ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 10-3
อีอูยอนกดเอวลงมาอย่างแรงตรงหน้าของอินซอบ ในที่สุดเขาก็ทำให้อินซอบนอนลงไปกับพื้นห้องน้ำ และขึ้นไปนั่งบนตัวของอีกฝ่าย
“เอาล่ะครับ ผมจะเอาเข้าไปอย่างที่คุณอินซอบต้องการนะครับ”
“ผมไม่เคยต้องการแบบนะ…!”
ขาของเขาถูกอ้าออกกว้าง อีอูยอนดันแก่นกายที่ร้อนผ่าวเหมือนกับเป็นอาวุธในการฆาตกรรมเข้ามาในช่องทางด้านหลังที่ปรากฏออกมารวดเดียว แม้การเอาเข้าและออกจะง่ายกว่าครั้งก่อน เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ปลดปล่อยอย่างเฉอะแฉะไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่การขยับก็ยังไม่ง่ายอย่างที่คิด อีอูยอนเอื้อมมือออกไปหยิบฝักบัวอาบน้ำ เขาเอาฝักบัวที่ปรับให้เป็นน้ำร้อนไปจ่อตรงส่วนล่างของอินซอบ และเริ่มขยับเข้าออก น้ำจากฝักบัวไหลเข้าไปข้างในทุกครั้งที่แก่นกายของเขาโผล่ออกมา เสียงเฉอะแฉะดันกระทบกับผนังห้องน้ำ น้ำที่เข้าไปในช่องทางด้านหลังไหลออกมาตามซอกขาของอินซอบ
“ดีมากเลยครับที่ได้เห็นภาพคุณปลดปล่อยออกมาแบบนี้”
“อ้า ฮึก อ๊ะ ดะ ได้โปรด…”
อินซอบสะอื้นพร้อมกับเกาะแขนของอีอูยอนไว้ เขาหายใจได้ยาก เวียนหัว และช่วงล่างของเขาก็สั่นจนชา เป็นแบบนี้เขาอาจจะตายก็ได้
“อ๊ะ อ๊า! อื้อ อ๊า! อา ผม อื้อ อ๊ะ ดะ เดี๋ยว อา!”
แม้จะเป็นเวลาแค่ครู่เดียว แต่เขาก็อยากจะหยุดความรู้สึกนี้ที่แล่นไปทั่วร่างกายเอาไว้
“เหี้ย ตอดได้สุด…ยอด อึก”
“อ๊า! คะ คุณ…อูยอน…ผม…อ๊ะ อ๊าก!”
อีอูยอนจับไหล่ของอินซอบ และทำให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตัวของตนเอง พอน้ำหนักของร่างกายถูกเพิ่มเข้ามา การเชื่อมต่อของพวกเขาก็ลึกขึ้นไปอีก อินซอบที่หมดแรงไปทั้งตัวกอดอีอูยอนไว้เหมือนกับจะทรุดลงไป เขาสั่นไหวไปมาเหมือนกับตุ๊กตาที่โดนตัดด้าย อีอูยอนกอดเอวบางๆ ของอินซอบที่เหมือนจะหักถ้าเขาเพิ่มแรงเข้าไปอีกแค่นิดเดียวไว้ และยกตัวของตัวเองขึ้นอย่างแรง
“ฮ่า รูของคุณอินซอบตอดเหมือนกับจะตัดไอ้นั่นของผมให้ขาดเลยนะครับ…เฮ้อ ผมดึงออกมาไม่ได้เลยล่ะครับ มันติดแน่นมากเลย แม่งเอ๊ย คุณกำลังเคี้ยวไอ้นั่นของผมอยู่สินะครับ”
“อ้า ฮึก…ฮือ อ๊า! อา ผม คะ คุณ…อูยอน ผม…”
“อยากกินขนาดนั้นเลยเหรอครับ เอาล่ะ กินสิครับ…ฮ่า เพราะผมจะเสียบไว้ข้างใน คุณก็ตอดให้แน่น และลองกินดูนะครับ”
อินซอบสะอื้นพลางกอดอีอูยอนเอาไว้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเพิ่มแรงและเด้งตัวขึ้นมา ตอนที่มีเซ็กส์อีอูยอนเกลียดการที่พวกผู้หญิงใช้ตัวที่เหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อมากอดเขามากๆ ในช่วงเวลาแบบนั้นเขาแค่กดเอวของผู้หญิงพวกนั้นลงไปด้านล่างเงียบๆ ก่อนจะสอดใส่จากทางด้านหลัง และทำให้พวกเธอไม่สามารถขยับตัวได้
แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้รู้สึกเกลียดการที่ชเวอินซอบสะอื้นเหมือนกับเด็ก และกอดตัวเองไว้แน่นอย่างน่าประหลาด อีอูยอนใช้มือข้างหนึ่งกอดหัวของอินซอบไว้ และช่วยประคองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล้มลงไปก่อนจะยกเอวขึ้นมา
“พอให้กินจากทางด้านล่างแล้ว ไอ้หนูของผมอร่อยขึ้นไหมครับ”
“อ๊ะ! อ๊า!! ฮ่า! ฮึก!”
“กินสิครับ เพราะผมจะให้ทั้งหมดเลย ฮ่า กินให้หมด รู้สึกดีฉิบหาย”
“อ้า…ผม…จ จะตาย…ได้โปรด…อ๊า อึก”
ส่วนอ่อนไหวของอินซอบที่ได้รับพลังและชูชันอยู่เมื่อสักครู่นี่หมดแรง และเล็กลงราวกับว่าคำที่บอกว่าเหนื่อยจนจะตายอยู่แล้วไม่ใช่คำพูดโกหก ถ้าเป็นสภาพที่เหมือนกับปกติเขาจะช่วยสัมผัสของของอินซอบและไปพร้อมกัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะทำแบบนั้นแล้ว ภายในปากของเขาแห้งผาก อีอูยอนกระแทกของของตัวเองเข้ามาในตัวของอินซอบโดยไม่หยุดพัก เพราะความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจนทำให้สมองชา
ร่างกายผอมบางของอินซอบสั่นไหวอย่างไร้สติ ผ่านไปได้ไม่นานอีอูยอนก็ถึงจุดสุดยอด เขาฉีดพ่นน้ำกามอุ่นๆ เข้าไปในบั้นท้ายของอินซอบ อีอูยอนกอดอินซอบที่กำลังสะอื้นเอาไว้ และหอบหายใจ
แม้จะเสร็จแล้ว แต่เขากลับไม่อยากออกไปจากตัวของอินซอบ เขาอยู่แบบนั้นสักพักในสภาพที่กอดอินซอบเอาไว้
สุดท้ายอีอูยอนก็ต้องอุ้มชเวอินซอบที่อ่อนล้าออกมาจากห้องน้ำ
***
“…”
อินซอบลืมตาไม่ค่อยได้เพราะตาแห้ง เขานิ่วหน้าอยู่พักหนึ่ง ทันทีที่เขาพยายามจะลุกขึ้น มือของใครบางคนก็กดหน้าผากของเขาไว้
“ไม่เป็นไรครับ นอนต่อเถอะ”
เป็นมือที่เย็นสบายมาก ชเวอินซอบถูกทำให้นอนลงไปอีกครั้ง และหลับตาลงด้วยคำพูดนั้น มือที่อยู่ตรงหน้าผากไล้ลงมาตามใบหน้า เขาพยายามจะกลืนน้ำลาย แต่คอของเขากลับเจ็บแสบจนเขาเผลอนิ่วหน้าอีกครั้ง
“เจ็บตรงไหนเหรอครับ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถาม อินซอบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เจือความออดอ้อนว่า “น้ำ” แก้วน้ำแตะเข้ามาที่ปากของเขาทันที แม้เขาจะพยายามลุกขึ้นเพื่อดื่มน้ำ แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด
ถ้าไม่ได้ใครบางคนจับคอของเขาไว้ และยกตัวของเขาขึ้น เขาคงจะร้องโอดโอยต่อไปเรื่อยๆ บนหมอนและหลับไปอีกครั้ง น้ำเย็นๆ เข้ามาในปาก และไหลไปตามลำคอก่อนจะถูกส่งไปทั่วร่างกาย หลังจากดื่มน้ำเข้าไปจนเต็มอิ่มแล้ว อินซอบก็นอนลงอีกครั้ง คราวนี้มือที่แตะหน้าผากของเขาเมื่อสักครู่นี้กำลังลูบผมของเขาอยู่ นี่เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนมากๆ เขาอยากจะอ้อดอ้อนกับมือใหญ่ๆ นี่ให้เต็มที่ อินซอบถูไถใบหน้าของตัวเองกับฝ่ามือที่เย็นสบายนั้นก่อนจะหรี่ตาขึ้นมา
มือที่หยุดไปพักหนึ่งค่อยๆ ขยับอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เจ้าของมือนี้ต้องจิตใจดีและเป็นคนใจดีอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่ได้เป็นคนแบบนั้น สัมผัสของมือที่ลูบหัวคนอื่นคงจะไม่สามารถอ่อนหวานได้ขนาดนี้
เขาหวังให้มือที่ช่วยลูบผมให้อยู่ข้างๆ เขาไปเรื่อยๆ ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง เขากำลังจมอยู่ในสติที่เลือนลางอยู่สักพัก แต่ใครบางคนก็จับไหล่เขาและเขย่า
“ยังนอนอยู่อีกเหรอครับ ลุกขึ้นมาได้ไหมครับ”
“…”
“กินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยนอนต่อนะครับ คุณนอนอย่างเดียวมาทั้งวันแล้วนะ”
“…อื้อ…”
อินซอบพยายามจะอ้าปากพูด เขาใช้มือกุมคอเขาไว้ และนิ่วหน้า เสียงของเขาไม่ออกมาตามปกติเพราะคอบวม
“ดูเหมือนเสียงจะหาย เพราะกรีดร้องมากไปนะครับ”
“…”
ฉากต่อเนื่องโผล่ขึ้นมาในหัวของอินซอบอย่างรวดเร็ว เพราะคำพูดที่บอกว่า ‘เพราะกรีดร้อง’
…ทำไปแล้ว กับอีอูยอน การแหย่เล่นที่อีอูยอนเป็นคนเริ่มได้ก้าวข้ามเส้นของการล้อเล่นไปแล้ว เป็นแบบนี้ไม่ได้
ความอับอายตีรื้นขึ้นมาไม่หยุดจนเต็มลำคอของเขา คำตำหนิและความละอายเกี่ยวกับตัวเองสาดลงมาที่ร่างของเขา และกองทับถมอยู่รอบๆ ตัวทุกครั้งที่เขาหายใจ อินซอบอยากตาย
“ไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
อินซอบเผลอปัดมือของอีอูยอนที่พยายามจะยื่นมาจับหน้าผากออก มือที่หลงทางไปหยุดลงกลางอากาศ และถูกเก็บไปในทันที
“ขอโทษนะครับ”
“…!”
“ขอโทษนะครับ ผมผิดเอง”
อินซอบตกใจจริงๆ หลังจากวันที่เขาได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย อินซอบก็ยอมแพ้กับการที่คำพูดที่มีความเป็นมนุษย์แบบนั้นจะออกมาจากปากของอีอูยอนแล้ว…
“ต่อให้คุณอินซอบจะยั่วผมยังไง ผมก็ควรวางตัวให้ดี แต่เพราะไม่ได้ทำมานานแล้ว ผมก็เลยขาดสติน่ะครับ”
“…”
ใช่แล้ว เป็นอย่างที่คิดเลย มันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อีอูยอนเลย
“คุณน่าจะเหนื่อยมาก เพราะเป็นครั้งแรก ขอโทษนะครับ”
อินซอบค่อยๆ ขยับตัว และนอนหันหน้าไปคนละฝั่งกับอีอูยอน แม้คนคนนั้นจะทำเป็นพูดดีขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คนคนนั้นคิดว่าดี
“อ๋อ จริงสิ ไม่ใช่ครั้งแรกใช่ไหมครับ”
“…!”
“คุณเคยบอกว่าเคยทำกับผู้หญิงใช่ไหมครับ ใช่เคทหรือเปล่า”
“คะ…เคทเป็น…”
เสียงของเขาแตก และการพูดต่อไปก็ยากลำบาก แต่พอคิดว่าจะใช้โอกาสนี้แก้ไขความเข้าใจผิดที่ใหญ่โตนี้แล้ว อินซอบก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แห้งเหมือนเป็นขุย
“…เป็นต้นไม้ครับ เป็นมิโมซ่า…
“ต้นไม้เหรอครับ จะพูดว่าเป็นต้นหญ้าเหรอครับ”
อินซอบพยักหน้า
“คุณอินซอบ…มีอารมณ์กับต้นไม้เหรอครับ”
“…!”
“ล้อเล่นครับ งั้นเคทที่คุณอินซอบบอกว่าอยู่ด้วยตลอดก็คือต้นไม้เหรอครับ”
“…ครับ”
“แล้วที่บอกว่าไปให้น้ำ ก็หมายความว่าให้น้ำจริงๆ สินะครับ”
ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงของอีอูยอนที่พูดแบบนั้นถึงเหมือนจะอารมณ์ดี ชเวอินซอบไม่ตอบ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาก่อนจะเอามาคลุมหน้าของตัวเองเอาไว้ อีอูยอนดึงผ้าห่มลงไป
“คุณไข้ขึ้นน่ะครับ ตอนนี้ก็ยังมีไข้อยู่นิดหน่อย ดูเหมือนมันจะเกินกว่าที่ร่างกายคุณรับไหว เพราะถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดในห้องน้ำ”
“…”
“ผมพยายามจะเอาน้ำของผมที่แตกในตัวของคุณอินซอบออกมาแล้วนะครับ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคุณอินซอบขอร้องให้ใส่เอาไว้”
ถ้าใครมาได้ยินก็คงนึกว่าอีกฝ่ายใส่เข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนขอร้องให้ทำ ชเวอินซอบรู้สึกเหมือนจะล้มลงไปด้านหลัง เพราะความรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่ต่อให้ล้มไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะสภาพร่างกายของเขาไม่ดีมากๆ ไปแล้ว
“พักจนถึงพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ เพราะวันพรุ่งนี้ไม่มีตารางงาน”
“…?”
“ผมบอกให้เลื่อนตารางงานออกไปน่ะครับ เพราะการไปคนเดียวโดยไม่มีผู้จัดการส่วนตัวแค่วันนี้ก็พอแล้ว”
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้มองนาฬิกา แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างสลัวๆ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ดูเหมือนพระอาทิตย์กำลังจะตก ไม่ใช่กำลังจะขึ้น
“วันนี้…”
“ผมไปเองแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
อีอูยอนใช้งานหัวหน้าทีมชาที่คร่ำครวญว่า ‘ทำไมต้องเป็นฉัน!’ ในฐานะคนขับรถอย่างหนัก และไปไหนมาไหนอย่างสุขสบายตลอดทั้งวัน แม้เขาจะไม่ค่อยพอใจหัวหน้าทีมชาที่พักนี้ใจดีกับอินซอบอย่างเปล่าประโยชน์ก็ตาม
“ขอโทษ…ครับ”
พอชเวอินซอบพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง อีอูยอนก็นิ่งไปสักพักก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆ”
พอเสียงหัวเราะของเขาลอยไปทั่วอากาศ อินซอบห่อไหล่ก่อนจะก้มหน้า
“ฮ่าๆๆๆ คุณอินซอบพูดแบบนั้นเพราะรู้สึกผิดจริงๆ หรือว่าแค่พูดไปเฉยๆ ครับ แต่จะเป็นอย่างไหนก็น่าตลกทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ ผมอึ้งจริงๆ นะครับ”
อีอูยอนใช้มือเสยผมที่หลุดลุ่ย เพราะมัวแต่หัวเราะขึ้นไปก่อนจะพูดค่อ
“คุณชเวอินซอบมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วยวิธีการแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้เหรอครับ คุณคงทนไม่ได้ถ้าคิดว่าตัวเองจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนสินะครับ เหมือนคนโง่เลย”
“…”
แม้คำพูดว่าเหมือนคนโง่ในตอนท้ายจะฝังลงไปในใจ แต่อินซอบก็ไม่สามารถโกรธกับคำตำหนิที่รุนแรงนี้ได้ มันเป็นคำพูดที่เขาได้ยินจากแม่หรือพ่อทุกครั้งว่าเขาไว้ใจคนอื่นอย่างเปล่าประโยชน์มากเกินไป แม่เองเคยบ่นว่า ‘รักตัวเองขึ้นหน่อยสิปีเตอร์’
เขาเคยให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่าความรู้สึกของคนอื่น และทำตามใจตัวเองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเนื่องจากผลลัพธ์ของมันได้สร้างบาดแผลที่ใหญ่หลวงไว้ในชีวิตของเขา อินซอบจึงระวังกับการทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เขาระวังจนเรียกได้ว่าเขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำก็ได้
“เอาเถอะครับ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีเรื่องที่คุณจะต้องขอโทษอยู่แล้ว เพราะยังไงซะช่วงนี้ตารางงานของผมก็ยืดหยุ่นขึ้นอยู่แล้ว”
มือของอีอูยอนเฉียดผ่านหัวของอินซอบไปเหมือนกับจะตบเบาๆ อินซอบใจตกลงไปที่ตาตุ่ม มือนั้นที่คอยเอาใจเราในระหว่างที่นอนหลับคือมือของอีอูยอนเหรอ จะบอกว่าเขาเป็นเจ้าของมือที่แตะหน้าผากเรา และลูบผมเราอย่างนั้นเหรอ
มือของอีอูยอนเลื่อนลงมาจากหัวไปที่ต้นคอ จากต้นคอไปที่ไหล่ และลงไปที่เอวเหมือนกับค่อยๆ ลื่นลงไป เขาหยุดอยู่ตรงเนินก้น และตบเบาๆ อย่างมีความหมายลึกซึ้ง
“รีบๆ หายนะครับ”
“…”
ฝันหรือเปล่า ต้องเป็นฝันแน่ๆ ถ้าเป็นอีอูยอนเขาก็น่าจะไม่สามารถเคลื่อนไหวมือที่มีความเป็นมนุษย์แบบนั้นได้สิ
“นอนไปนะครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมอาหารไว้ให้”
“ผม…”
“ไม่เป็นไรครับ”
อีอูยอนทำให้อินซอบนอนลงอีกครั้ง และออกจากห้องนอนไป อินซอบที่ฝังหน้าลงไปกับหมอนกระตุ้นตัวเองว่าเขาจะใจอ่อนให้กับการกระทำแบบนี้ไม่ได้
เราแค่บอกว่าชอบไปตามที่อีอูยอนพูดเท่านั้น เราต้องทำตัวเย็นชาใส่เขา เราจะให้โอกาสเขาไม่ได้เด็ดขาด ตั้งสติซะ
แต่โจ๊กที่อีอูยอนเอามาให้นั้นอร่อยมาก สุดท้ายอินซอบก็กินจดเกลี้ยงถ้วย และจมลึงลงไปในความรู้สึกอับอาย