ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ตอนที่ 1-3
ผ่านไปไม่นานอินซอบก็วิ่งข้ามถนนมายังที่ที่รถจอดอยู่ และเปิดประตู ตอนที่อินซอบเข้ามาในรถ กลิ่นหอมเป็นพิเศษก็ลอยมาแตะจมูก ดวงตาสีดำกลมโตที่มีความยินดีเจืออยู่กำลังมองมาที่ตน
“รอนานไหมครับ ขอโทษนะครับ เพราะผมมัวแต่ร่ำลา…”
อีอูยอนจับอินซอบไว้ก่อนจะจูบปาก
“อ๊ะ…!”
แม้อินซอบจะดิ้นตกใจ แต่อีอูยอนก็ไม่หยุดจูบ
“ถะ ถ้ามีใครเห็น…”
อีอูยอนยื่นมือออกมาปรับเบาะข้างคนขับให้เอนไปด้านหลัง อินซอบมักจะใส่ใจกับตำแหน่งที่จอดรถที่จะมองจากนอกหน้าต่างไม่เห็นเสมอ
“ไม่เห็นหรอก…ในเมื่อไม่เห็นก็อ้าปากหน่อย”
อีอูยอนขู่ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ อินซอบลังเลก่อนจะอ้าปาก ริมฝีปากของพวกเขาเชื่อมติดกัน จากนั้นก็เกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างนุ่มนวลและแลกเปลี่ยนน้ำลายกัน พอดูดดุนอยู่แบบนั้นหลายครั้ง อินซอบก็ครางเหมือนลูกสุนัขและเริ่มหอบ
“…แฮ่ก…”
พอริมฝีปากถูกถอนออกไป อินซอบก็หอบอย่างหนัก ใบหน้ากับดวงตาที่แดงมองดูน่าสงสารและปลุกอารมณ์ทางเพศไปพร้อมๆ กัน
“ยังไม่คุ้นอีกเหรอ”
“…ครับ?”
“จูบน่ะ”
อีอูยอนจูบมุมปากของอินซอบเบาๆ และพูดต่อ
“ทำไมถึงยังหายใจไม่ได้ขนาดนั้นอยู่อีกล่ะ”
“ผม…ปรับเรื่องนั้นอยู่ครับ แต่คุณอูยอน…”
“ผม?”
อีอูยอนเร่งให้อินซอบพูดต่อ อินซอบค่อยๆ เบนสายตาไปด้านข้าง จากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยเสียงเล็กๆ
“…จูบลึกมาก แล้ว แล้วคุณก็สอดลิ้นเข้ามาทุกครั้งที่ผมพยายามจะหายใจ ผมก็เลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่บ่อยๆ…ขอโทษนะครับ”
สุดท้ายอีอูยอนก็หัวเราะเพราะคำพูดที่จบลงด้วยการขอโทษ
“ฮ่าๆๆๆ”
อินซอบเงยหน้ามองอีกฝ่ายหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยความมึนงง
“ฉิบ ผมจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ”
อีอูยอนลูบริมฝีปากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูด
“ขอผมขังคุณไว้สักครั้งได้ไหมครับ”
“ครับ? ผะ ผมเหรอครับ?…ทำไมล่ะครับ”
อินซอบย้อนถามตาโต อีอูยอนจูบเปลือกตาของอินซอบพลางเอ่ยตอบว่า “เพราะน่ารัก” นี่เป็นความคิดที่ไม่สามารถเข้าใจได้เลย อินซอบกะพริบตาที่ดูหวาดกลัว และห้ามไปก่อนว่า “อย่าทำแบบนั้นนะครับ” เพราะไม่รู้ทำไมเขาถึงมีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าถ้าบอกให้ลองขังดูแล้ว คำว่าครั้งหนึ่งนั้นจะไม่มีจุดสิ้นสุด
“ไม่ขังหรอกครับ ไม่ต้องกังวลก็ได้”
อีอูยอนพูดพร้อมกับลุกขึ้น
“เกาหลีไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะขังไว้หรอก เพราะว่ามันแคบนิดเดียว”
คำพูดที่พูดต่อเหมือนกับล้อเล่นทำให้อินซอบกลั้นหายใจเบาๆ อีอูยอนใช้หลังมือแตะแก้มอินซอบเบาๆ
“…วันนี้คุณเสร็จงานไวนะครับ”
อินซอบพูดพร้อมกับลูบแก้มอย่างไม่มีเหตุผล
“ครับ ผมมีธุระแถวๆ นี้ แต่เสร็จเร็วกว่าที่คิด”
“โชคดีจังครับที่เสร็จเร็ว”
อีอูยอนมองอินซอบที่พูดแบบนั้นนิ่งๆ สายตาของอีกฝ่ายไม่มีการโกหกอยู่เลยต่างจากตัวเขา
“ไม่ได้มีนัดเหรอครับ”
พออีอูยอนเอ่ยถาม ความตื่นตระหนกก็ปรากฏบนใบหน้าของอินซอบ
“อ๋อ ครับ วันนี้ผมมีนัดไปกินข้าวเย็นกับพวกเด็กๆ ที่นำเสนองานด้วยกัน…”
“ไม่ใช่ว่าจะไปดื่มเหล้าเหรอ”
พออีอูยอนหยิบบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋าของอินซอบ อินซอบก็หน้าแดง
“คะ คือเราตั้งใจจะไปร้านเหล้ากัน แต่ผมไม่ได้จะดื่มนะ เพราะเขาบอกว่าสามารถกินอาหารที่นั่นได้ด้วย…”
อีอูยอนกอดอกและมองอินซอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับจะบอกว่า “ไหนลองพูดต่อไปเรื่อยๆ ซิ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนะครับ ผมไม่ได้จะดื่มเหล้าจริงๆ ผมแค่กลัวว่าคุณจะเป็นห่วง…ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก”
“นั่นสิ ทำไมถึงทำเรื่องที่รู้สึกผิดล่ะ”
“…”
บริเวณตาของอินซอบแดงเหมือนกับว่าถ้าปล่อยเอาไว้แบบนั้นก็จะร้องไห้ออกมา
ต้องเลิกแกล้งแล้วล่ะ
อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ และหันหน้าไป ตอนนั้นเองอินซอบก็จับชายเสื้อของอีอูยอนไว้ และจูบแก้มเขา ต้องใช้คำว่าเอาปากมาแตะเร็วๆ แล้วผละออกมากกว่า
“…”
อีอูยอนเอามือแตะแก้มของตัวเองและมองอินซอบด้วยสีหน้าตกใจ
อินซอบขี้ขลาดและขี้กลัวมาก เขาระวังตัวแม้แต่กับการจับมือและการเดทข้างนอก เพราะกลัวว่าใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ด้วยซ้ำ
“หายโกรธเถอะนะครับ…ผมผิดเอง”
อินซอบขอโทษอีกครั้งและจับปลายเสื้อของอีอูยอนไว้ เขารู้สึกเวียนหัวทุกครั้งที่อินซอบรวบรวมความกล้าและเข้าหาเขาด้วยวิธีแบบนี้ บางครั้งเขาก็อยากถามว่าคุณคิดว่าชีวิตของผมสมบูรณ์แบบพอที่คุณจะสามารถทำให้พังได้จริงเหรอ
“…โกรธมากเลยเหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นว่าอีอูยอนไม่ตอบอะไรกลับมา พออีอูยอนตอบว่า “อืม” ดวงตากลมโตของเขาก็สั่นไหวด้วยความกระวนกระวายใจ
“ขอโทษ…”
เขาห้ามคำขอโทษของอินซอบไว้ ด้วยการจูบที่แรงร้อนจนเทียบไม่ได้กับก่อนหน้านี้ อีอูยอนทำให้ปากของอินซอบเปิดออกเล็กน้อย และเกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างเต็มที่ ความร้อนพุ่งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกคล้ายกับตอนที่สอดใส่ส่วนนั้นเข้าไปในช่องทางที่คับแคบของอินซอบ
“ดะ…เดี๋ยว…”
คำพูดที่ขาดห้วงถูกพูดออกมาผ่านริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ เขารู้สึกถึงร่างกายที่ดิ้นไปมาด้วยแรงอันน้อยนิดอยู่ใต้ร่างของตัวเอง เขาเกิดกำหนัดกับร่างกายที่ผอมบางจนสามารถทำให้หักได้แค่เพิ่มแรงอีกนิดเดียว
อีอูยอนปลดเข็มขัดนิรภัย และเอนตัวทิ้งน้ำหนักไปทางอินซอบ แม้อินซอบจะพยายามห้ามและผลักออกอยู่หลายครั้ง แต่อีอูยอนก็ไม่หยุดจูบ ไม่สิ เขาไม่สามารถหยุดได้ต่างหาก เขาชอบมาก ทั้งเลือดฝาดที่มีอยู่เต็มแก้มที่ขาวซีด ดวงตากลมโตที่เป็นประกาย เส้นผมนุ่มๆ ที่กำไว้จนเต็มฝ่ามือ…ทุกอย่างสวยจนเขาไม่สามารถตั้งสติได้
มันเป็นแค่จูบเท่านั้น แค่การอ้าปากออก บดเบียดลิ้น และแลกเปลี่ยนลมหายใจกัน แต่แค่การกระทำนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาลุ่มหลงจนหน้ามืดแล้ว คำพูดที่พูดเหมือนล้อเล่นกับกรรมการผู้จัดการคิมก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยแม้แต่น้อย การจูบกับอินซอบคล้ายกับการร่วมเพศ ไม่สิ บางครั้งเขาก็รู้สึกพอใจมากกว่าเสียอีก เขาชอบจนถึงขนาดที่เมื่อตั้งสติได้เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
“…แฮ่ก…”
พอริมฝีปากถูกถอนออกไป อินซอบก็หน้าแดงและหอบ อีอูยอนจัดผมที่ยุ่งเหยิงของอินซอบให้เป็นระเบียบพลางเอ่ยถาม
“ไปดื่มเหล้าไหม”
“ครับ?”
“เพราะแบบนั้นก็เลยทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
อีอูยอนจูบแก้มอินซอบจนเกิดเสียงดังจุ๊บ
“เปล่าครับ ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะเรื่องนั้น…”
“ถ้าอยากดื่มเหล้าก็ไปได้นะ”
ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งมามีจิตสำนึกที่ไม่เคยมีเอาตอนนี้ แต่เขาแค่อยากทุกอย่างเพื่ออีกฝ่ายต่างหาก ตอนที่เห็นไอ้พวกคนที่ตามใจอีกฝ่าย และทำตัวเป็นคนหัวอ่อนเมื่อตกหลุมรัก เขาจะคิดว่าคนพวกนั้นไม่มีสมองกันหรือไง แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนพวกนั้นเลย เพราะแค่อินซอบเอาปากมาแตะแก้ม หรือทำอะไรก็ตามให้ อารมณ์ที่ไม่ดีก็ดีขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ไปก็ได้”
“ทำไมล่ะ คุณชอบเรื่องพวกนั้นนี่”
คำพูดของอีอูยอนทำให้อินซอบแก้มแดงราวกับอายเล็กน้อย จากนั้นก็พึมพำเบาๆ ว่า
“…ผมอยากลองน่ะครับ เพราะตอนที่อยู่อเมริกาไม่เคยลองทำเลย”
ชีวิตในวัยเรียนของอินซอบที่เคยได้ยินผ่านๆ นั้นน่าสงสาร เขาป่วยจนต้องขาดเรียนเป็นประจำ และต่อให้ไปโรงเรียนก็ไม่มีคนพูดด้วย และตนก็สามารถเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลังจากที่เพื่อนที่มีอยู่แค่คนเดียวฆ่าตัวตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร
“แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำที่สุดหรอกครับ”
“…”
“ผมอยากกินข้าวกับคุณอูยอนครับ”
พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มร่า
แม่งเอ๊ย ขอยกเลิกคำที่พูดไปเมื่อกี้ ชเวอินซอบทำให้ชีวิตเขาพังได้จริงๆ เพราะเขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ทุกครั้งที่เด็กนั่นยิ้มให้
พออีอูยอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อินซอบก็กะพริบตาราวกับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“คุณอินซอบ”
“ครับ?”
“คิดดูดีๆ แล้วค่อยเลือกนะ เพราะผมไม่ได้จะกินข้าวกับคุณแค่อย่างเดียว”
อีอูยอนเอนตัวพิงพวงมาลัยและพูด เลือดไหลมารวมที่ใบหน้าขาวซีดของอินซอบจนทำให้เห็นรอยกระอย่างชัดเจน
“ผะ ผม…”
อินซอบถูชายเสื้อไปมาและทำตัวไม่ถูก อีอูยอนรู้สึกว่าเลือดไหลลงไปอยู่ที่ส่วนล่างอย่างเบียดเสียดยัดเยียด ไวน์ราคาหลายล้านวอนต่อขวดที่จะดื่มกับอินซอบถูกวางไว้ตรงเบาะหลัง ในตอนที่เขาตัดสินใจว่าหากเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องโยนขวดไวน์อะไรนั่นทิ้งไป และมีเซ็กซ์กันที่เบาะหลังของรถ
เสียงโทรศัพท์ก็ดังออกมาจากกระเป๋าของอินซอบ
“เอ่อ…”
อินซอบหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างงงๆ อีอูยอนถามว่า “ใครเหรอครับ”
“แม่น่ะครับ ทำไมถึงโทรศัพท์มาในเวลานี้ล่ะ”
ตอนนี้ที่อเมริกาเป็นเวลาเช้ามืด อีอูยอนพยักพเยิดคางบอกให้รีบรับโทรศัพท์ อินซอบจึงขออนุญาตและเริ่มคุยโทรศัพท์ อีอูยอนนั่งพิงเบาะคนขับ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่น้ำเสียงของอินซอบจะมีความออดอ้อนเจืออยู่ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กับครอบครัว สิ่งนั้นน่ารักมากจนเขาเคยตั้งใจแกล้งทำเป็นอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ อินซอบที่คุยโทรศัพท์ด้วย
อินซอบเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบของแม่ด้วยเสียงกระซิบ และหลังจากนั้นน้ำเสียงที่เคยสงบของเขาก็เริ่มสั่น
“ครับ?”
ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด อีอูยอนนั่งตัวตรงทันที เขาได้ยินน้ำเสียงใจเย็นดังมาจากปลายสาย ปลายนิ้วของอินซอบเริ่มสั่นระริก
“…ครับ…ครับ…เจอกันตอนนั้นนะครับ”
การคุยโทรศัพท์ที่คิดเอาไว้ว่าคงจะยาวจบลงแค่นั้น แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาที่ดวงตากลมโตของอินซอบ
“คะ คุณยาย…”
เขารู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องได้ยินคำพูดต่อไป อีอูยอนกอดอินซอบไว้โดยไม่พูดอะไร
***
“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”
พออีอูยอนยื่นน้ำให้ อินซอบก็พูดว่า “ขอบคุณครับ” ด้วยเสียงเล็กๆ แต่เขาแค่รับขวดน้ำแร่ไปถือไว้และมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถ อีอูยอนจึงเปิดฝาขวดน้ำแร่ให้ และยื่นให้อินซอบอีกครั้ง
“ดื่มแล้วนอนสักหน่อยเถอะครับ อีกสักพักเลยนะกว่าจะถึง”
“ครับ ผมจะทำแบบนั้นครับ”
อินซอบดื่มน้ำ ใต้ตาของเขาบวมแดง
ยายของอินซอบเสียชีวิตแล้ว อีอูยอนรีบจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดและเก็บของแทนอินซอบที่ร้องไห้อย่างไร้สติ แน่นอนว่าอีอูยอนขึ้นเครื่องบินมาด้วย เขาไม่สามารถปล่อยอินซอบไปคนเดียวได้เด็ดขาด
“เอามานี้ครับ มันจะหกแล้ว”
อีอูยอนชี้ขวดน้ำแร่ที่ดื่มค้างไว้ อินซอบที่ลูบขวดน้ำอย่างเหม่อลอยสะดุ้งตกใจ และเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ครับ?” อีอูยอนรับขวดน้ำแร่ที่หมดไปครึ่งเดียวมาปิดฝาและวางลงข้างตัว
“นอนเถอะครับ”
อินซอบพยักหน้าและหลับตาลง แต่อีอูยอนรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่สามารถนอนหลับลงได้
หลังจากวางสายอินซอบก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา การที่คุณยายของอีกฝ่ายเสียเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว และการทนมาได้จนถึงตอนนี้คือปาฏิหาริย์ ในช่วงที่ผ่านมาคุณยายผ่านช่วงวิกฤตระหว่างความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อินซอบก็ยังร้องไห้เหมือนคนที่เผชิญหน้ากับความเศร้าที่ไม่คาดคิด และจนถึงตอนนี้นอกจากน้ำแล้ว เขาก็ไม่ยอมเอาอะไรแตะปากเลย
เป็นแบบนี้แล้วจะมาบอกว่าจะนั่งเครื่องบินมาคนเดียวอะไรกัน
อีอูยอนมองอินซอบที่ใต้ตาบวมแดง และแอบถอนหายใจในใจ
“…ขอโทษครับ”
เขาได้ยินเสียงเล็กๆ ของอินซอบ อีอูยอนจึงถามกลับว่า “เรื่องอะไร”
“คุณยุ่งอยู่แท้ๆ แต่เป็นเพราะผม…”
“ผมไม่ยุ่งครับ คุณก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ผมไม่มีงาน”
“แต่…”
อีอูยอนเอนตัวไปข้างๆ อินซอบ จากนั้นก็กระซิบเสียงเบา
“ถ้ายังพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่อีก ผมจะลงตรงนี้นะ”
อินซอบเหลือกตาราวกับตกใจ ตอนนี้เครื่องบินที่ออกจากสนามบินอินชอนกำลังบินอยู่บนน่านฟ้าของทะเลเหลือง[1]
“ถ้านอนไม่หลับ ผมอ่านหนังสือให้ฟังไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร”
อินซอบแกล้งทำเหมือนว่าไม่เป็นไรและยิ้มให้ แต่ดวงตากลมโตของเจ้าตัวยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา
“คุณอูยอนนอนเถอะครับ คุณน่าจะเหนื่อย”
อินซอบดึงผ้าห่มมาคลุมหน้า
“ครับ”
อีอูยอนหลับตาลง จิตใจที่อ่อนไหวไม่สามารถสงบลงได้ง่ายๆ ด้วยการนอน
ควรจะพูดอะไรดีล่ะ
หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าคุณยายเสีย สิ่งที่เขาคิดเป็นอย่างแรกคือความเป็นห่วงใยที่มีต่ออินซอบ อินซอบมักจะมอบหัวใจทั้งหมดให้กับคนที่ตัวเองชอบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือสัตว์ ตอนที่ไอ้หมาที่ชื่อวิลอะไรนั่นตาย อีกฝ่ายก็ร้องไห้อยู่หลายวันเช่นกัน แค่หมาตัวเดียวตายยังเป็นแบบนั้น แล้วคราวนี้จะร้องไห้มากขนาดไหนอีก แต่ถึงจะไม่มีเรื่องแบบนั้น อีกฝ่ายก็เป็นคนที่ไวต่อความเครียดอยู่แล้ว จึงถือว่าสมควรแล้วที่ตนจะเป็นห่วง
เขากอดและตบหลังปลอบอินซอบที่ร้องไห้หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์อยู่ในรถสักพัก แม้เขาจะปลอบว่า “อย่าร้องไห้เลยครับ คุณอินซอบ” อยู่หลายครั้ง แต่อินซอบก็ไม่หยุดร้องไห้ง่ายๆ
เราควรจะต้องทำยังไง
เราควรจะโกหกเป็นมารยาทว่าท่านคงจะไปในที่ที่ดีแล้วไหม หรือต้องพูดเรื่องที่ไร้สาระเหมือนคนโง่ว่าถ้าร้องไห้เยอะๆ คุณยายจะปวดใจดี …แม่งเอ๊ย ยังไงเขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าคำปลอบโยนที่เราพูดไม่ได้มีความจริงใจอยู่
เขาได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆที่ถูกกดอยู่ในผ้าห่ม อีอูยอนคิดว่าจะเลิกผ้าห่มออกดีไหม แต่แล้วก็หยุดมือ เพราะทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือการอยู่ข้างๆ อินซอบนิ่งๆ เท่านั้น
[1] ทะเลเหลือง คือ ทะเลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน และอยู่ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับคาบสมุทรเกาหลี