ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 4 บทส่งท้าย 1-4
“ไม่ได้การแล้ว”
เสียงตะโกนของกรรมการผู้จัดการคิมลุกพรวดจากเตียงทำให้หัวหน้าทีมชาพลิกตัวไปอีกด้านราวกับรำคาญ
“ฮยอนคยู ตื่นหน่อย ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็แปลกอยู่ดี”
“…ตอนนี้กรรมการผู้จัดการที่พูดคนเดียวในเวลาแบบนี้แหละครับที่แปลกที่สุด”
หัวหน้าทีมชาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนมิดหน้า ในเวลาแบบนี้เขาหงุดหงิดที่อีอูยอนยกห้องนอนคู่จากในบรรดาห้องที่มีอยู่มากมายให้พวกเขาจากใจจริง
กรรมการผู้จัดการคิมโดดลงมาอยู่ข้างเตียง และดึงผ้าห่มของหัวหน้าทีมชาลง
“เพราะอะไรอีอูยอนถึงขอให้ฉันช่วยขายวิลล่าที่ย่านชองดัมล่ะ บอกว่ามีเรื่องที่จะจัดการ เขากำลังสร้างเรื่องอะไรอยู่แน่ๆ เลยว่าไหม ต้องมีแผนลับอยู่ในใจแน่”
“ก็คงจะไม่มีเงินน่ะสิครับ”
“อยู่บ้านแบบนี้ทำไมจะไม่มีเงินล่ะ จะว่าไปแล้วที่เห็นผ่านๆ เมื่อกี้ก็มีรถในโรงรถตั้งสามคันเลยนะ แล้วก็เป็นรถแพงๆ ทั้งหมดด้วย”
หัวหน้าทีมชากลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูอย่างละเอียดไปแล้ว
“ขึ้นไปดูกันเถอะ”
“ขึ้นไปอะไรครับ”
“ห้องของอีอูยอนไง ไปค้นดูกันเถอะ อาจจะมีอะไรโผล่ออกมาก็ได้”
“ค้นไปคนเดียวเถอะครับ”
นี่เป็นคำพูดที่มีสองความหมาย กรรมการผู้จัดการคิมใช้ฝ่ามือฟาดหลังของหัวหน้าทีมอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย! ตีทำไมครับ! ให้ตายเถอะ!”
“ลุก! ไปค้นด้วยกัน”
“…รู้ไหมครับว่าพอได้ยินคำนั้นแล้วทำให้ผมอารมณ์ไม่ดีจริงๆ”
“ไม่รู้ เร็วๆ ฉันไม่อยากไปค้นคนเดียว”
หัวหน้าทีมชาลุกขึ้นพร้อมกับบ่นพึมพำ ไหนๆ ก็ตาสว่างแล้ว ต่อให้ล้มตัวนอนอีกครั้งก็คงจะไม่หลับไปอีกสักพัก
“ห้องของอีอูยอนอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ไม่รู้ คงจะอยู่ชั้นสองแหละ เพราะห้องของอินซอบอยู่ที่ชั้นสอง”
นี่เป็นคำอนุมานที่เป็นไปได้ ทั้งสองคนขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง และเปิดเข้าไปดูทีละห้อง พวกเขาใช้เวลาไม่นานขนาดนั้นในการหาห้องของอีอูยอน
“ห้องนี้หรือเปล่าครับ”
“ใช่แล้ว บรรยากาศตึงเครียด และเป็นระเบียบอย่างน่าเบื่อแบบนี้ต้องเป็นห้องของอีอูยอนแน่ๆ รีบค้นกันเถอะ”
กรรมการผู้จัดการคิมเปิดโคมไฟตั้งพื้น และเริ่มค้นโต๊ะเขียนหนังสือ หัวหน้าทีมชาหาวก่อนจะเช็กแฟ้มเอกสารอยู่ข้างๆ เขา
“ถ้าอีอูยอนมาจะทำยังไงครับ”
“ก็กุเรื่องไปว่าหาห้องน้ำอยู่แล้วเข้ามาผิดสิ”
“คงจะเชื่อหรอกครับ”
“ทำไมเขาถึงจะขายบ้านหลังนั้นนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ก็คงจะไม่กลับไปที่เกาหลีแล้วมั้งครับ”
“บอกว่าไม่มีทางไง!”
กรรมการผู้จัดการคิมขึ้นเสียง หัวหน้าทีมชาแอบถอนหายใจ แม้จะปากจะด่า แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ไม่เชื่อว่าอีอูยอนจะทิ้งบริษัทไป เขายังเหลือเยื่อใยให้อีอูยอนอยู่ เดี๋ยวแค่ดื่มเหล้า เขาก็จะร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับพูดความในใจออกมาว่า “คงจะหาคนแบบอีอูยอนไม่ได้อีกแล้ว”
“ฉันบอกแล้วไงว่าเขามีแผนการลับ รีบหาอะไรสักอย่างเถอะน่า ฉันกลับไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้หรอก มันไม่แฟร์”
“ครับ ครับ ได้ครับ”
เขาตั้งใจว่าจะไหลไปตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างพอประมาณ จากนั้นสีหน้าของหัวหน้าทีมชาที่ค้นลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือก็ซีดเผือด
“…กรรมการผู้จัดการครับ”
“มีอะไร”
“มีของแปลกๆ ตรงนี้ด้วยครับ”
ปลายนิ้วที่สั่นเทาของหัวหน้าทีมชาชี้ไปที่เตียง ตรงนั้นมีตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่วางอยู่
“ไม่ เชี่ยเอ๊ย นั่นมันอะไรน่ะ!”
กรรมการผู้จัดการคิมเองก็สบถออกมาด้วยความตกใจราวกับจะไม่เชื่อ
“นี่ใช่ห้องของอีอูยอนหรือเปล่าครับ”
“ใช่สิ ฉันเช็กพัสดุที่ส่งมาถึงอีอูยอนบนโต๊ะแล้ว”
“…แล้วทำไมถึงมีของแบบนี้ล่ะครับ”
“ไม่รู้สิ น่ากลัวจัง นายลองไปเช็กสิ”
กรรมการผู้จัดการคิมดันหลังของหัวหน้าทีมชา ส่วนหัวหน้าทีมชาก็กลัวและโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เอาครับ ถ้าจู่ๆ มันลืมตาขึ้นมาพูดด้วยจะทำยังไงล่ะครับ”
“มันเป็นตุ๊กตาผีสิงหรือไง อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่ตุ๊กตาหมีเท่านั้น จะกลัวอะไร”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่กรรมการผู้จัดการคิมเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้
ตุ๊กตาหมีที่วางอยู่บนเตียงของอีอูยอน
นี่เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับถูกบังคับให้ดูฉากเปิดของหนังสยองขวัญอย่างต่อเนื่อง
“รีบๆ ไปดูสิ เขาอาจจะซ่อนอะไรไว้ที่ท้องของตุ๊กตาก็ได้!”
พอกรรมการผู้จัดการคิมดันหลังไม่ยอมเลิก หัวหน้าทีมชาก็ค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เร็วสิ”
กรรมการผู้จัดการคิมยกมือขึ้นมาเร่ง หัวหน้าทีมชาทำใจกล้าหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมา น้ำหนักที่ยกได้อย่างสบายๆ ทำให้สีหน้าของหัวหน้าทีมชาผ่อนคลายลงอย่างมาก แม้จะลองเขย่าดูอยู่หลายครั้ง และเช็กให้ทั่ว แต่ก็ไม่เจอจุดพิเศษอะไรเลย
“เป็นแค่ตุ๊กตามั้งครับ”
“ไม่มีทาง ลองลูบท้องดูซิ”
แม้จะกดๆ ตรงท้องดู แต่มือก็สัมผัสได้แค่ความรู้สึกนุ่มนิ่มของสำลีเท่านั้น
“…หรือว่าอีอูยอนจะกินยาแปลกๆ ครับ”
วินาทีที่หัวหน้าทีมชาพูดคำอนุมานที่พอจะเป็นไปได้ออกมา เขาก็ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านถูกเปิดที่ชั้นหนึ่ง หัวหน้าทีมชาอุ้มตุ๊กตาหมีไว้และลนลานถามว่า “ทำยังไงดีครับ”
“วางลงๆ”
กรรมการผู้จัดการคิมรีบสะบัดมือ และปิดโคมไฟตั้งพื้น หัวหน้าทีมชาโยนตุ๊กตาหมีทิ้งราวกับเห็นสัตว์ประหลาด พวกเขาเปิดประตูและกำลังจะลงไป แต่ก็ได้ยินเสียงของคนที่ทางเดินชั้นสองเสียก่อน
กรรมการผู้จัดการคิมขยับโบของตุ๊กตาหมีที่ถูกจับวางไว้บนเตียงให้เข้าที่ และเดินเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำกับหัวหน้าทีมชา
“ตอนนี้จะทำยังไงกันดีครับ”
“ชู่ว์”
กรรมการผู้จัดการคิมเอานิ้วมาแตะปาก ผ่านไปไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา และใครบางคนก็เดินเข้ามาข้างใน
“วางผมลงก็ได้ครับ ผมเดินได้”
อินซอบนั่นเอง
“เขาบอกว่าห้ามใช้งานหนักไปสักพัก ลืมคำพูดของคุณหมอแล้วเหรอครับ”
เสียงของอีอูยอนดังตามมา แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงสปริงเตียงจมลง
“ผมจะกลับไปที่ห้องของผมครับ คุณอีอูยอนเองก็ต้องนอนนะครับ”
“วันนี้นอนด้วยกันที่ห้องของผมเถอะครับ ถ้านอนแล้วอยากไปเข้าห้องน้ำก็ปลุกผม”
กรรมการผู้จัดการคิมต่อยไหล่หัวหน้าทีมชาดัง ตุบ จากนั้นก็พูดว่า “ฉันพูดถูก” พร้อมกับทำหน้าภาคภูมิใจ อยากจะพูดแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้เหรอเนี่ย หัวหน้าทีมชาถอนหายใจ
“…หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมก็อยู่นะครับ ถ้าเข้าใจผิดจะทำยังไงล่ะ”
“มีอะไรให้เข้าใจผิดกันล่ะครับ ก็เราคบกันอยู่จริงๆ นี่ ไม่สิ ตอนเช้าก็บอกไปเลยสิครับ ผมไม่สนใจอยู่แล้ว”
“ไม่ได้ครับ”
อินซอบสวนขึ้นมาทันที ต่อให้ไม่เห็นก็รู้ว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่
“ถึงคนอย่างผมจะไม่เป็นไร แต่คุณอีอูยอนเป็นครับ ห้ามพูดเด็ดขาดเลยนะครับ ผมขอร้อง”
คำที่พูดเสริมมาตอนท้ายมีเสียงสะอื้นติดอยู่ด้วย อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าคุณอินซอบไม่ชอบ ผมก็จะไม่พูด”
“ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“…ที่บาดเจ็บทั้งๆ ที่ต้องระวังน่ะครับ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณอินซอบนี่ครับ เพราะแมวทำแบบนั้นต่างหาก”
“จอห์นไม่ใช่ความผิดของจอห์นนะครับ มันทำแบบนั้นเพราะตกใจน่ะครับ เพราะหัวหน้าทีมจะจับจอห์นอย่างกะทันหันก็เลย…”
อีอูยอนพูดซ้ำว่า “งั้นก็เป็นความผิดของหัวหน้าทีมสินะ” หัวหน้าทีมชาที่นั่งหดตัวอยู่หน้าซีดเผือด และโบกมือปฏิเสธกับอากาศ
“ไม่ใช่ความผิดของหัวหน้าทีมครับ เป็นความผิดของผมเอง ผมรู้อยู่แล้วว่าจอห์นกลัวคน…แต่ก็ทำแบบนั้นเพราะอยากอวด ต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้ครับ”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นคืนนี้คุณก็นอนที่นี่แทนนะครับ”
“ครับ”
คำว่า “ฉิบหายแล้ว” ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชา
“ผมจะไปเอาชุดนอนมาให้ครับ”
คำพูดของอีอูยอนทำให้คนทั้งคู่พอใจ แค่ไอ้หมอนั่นออกไป พวกเขาก็จะกุเรื่องอะไรก็ได้กับอินซอบ และหนีออกมาจากห้องก็พอ
“เดี๋ยวครับคุณอูยอน”
อินซอบรีบรั้งอีอูยอนที่กำลังจะออกจากห้องไป เกิดความเงียบที่ชวนให้ปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่ง
“…วันนี้ขอบคุณนะครับ ขอโทษ แล้วก็…”
คำพูดต่อไปของอินซอบถูกหยุดไว้ในทันใด พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเกิดเหตุการณ์อะไรตามมา เพราะได้ยินเสียงลมหายใจที่สุขสมอย่างชัดเจน
ผู้ชายสองคนตัวแข็งทื่ออยู่ในห้องน้ำ
“แฮ่ก…ไม่ได้ครับ”
“คนที่จูบก่อนคือคุณอินซอบนะ”
“แต่วันนี้…”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ไม่ได้ยินอยู่แล้ว เพราะสองคนนั้นนอนอยู่ที่ชั้นหนึ่ง”
ไม่ ฉันได้ยิน ได้ยินอย่างชัดเจนเลยแหละ ได้โปรดหยุดเถอะ
การคร่ำครวญที่ไม่กล้าตะโกนออกไปติดอยู่ในใจของผู้ชายวัยกลางคนสองคน
“แต่…อุบ”
พวกเขาได้ยินเสียงผิวหนังถูกดูดดุน อินซอบหอบหายใจและพยายามจะห้ามอีอูยอนอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน
“…คุณอีอูยอน ไม่ได้นะครับ”
“ผมจะไม่สอดใส่เข้าไปครับ ผมจะถูข้างนอกเฉยๆ”
ไอ้บ้า! อย่ามาโกหก! ผมจะถูข้างนอกเฉยๆ พวกเรารู้ สวรรค์รู้ และอินซอบก็รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง เพราะได้ยินบทละครนี้มาหลายครั้งแล้วที่เกาะเจจู
“…จริงนะครับ”
อินซอบบบ!
กรรมการผู้จัดการคิมทำทีเป็นใช้กำปั้นทุบอกตัวเอง
“ขึ้นมาบนตักของผมแล้วนั่งอ้าขาสิครับ”
คำสั่งนั้นฝั่งดูเป็นรูปธรรมอย่างไม่จำเป็น พวกเขาได้ยินเสียงซิปโลหะถูกรูดกับเสียงเสื้อผ้าถูกถอด และตามมาด้วยเสียงลมหายใจที่สุขสมอย่างต่อเนื่อง
“คุณอินซอบหันหน้ามาหน่อยครับ ผมอยากจูบ”
“…อือ อื้อ”
เสียงเสียดสีที่ชื้นแฉะดังปนอยู่ในเสียงลมหายใจ
“แม่ง ให้ตายเถอะ สวยฉิบหาย”
อีอูยอนสบถอย่างหยาบคายเพื่อบรรเทาความปรารถนาที่มีความโกรธเจืออยู่
“จูบ…หน่อยครับ”
อินซอบอ้อนอีอูยอน
“บางครั้งคุณอินซอบก็เหมือนคนที่ตั้งใจจะทำให้ผมเป็นบ้าเลยนะครับ แฮ่ก”
“ผะ ผม…ฮึก ชอบ…คุณอูยอนครับ”
“งั้นช่วยอ้าขาให้กว้างขึ้นได้ไหมครับ”
หัวหน้าทีมชาดึงทิชชูออกมาด้วยสีหน้าเศร้าใจก่อนจะใช้น้ำลายทำให้เปียก และยื่นให้กรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมม้วนทิชชู และยัดใส่หูตัวเองโดยไม่พูดอะไร แม้ทั้งสองคนจะอุดหูแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้กับเสียงดังที่เล็ดลอดเข้ามา
ทั้งเสียงคำพูดลามกที่หยาบคายและเสียงครางของอีอูยอน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของโครงเตียง และเสียงครางของอินซอบ
นี่เป็นคืนที่ซ้อนทับกับฝันร้ายที่เกาะเชจู
ถ้าจะมีสิ่งที่ต่างออกไปนิดหน่อยก็คือ
“ผมชอบคุณอูยอน มากๆ…”
อินซอบที่สารภาพความรู้สึกของตัวเองออกมาหลายครั้งแม้จะหอบและร้องไห้
ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานจริงๆ
***
“อรุณสวัสดิ์”
อีอูยอนซึ่งปรากฏตัวขึ้นในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามและเอ่ยทักทาย ชายสองคนที่มีใบหน้าหมองคล้ำไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา และหยุดมือ
“นอนไม่หลับเหรอครับ ทำไมทั้งสองคนถึงดูเหนื่อยล่ะครับ”
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ…!”
หัวหน้าทีมชาสะกิดหน้าขาของกรรมการผู้จัดการคิมที่โพล่งตะโกนมาเบาๆ
“เพราะยังปรับตัวกับความต่างของเวลาไม่ค่อยได้น่ะ”
“งั้นไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะครับ”
อีอูยอนดื่มกาแฟที่คนรับใช้เอามาให้ก่อนจะกางหนังสือพิมพ์
กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาอาศัยช่วงที่สองคนนั้นหลับออกมาจากห้องได้ในตอนเช้ามืด แม้พวกเขาที่เหนื่อยอ่อนจะต่างคนต่างนอนบนเตียงโดยไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้ง่ายๆ ถ้าหลับตาลงก็เหมือนจะได้ยินเสียงของอีอูยอนแบบสามมิติ
“กินข้าวสิครับ”
“ไม่ล่ะ ไม่หิวน่ะ”
“อายุก็เยอะแล้ว ถ้างดอาหารกระดูกจะเสื่อมนะครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมใช้ฝ่ามือลูบแก้มตอบๆ และเอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่า “อูยอน”
“ครับ กรรมการผู้จัดการ”
“นายเป็นคนอเมริกันนี่ นาย…เรียนพวกคำพูดที่พูดเมื่อกี้กับคำที่ใช้ในเวลาปกติมาจากไหนกันแน่”
“ก็ที่นั่นที่นี่?”
อีอูยอนพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ก่อนจะพูดต่อ
“เพราะผมเป็นพวกเรียนรู้พวกภาษาได้เร็วกว่าคนอื่นน่ะครับ”
“…โอเค พ่อคนเก่ง”
กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจก่อนจะดื่มกาแฟ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงร้องเหมียวเบาๆ จากปลายเท้า
“โอ้ เมื่อวานเจอกันไปนิดหนึ่งแล้ว วันนี้ก็เลยมาทักทายเหรอ”
พอหัวหน้าทีมชายื่นมือออกไปลูบ แมวก็ร้องครางและพันตัวกับมือ อีอูยอนที่เห็นภาพนั้นแอบยิ้ม
“มันไม่เคยมาหาผมสักครั้งเลย”
“ก็แน่ล่ะ แมวเองก็วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดแล้วค่อยวางตัวเหมือนกันนะ มันไม่ทำตามใจชอบโดยไม่สนหน้าหลังเหมือนใครบางคนหรอก แม้กระทั่งแมวยังทำแบบนี้เลย”
หัวหน้าทีมชายกแมวขึ้นมาวางไว้บนตัก และร้องเหมียวๆ เพื่อเล่นด้วย
“เหมือนจะฉลาดด้วยนะครับ”
อีอูยอนใช้นิ้วสะกิดแมวเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ก่อนหน้านี้มันอยู่ใต้เตียงในห้องของคุณอินซอบ แล้วพวกเรามีอะไรกันที่นั่นทั้งคืน”
พอเมดเติมกาแฟให้ อีอูยอนก็ยิ้มอย่างสวยงามพร้อมกับกล่าวขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ
ดีจัง เพราะคนคนนั้นไม่รู้ภาษาเกาหลี ก็เลยสามารถใช้ชีวิตได้โดยที่หูยังสะอาดอยู่
กรรมการผู้จัดการคิมมองเมดด้วยแววตาอิจฉาอย่างไม่ตั้งใจ
“หลังจากวันนั้นถ้าพวกเราสองคนเข้าไปห้อง มันก็จะออกไปเอง ฉลาดมากเลยใช่ไหมล่ะครับ”
อีอูยอนพับครึ่งหนังสือพิมพ์
“แม้กระทั่งแมวเองยังทำแบบนั้นเลย แต่คุณสองคนไม่มีความสามารถในการเรียนรู้หรอกมั้ง”
คำพูดที่พูดคนเดียวของอีอูยอนทำให้กรรมการผู้จัดการคิมเห็นสัญญาณเตือน
“นาย นายรู้…”
“ไม่รู้เลยครับ”
ความวิตกกังวลแฝงอยู่ในดวงตาเรียวยาวของอีอูยอน
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับว่ากรรมการผู้จัดการของบริษัทเก่ามีรสนิยมชอบแอบฟังคนอื่นมีเซ็กซ์กัน ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วสิครับ”
“นาย…”
“ผมตื่นขึ้นมาแป๊บหนึ่งตอนที่พวกคุณสองคนแอบออกไปตอนเช้ามืดน่ะครับ ตอนนั้นผมก็เลยรู้ครับ แต่เพราะคุณอินซอบยังไม่รู้ พวกคุณห้ามทำเป็นรู้นะครับ”
“ฉันไม่อยากแม้แต่จะแกล้งทำเป็นรู้ด้วยซ้ำ!”
หัวหน้าทีมชาทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะตะโกน
“เหมือนจะตั้งใจหาจุดอ่อนของผมนะครับ แล้วเจออะไรไหมครับ”
“เจอ! ตุ๊กตาหมีอะไรนั่นน่ะ เป็นของนายใช่ไหม”
แม้จะรู้ว่าเป็นการจับผิดที่ไร้สาระ แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็พูดออกไปตามอารมณ์ เขาอยากจะทำให้อีอูยอนอายสักนิดก็ยังดี
“คุณไม่รู้เหรอครับว่าเจ้าหมีปีเตอร์เป็นของรักของหวงที่ผมหวงที่สุด”
“…”
“คุณไม่รู้หรอกครับว่ามันนุ่มแค่ไหน คุณอินซอบนอนคว่ำบนมัน และมีเซ็กซ์กับผมหลายคะ…”
“อ๊ากกก”
หัวหน้าทีมชาทำน่ารังเกียจและวิ่งไปล้างมือที่อ่างล้างจาน
“…หลายครั้งซะที่ไหนล่ะครับ เห็นจิตใจที่บริสุทธิ์ของผมเป็นยังไงกันแน่”
อีอูยอนพูดไปเรื่อยทั้งๆ ที่ไม่เคยมีจิตใจที่บริสุทธิ์ติดตัวอยู่เลย สติของผู้ชายสองคนที่ถูกก่อกวนตั้งแต่เมื่อคืนขาดรุ่งริ่งทันที