ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - Side Story < Love Story > 4-1
ความรักของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ราบเรียบเช่นเดียวกับที่ความรักของทุกคนเป็น พวกเขามีทั้งวันที่ทะเลาะกัน วันที่อ่อนไหว และวันที่อินซอบร้องไห้ เพราะความหึงหวงที่ไม่มีเหตุผลของอีอูยอน
โดยรวมแล้วการทะเลาะทั้งหมดมักจะจบลงในวันเดียว หากอินซอบขอโทษก่อน อีอูยอนก็จะยอมรับคำขอโทษนั้นอย่างง่ายดาย หรือถ้าอีอูยอนที่เห็นอินซอบที่ไม่สามารถเอ่ยขอโทษได้ และกระสับกระส่ายพร้อมกับเดินวนเวียนอยู่รอบๆ กลั้นหัวเราะไม่ไหวและจูบปากอีกฝ่าย การทะเลาะกันของพวกเขาจะจบลง
แต่ครั้งนี้ต่างไปจากปกติเล็กน้อย
อินซอบที่ได้กินอาหารเย็นกับอีอูยอนในรอบหลายวันส่งเสียงดังเอะอะเล็กน้อย ละครที่อีอูยอนกำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้เอาชนะเรตติ้งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสื่อช่องหลักได้ในรอบเกือบสิบปี และกำลังสร้างสถิติใหม่ๆ ขึ้นทุกวัน
ทุกคนล้วนชมกันเป็นเสียงเดียวว่าละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป็นละครน้ำเน่าที่เรตติ้งสูงอย่างที่ไม่มีมานานแล้วเพียงอย่างเดียว แต่เป็นละครที่สร้างมาอย่างดีและมีเนื้อเรื่องที่ลื่นไหลด้วย โดยเฉพาะการแสดงของอีอูยอนที่รับบทซอวอนยอง ประสาทศัลยแพทย์[1] อัจฉริยะได้รับการชื่นชมอย่างล้นหลามว่าประณีตและลึกซึ้งจนเทียบไม่ได้เลยกับการแสดงก่อนหน้านี้ ถึงขนาดมีคำพูดว่าต้องห้ามใส่ชื่อผู้เข้าชิงรางวัลใหญ่คนอื่นๆ ลงไปในรายชื่อสำหรับพิธีมอบรางวัลที่จะมีช่วงปลายปีตั้งแต่แรกออกมาเลยทีเดียว
‘เหลือที่ต้องถ่ายอีก 6 ตอนใช่ไหมครับ’
‘ครับ วันนี้กินข้าวเย็นเสร็จแล้วต้องไปทันทีเลยครับ’
‘คุณน่าจะเหนื่อยแท้ๆ จะดื้อกลับมาทำไมครับ’
‘ผมมาเพราะคิดถึงน่ะสิครับ’
คำพูดของอีอูยอนที่พูดด้วยท่าทีเฉยเมยทำให้อินซอบหน้าแดง แล้วอีอูยอนก็พูดกับอินซอบที่สนใจกับปลายเท้าที่ชนกันอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวและเขี่ยสลัดในจานไปมาว่า ‘อ้อ จริงสิ’
‘อย่าดูตอนที่จะออกอากาศวันนี้นะครับ’
‘ครับ? ทำไมล่ะครับ มันเป็นตอนที่สำคัญนะ…’
อินซอบซึ่งเป็นผู้ชมที่กระตือรือร้นยิ่งกว่าใครเอ่ยถามอย่างหงอยๆ
‘มันมีฉากจูบครับ’
อีอูยอนตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เรตติ้งขึ้นสูงตั้งแต่ตอนที่ซอวอนยอง พระเอกผู้ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเริ่มแสดงความรู้สึกต่อนางเอกทีละนิด
‘…ไม่เป็นไรครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยดู’
อินซอบเถียงกลับอย่างระมัดระวัง
‘มันต่างกับที่เคยถ่ายก่อนจะคบกัน’
‘…’
‘ยังไงก็ห้ามดู เพราะผมไม่อยากให้ดู’
‘เข้าใจแล้วครับ’
อินซอบพยักหน้าอย่างว่าง่าย วันนั้นเขาไม่ดูละครตามที่อีอูยอนสั่ง แต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวลือว่าอีอูยอนคบกับนักแสดงนำหญิงเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่เหลือการถ่ายทำละครอยู่เพียงสี่ตอนเท่านั้น บรรดาแฟนละครมีความเห็นว่าอยากให้คนทั้งคู่คบกับจริงๆ เพราะเคมีของทั้งสองคนในระหว่างที่แสดงละครดีมาก แม้ต้นสังกัดของนักแสดงทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นสังกัดของอีอูยอนจะวางแผนรับมืออย่างรวดเร็วและประกาศว่าทั้งสองคนเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันเท่านั้น และไม่มีหลักฐานว่าคนทั้งคู่คบกัน แต่กลับดับข่าวลือเรื่องความรักที่จุดไฟติดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งไม่ได้ง่ายๆ สุดท้ายก็มีข่าวว่าหากละครจบแล้ว คนทั้งคู่จะประกาศแต่งงานกันถูกปล่อยออกมา
อีอูยอนโทรศัพท์ถามอินซอบทันทีว่า ‘คุณไม่ได้สนใจข่าวเหี้ยๆ แบบนั้นอยู่ใช่ไหมครับ’
‘ผมไม่เป็นไรครับ’
‘อย่าสนใจเลยครับ ที่เป็นแบบนั้นเพราะคนโรคจิตที่แยกความจริงกับละครออกจากกันไม่ได้แตกตื่นกันน่ะ’
อินซอบทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดกับการที่อีอูยอนตั้งใจโทรศัพท์มาอธิบายทั้งที่เจ้าตัวไม่สามารถนอนหลับได้อย่างเพียงพอเพราะตารางการถ่ายทำละคร เขาอยากทำให้อีอูยอนสบายใจ ดังนั้นเขาจึงเผลอพูดในสิ่งที่จะไม่พูดในเวลาปกติออกไป
‘คงเป็นเพราะพวกคุณสองคนเหมาะสมกันมากน่ะครับ’
‘…’
เขาสัมผัสได้ถึงความเงียบที่ชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังจากปลายสาย ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ความผิดของตัวเอง และกำลังจะแก้ตัวว่า ‘ที่ผมหมายถึงคือ…’ แต่อีอูยอนกลับโกรธไปแล้ว
‘ผมไม่รู้เลยนะครับว่าคุณอินซอบคิดแบบนั้น’
‘ไม่ใช่นะครับคุณอูยอน ผม…’
‘ไว้ผมจะโทรไปใหม่นะครับ ต้องเข้าฉากแล้ว’
‘…ครับ’
เขาวางสายไปแบบนั้น อินซอบถือโทรศัพท์มือถือไว้ และรอสายจากอีอูยอนอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายวันนั้นอีกฝ่ายก็ไม่โทรศัพท์มาหา อินซอบที่โต้รุ่งอยู่ทั้งคืนเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้และนั่งเหม่อลอยโดยมีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉากแบบไหนกำลังฉายอยู่ตรงหน้า เพราะไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
และตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ฉากที่อีอูยอนแลกจูบกับนำแสดงนำหญิงก็กำลังฉายอยู่เต็มจอ
อีอูยอนมักจะใช้มือประคองหน้าเอาไว้ก่อนจะประกบริมฝีปากทุกครั้งที่จูบ อินซอบชอบตอนที่มือใหญ่ๆ ของเขาลูบไล้ลงมาตามแก้มและต้นคอพร้อมกับแสดงความรู้สึกลึกซึ้งจนขนลุกซู่
‘…’
พอได้มองการแสดงความรักนั้นที่เคยทำกับตัวเองบนหน้าจอก็รู้สึกแปลกๆ เขาทั้งรู้สึกเศร้าและโกรธ…และรู้สึกเหมือนดูฉากที่ไม่ควรจะดู การดูฉากเลิฟซีนที่ถ่ายในตอนที่คบกันต่างกับที่เคยดูมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงอย่างที่อีอูยอนพูด เหมือนจะรู้แล้วว่าทำไมอีอูยอนถึงห้ามไม่ให้ดูตอนนั้น
ตอนที่คิดว่าต้องปิดโทรทัศน์ก่อนจะเศร้าไปมากกว่านี้ โทรทัศน์ก็ถูกปิดลงพร้อมกับเสียงดัง พึ่บ
เขาหันหลังไป อีอูยอนที่ถือรีโมตคอนโทรลไว้กำลังก้มมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย
‘กำลังดูว่าเหมาะสมกันขนาดไหนอยู่เหรอครับ’
‘ไม่ใช่นะครับ ผมเปิดทิ้งไว้แล้วฉากนี้ก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ ครับ’
อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบอินซอบ
‘กินข้าวเช้าหรือยังครับ’
อีอูยอนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยหลังจากที่จูบที่สั้นจนน่าเสียดายจบลง
…ยังไม่หายโกรธดีสินะ
อินซอบส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร
‘ดีเลย กินด้วยกันนะครับ’
อีอูยอนชูภาชนะใส่อาหารแบบใช้แล้วทิ้งที่ห่ออาหารกลับมาให้ดูพร้อมกับพูด
‘ไม่นอนเหรอครับ’
แน่นอนว่าอีกฝ่ายทำได้แค่งีบหลับตลอดระยะเวลาหลายวันที่ถ่ายละครอย่างต่อเนื่อง
‘กินข้าวเสร็จแล้วผมต้องออกไปอีกรอบครับ’
อินซอบรู้ว่าอีอูยอนตั้งใจแวะเอาข้าวเช้ามาให้ตน แม้จะโกรธ แต่เขาก็ไม่ลดความอ่อนโยนลง
…เราค่อยๆ ชอบคนคนนี้ถึงขนาดนี้ได้ยังไง
อินซอบถอนหายใจเบาๆ
‘ไม่ถูกปากเหรอครับ’
อินซอบส่ายหน้าให้กับคำถามของอีอูยอน
‘เปล่าครับ อร่อยครับ ผมชอบครับ’
อินซอบมักจะซื้อซุปถั่วงอกมากินบ่อยๆ ในช่วงที่ไม่อยากอาหาร เพราะน้ำซุปกลมกล่อมและสะอาด อีอูยอนกลั้นหัวเราะ
‘ผมรู้ครับ เพราะว่ารู้ถึงซื้อมาให้ไงล่ะ’
หายโกรธนิดหน่อยแล้วหรือเปล่านะ
อินซอบลอบสังเกตอีอูยอนพลางขยับช้อน
‘ตอนนี้ถ่ายทำเสร็จหมดแล้วเหรอครับ’
‘คงจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้แหละครับ เพราะเหลืออีกแค่สี่ตอน’
‘ถ่ายละครเสร็จแล้วก็จะไปฮาวายทันทีเลยสินะครับ’
อีอูยอนมองอินซอบด้วยสีหน้าที่ถามว่า ‘พูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่’
‘…ก็เห็นบอกว่าจะไปเที่ยวกัน’
หากละครจบลงด้วยเรตติ้งที่ดี บริษัทผู้ผลิตละครกับสถานีโทรทัศน์จะมอบการไปเที่ยวให้เป็นรางวัล ละครที่อีอูยอนกำลังถ่ายทำอยู่เห็นกระแสตอบรับที่ล้นหลามจนมีเรื่องการไปเที่ยวหลุดออกมาตั้งแต่ตอนที่เพิ่งผ่านตอนที่ 3 ด้วยซ้ำ
‘ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ’
‘…’
อินซอบพูดอะไรไม่ออก
การไปเที่ยวซึ่งได้รับเป็นรางวัลนั้นเป็นวัฒนธรรมที่ซับซ้อนอยู่บ้าง จำนวนคนรวมทั้งนักแสดงที่ถูกส่งไปเที่ยวในที่ดีๆ กลายเป็นมาตรฐานความสำเร็จของละคร ถึงขนาดที่นักแสดงหลายๆ คนพูดในงานแถลงข่าวสร้างละครว่า ‘ถ้าเรตติ้งออกมาดีและได้ไปเที่ยวก็คงจะดี’
ปกติการไปเที่ยวซึ่งได้เป็นรางวัลมักจะไปกันที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่คราวนี้กลับมีข่าวออกมาแต่เนิ่นๆ ว่าจะไปกันที่รีสอร์ตหรูที่ฮาวาย เนื่องจากเรตติ้งขึ้นสูงมาก ถ้านักแสดงนำหายไปจากกิจกรรมที่คนให้ความสนใจ รูปการณ์จะออกมาไม่ดีอย่างแน่นอน
‘ทำไมเหรอ’
อีอูยอนหยุดการขยับช้อนและเอ่ยถาม
‘…คุณไปไม่ดีกว่าเหรอครับ’
อีอูยอนมองอินซอบก่อนจะแสร้งหัวเราะในใจ จากนั้นเขาก็โน้มตัวเข้ามา และเอาหน้ามาใกล้กับปลายจมูกของอินซอบ
‘รู้ไหมว่าคุณมีเซ็กซ์กับผมครั้งสุดท้ายเมื่อไร’
‘…!’
ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน
สองสัปดาห์ก่อนอินซอบเคยซื้อข้าวกล่องไปที่กองถ่าย ข้าวกล่องเป็นแค่ข้ออ้าง เขาไปหาเพราะเป็นห่วงเรื่องปัญหาในการนอนของอีอูยอนต่างหาก
พอเห็นอินซอบ อีอูยอนก็จับข้อมือเขาและลากไปที่รถตู้ทันที เขาไล่หัวหน้าทีมชาที่นอนอยู่ตรงที่นั่งคนขับลงไป จากนั้นก็สั่งห้ามไม่ให้มาหาตัวเองเด็ดขาดตลอดสามชั่วโมงเพราะมีเรื่องที่จะทำก่อนจะปิดประตูรถ
อีอูยอนปลอบอินซอบที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นว่าถ้าคนมาเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ และมีความสุขกับเซ็กซ์บนรถตู้อยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนอีกสองชั่วโมงที่เหลือ เขากอดอินซอบไว้พร้อมกับนอนหลับ
พออินซอบที่นึกถึงความทรงจำบนรถตู้หน้าแดง อีอูยอนก็พยักพเยิดคางเบาๆ อีกครั้งราวกับสั่งให้รีบตอบ
‘…ปะ ประมาณสิบวันก่อนครับ’
‘สิบสามวันก่อนต่างหากครับ ตอนนี้ผมกำลังอดทนกับความต้องการที่อยากจะอ้าขาของคุณออกแล้วสอดใส่เข้าไปอย่างยากลำบาก เพราะถ้าจบงานแล้ว ผมว่าจะมีอะไรกับคุณอย่างเดียวสักสี่วันสามคืน’
‘…’
‘กินข้าวเถอะครับ’
พออินซอบเอาแต่กำช้อนไว้ อีอูยอนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา
‘ไม่พอใจอะไรอีกเหรอครับ’
‘…เปล่าครับ’
‘แต่สีหน้าคุณไม่ได้บอกว่าเปล่าเลยนะ พูดมาให้ชัดเจนเถอะครับ’
‘คุณ…ห้ามไม่เข้าร่วมเพราะผมนะครับ’
‘ผมบอกว่าไม่เข้าร่วมเพราะคุณอินซอบตอนไหนเหรอครับ อยู่กับผมมาหลายปีแล้วยังมองผมเป็นคนปกติแบบนั้นอยู่อีกเหรอ’
รอยยิ้มเย้ยหยันประดับอยู่ที่ริมฝีปากของอีอูยอน
‘หรือยังหวังให้ผมเป็นคนปกติอยู่เหรอ เพราะแบบนั้นก็เลยอยากให้ผมคบกับผู้หญิง และไปงานเลี้ยงฉลองหลังจากถ่ายละครเสร็จเหรอครับ’
‘ไม่ใช่นะครับ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ’
พออินซอบสะอื้นพร้อมกับเอ่ยตอบ อีอูยอนก็เก็บคำที่อยากพูดไว้และถอนหายใจออกมา
‘…กินข้าวเถอะครับ’
แม้ความอยากอาหารจะหายไปแล้ว แต่อินซอบก็ฝืนใจขยับช้อน เขาไม่อยากเหลืออาหารที่อีอูยอนตั้งใจแบ่งเวลาซื้อมาให้ไว้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงยัดอาหารเข้าไปเต็มปากอย่างไม่เหมือนกับปกติและท้องอืด วันนั้นอินซอบที่อ้วกอยู่หลายรอบไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เขาส่งข้อความหาอีอูยอนทันทีในขณะที่ให้น้ำเกลือ เพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่โกหกเรื่องปัญหาสุขภาพไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม
อินซอบคิดว่าอีกฝ่ายคงเช็กข้อความทีหลัง เพราะกำลังถ่ายละครอยู่และหลับไป ตอนที่ลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงของพยาบาลที่ปลุกอย่างระมัดระวังในตอนที่น้ำเกลือหมดขวดแล้ว อินซอบคิดว่าตัวเองยังตื่นไม่เต็มตาหรือเปล่า และกะพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง
‘เป็นอะไรหรือเปล่าครับ’
เขาได้ยินเสียงของอีอูยอนที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียง อินซอบรีบลุกขึ้น
‘นอนต่อเถอะครับ น้ำเกลือยังเหลืออยู่นิดหน่อย’
อีอูยอนมองเข็มน้ำเกลือและพูดต่อ
‘…มาได้ยังไง คุณไม่ได้กำลังถ่ายละครอยู่เหรอครับ’
สีหน้าของอีอูยอนดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
‘ตอนนี้เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยเหรอครับ’
ละครของอีกฝ่ายยังเหลือจำนวนตอนสำหรับสองสัปดาห์ เรียกได้ว่าเหลือแค่ตอนจบที่สำคัญเท่านั้น อินซอบไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร เพราะคิดว่าอีอูยอนเลื่อนการถ่ายทำออกไปและมาหาตนที่นี่ เพราะตัวเขาเองที่แค่อาหารไม่ย่อยธรรมดาเท่านั้น
‘ผมแค่ท้องอืดนิดหน่อยครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย’
‘คุณ…’
อีอูยอนขบกรามแน่น เขามองอินซอบอยู่แบบนั้นก่อนจะลุกขึ้น
‘ผมจะไปจ่ายเงินนะครับ’
[1] ประสาทศัลยแพทย์ คือ หมอที่รักษาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท