ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 3-5
อินซอบกะพริบตาด้วยความตกใจกับเรื่องที่ได้ยินเป็นครั้งแรก
“คุณเข้ารับคำปรึกษาเพราะเรื่องนั้นเหรอครับ”
เมื่อได้ยินอินซอบถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว อีอูยอนก็ทำตายิ้มให้
“ผมไปรับใบสั่งยานอนหลับเพราะโรคนอนไม่หลับน่ะครับ”
นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่อินซอบได้ยินจากอีอูยอนว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ
“เป็นเรื่องตอนที่คุณอินซอบอยู่ที่อเมริกาน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจ
“เรื่องนั้นน่ะแก้ปัญหาอย่างนั้นได้ แต่เรื่องนี้ล่ะจะทำยังไง”
กรรมการผู้จัดการคิมเลื่อนแถบเลื่อนลงมา และโชว์ข่าวที่นักข่าวคนนั้นเพิ่งลงใหม่เมื่อสักครู่นี้ให้ดู เนื้อหาข่าวบอกว่าทั้งอีอูยอนและแชยอนซอต่างมีคนที่คบหาดูใจอยู่แล้ว และทั้งหมดเป็นเพียงการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับการคบกันแบบหลอกๆ เพื่อโปรโมทผลงานเท่านั้น
“โปรโมทผลงานอะไรเหรอครับ”
“ตอนนี้แชยอนซอเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบทนางเอกในงานชิ้นใหม่ของนักเขียนโจยุนยองน่ะ”
“แล้วเพิ่งจะมาบอกเรื่องสำคัญแบบนี้ตอนนี้น่ะเหรอครับ”
“ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกัน”
“คำพูดของนักข่าวไม่ผิดเลยสักนิดนะครับ คงจะโปรโมทได้สวยเลยล่ะ”
อีอูยอนพูดด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“ถ้าเริ่มถูกจับผิดทีละนิดๆ ด้วยวิธีแบบนี้แล้วล่ะก็ ได้วุ่นวายแน่ ไม่รู้นิสัยของพวกนักข่าวหรือไง เพิ่งจะสลัดคิมแฮชินทิ้งไปได้ไม่เท่าไรก็โดนปลิงดูดเลือดแบบนี้เข้ามาเกาะติดอีก ยิ่งไปกว่านั้นนายก็…”
กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองอินซอบก่อนจะส่งสายตาไปให้อีอูยอน อินซอบยืนอยู่ในสภาพปลายนิ้วสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด
“คุณอินซอบครับ”
พออีอูยอนเอ่ยเรียก อินซอบถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขานรับว่า ‘ครับ?’
“ผมลืมซองเอกสารไว้ที่รถ คุณช่วยไปเอามาให้หน่อยได้ไหมครับ กรรมการผู้จัดการเขาสั่งให้ส่งภายในวันนี้น่ะ”
“เอกสารอะไร…โอ๊ย!”
อีอูยอนเตะหน้าแข้งของกรรมการผู้จัดการคิมที่กำลังจะอ้าปากพูดอย่างแรงที่ใต้โต๊ะ
“เออ จริงด้วยๆ ฉันขอให้เอามาให้วันนี้นี่ อินซอบรีบไปเอามาให้หน่อยได้ไหม”
กรรมการผู้จัดการคิมกล่าวเสริมอีอูยอน
“ครับ เข้าใจแล้วครับ วางไว้ที่เบาะหลังหรือเปล่าครับ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ”
เมื่อชเวอินซอบออกไปจากห้องทำงาน กรรมการผู้จัดการคิมก็ถูหน้าแข้งที่แดงขึ้นพร้อมกับมองอีอูยอนเขม็งทันที
“ไอ้นี่นี่ นี่นายมีความรู้สึกด้วยหรือไง”
“ผมจะไปมีความรู้สึกอะไรกับกรรมการผู้จัดการล่ะครับ ความรู้สึกที่ผมมีน่ะไปอยู่ที่คุณอินซอบหมดแล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”
“…เพราะแบบนั้นยังไงล่ะ ฉันถึงได้กังวล ไอ้หมอนี่มันต้องเพ่งเล็งแชยอนซอเอาไว้แล้วถึงได้ลงข่าวแบบนี้ ส่วนเรื่องที่นายเองก็มีคนที่คบอยู่แล้วก็เป็นความจริงซะด้วย”
ถ้าความจริงถูกเปิดเผย ความเสียหายทางฝั่งเขาจะใหญ่ขึ้นเป็นสองสามเท่ายิ่งกว่าเรื่องชู้สาวเสียอีก
“ถึงจะรู้สึกผิดกับอินซอบก็เถอะ…แต่เราไล่เขาออกดีไหม ยังไงซะเขาก็มาช่วยแค่แป๊บเดียวอยู่แล้ว แล้วนี่ก็เป็นช่วงปิดเทอม อินซอบควรจะได้เที่ยวเล่นสิ”
อีอูยอนหลับตาลงครู่หนึ่งพลางกลั้นหัวเราะ
“กรรมการผู้จัดเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ ด้วยสินะครับ”
“ว่าไงนะ”
พอถูกประณามจากคนที่โหดเหี้ยม แถมยังไร้มารยาท เส้นเอ็นตรงขมับของกรรมการผู้จัดการคิมก็นูนขึ้นมาทันที
“คุณอินซอบที่น่าสงสาร นี่เป็นงานที่เขาบอกว่าจะช่วยทำด้วยความตั้งใจดีแท้ๆ แต่ต้องมาถูกเลิกจ้างอย่างไม่ยุติธรรมด้วยเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเหรอเนี่ย”
“ฉันรู้แล้ว! ฉันก็พูดไปเพราะคิดถึงนายทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง”
“พวกคนที่คิดถึงแต่ตัวเองก็พูดแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละครับ และแน่นอนว่าผมไม่ได้พูดถึงกรรมการผู้จัดการนะครับ”
“เฮ้ย นายนี่มัน…!”
“กรรมการผู้จัดการครับ ถ้าคิดถึงผมจริงๆ ก็ปล่อยคุณอินซอบไว้เฉยๆ เถอะครับ”
“ตอนนี้ระวังตัวขึ้นน่าจะดีกว่านะ แล้วพักนี้อินซอบก็ดูสีหน้าไม่ดีด้วย”
“ผมรู้แล้วครับ”
อีอูยอนหยิบขวดน้ำแร่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดฝา
สองสามวันมานี้สีหน้าของอินซอบดูไม่ดีอย่างที่กรรมการผู้จัดการคิมพูด ใต้ตาของอีกฝ่ายโหลจนเห็นได้ชัดเพราะนอนหลับไม่สนิท แต่พอเขาถามว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เจ้าตัวกลับเอาแต่ส่ายหน้า
แต่แม้จะเป็นใบหน้าที่ซีดเซียวนั้น เขาก็ยังอยากเห็นอยู่ดี ช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เพราะงาน เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าอินซอบเลย พอเขามีโอกาสที่จะกินข้าวด้วยทีไร อินซอบก็จะบอกว่ามีธุระด่วนและกลับบ้านไปทุกที
อีอูยอนกลืนน้ำลงไปอึกหนึ่ง แต่ความกระหายน้ำกลับไม่หายไปแม้แต่นิดเดียว
“ผมรู้ครับ…แต่ผมก็ไม่สบายใจอยู่ดี”
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร”
“ดูเหมือนว่าเขาจะอยากกลับอเมริกาน่ะครับ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเขาอาจจะหายไปในสายลมได้ทุกเมื่อเลย จะทำยังไงดีล่ะครับ ควรสั่งงานแล้วทำให้เขาผูกติดอยู่ข้างๆ ผมไหม”
“นายนี่เป็นเอามากกว่าที่คิด…”
“หมายถึงสกปรกกว่าที่คิดเหรอครับ”
“เปล่า ฉันจะบอกว่าดิ้นรนจนสุดชีวิตต่างหาก แต่จะว่าสกปรกก็ไม่ต่างกันหรอก อีอูยอน พ่อคนประเสริฐ”
คนที่ไม่ห้ามผู้หญิงที่จะเข้ามา มิหนำซ้ำยังไม่ห้ามผู้หญิงที่จะจากไป แต่กลับกลัวว่าอินซอบจะไม่ยอมคบกับตน และบอกว่าจะให้อีกฝ่ายเป็นผู้จัดการส่วนตัว สถานการณ์แบบนี้กรรมการผู้จัดการคิมไม่อยากจะเชื่อเลย
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมไม่มีแม้แต่เสื้อคลุมของนางฟ้า[1]ให้เอาไปซ่อนด้วยซ้ำ”
กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองหน้าของอีอูยอนซึ่งกำลังพูดคนเดียวอย่างเศร้าสร้อย เส้นที่เชื่อมจากหน้าผากไปที่จมูกนั้นตกลงอย่างเศร้าสร้อยราวกับถูกวาดขึ้นมา แม้เขาจะเห็นใบหน้าที่หล่อเหลามาเยอะจากการเป็นนายแบบ แต่สาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยเห็นใบหน้าที่มีสัดส่วนสมบูรณ์อย่างอีอูยอน ถ้าเจ้านั่นเป็นคนตัดไม้ ก็คงไม่มีเทพธิดาองค์ไหนพูดว่าจะหนีขึ้นไปบนฟ้าง่ายๆ หรอก
“…ถ้ามี นายก็คงจะเผาไปแล้วล่ะ”
“ผมก็ต้องเผาอยู่แล้วสิครับ เพราะผมทำให้เขาท้องไม่ได้นี่”
นั่นสินะ ถ้าให้หมอนี่จับขวาน มันก็คงจะฟันเจ้าป่าเจ้าเขาทิ้งและเอาไปทั้งขวานเงินขวานทองนั่นแหละ จากนั้นก็คงจะผ่าท้องของกวางออก และฆ่ามันมาทำเป็นอาหารเย็นวันนั้นเลย
ในตอนนั้นเองกรรมการผู้จัดการคิมก็แสดงจิตใจเมตตากรุณาของมนุษย์ออกมา
“แต่ก่อนอื่นถ้าตอนนี้นายห่างกับอินซอบก็น่าจะ…”
“กรรมการผู้จัดการครับ”
อีอูยอนเรียกกรรมการผู้จัดการคิม แต่เขาไม่ได้ทำตัวน่าหมั่นไส้ โมโห หรือฉีกยิ้มชวนให้รู้สึกเกลียดเหมือนปกติ
“คุณก็เห็นนี่ครับว่าผมจะเป็นยังไงถ้าอยู่ห่างจากคุณอินซอบ”
อีอูยอนพูดเสียงเรียบ
“ฉันรู้”
กรรมการผู้จัดการคิมตอบด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจ แม้เมื่อสักครู่อีอูยอนจะพูดอ้อมๆ ว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นสภาพนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
“งั้นให้เขาไปเป็นโร้ดเมเนเจอร์ดีไหม อินซอบเองก็จะได้สบายไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว…”
“ไม่เอาครับ”
อีอูยอนปฏิเสธทันควัน เวลาที่พวกเขาจะสามารถอยู่ด้วยกันเพียงลำพังมีแค่ตอนที่ใช้รถเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันเท่านั้น และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาแทรกกลางในช่วงเวลานั้น
“ฉันแก่ขึ้นเพราะนายเลย”
กรรมการผู้จัดการคิมกุมหัว และส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ผมจะระวังตัวครับ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“ถ้าเป็นนาย นายจะไม่กังวลเหรอ”
“แต่ผมไม่ใช่กรรมการผู้จัดการนี่ครับ เพราะอย่างนั้นคุณก็เลยต่อสัญญาใหม่กับคนอย่างผมไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทำเด็ดขาดเลย”
ระยะเวลาสัญญากับอีอูยอนสิ้นสุดลงเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อมีข่าวลือว่าเขาจะออกสู่ตลาดแพร่ออกไป บริษัทนั้นบริษัทนี้ต่างก็เสนอค่าสัญญาเป็นเงินจำนวนมากจนต้องเบิกตาโต แต่ความจริงแล้วอีอูยอนไม่ได้สนใจเลยสักนิด
‘กรรมการผู้จัดการสามารถต่อสัญญาได้นะครับถ้าต้องการ’
และเพราะคำพูดที่อีอูยอนพูดในท่านั่งไขว่ห้างในตอนนั้น กรรมการผู้จัดการคิมจึงตั้งใจคำนวณเงินที่อีอูยอนหามาได้ในปีที่แล้ว สุดท้ายแม้หัวหน้าทีมชาจะห้ามปราม แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ยังถือสัญญาฉบับใหม่และวอดก้าไปหาอีอูยอนอยู่ดี
“กรรมการผู้จัดการเนี่ยเป็นคนดี หรือเป็นคนที่ไม่มีความสามารถในการเรียนรู้เหรอครับ อืม หรือว่าเป็นทั้งสองอย่างเลย”
อีอูยอนดื่มน้ำแร่ขณะเดียวกันก็พึมพำคำที่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำวิจารณ์ตัวเอง หรือเป็นคำด่ากรรมการผู้จัดการคิมกันแน่ กรรมการผู้จัดการคิมผู้เป็นคริสต์ศาสนิกชนกำหมัดก่อนจะเริ่มท่องหฤทัยสูตร[2] ในใจ
ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของอีอูยอนก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล? หาไม่เจอเหรอครับ ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมลงไปเอง ไม่เป็นไรครับ ขอโทษเรื่องอะไรกันล่ะ”
กรรมการผู้จัดการคิมจ้องมองภาพของอีอูยอนที่ปลอบคนปลายสายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
‘ผมไปนะครับ’
อีอูยอนขยับปากบอกลากรรมการผู้จัดการคิมก่อนจะลุกขึ้น ส่วนกรรมการผู้จัดการคิมก็โบกมือรีบไล่ให้ไปราวกับไล่ผีร้าย
แต่แล้วอีอูยอนก็หันกลับมาเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาก่อนจะเลื่อนข่าวที่กรรมการผู้จัดการคิมเอาให้ดูเมื่อกี้ลงไปจนสุด
“ทำอะไรน่ะ”
ครั้นได้ยินคำถามนั้น อีอูยอนก็ใช้นิ้วเคาะหน้าจอโน้ตบุ๊ก จากนั้นอีอูยอนก็โบกมือเบาๆ ก่อนจะหายออกจากห้องไป กรรมการผู้จัดการคิมมองดูว่าอีกฝ่ายเห็นอะไรกันแน่ก่อนต้องขนลุกซู่
ตรงนั้นมีชื่อของนักข่าวที่เขียนข่าวนี้อยู่
***
“เห็นครั้งสุดท้ายตรงไหนเหรอครับ”
“ไม่รู้สิครับ ที่ห้องหนังสือหรือเปล่าน้า”
ได้ยินดังนั้น อินซอบก็ค่อยๆ สำรวจที่โต๊ะ อีอูยอนเองก็แกล้งทำเป็นหาเอกสารที่ไม่มีอยู่จริงอยู่ข้างๆ
“ใส่ไว้ในซองเอกสารหรือเปล่าครับ”
“ครับ อาจจะ”
อินซอบค้นชั้นวางหนังสือที่อยู่ข้างโต๊ะ ส่วนอีอูยอนยืนนิ่งพลางมองด้านหลังของอินซอบ
“เป็นเอกสารอะไรเหรอครับ”
“เป็นเอกสารเกี่ยวกับภาษีน่ะครับ”
“งั้นก็ต้องหาให้เจอนะครับ”
อินซอบถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ และพาดไว้กับเก้าอี้ อีอูยอนพยายามกลั้นเสียงหัวเราะที่กำลังจะหลุดออกมาไว้อย่างยากลำบาก
หลังจากเพลิดเพลินกับช่วงวันหยุดพักร้อนที่โรงแรม อินซอบก็มักจะรีบกลับบ้านของตัวเองหลังเลิกงาน และไม่ว่าอีอูยอนจะชวนให้ขึ้นไปข้างบนด้วยกันอย่างไร เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน อีอูยอนรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอินซอบ และผลลัพธ์ก็คือเขาไม่ได้แตะอินซอบแม้แต่ปลายนิ้วไปหนึ่งสัปดาห์
ในระหว่างทางกลับบ้านวันนี้อินซอบถูกกรรมการผู้จัดการคิมเรียกให้ไปหาที่บริษัท ส่วนอีอูยอนก็ได้แต่แสดงความไม่พอใจอยู่ในใจ แน่นอนว่าเวลาก็น่าจะยืดออกไปอีก เขาจึงตั้งใจว่าจะลากอินซอบไปที่บ้านให้ได้ พอเห็นสีหน้าของอินซอบดูไม่ค่อยดีตลอดทางที่ขับรถจากบริษัทไปที่บ้าน การตัดสินใจจะลากอีกฝ่ายขึ้นไปด้วยให้ได้ก็แน่วแน่มากขึ้น อีอูยอนไม่อยากทิ้งอินซอบที่ทำหน้าแบบนั้นไว้ตามลำพัง
หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว อีอูยอนก็เอ่ยปากขอให้ช่วยขึ้นไปหาเอกสารด้วยกัน อินซอบลังเลอย่างมึนงง เห็นดังนั้นอีอูยอนก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาจะหาเองก่อนจะเผยยิ้มอย่างเหงาๆ ตอนที่เขาหันหลังเดินไปได้ประมาณสามก้าว อินซอบก็เรียกชื่อของอีอูยอนไว้ และสุดท้ายก็เดินเข้าไปในบ้านของอีอูยอนด้วยตัวเอง นักแสดงนี่มีทักษะทางการแสดงอย่างที่คิดจริงๆ
“ตรงนี้ก็ไม่มีนะครับ หรือว่าคนที่มาทำความสะอาดเขาเก็บไปทิ้งแล้วหรือเปล่าครับ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ”
อินซอบมองเวลาพลางขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ก็ดึกเกินกว่าจะโทรศัพท์ไปหาแล้ว อืม…”
อินซอบเริ่มค้นโต๊ะทำงานอีกครั้ง คราวนี้อินซอบค้นดูโต๊ะทำงานอย่างรอบคอบ เปิดลิ้นชักและสำรวจด้านในนั้น
“กล่องนี้คืออะไรเหรอครับ”
อินซอบชี้ไปที่กล่องกระดาษที่อยู่ใต้โต๊ะทำงาน
“เป็นกล่องที่ผมรวบรวมเอกสารเก่าๆ เก็บไว้น่ะครับ”
“ผมจะลองรื้อดูสักรอบนะครับ อาจจะอยู่ในนี้ก็ได้”
อินซอบก้มตัวลงไปใต้โต๊ะและเปิดกล่องออกดู อีอูยอนใช้มือปิดปากเอาไว้ พอได้เห็นหลังที่โค้งกลมนั้นแล้ว เขาก็กลั้นหัวเราะได้อย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนมองดูกระต่ายที่กำลังเข้าไปในโพรง ควรหยุดแกล้งได้แล้วล่ะ
“คุณอินซอบครับ”
“ครับ โอ๊ย…!”
หัวของอินซอบที่เผลอเงยหน้าขึ้นมากระแทกเข้ากับโต๊ะ อีอูยอนรีบก้มตัวลงไปใต้โต๊ะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่กระแทกนิดหน่อยเท่านั้น”
“ไหนผมดูหน่อยครับ ไม่เป็นไรจริงๆ หรือเปล่า”
อีอูยอนเอื้อมมือไปกุมหน้าของอินซอบ และสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน อีอูยอนขวางหน้าโต๊ะเอาไว้ ทำให้อินซอบถูกขังอยู่ใต้โต๊ะทันที
“ตอนนี้ผมไม่เจ็บแล้วครับ”
อินซอบอยากรีบออกไปจากโต๊ะ ลมหายใจของอีอูยอนเป่ารดศีรษะของเขา และเขาอยากจะหันหน้าหนี แต่ก็ทำไม่ได้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันจนเกินไปแล้ว
“ถ้าบาดเจ็บจะทำยังไงล่ะครับ”
อีอูยอนใช้สายตาเอาจริงเอาจังสำรวจกระหม่อมของอินซอบอย่างละเอียด ไหล่ของอีอูยอนซึ่งกว้างพอดีกับใต้โต๊ะดูกว้างมากยิ่งขึ้น
“ผมไม่ได้บาดเจ็บหรอกครับ เลิกดูได้แล้ว”
ใบหน้าของอินซอบแดงซ่านด้วยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่รู้สึกไปเองโดยไม่จำเป็น อีอูยอนละมือออกไปอย่างง่ายดาย แต่กลับไม่ยอมหลบออกไป
พวกเขาสบตากัน อีอูยอนมองอินซอบตรงๆ โดยไม่กะพริบตาเลยสักครั้ง
“…เรรต้องหาเอกสารนะครับ”
“ผมขอให้เขาออกให้ใหม่ก็ได้ครับ”
“ครับ? แต่ว่าต้องยื่นวันนี้…”
อีอูยอนครอบครองริมฝีปากของอินซอบ นี่เป็นจูบที่ทั้งระมัดระวังและนุ่มนวลราวกับจูบแรก ริมฝีปากที่เปียกชื้นประกบเข้าหากันก่อนจะผละออกไปพร้อมกับเสียงเนื้อที่บดเบียดกัน
“วันนี้นอนค้างได้ไหมครับ”
[1] เสื้อคลุมของนางฟ้า มาจากตำนานรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า
[2] หฤทัยสูตร เป็นพระสูตรที่สำคัญและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในศาสนาพุทธนิกายมหายาน โดยใจความหลักคร่าวๆ ของหฤทัยสูตรคือการบรรลุธรรมของพระโพธิสัตว์