ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-1
“แต่ว่าคุณผู้จัดการส่วนตัวดูเด็กจริงๆ นะครับ ตอนได้ยินอายุเมื่อกี้ ผมตกใจเลยครับ อายุมากกว่าผมตั้งสามปีแน่ะ”
คิมคังอูคุยกับอินซอบพลางหมุนพวงมาลัยไปด้วย อินซอบยิ้มเจื่อนพร้อมกับพึมพำว่า ‘อย่างนั้นเหรอครับ’ หลังจากที่มาอยู่เกาหลี เขาเศร้าใจอย่างมากที่ไม่สามารถบอกว่าตัวเองหน้าเด็กเพราะเป็นคนเอเชียได้อีกแล้ว
“ได้ยินคำพูดแบบนั้นบ่อยเลยใช่ไหมล่ะครับ”
“ก็ได้ยินบ้างครับ”
“แล้วเวลาไปพวกร้านเหล้าไม่ได้ตรวจบัตรเหรอครับ”
อีอูยอนที่อ่านหนังสืออยู่ด้านหลังหัวเราะสั้นๆ พวกเขาเคยไปดื่มเหล้าด้วยกัน และเกิดเหตุการณ์ทำนองนั้นขึ้นบ่อยครั้ง พอได้ยินเสียงหัวเราะของอีอูยอน ใบหน้าของอินซอบก็แดงซ่าน อีอูยอนมองภาพที่อีกฝ่ายหน้าแดงไปจนถึงต้นคอ และปิดหนังสือลง
“เหลือเวลาอีกเท่าไรเหรอครับ”
“เหลืออีกประมาณสองชั่วโมงครับ”
คิมคังอูมองหน้าจอของระบบนำทางและรีบตอบคำถามของอีอูยอน
“ไม่หิวเหรอครับ”
“ครับ ชักจะหิวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน งั้นเราจอดตรงจุดพักรถหน้าดีไหมครับ”
“ไม่ต้องครับ ช่วยเลยไปอีกหน่อย แล้วออกไปทางชุงจูทีนะครับ”
“หมายถึงออกจากทางหลวงน่ะเหรอครับ ถ้าไปทางนั้นน่าจะอ้อมนานนะครับ”
“เดี๋ยวผมบอกทางให้เองครับ พอออกจากทางหลวงแล้วเลยไปอีกหน่อยจะมีร้านอาหารเกาหลีที่พอใช้ได้อยู่ครับ”
อินซอบที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยแทรกอย่างระมัดระวัง แถวนี้มีร้านอาหารเกาหลีที่ทั้งสองคนเคยมาอยู่สองสามครั้ง และยังเป็นสถานที่เดทที่คนทั้งคู่มักจะใช้เวลาขับรถออกต่างจังหวัดด้วย
“แล้วเวลาจะไม่เป็นไรเหรอครับ”
“มีเวลาพอครับ”
อินซอบมองนาฬิกาก่อนจะตอบ อีอูยอนที่นั่งอยู่ด้านหลังหัวเราะเบาๆ
“ไม่มีอะไรที่คุณผู้จัดการส่วนตัวไม่รู้จริงๆ สินะครับ”
คิมคังอูพึมพำด้วยน้ำเสียงประทับใจ อินซอบปฏิเสธอย่างเกรงๆ ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ’ ด้วยใบหน้าขึ้นสี การที่เขาได้รับคำชมจากคนอื่นว่ามีความสามารถ เวลาพูดถึงข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาทั้งคู่นั้นเป็นสถานการณ์ที่น่าอาย
“เขาอาจจะรู้จักผมดีกว่าตัวผมเองด้วยซ้ำครับ”
พออีอูยอนสนับสนุนคำพูดของคิมคังอู อินซอบก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย
“กรรมการผู้จัดการบอกว่าคุณทำงานเก่งมาก แล้วก็สั่งให้ผมคอยดูและเรียนรู้อยู่ข้างๆ น่ะครับ ต่อไปผมก็ขอรบกวนด้วยนะครับ”
“ผมสิครับที่ต้องรบกวน”
อินซอบพูดราวกับเกรงใจ
เมื่อรถออกจากถนนทางหลวง อินซอบก็ช่วยบอกทางอย่างตั้งใจ ผ่านไปได้ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าร้านอาหารเกาหลีที่ตั้งอยู่ในที่ที่เงียบสงบ
“ฉันจะพาไปที่โต๊ะนะคะ”
พอพวกเขาเดินเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านที่จำอีอูยอนได้ก็ต้อนรับด้วยใบหน้าใจดี เจ้าของร้านเลือกที่นั่งเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุดให้พวกเขาเหมือนอย่างเคย ระหว่างที่อินซอบถอดรองเท้าและเรียงให้เป็นระเบียบ คิมคังอูก็เกาหัวพลางเอ่ย
“ผมขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะครับ เชิญสั่งกันได้เลยครับ ผมกินอะไรก็ได้”
“ครับ ไม่ต้องรีบนะครับ”
อีอูยอนยิ้มก่อนจะพยักหน้า
“ขอเป็นอาหารสำหรับสามคนครับ”
พวกเขาไม่จำเป็นต้องสั่งอะไรเป็นพิเศษ เพราะทางร้านใช้วัตถุดิบที่มีเข้ามาในแต่ละวันทำกับข้าว เจ้าของร้านที่เอาน้ำมาให้บอกให้พวกเขารอก่อนจะปิดประตูลง เหลือแค่พวกเขาสองคนแล้ว
“ไม่ได้ทำมานาน คงจะเหนื่อยสินะครับ”
อีอูยอนเทน้ำใส่แก้วพลางเอ่ย
“ไม่เลยครับ ผมไม่เป็นไรครับ แล้วคุณคิมคังอูก็ขับรถเก่งด้วย”
คำชมของกรรมการผู้จัดการคิมที่บอกว่าความชำนาญในการขับรถของอีกฝ่ายดีเยี่ยม เพราะเป็นพลขับมาก่อนไม่ใช่คำพูดเกินจริง
“ดื่มน้ำก่อนครับ”
อีอูยอนยื่นน้ำให้อินซอบ เป็นน้ำที่ได้จากการเอาเมล็ดชุมเห็ดไปแช่ อินซอบแบ่งน้ำที่มีรสชาติออกขมดื่มทีละน้อยพร้อมกับเหลือบมองอีอูยอน เขาคิดอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในรถว่าเขาจะพูดเรื่องเมื่อวานตอนไหนดี
“…!”
อีอูยอนเอื้อมมือออกมา อินซอบสะดุ้งและผงะไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว อีอูยอนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเกี่ยวผมที่ติดอยู่ตรงต้นคอของอินซอบออกให้
“…ขอบคุณครับ”
อินซอบหลบตามองด้านล่างก่อนจะเอ่ยตอบ อีอูยอนมองขนตายาวๆ ของอินซอบที่ขยับเหมือนกำลังกังวลใจเงียบๆ เป็นสายตาที่ผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็ดื้อรั้น อินซอบรู้สึกแสบผิวทุกส่วนที่โดนสายตาของอีกฝ่ายจับจ้อง พวกเขาไม่พูดอะไรเลย อินซอบหยิบแก้วขึ้นมา ภายในปากของเขาแห้งผาก เขาเหลือบมองไปทางประตู รู้สึกอยากให้คิมคังอูกลับมาไวๆ
“คุณอินซอบครับ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบด้วยน้ำเสียงเหมือนกับไอศกรีมรสหวานที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยบนลิ้น
“ช่วงนี้นอนหลับไหมครับ”
“ครับ นอนหลับครับ”
“แล้วทำไมหน้าถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ”
อินซอบงงเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงที่เหมือนจงใจต่อว่าของอีกฝ่าย
ตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออก พนักงานในร้านเอาเครื่องเคียงพื้นฐานเข้ามาและเริ่มยกขึ้นโต๊ะ คิมคังอูที่ไปห้องน้ำก็กลับมาแล้วเช่นกัน เขานั่งลงข้างๆ อินซอบ
“น่าจะเป็นเพราะเมื่อวานนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ ผมเอาแต่คิดเรื่องมาทำงานหลังจากที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว ฮ่าๆ”
อินซอบหัวเราะอย่างประดักประเดิด และกุเรื่องขึ้นมาปกปิดราวกับเป็นความกังวลใจของพนักงานทั่วไป
“เมื่อวานผมเองก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเหมือนกันครับ”
คิมคังอูใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดมือก่อนพลางพูดแทรก
“อย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนตอบกลับอย่างนุ่มนวลแทนที่จะพูดว่าหุบปากไปก็ได้นะ เพราะฉันไม่สนใจสักนิดว่านายจะหลับหรือจะพลิกไปพลิกมา
“ครับ เพราะคุณเป็นนักแสดงดังนี่ครับ อันที่จริงตอนนี้ผมยังไม่ค่อยจะเชื่อเลยครับ เพราะคุณหล่อมาก ต่อให้อยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่านี่เป็นความจริงอยู่ดี”
อินซอบใช้ตะเกียบคีบผักปรุงรสเข้าปาก เขาพยักหน้าอย่างตั้งใจ และเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“ถ้าได้เห็นคนดังคนอื่น คุณก็จะมองว่าผมธรรมดาครับ”
“ไม่หรอกครับ พี่เขยของผมก็เป็นคนดังเหมือนกัน ไม่สิ คุณกรรมการผู้จัดการน่ะครับ”
คิมคังอูรีบเปลี่ยนคำเรียก
“กรรมการผู้จัดการก็หล่อเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็ยังดูเหมือนนายแบบอยู่เลย”
อินซอบรีบชมกรรมการผู้จัดการคิม
“เวลาแบบนี้คุณต้องชมผมสิครับ คุณผู้จัดการส่วนตัว”
พออีอูยอนทำหน้านิ่งอย่างกะทันหัน อินซอบก็ตื่นตระหนก และเปลี่ยนไปชมอีกฝ่าย
“คุณอีอูยอนหล่อมากๆ อยู่แล้วครับ”
“ตรงไหนเหรอครับที่หล่อขนาดนั้นน่ะ”
อีอูยอนซักไซ้ต่อโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด
“ทุกตรง…?”
อินซอบตอบด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี
กรรมการผู้จัดการคิมเคยพูดความรู้สึกที่แท้จริงด้วยเสียงที่เจือความรำคาญว่าแม้กระทั่งเล็บของไอ้เฮงซวยอีอูยอนนั่นก็ยังสวย และอินซอบซึ่งรู้จักร่างกายของอีอูยอนทุกซอกทุกมุมดีกว่าใครก็เห็นด้วย อีอูยอนหัวเราะ
“ขอบคุณที่คิดแบบนั้นนะครับ”
“แล้วเวลามองกระจกไม่รู้เหรอครับว่าตัวเองหล่อ ไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอก ผมอยากจะหล่อขนาดนั้นบ้าง สักวันก็ยังดี”
คิมคังอูแสดงความอิจฉาออกมาอย่างเปิดเผย จากนั้นอินซอบรีบชมอีกฝ่ายว่า ‘คุณคังอูก็หล่อเหมือนกันครับ’ อีอูยอนดื่มน้ำและจ้องมองคนรักที่แสดงพฤติกรรมหยาบคายอย่างการชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าคนที่ตัวเองคบอย่างอดกลั้น
พนักงานของร้านยกอาหารขึ้นมาวางบนโต๊ะทีละอย่าง
“ว้าว ร้านนี้อร่อยจริงๆ ครับ เหมือนจะดีที่สุดในบรรดาอาหารที่ผมเคยกินมาตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ”
คิมคังอูที่ได้ลองชิมกับข้าวเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก
“โล่งอกไปทีนะครับที่ถูกปาก”
นี่เป็นร้านอาหารเกาหลีที่อีอูยอนหามาเพื่ออินซอบ เรื่องที่คิมคังอูจะถูกใจหรือไม่นั้นไม่สำคัญสำหรับเขาเลยสักนิด
“ไม่ถูกปากคุณผู้จัดการส่วนตัวเหรอครับ”
คิมคังอูมองอินซอบพลางเอ่ยถาม
“เปล่าครับ ถูกปากมากครับ”
“แล้วทำไมถึงไม่กินล่ะครับ กินนี่ครับ”
คิมคังอูยื่นซี่โครงตุ๋นที่มีรสเผ็ดให้อินซอบ
“…ขอบคุณครับ”
อินซอบไม่ชอบอาหารพวกเนื้อ ยิ่งอาหารรสเผ็ดยิ่งแล้วใหญ่ แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธกับข้าวที่คนอื่นให้ด้วยความมีน้ำใจได้ เขารินน้ำใส่แก้วจนเต็ม และเตรียมที่จะกิน แต่อีอูยอนกลับยื่นตะเกียบออกมา
“ขอผมกินได้ไหมครับ”
อีอูยอนฉวยซี่โครงตุ๋นไปในระหว่างที่อินซอบกำลังตกใจ อีอูยอนมีนิสัยรักสะอาดมาก เขาไม่ชอบวัฒนธรรมเกาหลีที่มักจะกินอาหารพวกหม้อไฟหรือพวกแกงต่างๆ ร่วมกัน และเขาก็ไม่ไปร้านอาหารประเภทนั้นด้วย อินซอบไม่เคยจินตนาการถึงภาพที่อีกฝ่ายเอากับข้าวของคนอื่นไปกินด้วยซ้ำ
คิมคังอูดันซี่โครงตุ๋นที่วางอยู่ตรงหน้าตนไปให้อีอูยอน
“ตรงนี้มีเยอะเลยครับ กินให้หมดเลยครับ”
“ไม่ล่ะครับ คุณคังอูกินเยอะๆ นะครับ”
อีอูยอนดันกับข้าวคืนให้คิมคังอูตามเดิม เขาเลือกกับข้าวที่อินซอบชอบและเอามารวมไว้ตรงหน้าอีกฝ่ายทีเดียว
“กินเยอะๆ นะครับ”
“ครับ ผมกินเยอะอยู่ครับ”
แม้จะได้ยินคำตอบของอินซอบแล้ว แต่อีอูยอนก็ไม่ยอมละสายตาไปจากอินซอบ แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนช่วงนี้จะกินอะไรไม่ลงจนสังเกตได้
“อ้อ จริงสิ คุณผู้จัดการส่วนตัวมาจากอเมริกาใช่ไหมครับ งั้นก็คงจะไม่ค่อยถูกปากกับอาหารเกาหลีเท่าไร ลำบากแย่เลยนะครับ”
คิมคังอูทำหน้าตาเห็นอกเห็นใจ เพราะเขาเคยได้ยินกรรมการผู้จัดการคิมพูดเป็นนัยๆ อยู่บ้าง
“ไม่เลยครับ ตอนนี้ผมชินแล้วล่ะครับ”
อินซอบยิ้มร่าให้กับคำพูดที่แสดงความเป็นห่วงตน อีอูยอนขยับตะเกียบโดยไม่พูดอะไร
“ถ้าผมไปอเมริกา ผมขอไปเที่ยวเล่นที่บ้านของคุณผู้จัดการส่วนตัวได้ไหมครับ”
นิสัยเปิดเผยของคิมคังอูทำให้นึกถึงกรรมการผู้จัดการคิม นิสัยของพวกเขาเหมือนกันถึงขั้นที่บอกว่าน้องชายแท้ๆ ก็ยังได้
“เอ่อ คือว่า…”
อินซอบไม่สามารถตอบได้ในทันที เขาไม่รู้ว่าจะได้กลับไปที่อเมริกาเมื่อไร และเขาก็ไม่สามารถกลับไปได้ด้วย ขณะที่อินซอบอ้ำๆ อึ้งๆ คิดหาคำตอบไม่ได้ อีอูยอนก็เอ่ยแทรก
“พี่เขยคุณรวยนี่ครับ ขอให้เขาจ่ายค่าโรงแรมให้สิครับ”
“เฮ้อ ต่อให้สนิทกันแค่ไหน ตอนนี้ก็เป็นคนอื่นไปแล้วครับ”
แต่กลับมาพูดพล่ามขอร้องคนที่เพิ่งเคยเจอกันวันนี้วันแรกไม่หยุด อีอูยอนคิดพลางดื่มน้ำ
ขณะที่กินแตงโมที่มาเสิร์ฟเป็นของหวานหลังอาหาร คิมคังอูก็ยังพูดเรื่องที่ไม่เข้าหูไม่หยุด อินซอบฟังคำพูดของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก อีอูยอนจ้องมองริมฝีปากของอินซอบที่อ้าออกเล็กน้อย และหยิบบุหรี่ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าออกมา
“สูบบุหรี่ด้วยเหรอครับ”
อีอูยอนคาบบุหรี่ไว้ในปาก และตอบว่า ‘เป็นบางครั้งครับ’ ให้กับคำถามของคิมคังอู
“แต่ช่วงนี้คุณไม่สูบนี่ครับ”
ชเวอินซอบทำปากยื่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
อีอูยอนยิ้มพลางเอียงคอเล็กน้อย ถึงจะมีของที่อยากดูด แต่เขาก็ไม่มีทางได้ดูด เพราะเจ้าของไม่ยอมให้ดูด และอินซอบเองก็ไม่ได้กินน้ำรักของเขามาสักระยะแล้วเหมือนกัน
“ไม่ชอบให้ผมสูบบุหรี่เหรอครับ”
อีอูยอนโยนคำถามอื่นแทนคำที่อยากพูดอย่างนุ่มนวล
“ไม่ได้ไม่ชอบหรอกครับ…แต่ว่ามันไม่ดีกับสุขภาพ”
เขาทำสีหน้าเป็นห่วงจากใจ อีอูยอนวางบุหรี่ลงทันที
“ผมจะทำตามที่คุณผู้จัดการส่วนตัวพูดครับ”
คิมคังอูร้อนว้าว และมองอินซอบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ การที่นักแสดงระดับอีอูยอนเอาบุหรี่ที่กำลังจะสูบลง เพราะคำพูดของผู้จัดการส่วนตัวที่ยังดูอายุน้อยเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไรนัก
“ความจริงแล้วคุณผู้จัดการส่วนตัวคืออำนาจที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ของบริษัทนี้ใช่ไหมเนี่ย”
“ตาถึงนะครับ”
อีอูยอนช่วยเสริมคำพูดหยอกล้อของคิมคังอู
“ถ้าได้รู้จักแล้ว คุณอินซอบเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยล่ะครับ”
“ไม่ใช่นะครับ คุณพูด…”
อินซอบแย้งขึ้นมาทันที แต่คิมคังอูกลับร้องโอ้ และเชื่อคำพูดของอีอูยอนไปแล้ว
“ก่อนหน้านี้ผมเคยมีเรื่องที่วงเหล้าครั้งหนึ่งน่ะครับ คุณอินซอบก็รีบก้าวออกมาจัดการให้ทันทีเลย หลังจากนั้นผมเลยไม่ทำอะไรสวนทางกับสิ่งที่คุณอินซอบพูดเลยครับ”
“เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องศิลปะป้องกันตัวอะไรพวกนั้นเหรอครับ เหมือนพวกยอดฝีมือที่ซุกซ่อนความสามารถไว้?”
คิมคังอูทำหน้านึกคิดเหมือนเด็กผู้ชายที่กำลังอ่านนิยายกำลังภายในที่น่าสนใจ
“ก็ไม่รู้สิครับ เพราะเจ้าตัวเขาไม่เคยพูดแบบนั้นเลย”
“ไม่ใช่นะครับ! คุณอีอูยอนเขาล้อเล่นน่ะครับ รีบบอกว่าไม่ใช่สิครับ”
อินซอบเหงื่อตก แม้เขาจะขอให้อีอูยอนแก้ไข แต่ก็ไร้ประโยชน์
“คุณคังอูเองก็ระวังไว้ดีกว่านะครับ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
คิมคังอูตอบด้วยท่าทีเหมือนพลทหารที่ได้ฟังเพลงปลุกใจ แม้อินซอบจะรีบแย้งด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ความคิดที่ว่าชเวอินซอบเป็นยอดฝีมือก็ฝังหัวคิมคังอูไปเรียบร้อยแล้ว