ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 1-6
คำพูดของสตาฟฝ่ายแสงนั้นถูกต้อง พวกผู้หญิงต่อแถวเข้าหาอีอูยอนอยู่ตลอดจริงๆ ทั้งที่ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าที่พวกเขาเคยไป หรือแม้กระทั่งโรงแรมที่พวกเขาไปฮันนีมูนด้วยกันสองคน พวกผู้หญิงมักจะแสดงความสนใจอีกฝ่ายโดยไม่ปิดบัง ในขณะที่ไปไหนมาไหนกับอีกฝ่าย อินซอบได้รู้เป็นครั้งแรกว่าความจริงแล้วพวกผู้หญิงสามารถกระตือรือร้นกับการแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาได้ถึงขนาดนี้
“ตอนนี้อีอูยอนมีคนที่คบอยู่ไหมครับ คราวที่แล้วผมเห็นในข่าวนะครับ ที่บอกว่าเขาแอบเดทตอนกลางคืนกับนางสาว S น่ะ ตัว Y ในข่าวอักษรย่อที่ออกมาตอนนั้นคืออีอูยอนใช่ไหมครับ”
‘อย่าสนใจข่าวลือสั่วๆ แบบนั้นเลยครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นนางสาว S หรือนางสาวอะไรก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี ตอนกลางคืนน่ะแค่เวลาที่จะได้อยู่กับคุณอินซอบก็ไม่พอจนจะขาดใจตายอยู่แล้วนะครับ ผมจะไปเจอใครได้ล่ะ’
เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของอีอูยอนที่กระซิบอย่างอ่อนโยนพลางขยับเอวอย่างรุนแรงดังขึ้นที่หู
อินซอบส่ายหน้าในขณะที่ก้มหน้าเพื่อซ่อนแก้มที่แดงเอาไว้
“นี่ ถามเรื่องแบบนั้นกับผู้จัดการส่วนตัวได้ยังไง ถ้าเป็นนาย นายจะตอบตรงๆ เหรอ”
“ฮ่าๆๆๆ อย่างนั้นเหรอ”
ในตอนที่เขากำลังจะตอบว่า ‘ตัวเอกของข่าวลือนั้นไม่ใช่อีอูยอนอย่างแน่นอน’
“ว้าว ดูนั่นสิ”
ใครบางคนกระซิบด้วยน้ำเสียงประทับใจ อินซอบเงยหน้าขึ้นไปตามนั้น
อีอูยอนกำลังซุกหน้าอยู่กับคอของหญิงสาวโดยที่กอดนางแบบสาวคนนั้นไว้จากทางด้านหลัง เนื่องจากแขนที่กอดเอาไว้อย่างแน่นหนา ผ้าของชุดเดรสจึงตึง และทำให้เห็นทรวดทรงของหน้าอกของนางแบบสาวอย่างชัดเจน แม้พวกเขาจะรู้ถึงความจริงที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่นางแบบสาวก็ขโมยความสนใจของทุกคนไปโดยอัตโนมัติ
แต่ทว่า
“…”
เชิ้ตสีขาวกับสูทสีกรมท่า และมือในรูปร่างที่สวยงามกับนาฬิกาที่อยู่ตรงข้อมือที่เห็นเส้นเลือด รวมไปถึงใบหน้าของผู้ชายที่กำลังยิ้มอย่างงดงาม
ชเวอินซอบถูกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกผู้ชายมองขโมยความสนใจไปโดยไม่ตั้งใจ ภายในปากของเขาแห้งผาก และเขาก็รู้สึกกระสับกระส่าย เขาเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าๆๆ เมื่อกี้คุณผู้จัดการส่วนตัวกลืนน้ำลายเหรอครับ คุณดูเรียบร้อยแท้ๆ”
“นี่ ถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ตรงนั้นน่ะ เงียบหน่อยสิ”
ตากล้องตะโกนเสียงดังด้วยเสียงที่แฝงไว้ด้วยความรำคาญ สายตาของอีอูยอนกับนางแบบสาวหันมาทางที่อินซอบอยู่โดยอัตโนมัติ พวกเขาสบตากัน อินซอบรีบหันหน้าหนี จะได้ยินหรือเปล่านะ
“คุณอูยอน ท่าโพสต์เมื่อกี้ดีมากเลยครับ กอดแรงขึ้นอีกก็ได้นะ เพราะภาพตอนคุณใส่สูทอยู่ตอนนี้เซ็กซี่มากเลย ลองทำตัวให้เป็นธรรมชาติอีกหน่อย”
เสียงชัตเตอร์ของกล้องดังขึ้นโดยไม่มีช่วงที่หยุดพัก
“ผม ผม…ขอออกไปข้างนอกสักครู่นะครับ”
อินซอบพึมพำคำพูดที่ไม่แน่ใจว่าพูดกับใครกันแน่ และรีบออกไปจากตรงนี้ หัวใจเขาเต้นดังตึกตัก ใบหน้าก็เห่อร้อน ดูเหมือนว่าความโลภรุนแรงของตัวเองจะถูกจับได้ และเขาก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ฮือ—”
เขาทรุดตัวลงไปนั่งเหมือนกับล้มลงไปก่อนจะทึ้งผมตัวเอง
“เจ้าเซ่อ เจ้าโง่…เฮ้อ อยากจะบ้าตาย”
เขาขาดคุณสมบัติของผู้จัดการส่วนตัว มีคนบ้าที่กลืนน้ำลายตอนมองดาราที่ตัวเองดูแลอยู่ที่ไหนบนโลกกันล่ะ
“…อยากตาย”
อินซอบมองลงไปด้านล่างของบันไดเหล็กอย่างห่อเหี่ยวพลางพึมพำ
ไม่มีทางที่อีอูยอนจะไม่ได้ยิน จะพูดอะไรดีล่ะ จะต้องแก้ตัวว่าอะไรดี แล้วเราจะทำให้เขาเชื่อเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริงได้ไหมนะ เราจะบอกว่าปกติแล้วเราเป็นคนที่มีน้ำลายเยอะอยู่แล้วได้ไหม หรือจะบอกว่าจู่ๆ ก็นึกถึงเลม่อนพายที่คุณยายอบให้ก็เลยเป็นแบบนั้นดีนะ …เลม่อนพายจะมีความเป็นจริงมากกว่าหรือเปล่า
ในระหว่างที่อินซอบอินซอบจับผมเอาไว้แน่นและร้องโอดครวญ ประตูเหล็กก็ถูกเปิดออก
“อ้าว ผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอน มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ”
พวกสตาฟเดินเข้ามาเป็นขบวน อินซอบรีบลุกขึ้นยืน
“เอ่อ คือว่า…”
เราจะพูดว่า ‘ผมมองคุณอีอูยอน และเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เหมือนจะถูกจับได้ ก็เลยหนีออกมาน่ะครับ’…ไม่ได้ กระป๋องที่วางอยู่ตรงมุมและอยู่ในสภาพที่มีก้นบุหรี่ใส่ไว้จนล้นโผล่เข้ามาในสายตาของอินซอบที่หาข้อแก้ตัวอย่างสุดชีวิต
“ผะ ผมมาสูบบุหรี่สักมวนน่ะครับ”
“คุณผู้จัดการส่วนตัวสูบบุหรี่ด้วยเหรอครับ คาดไม่ถึงเลยแฮะ พวกเราก็มาดูดบุหรี่สักมวนเหมือนกันครับ เป็นเวลาพักพอดี”
“ใช่แล้ว ว่าแต่คุณไม่เหมือนคนกินเหล้าสูบบุหรี่เลยนะ ตอนที่เห็นครั้งแรก ผมนึกว่าคุณเป็นเด็กมัธยมปลายซะอีกครับ พอบอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอน ผมตกใจมากเลย”
“ผมกินเหล้าและสูบบุหรี่เก่งมากครับ ผมน่ะเชี่ยวชาญมาก เพราะทำมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว”
แม้เขาจะดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“ว่าแต่ทำไมไม่สูบล่ะครับ”
“ผมลืมบุหรี่ไว้ที่รถครับ”
อินซอบใช้มือกดหน้าอกข้างหนึ่งเบาๆ ก่อนจะตอบออกไป พอนึกถึงเสียงของแม่ที่ตักเตือนว่าพอไปที่เกาหลีอีกรอบแล้ว ห้ามหลอกใครอีก เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจ สตาฟที่ไว้หนวดคนหนึ่งยื่นบุหรี่ให้อินซอบ
“สูบสักมวนสิครับ ไม่ต้องคืนก็ได้”
“เอ่อ ขอบคุณ…”
อินซอบรับบุหรี่มาถือไว้อย่างเผลอตัว แล้วผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็ช่วยจุดไฟให้ อินซอบถือบุหรี่ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างสุภาพและรับไฟที่อีกฝ่ายต่อให้
“ดูเหมือนการถ่ายทำวันนี้จะเสร็จเร็วกว่าที่คิดหรือเปล่า”
“นั่นสิ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นปีศาจมาพูดคำว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดการถ่ายทำ”
ปีศาจมาเป็นชื่อเล่นของผู้กำกับมาจินยอง ตอนที่ถ่ายโฆษณาหรือภาพนิ่ง อินซอบมักจะหาข้อมูลเอาไว้ก่อน เพราะการเข้าใจถึงนิสัยของผู้กำกับได้อย่างถ่องแท้ถือเป็นเรื่องสำคัญ อินซอบถือบุหรี่ไว้ เขาพยักหน้าอยู่ข้างๆ และพยายามมีส่วนร่วมกับบทสนทนาของคนอื่นๆ
“ปกติอีอูยอนก็เก่งอยู่แล้วนี่นา แล้วการถ่ายทำวันนี้หมอนั่นก็เป็นคนนำทั้งหมดเลยด้วย โอ้ ขอโทษครับ คุณผู้จัดการส่วนตัวอยู่ข้างๆ นี่นา”
การได้รับการเรียกอย่างสุภาพว่า ‘คุณนักแสดง’ อยู่เสมอเวลาอยู่ต่อหน้า แต่ลับหลังกลับเรียกชื่อออกมาตรงๆ เป็นธรรมดาของแวดวงนี้อยู่แล้ว
“ว่าแต่คุณผู้จัดการส่วนตัวไม่สูบเหรอครับ”
“ครับ? อ๋อ ครับ”
อินซอบเห็นบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือ เขาตกใจก่อนจะตอบออกไป สายตาของพวกสตาฟมองมาที่อินซอบกันเป็นตาเดียว
จะทำยังไงดีล่ะ
เขาไม่เคยเอาสิ่งที่เรียกว่าบุหรี่แตะปากเลย เขาเคยดูดก้นบุหรี่ที่บอกว่าเป็นกัญชาและไม่รู้รูปร่างเดิมที่เจนนี่เป็นคนเอามาไปแค่อึกเดียวเท่านั้น และเพราะอึกเดียวในตอนนั้น ทำให้เขาอยากจะอาเจียน และต้องนอนร้องครวญครางอยู่เกือบชั่วโมง
“ถ้ารู้สึกอึดอัดใจเพราะพวกผม จะให้พวกเราเลี่ยงไปที่อื่นไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมไม่เป็นไรครับ”
ถ้าผู้จัดการส่วนตัวทำตัวหยิ่ง ดาราที่ดูแลก็จะถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องกับข่าวฉาวโฉ่นั่นด้วย ไม่มีที่ไหนที่จะไวต่อข่าวลือได้มากเท่ากับที่นี่อีกแล้ว
เราจะไม่ตายใช่ไหม
อินซอบรีบเอาบุหรี่เข้าปากและสูดลมหายใจเข้าไป เป็นเวลาเดียวกันกับที่ควันของบุหรี่ที่มีกลิ่นเหม็นอับไหลเข้าไปในคอ
“แค่กๆ…”
อินซอบไอเหมือนจะเป็นบ้าพร้อมกับอ้วกเอาควันของบุหรี่ออกมา คอและรูจมูกที่สูดลมหายใจเข้าไปแสบร้อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ทุกคนมองผู้จัดการส่วนตัวหน้าเด็กที่ไอจนหน้าแดงด้วยสายตาเป็นกังวล แม้อินซอบจะโบกมือว่าเขาไม่เป็นไรอย่างเป็นผู้ใหญ่ แต่ความจริงคือเขาแย่มากจนอยากจะตาย
“แค่กๆ … ขอโทษ…”
ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลออยู่กระตุ้นความเห็นใจของคนอื่นๆ ผู้ชายที่เอาบุหรี่ให้ยื่นขวดน้ำแร่ที่ถืออยู่ในมือให้ อินซอบรับขวดน้ำแร่มาและกำลังจะดื่มเข้าไป แต่ประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง อีอูยอนเดินเข้ามา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหยุดการเคลื่อนไหว เพราะการปรากฏตัวของดาราดังที่คาดไม่ถึง อินซอบเองก็เหมือนกัน
“อยู่ที่นี่นี่เอง ผม…”
พอสบตากับอินซอบที่หันกลับมามอง อีอูยอนก็หยุดพูด เขาหรี่ตาลง อินซอบที่เก่งในเรื่องการอ่านสีหน้าของอีอูยอนได้ดีกว่าใครอ่านความรู้สึกที่อีกฝ่ายรู้สึกอยู่ตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
อารมณ์เสียสินะ
แม้จะยิ้มอยู่ แต่ตาของอีอูยอนไม่ได้ยิ้มไปด้วย เป็นสายตาที่น่ากลัวว่าจะเก็บเอาไปฝันแบบที่กรรมการผู้จัดการคิมเคยพูด
“หาอยู่สักพักเลยครับ”
อีอูยอนย่างเท้าเข้ามายืนอยู่ข้างๆ อินซอบ
แล้วหลังจากนั้น
“ว่าแต่ทำไมถึงร้องไห้ล่ะครับ”
มือใหญ่ๆ ของเขาจับคางของอินซอบให้เงยหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าหูของอินซอบจะได้ยินคำข้างหลังที่ถูกตัดไป
ไอ้เบื๊อกคนไหนทำคุณร้องไห้
“ผมไม่ได้ร้องไห้หรอกครับ ผมสูบบุหรี่แล้ว…”
แม้อินซอบจะไม่ได้ชูบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือให้เห็น แต่ความน่ากลัวที่เป็นสีน้ำเงินจางๆ ที่สั่นไหวอยู่ในดวงตาของอีอูยอนก็ไม่หายไปง่ายๆ
“คุณผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าสูบบุหรี่เหรอครับ”
“ครับ ผม…ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะครับ”
อินซอบก้มหัวปลกๆ และออกไปจากตรงนั้น พอประตูถูกปิดลง เขาก็วิ่งไปตามทางเดิน พอเจอกับห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยเครื่องมือต่างๆ อินซอบก็รีบเข้าไปซ่อนตัว
เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเขาก็แค่สูบบุหรี่อย่างที่เขามีสิทธิ์ที่จะทำก็เท่านั้นเอง สมองของเขาเข้าใจ แต่หัวใจของเขากลับเต้นตึกตักเหมือนกับเด็กที่ทำความผิดและถูกจับได้ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เลวร้ายที่สุดเลย”
เขาพึมพำขณะพิงหัวกับกำแพง
“อะไรเลวร้ายที่สุดเหรอครับ”
“เฮือก”
อีอูยอนปรากฏตัวออกมาโดยไม่ให้สสุ้มให้เสียง เขายิ้มและก้มลงมองอินซอบ อินซอบคิดว่าถ้ามีโอกาส เขาจะอ้อนวอนให้อีอูยอนส่งเสียงฝีเท้าเวลาเดินไปไหนมาไหนบ้าง นี่มันไม่ดีกับหัวใจของเขาจริงๆ นะ
“บอกว่าจะไปห้องน้ำ แต่ห้องน้ำอยู่ทางโน้นนะครับ”
“อ๋อ ครับ ผมมาคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งน่ะ…”
“ผมไม่รู้นี่ครับ พอคุณอินซอบบอกว่าจะไปห้องน้ำ แต่กลับไปทางอื่น ผมก็นึกว่าคุณส่งซิกให้ผมเสียอีก”
แม้ชเวอินซอบจะชอบและรักอีอูยอนด้วยหัวใจทั้งหมด แต่บางครั้งเขาก็กลัวอีกฝ่าย…จริงๆ
“แล้วคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอครับ”
“…ครับ”
อินซอบตอบช้าๆ ก่อนจะหลบสายตาอีกฝ่าย
“ว่าแต่คุณอินซอบครับ”
“ครับ”
“สูบบุหรี่เหรอครับ”
“คะ แค่คิดว่าจะลองสูบสักครั้งดีไหมเฉยๆ เองครับ พอดีเห็นคนอื่นๆ เขาสูบกันเป็นปกติเลย”
อีอูยอนร้อง ‘อืม’ ก่อนจะยกยิ้ม และเขาก็ยื่นมือมาแย่งบุหรี่ที่อินซอบถืออยู่ไป อีอูยอนคาบบุหรี่ไว้ในปาก และสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด เสียงของไส้กรองที่ติดไฟแทรกผ่าบรรยากาศที่เงียบสงบ ควันบุหรี่ลอยออกมาจากรอยแยกของริมฝีปากของอีอูยอน แค่สูบบุหรี่ก็เหมือนกับถ่ายนิตยสารมากๆ แล้ว
“ปกติคนเขาสูบกันเยอะสินะครับ”
“…ครับ”
ไม่มีอะไรผิด เราไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย
แม้เขาจะบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด แต่ชเวอินซอบก็เหลือบไปมองด้านหลังพร้อมกับตรวจสอบเส้นทางที่จะถอยหนีไว้โดยไม่รู้ตัว พอเห็นอินซอบเป็นแบบนั้น อีอูยอนก็หัวเราะเสียงต่ำ
“อย่าสูบเลยครับ ของแบบนี้น่ะ”
น้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนและหวานล้ำตักเตือนอินซอบอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลง และกระซิบที่หูของอินซอบ
“แต่ว่าผมไม่กินน้ำไอ้นั่นของคนปกตินะครับ”
“ครับ?!”
อินซอบไม่เชื่อหูของตัวเองเพราะเรื่องลามกที่ไม่สอดคล้องกันเลย อีอูยอนยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าสูบของพวกนี้ อสุจิจะรสชาติเหี้ยน่ะครับ”
เขาเอาบุหรี่ถูกับกำแพงก่อนจะหักทิ้ง อินซอบสะดุ้งเหมือนโดนไฟจากบุหรี่จี้ผิวพลางกลั้นลมหายใจ
“อสุจิของคุณอินซอบอร่อยนะครับ ผมเสียดายน่ะ”
“…ขอบคุณ…ครับ”
อินซอบก้มหน้าที่แดงระเรื่อยอมรับคำชมที่ใกล้เคียงกับการคุกคามของอีอูยอน เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าการกล่าวขอบคุณเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า และไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร อีอูยอนชื่นชมท่าทางประหม่าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เขาทั้งน่ารักและน่าสงสาร ภาพลักษณ์แบบนั้นถูกปักลงในความชื่นชอบของอีอูยอนด้วยการสไตร์คที่ไร้ความปรานี
แม่งเอ๊ย ทำตัวแปลกๆ หลายครั้งแล้วนะเนี่ย
อีอูยอนเก็บคำด่าไว้ในใจ เขาก้มตัวลงและจูบปากของอินซอบเบาๆ
“ถ้าใครมาเห็น…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะผมจะจิ้มตาพวกมันทิ้ง”
อีอูยอนกัดริมฝีปากล่างของอินซอบเบาๆ พลางกระซิบ อินซอบส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต
“เป็นเรื่องใหญ่แน่ครับ ห้ามทำนะครับ”
อินซอบที่ปกติไม่เคยทำแบบนั้นเพิ่มแรงเพื่อผลักอีอูยอนออก แม้จะเป็นแรงที่ไม่มีค่าอะไร แต่อีอูยอนก็ถอยไปข้างหลังให้
“ขอโทษครับ”
อีอูยอนเลิกคิ้วให้กับคำขอโทษที่อยู่ดีๆ อินซอบก็พูดขึ้นมา
“เป็นวันแรกแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าผมจะสร้างความลำบากให้ซะแล้ว ขอโทษนะครับที่ทำให้รำคาญใจ…”
แม้จะเป็นความหมายอื่น แต่ก็เป็นความจริงที่เขารำคาญใจ อีอูยอนมองอินซอบตลอดการถ่ายแบบกับนางแบบสาว อินซอบที่แอบมองเขาทุกครั้งที่เขาโดนตัวนางแบบ ในขณะเดียวกันก็แกล้งทำตัวเป็นปกติและพยายามทำหน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัวนั้นน่ารักจนท้องน้อยของเขาคันยุบยิบ เขาคิดว่าเขาจะขอให้ผู้กำกับพักสักหน่อย และพาอินซอบไปในที่ที่ลับตาคนและให้อีกฝ่ายอมสักครั้งดีไหม
“ดูเหมือนว่าผมจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้น่ะครับ”
ท่าทางของอีกฝ่ายดูเหมือนหูและหางที่ไม่มีอยู่จริงลู่ลงมา
ไม่ใช่ว่าอีอูยอนจะไม่มีความเมตตาเลย แค่เทียบกับระดับที่คนอื่นๆ รู้สึกแล้ว ความรู้สึกนั้นของเขามันน้อยมากๆ ต่างหาก อีอูยอนใช้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยมีนั้นกับอินซอบอย่างไม่เสียดาย และตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่ชอบผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถึงขนาดที่ต้องเลียปากขนาดนั้นเลยเหรอ”
อินซอบกะพริบตาปริบๆ เพราะตกใจกับการจู่โจมที่กะทันหันของอีอูยอน เขาตั้งสติได้อย่างยากลำบากก่อนจะแก้ตัวว่า ‘ไม่ได้เลียปากนะครับ’ ด้วยเสียงเนิบๆ
อีอูยอนรู้สึกว่าอินซอบเหม่อลอยและมองมาทางเขาตลอดการถ่ายแบบ สายตาที่เต็มไปด้วยความรักที่หวานซึ้งเหมือนกับเด็กสาวที่อยู่ต่อหน้ารักข้างเดียวกระทบเข้ากับความสนใจของเขา ตอนที่ได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย เขาเกือบจะแข็งในระหว่างที่ถ่ายแบบแล้ว
ให้ตายสิ ถ้ากินสิ่งนั้นอย่างตะกละตะกลามจะน่ารักขนาดนี้ไหมนะ
อีอูยอนมองอินซอบก่อนจะถามต่อ
“ไม่สิ ไม่ได้เลียปากเพราะผม แต่เลียปากเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ผมเหรอครับ”
“เปล่านะครับ!”
อินซอบแย้งพลางดีดไปดีดมาอยู่กับที่เหมือนกับปลาที่โดนน้ำร้อนราด
“งั้นคุณเลียปากให้ใครเหรอครับ”
“เลม่อนพาย…”
“เลม่อนพาย? ใครกันเหรอครับ”
แม้อีอูยอนจะยิ้มพลางเอ่ยถาม แต่น้ำเสียงกลับโหดเหี้ยม อีกฝ่ายคืออีอูยอนคนที่เคยคิดอยากจะหักคอเคทที่เป็นต้นไม้ทิ้ง ทั้งๆ ที่ดูไม่สนใจกับเรื่องต่างๆ ในโลก แต่อีอูยอนกลับขี้หึงมาก อินซอบรู้ว่าถ้าหากตัวเองไม่สามารถให้คำตอบดีๆ ที่นี่ได้ วันนี้เขาจะไม่สามารถมีชีวิตกลับบ้านได้
“…คุณอีอูยอนครับ ผมมองคุณอีอูยอนแล้วน้ำลายไหลครับ ถ้าทำให้อารมณ์ไม่ดีต้องขอโทษด้วยนะครับ”
อินซอบเลือกที่จะบอกไปตามตรง แม้จะรู้สึกอับอายตามมาทีหลัง แต่จากประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เขาก็สรุปได้ว่าทางเลือกนี้เป็นสิ่งที่ดีกว่า
อีอูยอนตบหัวอินซอบเบาๆ พลางหัวเราะเบาๆ
“โอเคครับ ถ้าถ่ายแบบจบแล้ว ผมจะให้คุณกินของอร่อยๆ เป็นรางวัลนะครับ เพราะคุณพูดอย่างตรงไปตรงมา”
“…ครับ”
เขาไม่ได้ยินคำพูดของผู้ชายที่บอกว่าจะให้กินของอร่อยอย่างตรงไปตรงมา แก้ไขอะไรไม่ได้สินะ อินซอบหน้าแดงอย่างไม่มีเหตุผล และใช้หลังมือถูแก้มไปด้วย
“จะต้องกลับเข้าไปแล้วล่ะครับ”
อีอูยอนมองนาฬิกาข้อมือ ได้ยินมาว่านาฬิกาข้อมือที่เขาใส่วันนี้ ไม่ได้ราคาเท่ากับรถหนึ่งคัน แต่ขายกันในราคาพอๆ กับบ้านหนึ่งหลังต่างหาก แม้จะมีนาฬิกาแบบนั้นวางอยู่ตรงหน้า อินซอบก็ยังพบว่าตัวเองส่งสายตาไปที่ข้อมือของชายหนุ่มแทนที่จะเป็นนาฬิกาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
…เอาแต่มองแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ไม่ได้นะ มันขาดคุณสมบัติของผู้จัดการส่วนตัว
พออีอูยอนเห็นว่าอินซอบทำตาละห้อยอย่างเศร้าสร้อย เขาจึงเดาะลิ้นเบาๆ
“คุณอินซอบ”
“ครับ?”
“ผมรบกวนอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”
“ครับ!”
ตาของอินซอบเป็นประกายด้วยความคิดที่ว่าเขาอาจสามารถช่วยอะไรอีกฝ่ายได้