ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ตอนที่ 1-1
[โทษทีนะ แต่ดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกนิดกว่าจะเสร็จ เข้าไปรอในที่เย็นๆ ก่อนนะ]
ข้อความจากแอรอนถูกส่งมาถึง วันนี้เป็นวันที่พวกเขาตัดสินใจไปซื้อของขวัญวันเกิดของแม่ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าที่ห้างสรรพสินค้าด้วยกัน เห็นอีกฝ่ายพูดว่าบรรยากาศในทีมไม่ดีมาตั้งแต่สองถึงสามวันก่อนแล้ว เวลาในการฝึกซ้อมจึงยาวนานออกไป
[อือ ไม่ต้องห่วง ฉันกำลังจะออกจากบ้านพอดี]
แม้จะมาถึงโรงยิมแล้ว แต่ปีเตอร์ก็จงใจตอบไปแบบนั้น
เข้าไปรอในคาเฟ่แถวๆ นี้ดีไหมนะ
เขาเห็นคาเฟ่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนพอดี ปีเตอร์ที่กำลังจะข้ามถนนเห็นกลุ่มของเฟร็ดเดินเข้าไปในคาเฟ่
“…”
ปีเตอร์หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะหันตัวกลับ เขากดน้ำแร่จากตู้ขายของอัตโนมัติที่อยู่ใกล้ๆ แทนและมองไปรอบๆ แล้วก็นึกถึงม้านั่งที่อยู่ด้านในสุดของสวนสาธารณะ บริเวณหน้าทะเลสาบเหมาะสำหรับการรับลมเย็นๆ และอ่านหนังสือมาก
ปีเตอร์เดินข้ามสวนสาธารณะไป แม้เหงื่อจะออกเล็กน้อย แต่ความคิดว่าจะได้อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อคืนต่อทำให้เขาเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ
พอเดินมาได้ประมาณสิบนาทีเขาก็มองเห็นม้านั่ง
“ฟู่”
ปีเตอร์หยุดยืนและปรับลมหายใจที่เหนื่อยหอบให้เป็นปกติ จากนั้นก็เช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก เขาเปิดฝาน้ำแร่ที่ซื้อมาเพื่อดื่มอึกหนึ่งและค่อยๆ เดินไปที่ม้านั่ง
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงัก เขามองเห็นแผ่นหลังกว้างใหญ่ ใครบางคนที่เขาไม่รู้จักได้ทำการยึดม้านั่งและนอนอยู่ก่อนแล้ว ปีเตอร์ทำหน้าหงอยก่อนจะขยับกระเป๋าสะพาย ในตอนที่กำลังจะเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหาที่อื่น ใบหน้าของอีกฝ่ายที่นอนอยู่บนม้านั่งก็เข้ามาในครรลองสายตา
“…”
เขาคือเด็กหนุ่มคนนั้น เจ้าชายของเจนนี่
ฟิลลิป เลวิน
ปีเตอร์หยุดมองเด็กหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มหลับใหลในสภาพที่ใช้แขนข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะออกมาระหว่างการฝึกซ้อม เพราะยังอยู่ในชุดกีฬา
สันจมูกที่ได้รูปและโด่งจนทำให้เกิดเงาบริเวณใต้จมูก รูปตาที่เรียวยาว และ…ริมฝีปากที่อ้าออกพอที่จะแลกเปลี่ยนลมหายใจได้
ปีเตอร์ใช้มือข้างขวาลูบใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาพร้อมกับหลบสายตา การแอบมองคนที่กำลังหลับเป็นการกระทำที่ไม่ดี
เขากุมสายสะพายของกระเป๋าพร้อมกับคิดว่าจะต้องรีบไปจากที่นี่ ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มที่นอนหลับอยู่ก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพลิกตัว ดูเหมือนทุกครั้งที่ใบไม้สั่นไหว แดดจะโดนใบหน้าของเขาและทำให้แสบตา
ทำยังไงดี
ปีเตอร์คิดอยู่พักหนึ่งและค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ม้านั่ง มีที่ว่างพอที่จะให้อีกคนนั่งบนม้านั่งตัวกว้างพอดี ปีเตอร์จึงเว้นระยะให้ห่างกับเด็กหนุ่มให้ได้มากที่สุดก่อนจะนั่งลง เมื่อหันกลับไปมอง เงาของตนก็บังหน้าของเด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
…แบบนี้คงจะไม่เป็นไรแล้วล่ะมั้ง
เขาวางแผนที่จะอ่านหนังสือที่นี่อยู่แล้ว และเมื่อนั่งหันหลังให้และไม่สามารถแอบมองอีกฝ่ายได้ เขาก็ไม่มีเรื่องให้รู้สึกผิดกับเจนนี่ …แม้แสงแดดจะโดนหน้าจนทำให้ร้อนนิดหน่อยก็ตาม
ปีเตอร์หยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าและเปิดหน้าที่อ่านค้างไว้เมื่อวาน เนื้อหาดำเนินมาถึงตอนที่ตัวเอกเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อย่างจริงจังซึ่งเป็นตอนที่สนุกที่สุด
ลมพัดมาจากทะเลสาบ ใบไม้สั่นไหว เขาสูดเอากลิ่นที่ชัดเจนของฤดูร้อนที่มีกลิ่นน้ำและกลิ่นหญ้าผสมอยู่เข้าไปเต็มปอดในทุกครั้งที่หายใจ
แม้จะตั้งใจอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่มีอะไรเข้าหัวเลยแม้แต่อย่างเดียว ประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายตื่นตัวกับเสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มที่ได้ยินจากด้านหลัง เขารู้สึกแสบหน้าจากเหงื่อที่ไหลลงมาเพราะแสงแดด
ยังหลับอยู่หรือเปล่า…จะทำหน้าแบบไหนตอนนอนหลับกันนะ แล้วฝันไหม
เขาใช้ปลายนิ้วลูบหนังสือหน้าเดิม และรู้สึกจั๊กจี้
เขาสงสัยถึงใบหน้ายามหลับใหลของเด็กหนุ่ม แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่เขาก็พยายามหันหน้ากลับไปมองอยู่บ่อยๆ ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ดี
ปีเตอร์ทำจิตใจให้สงบ และเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง เขายังคงได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดังมาจากข้างหลัง
…แค่ครั้งเดียว อีกแค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม ขอดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้นว่าเขาทำหน้าแบบไหนตอนนอน…
ปีเตอร์ค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองด้านหลัง
เด็กหนุ่มยังคงหลับสนิท เขารู้สึกแปลกๆ พอได้เห็นใบหน้ายามหลับใหลของอีกฝ่ายแล้ว ก็พบว่าเจ้าตัวดูเด็กอย่างน่าประหลาด
เพราะเป็นคนเอเชียหรือเปล่านะ
ดวงตากับเส้นผมสีดำ แม้จะมีทั้งสองอย่างเหมือนกับตน แต่กลับเป็นผู้ชายที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง อีกฝ่ายเป็นควอร์เตอร์แบ็ก แถมยังเป็นคนดังที่สุดในโรงเรียน และเป็นคนที่คนอย่างเขาไม่กล้าจะใช้แค่เหตุผลว่าเป็นคนเอเชียเหมือนกันเกี่ยวข้องด้วย
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มใกล้ๆ และได้พิจารณาอย่างละเอียดขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่เจอกันที่สมาคมคนเกาหลี เขายังเบนสายตาหนีไปก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันหน้ามา เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าแอบมอง
หล่อจริงๆ
ตอนที่ได้ยินฉายา ‘เจ้าชายของวู้ดสัน’ ครั้งแรก เขาคิดว่าเป็นเพียงคำพูดเกินจริงของเจนนี่ แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่ามันเหมาะกับอีกฝ่ายจริงๆ
ไหล่ที่กว้าง ขาที่ยาว และใบหน้าที่งดงาม รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่มีส่วนที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นมนุษย์จริงๆ เลยราวกับเป็นเพียงเจ้าชายในเทพนิยายที่ถูกแม่มดสาปให้นอนหลับเป็นพันปี คงต้องการจูบจากเจ้าหญิงผู้กล้าหายเพื่อที่จะปลุกขึ้นมาจากคำสาปใช่ไหม ถ้าเป็นเจนนี่คงจะวิ่งเข้ามาก่อนใคร
ปีเตอร์คิดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวแล้วแอบยิ้มในใจ ทันใดนั้นเอง
“ฟิลลิป! อยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย ฟิลลิป!”
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาราวกับโกหกเพราะเสียงที่เรียกหาตน แล้วพวกเขาก็สบตากัน ปีเตอร์รีบลุกขึ้น เด็กหนุ่มที่ยังคงทำตาสะลึมสะลือมองปีเตอร์นิ่งๆ ใบหน้าของปีเตอร์ที่แดงเพราะแดดพลันแดงยิ่งขึ้นจากเลือดที่ไหลมารวมอยู่ที่หน้า
“ฟิลลิป!”
เด็กหนุ่มค่อยๆ ยันตัวขึ้น
“อยู่นี่”
“ฉันหาตั้งนานเลยนะ มือถือก็ไม่ยอมเปิด แล้วนายมาทำอะไรในที่แบบนี้…”
เมื่อเด็กสาวเดินเข้ามาใกล้ม้านั่งและเห็นปีเตอร์ก็ขมวดคิ้ว
เด็กหนุ่มลุกขึ้น
‘ไหล่ของควอร์เตอร์แบ็ก’
คำคำนั้นปรากฏขึ้นในหัวโดยอัตโนมัติ สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องที่ใบหน้าของปีเตอร์ ปีเตอร์จึงรีบหันหน้ากลับไปที่หนังสือ และทำตัวไม่ถูกเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำเรื่องไม่ดี กระเป๋าที่วางอยู่บนตักตกลงไปด้วยแรงลม หนังสือที่อยู่ด้านในจึงไหลออกมา หัวใจของปีเตอร์เริ่มเต้นตึกตัก
และในนั้นก็มีหนังสือ ‘การเดินทางไม่มีสิ้นสุด’ ปะปนอยู่ด้วย ใบหน้าของปีเตอร์แดงซ่าน เขาอับอายราวกับถูกจับได้ถึงความปรารถนาของตัวเองที่ตั้งใจจะยื่นหนังสือให้เด็กหนุ่มได้ทุกเมื่อหากเจ้าตัวขอยืม เขาจึงรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า
“อะไรกัน คนรู้จักเหรอ”
เด็กสาวพยักพเยิดหน้าไปทางปีเตอร์พร้อมกับเอ่ยถาม
“เปล่า”
เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะปัดเสื้อเบาๆ ทำให้ฝุ่นกระจายไปทั่ว พอปีเตอร์ไอเบาๆ เขาก็เอ่ยว่า “ขอโทษ” และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ปีเตอร์ไม่กล้าเงยหน้า และตอบกลับอย่างอ้อมแอ้มว่า “ไม่เป็นไรครับ”
“รีบไปเถอะ โค้ชตามหานายตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
เด็กสาวที่ใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีเขียวสลับขาวและมัดผมสูงกอดแขนเด็กหนุ่ม พวกเขาเหมาะสมกับราวกับเป็นภาพวาด
เมื่อภาพด้านหลังของคนสองคนที่ตนจ้องมองอย่างเหม่อลอยห่างออกไปจนมองไม่เห็น ปีเตอร์ก็ยิ้มอย่างขมขื่น นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เด็กหนุ่มคือคนที่คนอย่างเขาไม่กล้าจะสนิทด้วย
ปีเตอร์ยื่นมือออกไปลูบตำแหน่งที่เด็กหนุ่มเคยนอนอยู่ราวกับวาดภาพ
บางทีนี่คงเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดในชีวิตแล้วล่ะมั้ง
แก้มที่แดงเพราะแสงแดดแสบร้อน แม้จะใช้ขวดน้ำแร่ลูบหน้าดูแล้ว แต่น้ำที่อุ่นก็ไม่สามารถทำให้ความร้อนลดลงได้แม้แต่น้อย
สายลมพัดมา ปีเตอร์มองไปยังพื้นผิวของทะเลสาบที่ส่องประกายราวกับเศษกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยดวงตาที่หดหู่เล็กน้อยอยู่ครู่ใหญ่
***
“…”
ชเวอินซอบลืมตาขึ้นมามองเพดานอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้ฝันถึงช่วงที่อยู่อเมริกามานานแล้ว เป็นเพราะเมื่อวานเขาเผลอหลับไปหลังจากดูภาพยนตร์รักโรแมนติกของวัยรุ่นหรือเปล่านะ
อินซอบพลิกตัวโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะได้เห็นใบหน้าที่นอนอยู่ข้างๆ และกลั้นหายใจดังเฮือก อีอูยอนนั่นเอง อีกฝ่ายกำลังหลับตาและผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ
หลับอยู่ใช่ไหม
อินซอบยกมือขึ้นโบกตรงหน้าของอีอูยอนอยู่สองสามครั้ง การได้เห็นอีอูยอนหลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยจนแทบจะนับนิ้วได้ นอกจากจะนอนไม่หลับแล้วเจ้าตัวยังไวต่อเสียงอีกด้วย จึงทำให้เมื่ออินซอบตื่น เขาก็จะตื่นตามในไม่ช้า และบางครั้งก็ทำเป็นนอนหลับและแกล้งลืมตาโพลงขึ้นมา ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น อินซอบจะสะดุ้งตกใจพร้อมกับส่งเสียงประหลาดๆ ส่วนอีอูยอนก็จะยิ้มอย่างขี้เล่นและชอบใจ
อินซอบเอามือเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่ายและโบกมืออีกสองสามครั้ง อีอูยอนยังคงพ่นลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิม และไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
…ดูเหมือนจะหลับอยู่จริงๆ
อินซอบวางใจและชื่นชมใบหน้าของอีอูยอนต่อ
ใบหน้าของอีกฝ่ายหล่อเหลาจนต่อให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ยังน่าเหลือเชื่อ เขามีรูปหน้าที่ต่อให้บอกให้ช่างแกะสลักที่มีฝีมือแกะสลักก็ยังยากที่จะทำให้รูปร่างแบบนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ อินซอบมองใบหน้าของอีอูยอนอย่างเหม่อลอยก่อนจะแอบหยิกแก้มตัวเอง
วันนี้ก็ไม่ใช่ความฝัน
ผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงตกลงมาปรกหน้าผากทำให้อีอูยอนดูเด็กกว่าปกติ เขานึกถึงความฝันก่อนจะตื่น และคิดเหมือนอย่างในฝัน
อินซอบค่อยๆ ยกมือและขยับไปตามโครงหน้าของอีอูยอนราวกับวาดภาพ เขายังรู้สึกว่าราวกับไม่ใช่เรื่องจริงที่ผู้ชายตรงหน้าที่นอนอยู่ในระยะที่แค่ยื่นมือออกไปเพียงเล็กน้อยก็สัมผัสได้เป็นคนรักของตน
ถ้าบอกกับตัวเองในตอนนั้นว่าในอนาคตจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับผู้ชายคนนี้ เราจะเชื่อไหมนะ
อินซอบยิ้มอย่างขมขื่น เขาต้องคิดว่ามันเป็นคำพูดที่เพ้อเจ้ออย่างแน่นอน เพราะอีอูยอน ไม่สิ ฟิลลิป เลวินเป็นคนแบบนั้น
จู่ๆ อินซอบก็เหลือบเห็นชุดเชียร์ลีดเดอร์กับจัมเปอร์ของทีมฟุตบอลที่ตกอยู่บนพื้น จากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็โผล่ขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ