โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน - ตอนที่ 20 ร้านอาหารเที่ยงคืน
บทที่ 20 ร้านอาหารเที่ยงคืน
[ตัวเอก]
ไม่ได้จะมาช่วยทิศหรอกนะ มันอันตรายเกินไป ฉันแค่ต้องการเห็นร้านอาหารที่เขาว่ากันว่ายอดเยี่ยมเท่านั้นเอง อยากรู้จริงๆ ร้านอาหารชื่อดังแถวนี้ เพราะอะไรถึงมีชื่อเสียงได้
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ? นี่เมนู”
เมื่อเดินเข้ามานั่งในร้าน พนักงานสาวสวยก็เดินเข้ามาใกล้ ยื่นแผ่นเมนูให้ ฉันรับมา มองหลายชื่ออายุแต่ละอย่างโดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจสั่งมาสองสามอย่าง ราคาค่อนข้างแพง ฉันใช้เงินไปมากทีเดียว แต่ก็นะ มาดูร้านอาหาร ถ้าจะไม่ซื้ออะไรเลย มันก็ดูยังไงอยู่
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะนำอาหารมาให้”
ฉันพยักหน้า มองเธอจากไปแล้วหันมองรอบข้าง ร้านมีการจ้างวงดนตรี นักดนตรีมาเล่น ดังนั้นจึงไม่ได้เงียบสงบ สำหรับคนต้องการความเงียบ ที่นี่ไม่เหมาะอย่างแรง ซึ่งคนคนนั้นก็คือฉันเอง ไม่ค่อยชอบบรรยากาศในร้านนี้เท่าไหร่ด้วย รู้สึกอึดอัดแบบบอกไม่ถูก
นักดนตรีที่อยู่บนเวทีไม่มีทิศ ก็นะ เขาหายตัวไป จะอยู่ที่นี่ได้ยังไง คำถามคือหายไปไหนกัน? แล้วร้านนี้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของชายอ้วนรึเปล่า? เท่าที่ดู เหมือนจะไม่เกี่ยวกันเลย ทว่าความรู้สึกของฉัน มันไม่ได้บอกอย่างงั้นน่ะสิ ความรู้สึกบ่อยครั้งมักถูก ตัวฉันจึงเชื่อในสัญชาตญาณความรู้สึกตัวเอง นี่หรือว่าร้านแห่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทิศจริงๆ?
เพื่อความบริสุทธิ์ของร้าน ฉันควรหาหลักฐานที่ยืนยันว่าที่แห่งนี้ขาวสะอาด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลักพาตัว ฉันเชื่อในตัวร้านนะ ถึงได้ช่วยเหลือร้านแบบนี้ ไม่ได้สงสัยอะไรร้านสักนิด
มองสำรวจทั่วบริเวณ ทุกสิ่งอย่างดูปกติ ไม่มีอะไรต่างจากปกติ พนักงานสาวสวยกลับมาในที่สุด เธอมาพร้อมอาหารที่สั่งไป ฉันรับมาอย่างไม่สนใจนัก ตั้งแต่เริ่ม ที่มาร้านอาหารนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องอาหารอยู่แล้ว หากไม่มาเพราะทิศ ฉันจะมาเพราะอะไรล่ะ?
น่าเสียดาย ด้วยความสามารถอันน้อยนิด ฉันไม่สามารถหาข้อมูลการหายตัวไปของชายอ้วนได้แม้แต่น้อย ยิ่งหายไปนาน ยิ่งไม่ดี จะรอตำรวจตามหาก็ได้อยู่หรอก ทว่านั่น รู้สึกมันช้าเกิน บางทีตอนที่เจอทิศ เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักก็ได้ ในกรณีเลวร้ายสุด… อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอก ถ้าเกิดจริง ตัวฉันก็คงเป็นตัวอันตรายแล้วแหละ คนอยู่ใกล้เจอเรื่องไม่ดีตลอด พ่อก็ธุรกิจล้มละลาย ทิศก็ เดี๋ยวนะ ทำไมบรรยากาศ มันดูแปลกๆ กว่าเดิม
ความรู้สึกนี้… ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ใช่ ความรู้สึกอันตราย บางสิ่งกำลังเกิดขึ้น และสามารถส่งชีวิตลงไปยังโลกแห่งความตายได้ ฉันพยายามสงบสติ มองหาทุกความเป็นไปได้ อันตราย ที่นี่จะมีอันตรายได้ยังไง? มันเกิดจากสิ่งใด?
เพิ่งสังเกตเห็น เหมือนคนในร้านจะน้อยลงเรื่อยๆ มีอยู่ไม่กี่คนเอง ทำไมคนกลับกันเร็วจัง ผิดปกติแล้ว เกิดอะไรขึ้น? ฉันต้องรีบหนี อยู่ต่อไปตายแน่ ความสามารถ ความแข็งแกร่ง พวกนั้น ณ เวลานี้ ฉันยังไม่มีพวกมัน เผชิญหน้ากับอันตราย ยังไงก็ไม่มีทางรอดชีวิต ยกเว้นโชคดี ซึ่งไม่ได้มีบ่อยๆ
ด้วยความหวาดกลัว ฉันเดินออกจากร้านด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี นับว่าโชคไม่เลวร้าย ฉันสามารถออกจากร้านอาหารได้สำเร็จโดยไม่บาดเจ็บ ไม่รู้ว่าก่อนหน้า มันเกิดเรื่องอะไร ที่รู้ๆ คือมันผิดปกติ คนไม่ควรลดลงเยอะแบบนั้น อันตรายจริงๆ ฉันไม่ควรยุ่ง แต่…
ไม่ได้เพราะต้องการช่วยทิศหรอกนะ ฉันแค่ต้องการรู้จักเรื่องเหนือธรรมชาติให้มากกว่าเดิมก็เท่านั้น ไม่สิ ที่เกิดในร้าน ไม่รู้ว่าฝีมือคนหรือตัวตนอื่น บางทีฉันอาจจะต้องการความตื่นเต้นในชีวิตก็ได้ ชีวิตขาดความยากลำบากไม่ได้ แปลกจริง
“ยังไงก็ไม่ควรไปยุ่งอยู่ดี ถึงจะต้องการไปช่วยเจ้านั่น หรือต้องการความตื่นเต้น ยังไงก็ไม่ได้ ตาย คิดว่าตัวเองมีความสามารถ มีความแข็งแกร่งมากนักเหรอ? หยุดเลย”
ถอนหายใจ ตัดสินใจหยุดยุ่งเกี่ยวกับร้านอาหารแห่งนี้ มันอันตรายต่อชีวิตมาก ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง เกิดตายไปจริง พ่อจะรู้สึกยังไง ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และก็โตพอที่จะรู้ผลกระทบ หากเสียชีวิต พ่อจะต้องเสียใจแน่ ไม่รู้ว่าเขาจะตัดสินใจใช้ชีวิตต่อแบบไหน ลูกชายที่เป็นครอบครัวคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวตาย ในชีวิตจะเหลือสิ่งใด?
ไม่กล้าตาย ดูขี้ขลาดแล้วอย่างไร? ดูอ่อนแอแล้ว? ชีวิตนั้นสำคัญ ไม่ไปเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งหรอก มันไม่คุ้มค่ามากพอ เลิกยุ่ง นี่เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด คิดมาอย่างดีเรียบร้อย
ฉันกลับบ้านด้วยความรู้สึกด้านลบเล็กน้อย นอกจากจะเสียเงินไปพอสมควร ยังไม่เจอร่องรอยของทิศอีก นอนลงบนเตียงโดยไม่ได้อาบนํ้า วันนี้เหนื่อยเกินกว่าทุกวัน ไม่ไหว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขยับนิ้วสักนิ้วก็ไม่อยากขยับ เตียงทำให้รู้สึกจนอยากนอน
สติดับไป กลับคืนมาอีกครั้งตอนเช้าวันถัดไป ฉันอาบนํ้า แต่งตัว ลงไปชั้นล่าง เตรียมไปทำงาน เมื่อลงมาพลันเห็นพ่อนั่งดูโทรทัศน์อยู่ กำลังดูข่าว เกี่ยวกับอะไรกันนะ? ฉันเกิดความสนใจนิดหน่อย เดินเข้าไปใกล้ ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของผู้ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดจากการฆ่า ฆาตกรสังหารผู้ตายสองคน ก่อนแย่งชิง สร้อยคอแล้วหลบหนีไปในท้ายที่สุด เป็นสร้อยคอคู่รุ่นพิเศษ ลิมิเต็ด มีอยู่ไม่มาก
“ลูกระวังตัวไว้นะ เหมือนว่าฆาตกรจะยังไม่ถูกจับ ไม่ใช่แค่นั้น มันยังอยู่บริเวณแถวเราอีก เอาสร้อยคอลูกไว้ที่บ้านก่อนดีมั้ย? พอฆาตกรโดนจับได้ค่อยใส่ใหม่”
พ่อแนะนำด้วยความห่วงใย ฉันไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี จะให้พูดเหรอว่าสร้อย มันไม่ยอมจากตัวฉันไปเลย ทุกครั้งที่พยายามจะโยนมันทิ้ง เผา ทำลาย บดขยี้ ทุกคราสิ่งที่ต้องการไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องใส่อย่างไม่มีทางเลือก โยนทิ้งไม่ได้ ทำลายไม่ได้ ไม่จากไปไหน เป็นสร้อยที่น่ารำคาญ
“ไม่เป็นไรครับ ผมคงไม่เจอเจ้าฆาตกรหรอก”
ฉันเอาสร้อยเข้าไปในเสื้อ ทำให้มองเห็นได้ยากขึ้น กันฆาตกรวิ่งเข้ามาแทงล่ะนะ ถึงจะไม่น่ากลัวเท่าสิ่งเหนือธรรมชาติ ทว่ามันก็ฆ่าฉันได้เหมือนกัน ฆาตกร ไม่ใช่ตัวตนที่รอดง่ายๆ โดยเฉพาะคนธรรมดา ไร้ซึ่งพลังวิเศษแบบฉัน
“งั้นก็ได้ ลูกไปทำงาน ระวังตัวดีๆ นะ”
“ได้เลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”
บอกลาพ่อเสร็จ ไปทำงานตามปกติ ฆาตกรอะไรนั่น ไม่ได้เจอ และไม่อยากเจอ เป็นไปได้ ขอไม่ยุ่งเกี่ยว
มาถึงร้านข้าวมันไก่พ่อทิศ ฉันทักทายตามปกติ แต่ไม่ได้ทักทายด้วยอารมณ์ที่ดีนัก คิดถึงร้านอาหารเมื่อวาน รู้สึกขนลุกแปลกๆ ตอนนั้น ถ้าหนีไม่ทันคงเจอจุดจบเลวร้าย ทิศน่าจะมีโอกาสรอดได้ยาก ไม่อยากคิดแบบนั้นนะ ทว่าจากทุกสิ่งที่รู้สึก สัมผัสได้จากตอนก่อนหน้า พวกมันทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าชายอ้วนมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก
แต่ก็ใช่ว่าไม่มีความหวังซะทีเดียว สัญชาตญาณความรู้สึกอาจจะทรงพลัง ถึงอย่างนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีอาจมีปาฏิหาริย์ ความรู้สึก และสิ่งที่สัมผัสได้ทั้งหมดผิด เป็นงั้น ทิศจะรอดชีวิต