ แล้วก็มีรูปติดไว้ที่ผนังข้างบันไดด้วย”
“รู้ได้ยังไงครับ”
อินซอบเบิกตาโตและเอ่ยถาม อีอูยอบตอบกลับว่า “เพราะผมคิดว่ามันคงจะเป็นแบบนั้นน่ะครับ”
“มีอัลบัมรูปเยอะเลยครับ รูปถ่ายเองก็มีเยอะเหมือนกัน ถ้าเป็นวันพิเศษ ไม่สิ เพราะพ่อกับแม่ถ่ายรูปให้เยอะมากแม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตามน่ะครับ”
พอพูดถึงเรื่องบ้านที่อเมริกา อินซอบก็เริ่มพูดมากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
“ครั้งหนึ่งเราเคยตัดสินใจจะถ่ายรูปครอบครัวที่สวนหลังบ้าน แต่วันก่อนหน้าฝนกลับตกมาเยอะมากเลยครับ ถึงจะเป็นแบบนั้นคุณยายก็ยังมา ทุกคนเลยตัดสินใจรวมตัวกันถ่ายรูป แต่เพราะคนเยอะเกินไป วิลเลยวิ่งเข้ามาเพราะดีใจครับ พวกเราพยายามจับวิลที่วิ่งไปมา แต่สุดท้ายก็เลอะโคลนกันหมด…”
อินซอบหยุดพูดไปกลางคัน อีอูยอนยิ้มอย่างช้าๆ และมองอินซอบ
“…ไม่สนุกใช่ไหมครับ”
“ไม่เลย สนุกมากๆ ต่างหาก”
อีอูยอนว่าพลางยิ้มอย่างเย้าหยอก อินซอบจึงใช้นิ้วจิ้มมุมปากของอีอูยอนที่ยิ้มอยู่ อีอูยอนกัดนิ้วของอินซอบและเคี้ยวเบาๆ ก่อนจะพูดต่อทั้งที่ยังทำแบบนั้น
“ถ้าผมไม่ก่อเรื่องขึ้นตอนนั้นก็น่าจะยังอยู่ที่อเมริกาไปเรื่อยๆ แบบนั้นเราจะไม่ได้เจอกันเร็วขึ้นอีกนิดเหรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น…ผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้นะครับ”
อินซอบหลุบตามองด้านล่างอย่างระมัดระวังพลางเอ่ยตอบ
“ทำไมล่ะ”
“…ทำไมน่ะเหรอครับ”
“ผมมั่นใจนะว่าจะตกหลุมรักคุณอีก หากได้เจอคุณอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ตาม”
อีอูยอนว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ อินซอบมองใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับโกหกของคนรักอย่างเหม่อลอย และพึมพำว่า “ไม่มีทางครับ”
“เพราะตอนนั้นผมไม่เคยเจอคุณอินซอบยังไงล่ะครับ ถ้าได้เจอและพูดคุยกัน ผมต้อง…”
เมื่อเห็นแววตาหม่นหมองอย่างน่าประหลาดของอินซอบ อีอูยอนก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง
“เราเคยเจอกันกี่ครั้งเหรอ”
“เอ่อ…”
“เกินห้าครั้ง?”
“…”
“อย่าบอกนะครับว่าเจอกันเกินสิบครั้ง?”
พอเห็นอินซอบไม่ตอบ อีอูยอนก็อุทานว่า “แม่ง” พร้อมกับเสยผมของตัวเอง
“พะ เพราะผมเอาแต่มองคุณจากที่ไกลๆ น่ะครับ คุณอูยอนเลยไม่เห็นผม มันเป็นการเจอกันที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยครับ ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ควรจะอยู่ในสายตาคุณอูยอนด้วย…”
อินซอบรีบปกป้องอีอูยอนในตอนนั้น ไม่สิ อินซอบรีบปกป้องฟิลลิป อีอูยอนกดหน้าผากอย่างแรง
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ”
เสียงของอีอูยอนถูกกดให้ต่ำ
“ครับ?”
“ทำไมถึงชอบพูดเหมือนกับว่าถ้าเป็นสถานการณ์อื่น ผมกับคุณจะไม่สามารถเจอกันได้อยู่เรื่อยเลยล่ะ”
“ผมก็แค่คิดว่าตอนนั้น…เราไม่มีโอกาสที่จะได้สนิทกัน…ขอโทษครับ”
“คุณอินซอบจะขอโทษเรื่องอะไร เราเจอกันเกินสิบรอบแล้วแท้ๆ แต่ผมกลับจำไม่ได้เลย ผมนี่มันโง่ชะมัด”
บรรยากาศที่อึดอัดขึ้นทำให้อินซอบรู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรออกไป และรีบจับมืออีอูยอนไว้
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะพูดก่อนครับ”
“หา?”
“ถึงจะไม่มีความเป็นไปได้ ไม่สิ ผมไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่เราจะเป็นแบบนี้กันนะครับ แต่ผมหมายถึงความเป็นไปได้ที่กลับไปในอดีต ยังไงก็ตามถ้าเจอกันอีกครั้ง ผมจะพูดกับคุณก่อนครับ”
จำเป็นต้องพูดเรื่องเพ้อเจ้ออย่างแน่วแน่และน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ
พอได้มาอยู่ต่อหน้าคนรักที่ทำหน้าตาจริงจังอย่างถึงที่สุดพร้อมกับกำหมัดไปด้วยแล้ว อีอูยอนก็เผลอผ่อนคลายริมฝีปาก
“จะยั่วยังไงล่ะ”
อีอูยอนจงใจกดรอยยิ้มเอาไว้และเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“…ผมจะลองคิดดูครับ”
อินซอบเม้มปากเป็นเส้นตรง และเริ่มคิดอย่างจริงจัง
ฉิบ เป็นแบบนี้ เราคงเป็นบ้าไปจริงๆ
อีอูยอนก้มหน้าลงไปประกบปากกับอินซอบ และดูดดุนเบาๆ คราวนี้อินซอบที่โดนจูบเป็นฝ่ายยื่นริมฝีปากออกมาจูบอย่างสั้นๆ ก่อน
จูบที่เหมือนกับเด็กชายที่ไม่ประสีประสาแม้จะทำมาแล้วหลายครั้ง การกระทำซื่อๆ อย่างการประทับริมฝีปากและบดเบียดลิ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ และการเคลื่อนไหวด้วยการกำชายเสื้อไว้อย่างระมัดระวัง
เขารักการกระทำเล็กๆ น้อยๆ และไม่สลักสำคัญของอีกฝ่ายจนหัวใจแทบจะระเบิด อีอูยอนมองอินซอบอย่างเหม่อลอยในระยะที่ห่างกันราวกับปลายจมูกจะชนกันและกระซิบ
“งั้นก็ลองยั่วดูนะครับ เพราะผมมั่นใจว่าจะตกหลุมรักอย่างแน่นอน”
อินซอบพยักหน้าเบาๆ และโอบรอบคอของอีอูยอน การจูบที่เริ่มต้นอีกครั้งจบลงหลังจากที่เสียงร้องโครกครากดังมาจากท้องของอินซอบ อีอูยอนหลุดหัวเราะและยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงมืออินซอบไปที่โต๊ะกินข้าว
***
[คุณอินซอบ รบกวนหน่อย ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ ช่วยมาที่นี่ให้เร็วที่สุดที]
เขาได้รับข้อความจากหัวหน้าทีมชาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน แม้จะโทรไปถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็เหมือนเดิม
[รีบมาก่อนเถอะ ด่วนเลย นะ?]
อินซอบเหยียบคันเร่ง และมองหน้าปัดความเร็ว มันเลยความเร็วที่กำหนดอย่างฉิวเฉียด
วันนี้อีอูยอนบอกว่ามีถ่ายโฆษณาที่คังวอนโด
อินซอบนึกตารางงานของอีอูยอน และกัดริมฝีปาก แน่นอนว่าหัวหน้าทีมชาไม่ได้ขอร้องให้ไปหา ‘เพราะอีอูยอน’ แต่นอกจากอีอูยอนแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่อีกฝ่ายจะเรียกหาตนด้วยน้ำเสียงรีบร้อนแบบนั้น
แม้จะส่งข้อความไปถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณอีอูยอนหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนคนนั้น…
มือที่กำพวงมาลัยไว้เกร็งขึ้นมา ตัวเลขบนหน้าปัดความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้น เขาขับรถไปบนถนนด้วยความพร้อมที่จะโดนใบสั่ง
เขามาถึงเร็วกว่าเวลาที่คาดการณ์ไว้ถึงสามสิบนาทีนับจากตอนที่ปักตำแหน่งที่ตั้งจากกรุงโซล อินซอบจอดรถและโทรศัพท์หาหัวหน้าทีมชาทันที
[อ้อ คุณอินซอบ]
น้ำเสียงของอีกฝ่ายดีใจสมกับเป็นคนขอให้รีบมา
“หัวหน้าทีม ผมมาถึงแล้วครับ ด้านล่างนี้เป็นที่จอดรถสาธารณะ…”
[ถ้าออกจากที่จอดรถแล้วเลี้ยวขวาจะมีซอยเล็กๆ อยู่ เดินตรงเข้ามาตามซอยนั้นมาประมาณยี่สิบนาที ถึงตรงนั้นแล้วก็โทรศัพท์มาอีกรอบนะ]
“ครับ? เอ่อ หัวหน้าทีม…”
สายถูกตัดไปก่อนได้ถามว่ามีเรื่องอะไร อินซอบคิดว่าจะโทรศัพท์หาอีกฝ่ายอีกครั้งดีไหม แต่แล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเมื่อคิดว่าอย่าทำให้เกิดความรำคาญโดยไม่จำเป็นเลยดีกว่า เขาออกจากที่จอดรถและเดินไปตามซอยที่หัวหน้าทีมชาบอก ในระหว่างที่เดิน เขาก็เช็กว่ามีข้อความจากอีอูยอนหรือไม่เป็นระยะ
ต้องเดินไปอีกนานแค่ไหนนะ เหมือนจะได้ยินเสียงคนจากด้านบนเลย
“เอ๊ย! คุณอินซอบ”
หัวหน้าทีมชาจำอินซอบได้ เขารีบทักทายและวิ่งมาทางนี้
“สวัสดีครับหัวหน้าทีม ว่าแต่…”
“นี่คือเสื้อที่อีอูยอนจะเปลี่ยน”
“ครับ?”
“เขาสั่งให้ลองเช็กดู เพราะมีของอยู่ในนั้นทั้งหมด”
“อ๋อ ครับ เข้าใจแล้วครับ”
อินซอบรับถุงสูทที่หัวหน้าทีมชายื่นให้มา
“งั้นฉันก็ไปซกโชได้แล้วหรือเปล่า ฉันตั้งใจจะไปตกปลากับกรรมการผู้จัดการหลังจากที่ไม่ได้ไปกันมานานแล้ว แล้วก็จะดื่มโซจูกับแมอุนทัง[1]”
หัวหน้าทีมชาส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้น เพราะแค่คิดก็อารมณ์ดีแล้ว อินซอบพยักหน้าพร้อมกับใช้สายตามองหาอีอูยอนอย่างตั้งใจ
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“หัวหน้าทีม! คุณอูยอน…”
“หมอนั่นน่ะเหรอ งานเสร็จแล้วล่ะ อีกเดี๋ยวก็คง…อ้อ อยู่ตรงนั้นไง”
หัวหน้าทีมชาชี้ไปตรงเนิน เขาเห็นอีอูยอนกำลังคุยกับผู้กำกับเนื่องจากถ่ายทำเสร็จแล้ว อีกฝ่ายซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีเบจดูสดชื่นเหมาะกับภาพลักษณ์ของเครื่องสำอางที่มาถ่ายโฆษณาวันนี้มาก พอมั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับอีอูยอน อินซอบก็คลายความกังวลลง และทรุดลงไปนั่งในสภาพที่กอดถุงสูทไว้แบบนั้น
“คุณอินซอบ เป็นอะไรไป หรือว่าไม่สบายเหรอ”
หัวหน้าทีมชาเอ่ยถามอย่างตกใจ
“เปล่าครับ แค่…”
“แค่อะไรเหรอครับ”
[1] แมอุนทัง คือ แกงรสเผ็ดที่ใส่ปลา