ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-9
และแล้วเวลาเลิกงานก็มาถึง อินซอบคิดว่าถ้ารออีกหน่อยอาจจะมีโทรศัพท์หรือข้อความเข้ามา และแม้จะรออยู่สักพักแล้ว แต่โทรศัพท์ก็ยังเงียบเป็นเป่าสาก เขาหยิบหนังสือออกมากางเพื่อรอจนกว่าอีอูยอนจะติดต่อมาหา เขาหลับตาลงหลังจากที่อ่านไปได้ไม่กี่หน้า ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ อินซอบได้ยินเสียงดังกุกกักในระหว่างที่กำลังสะลึมสะลือ เขาคิดว่าเป็นความฝัน แต่สุดท้ายก็ต้องลืมตาขึ้นมา เพราะยิ่งเวลาผ่านไป เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น
ปังๆๆ ปังๆ ปังๆ
ใครบางคนกำลังเคาะประตู อินซอบเด้งตัวขึ้นมาและวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน คนที่เคาะประตูแบบนี้ ไม่สิ คนที่จะมาหาเขาในเวลาแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น
“ผมบอกว่าให้ดูก่อนไงครับว่าเป็นใครแล้วค่อยเปิดประตู”
อีอูยอนขู่อินซอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ อินซอบร้องโอ๊ะและกะพริบตาให้กับกลิ่นเหล้าที่ส่งกลิ่นคลุ้งออกมา
“ดื่มเหล้า…มาเหรอครับ”
อีอูยอนไม่ตอบอะไร และเดินเข้าประตูหน้าบ้านมาทั้งอย่างนั้น อินซอบปิดประตู ตอนนั้นเองเขาถึงได้มองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลาตีสองแล้ว
“เมาเหรอครับ”
“ดูเหมือนเมาเหรอครับ”
สายตาของอีกฝ่ายชัดเจน และการออกเสียงก็ชัดเจนเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นอีอูยอนก็เดินดุ่มๆ ไปที่เตียงด้วยเท้าที่ยังสวมรองเท้าอยู่ และนั่งลงอย่างหมิ่นเหม่ก่อนที่อินซอบจะทันได้ตอบอะไร
เมาสินะ
อินซอบรีบวิ่งไปนั่งคุกเข่าลงกับพื้น และถอดรองเท้าให้อีอูยอน เจ้าตัวก้มลงมองอินซอบอย่างไม่วางตา
“มาที่นี่ได้ยังไงครับ”
“นั่งแท็กซี่มาครับ”
“แล้วดื่มกับใครมาเหรอครับ”
“กรรมการผู้จัดการคิมเลี้ยงครับ เขาบอกว่าผมทำเรื่องดีๆ”
อินซอบคล้ายจะรู้ว่าเรื่องดีๆ นั้นคืออะไร แต่เขาแค่ไม่เข้าใจที่อีอูยอนเมาเหล้า เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะเมา หรือดื่มจนเมา
พออินซอบกลับมาจากการเอารองเท้าไปวางไว้ที่ประตูหน้าบ้าน อีอูยอนก็หลับตาและนอนลงบนเตียง
“จะนอนเหรอครับ”
แม้อินซอบจะเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบ อินซอบจึงเริ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกของอีอูยอนออกให้อย่างระมัดระวัง ขณะที่เขาพยายามจะดึงแขนข้างหนึ่งของอีกฝ่ายออกมา อีอูยอนที่เขาคิดว่าหลับอยู่กลับลืมตาขึ้น อินซอบสะดุ้งเฮือกก่อนจะกรีดร้องเหมือนตอนที่ดูฉากศพฟื้นขึ้นมาในหนังสยองขวัญที่เขาต้องฝืนใจดู
“ทำอะไรครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบจับหัวใจที่เต้นตึกตักก่อนจะตอบไปอย่างยากลำบาก
“จะ จะถอดเสื้อให้ครับ คุณจะนอนทั้งๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ”
อินซอบคิดว่าเขาควรจะถอดในตอนที่อีกฝ่ายมีสติดีกว่า จากนั้นก็พยายามพยุงอีอูยอนให้ลุกขึ้น อีอูยอนคว้าข้อมือของอินซอบไว้
“ถอดเสื้อแล้วจะทำอะไรต่อเหรอครับ”
“ครับ?”
“จะรุกผมเหรอครับ”
“ไม่ครับ ผมจะไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด”
อินซอบรีบปฏิเสธ อีอูยอนหรี่ตาลงก่อนจะยิ้ม
“อะไรแบบนั้นคืออะไรเหรอครับ”
“…”
“จะว่าไปคุณอินซอบคงไม่มีความรู้สึกทางเพศกับผมสินะครับ”
“พะ พูดอะไร…”
“ก็คุณอินซอบไม่เป็นฝ่ายชวนให้มีอะไรกันเลย แล้วก็ไม่เคยนึกถึงผมตอนที่ช่วยตัวเองด้วย”
“นั่นมัน…”
อีอูยอนดึงข้อมือของอินซอบมาถูไถกับแก้มของตัวเอง และพึมพำด้วยเสียงอ่อนแรง
“ผมโคตรอยากทำอะไรแบบนั้นเลย”
ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน การกระทำเล็กๆ นั้นที่ปลุกกระทั่งอารมณ์ทางเพศของเขา พอก้มหน้าลง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของอีอูยอน อินซอบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แม้จะกำลังหัวเราะ แต่เจ้าตัวกลับทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ อินซอบพยายามจะถามอีอูยอนว่าโกรธอยู่หรือเปล่า แต่ร่างของเขากลับถูกกระชากไปข้างหน้า อีอูยอนจับอินซอบให้นอนลงไปบนเตียงทั้งอย่างนั้น ชั่วพริบตาตำแหน่งของคนทั้งสองก็สลับกัน
“คุณอินซอบรู้ไหมครับว่าตัวเองสวยขึ้นเวลาที่มองจากด้านบนแบบนี้”
“มะ ไม่รู้ครับ”
อินซอบหันหน้าหนีพร้อมกับเอ่ยตอบ อีอูยอนจับคางของคนตรงหน้าและทำให้อีกฝ่ายมองตน สายตาของฝ่ายนั้นสับสน อีอูยอนมองอินซอบโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามอย่างกะทันหัน
“แมวเป็นยังไงบ้างครับ”
“…กำลังพักฟื้นอยู่ครับ”
นอกจากพาพวกเด็กๆ ไปตรวจร่างกายแล้ว เขายังไปสังเกตอาการของจอห์นด้วย ได้ยินว่าจอห์นกำลังฟื้นตัวโดยไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
“เมื่อวานผมนึกว่าคุณอินซอบบาดเจ็บ แล้วผมก็คิดว่าตัวเองเสียสติไปแล้ว”
“ขอโทษครับ”
หัวใจของอินซอบเจ็บแปลบเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้ชายที่วิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล เขาควรจะอธิบายให้ชัดเจน แต่แมวในอ้อมแขนกลับหายใจครืดคราดเหมือนจะตายในไม่ช้า เขาจึงไม่สามารถคุยโทรศัพท์ต่อไปได้
“เป็นผมสิครับที่ต้องขอโทษ”
อีอูยอนปัดผมของอินซอบขึ้นไปก่อนจะพูดต่อ
“ขอโทษนะครับ แต่ผมดันคิดว่าโล่งอกไปทีที่เป็นแมวที่บาดเจ็บ”
“…”
“อันที่จริงผมไม่สนเลยสักนิดว่าแมวจะเป็นหรือตาย ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจคนอื่น และที่สำคัญที่สุดคือผมเป็นแบบนี้มาตลอด”
ชเวอินซอบรู้อยู่แล้วว่าอีอูยอนมีอาการแบบนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องตกใจอีกต่อไป เพียงแต่ว่ามันไม่ปกติ เพราะดูเหมือนอีอูยอนจะคิดว่าอาการนั้นของตัวเองเป็นเหมือนสิ่งที่น่าอับอายผิดไปจากปกติ
อินซอบเอื้อมมือไปลูบแก้มของอีอูยอนเบาๆ
“ผมรู้ครับ”
อีอูยอนคว้ามือของอินซอบไว้ และประทับจูบลงไป
“…ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”
ริมฝีปากหยุ่นๆ เคลื่อนตัวไปตามหลังมือราวกับจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ อินซอบอึกอักก่อนจะเอ่ยเรียกอีอูยอน
“วันพรุ่งนี้มีตารางงานตอนเช้านะครับ”
“การสัมภาษณ์ช่วงเช้าถูกยกเลิกแล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วงนะ เพราะผมทำตามที่คุณอินซอบสั่ง ห้ามแตะเนื้อต้องตัวข้างนอก ตั้งใจทำงาน แล้วก็มีอะไรอีกน้า อ๋อ ใช่แล้ว เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ฮ่าๆๆ”
อีอูยอนหัวเราะพร้อมกับทาบตัวลงมาเหมือนจะล้มทับอินซอบ เมื่อต้องรับน้ำหนักของอีกฝ่ายไว้ทั้งหมด อินซอบก็หายใจไม่ออก
“คุณอูยอน เดี๋ยวครับ ช่วยพลิกไปด้านข้าง…”
แม้อินซอบจะดันอีอูยอนไว้และเอ่ยขอร้อง แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย ในตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วหลังจากที่ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ
อินซอบโอดครวญพร้อมกับจับอีอูยอนให้ลงไปนอนดีๆ หลังจากถอดเสื้อคลุมตัวนอกของอีกฝ่ายออกมาได้อย่างยากลำบาก ทั้งตัวของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาไม่มีความกล้าที่จะถอดเสื้อเชิ้ตกับกางเกง อินซอบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะปลดแค่เข็มขัด และพาดมันไว้กับเก้าอี้
เขามองนาฬิกา ตอนนี้ใกล้จะตีสองแล้ว อินซอบตั้งนาฬิกาปลุกก่อนจะปิดไฟ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้อีอูยอน ส่วนตัวเขาเองนอนตะแคงลงบนพื้น
จะมีใครเห็นอีอูยอนมาที่นี่หรือเปล่านะ
หัวใจของเขาเต้นโครมครามด้วยความกังวลใจ อินซอบกะพริบตา เขามองใบหน้าของอีอูยอนที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลียในความมืด ถึงจะเป็นใบหน้าที่มองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่หัวใจของเขาก็ยังเต้นแรงจนรู้สึกเวียนหัว และมันทำให้เขาลืมไปเสียทุกครั้งว่าตนทำสีหน้าแบบไหน
“…ผมเองก็ชอบนะครับ เรื่องแบบนั้นน่ะ…”
อินซอบพึมพำคำพูดที่ไม่มีทางให้ใครได้ยินกับตัวเองก่อนจะหลับตาลง
***
อินซอบกึ่งหลับกึ่งตื่น ขณะที่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันทำให้เปลือกตาของเขาหนักอึ้ง ความคิดที่ว่าถึงเวลาที่นาฬิกาปลุกดังแล้วก็ฉุดการรู้สึกตัวของเขาให้ขึ้นมาอยู่บนพื้น
เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ขาเตียงโผล่เข้ามาในสายตาเป็นอันดับแรก เราตกลงมาบนพื้นตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ในระหว่างนั้นเองก็มีหยดน้ำหยดลงบนแก้ม
น้ำเหรอ?
อินซอบเงยหน้าพลางส่งเสียงกรีดร้อง
“เฮือก!”
อีอูยอนสบตากลับมาพลางยกยิ้มมุมปาก อินซอบทำให้หัวใจที่เต้นตึกๆ ให้สงบลงและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
“ยะ อยู่แบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันครับ”
อีอูยอนเอ่ยตอบขณะที่มองอินซอบอยู่บนเตียง เส้นผมของอีกฝ่ายเปียกเพราะเจ้าตัวตื่นมานานจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จแล้ว อินซอบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
“ถ้าจะไปทำงานล่ะก็ ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออยู่ครับ”
อีอูยอนเข้าใจการกระทำของอินซอบ และเป็นฝ่ายชิงตอบก่อน
“แล้วท้องของคุณไม่เป็นไรเหรอครับ”
“ท้อง? อ๊ะ!”
อีอูยอนพยักหน้าเหมือนเพิ่งจะเข้าใจเจตนาของคำถามนั้น
“ดูเหมือนเมื่อวานผมจะดื่มไปเยอะ…”
อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“แต่ผมไม่ได้เมาค้างนะครับ”
อีอูยอนเป็นคนที่ต่อให้ดื่มเยอะแค่ไหนก็แทบจะไม่เมา และถึงแม้ว่าจะเมาบ้างในบางครั้ง แต่วันต่อมาเขาก็จะปรากฏตัวด้วยสีหน้าปกติ กรรมการผู้จัดการคิมเห็นดังนั้นจึงเอ่ยว่า ‘นายจำเป็นต้องตรวจเลือดแล้วล่ะ ในเลือดของนายอาจจะมีอายุวัฒนะไหลเวียนอยู่ก็ได้’ สิ้นคำ อีอูยอนก็หยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะมาแตะที่ข้อมือ จากนั้นก็ยิ้มและเอ่ยว่า
‘จะลองดื่มดูไหมล่ะครับ’
หลังจากเหตุการณ์นั้นกรรมการผู้จัดการคิมก็เลิกพูดเล่นเกี่ยวกับเรื่องที่เลือดของอีอูยอนอาจมียาอายุวัฒนะเป็นส่วนประกอบ จากนั้นก็เริ่มพูดซ้ำๆ ถึงอันตรายของยาต้องห้าม
“ผม ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
คนที่เมาเหล้าจนหลับไปคืออีอูยอน แต่อินซอบกลับต้องรู้สึกอายขึ้นมาที่ตนมีสภาพกระเซิงกระเซิงอยู่คนเดียว
“ได้เลยครับ”
อีอูยอนลุกขึ้น อินซอบรีบจัดผ้าห่ม เขาหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่และเดินเข้าห้องน้ำไป แม้จะอาบน้ำอยู่ แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ เขาไม่ได้มีสัมพันธ์ทางกายกับอีอูยอนมาเกือบสิบวันแล้ว แม้เขาจะเป็นฝ่ายขอร้องเอง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเชื่อฟังขนาดนี้ และเขาก็รู้สึกเสียดายอะไรบางอย่าง
“…บ้าไปแล้ว”
อินซอบรีบส่ายหน้า เขารีบอาบน้ำให้เสร็จและสวมเสื้อผ้าออกมาข้างนอก กลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก
“นั่งตรงนั้นเลยครับ กินอะไรง่ายๆ สักหน่อย”
“ผมต้องเตรียมไว้แท้ๆ ขอโทษนะครับ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ในตู้เย็นไม่มีอาหารเลยนะครับ ส่วนแอปเปิลนั่นก็ทิ้งไปเถอะ”
อีอูยอนจัดออมเล็ตใส่จานก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางแอปเปิล อินซอบนั่งลงตรงโต๊ะกินข้าวแบบไอซ์แลนด์[1]เล็กๆ และยิ้มเหมือนอาย จะว่าไปแล้วเขาก็จำแทบไม่ได้เลยว่าตัวเองไปจ่ายตลาดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
“คุณไม่ทำกับข้าวที่บ้านเหรอครับ”
“ครับ เพราะไม่ค่อยมีเวลา…”
อีอูยอนเม้มปาก เขามองอินซอบพลางเอ่ยถาม
“น้ำหนักลดหรือเปล่าครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ”
ช่วงนี้เขาไม่ค่อยอยากอาหาร ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะนอนไม่หลับ และต่อให้กินอะไรเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าปากไม่รับรส เพราะสติของเขาถูกใช้ไปกับเรื่องที่ถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตหมดแล้ว
อีอูยอนเดาะลิ้นเบาๆ ราวกับไม่พอใจ
“กินเยอะๆ นะครับ”
อีอูยอนนั่งลงตรงข้ามอินซอบ และเทนมลงในซีเรียล
“จะทานแล้วนะครับ”
อินซอบหยิบช้อนขึ้นมาและพูดกับอีอูยอน คนทั้งคู่เริ่มกินอาหารเช้าโดยไม่พูดอะไร อินซอบเหลือบมองอีอูยอน
“เมื่อวาน…”
“…เมื่อวาน”
ทั้งคู่เปิดปากพูดพร้อมกัน อีอูยอนส่งสายตาให้อินซอบรางๆ คล้ายจะสั่งให้เขาพูดก่อน
“เมื่อวานคุณดื่มกับกรรมการผู้จัดการสองคนเหรอครับ”
“อืม เมื่อวานผมเข้าไปหา เพราะเขาบอกว่าที่ออฟฟิศกำลังประชุมกันอยู่ ถึงตอนหลังจะเหลือกันแค่สองคนก็เถอะ”
อินซอบพยักหน้า
“เมื่อวานผมพูดอะไรแปลกๆ เหรอครับ”
“ครับ?”
“ผมจำไม่ได้น่ะครับ”
“…อ๋อ คุณแค่หลับไปเฉยๆ ครับ”
อินซอบรีบโกหก ถ้าจะให้ถ่ายทอดคำพูดที่ออกจากปากของอีอูยอนเมื่อวานทั้งหมด เขาก็รู้สึกเขิน เพราะเขาไม่สามารถพูดว่าตัวเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกันตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามที่เขาต้องการก็คือคนตรงหน้า
“อย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนใช้ส้อมตัดออมเล็ตพลางเอ่ยตอบ อินซอบลังเลอยู่พักสักก่อนจะถามว่า ‘เห็นข่าวหรือยังครับ’
“ข่าวอะไรเหรอ อ๋อ ข่าวที่ออกไปทั่วว่าคุณอินซอบเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอครับ”
“เนื้อหาไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยครับ…”
“มีแค่เรื่องนั้นเท่านั้นแหละครับที่อยู่ในสายตาของผม”
อีอูยอนยิ้มอย่างขี้เล่น
“คุณยุนอารึมเขาว่ายังไงบ้างครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย…”
พอพูดออกไปแล้ว อินซอบเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกันที่ตัวเองคิดแบบนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว ยุนอารึมผู้ซึ่งออกไปข้างนอกกับคนที่แทบจะรู้จักกันเป็นครั้งแรกในตอนเช้ามืด และต้องมาได้ยินคนบอกว่าเป็นแฟนกันควรจะตกใจที่สุด แต่อินซอบกลับไม่ได้นึกถึงยุนอารึมเลย เพราะเขามัวแต่นึกถึงความรู้สึกของอีอูยอน ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ช่วงนี้สติทั้งหมดของเขามุ่งไปที่อีอูยอนคนเดียว
“เดี๋ยวผมจะโทรศัพท์ไปขอโทษเธอครับ เธอน่าจะรู้สึกแย่มากแน่ๆ”
“ถ้าเป็นคนที่รู้สึกแย่ด้วย ก็คงไม่วิ่งมาหาตอนเช้ามืดแบบนั้นหรอกครับ”
ได้ยินดังนั้น อินซอบก็รีบเงยหน้าขึ้น
“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องมากังวลใจด้วยเรื่องแบบนี้”
อินซอบขอโทษอีอูยอนจากใจจริง แม้พนักงานจะโพสต์ข้อความด้วยความเข้าใจผิด แต่ชายหญิงคู่หนึ่งโผล่มากันสองคนในช่วงเช้ามืดก็เป็นสถานการณ์ที่สามารถเข้าใจได้
“ไม่เป็นไรครับ แค่บอกให้ลงข่าวที่ถูกก็ได้แล้ว”
พอเห็นอินซอบตกใจจนสำลักเบาๆ อีอูยอนก็ยื่นน้ำให้ทันที
“ผมล้อเล่นครับ ไม่ต้องใส่ใจหรอก ผมเองก็มีข่าวว่ามีคนที่คบแล้วอยู่ทุกวัน มันก็เหมือนกันแหละครับ”
อีกฝ่ายพูดเหมือนมันไม่ได้สำคัญอะไรอย่างผิดคาด แม้จะเป็นเรื่องที่น่าโล่งใจ แต่อินซอบกลับไม่อาจสลัดความไม่สบายใจออกไปได้ เขาคิดเสมอว่าอีอูยอนทำตัวตรงไปตรงมาต่อหน้าเขา แต่ช่วงนี้เขากลับไม่เข้าใจความคิดข้างในจิตใจของอีกฝ่ายเลย และตอนนี้เขาก็เดาไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่เป็นไรจริงๆ หรือเปล่า
[1] โต๊ะไอซ์แลนด์ (Kitchen Island) เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ซึ่งอยู่ในรูปทรงของเคาน์เตอร์ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางห้องครัว อาจใช้เป็นโต๊ะสำหรับเตรียมอาหาร หรือใช้เป็นโต๊ะกินข้าวก็ได้เช่นกัน