โดดเด่น...ที่จอมปลอม - ตอนที่ 1.1 พบเธอเมื่อยามสายลมพัดผ่าน
วันที่เปลี่ยนชีวิตมหา’ลัยของผมไปอย่างสิ้นเชิงนั้น เป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษเลยสักนิด
ผมจอดจักรยานที่ลานจอด แล้วใช้แขนเสื้อโปโลเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาบนหน้าผาก อากาศวันนี้ดีมาก แดดแรงเกินไปสำหรับกลางเดือนพฤษภาคม ปั่นจักรยานแค่ครึ่งชั่วโมงก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว ผมเคยได้ยินมาว่าฤดูร้อนที่เกียวโตนั้นทั้งร้อนทั้งชื้น ทรหดสุดๆ แค่คิดว่าจะผ่านฤดูร้อนไปได้รึเปล่าก็ใจคอไม่ดีแล้ว
พอพ้นช่วง Golden Week ไป คนในมหา’ลัยก็ลดฮวบ เหมือนว่าเด็กปีหนึ่งที่ตอนแรกๆ ก็ขยันมาเรียน พอเริ่มเข้าที่เข้าทางก็เริ่มรู้จักโดดเรียนกันบ้างล่ะ แถมยังมีบางคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหลังหยุดยาว แล้วก็หายไปจากมหา’ลัยเลยก็มี
ตอนที่กำลังเดินไปตึกเรียน ก็มีเสียงดัง [โครม!] ดังมาจากข้างหลัง
ผมหันไปมอง ก็เห็นจักรยานล้มอยู่กับพื้น ข้างๆ กันนั้นมีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ของในตะกร้าจักรยานกระจัดกระจายเต็มพื้น เธอกำลังรีบเก็บของพวกนั้นอย่างร้อนรน
แล้วก็มีอะไรบางอย่างกลิ้งมาอยู่ตรงเท้าผม เป็นแท่งทรงกระบอกเล็กๆ น่าจะเป็นลิปสติก ผมหยิบมันขึ้นมา แล้วเรียกเธอจากข้างหลัง
[…เอ่อ อันนี้…]
เธอเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าตกใจ พอสบตากัน ผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา
ผมยาวดัดลอนสวย ตาสองชั้นคมกริบ ดวงตากลมโตราวกับจะดูดวิญญาณ ผิวขาวผ่อง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ เป็นผู้หญิงสวยสะดุดตา เปล่งประกายราวกับดารา ผมเผลอมองเธอตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง
เอ่อ… ถ้าจำไม่ผิด เธออยู่ชมรมเดียวกับผมนี่นา… ชื่ออะไรนะ?
ระหว่างที่ผมกำลังนึก เธอก็เห็นลิปสติกในมือผม แล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
[อ๊ะ ของฉัน…]
เธอยื่นมือมารับลิปสติกจากผมอย่างทะนุถนอม นิ้วมือเรียวสวย เล็บสีชมพูประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ วิบวับ
[ของสำคัญมากเลย ขอบคุณนะ ที่เก็บให้ ซางาระคุง]
เธอยิ้มให้ผม ผมแปลกใจมากที่สาวสวยที่สุดในชมรมรู้จักชื่อผม นึกว่าเธอคงไม่สนใจผู้ชายธรรมดาๆ ไร้ตัวตนอย่างผมซะอีก
ผมช่วยยกรถจักรยานให้เธอ แล้วก็บอกลา [งั้น ฉันไปก่อนนะ] ผมได้ยินเสียง [ขอบคุณนะ!] ดังมาจากข้างหลัง แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง ผู้หญิงสวยเด่นขนาดนั้น ไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า
ผมเดินผ่านสนามหญ้า เห็นกลุ่มผู้ชายสี่คนนั่งคุยกันอยู่ ในนั้นมีคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้า แต่จำชื่อไม่ได้ เขาก็มองมาที่ผมเหมือนกัน แต่ผมก็เดินผ่านไปเลย ไม่ได้ทักทายอะไร ยังไงก็ไม่ได้สนิทกัน
จริงๆ แล้ว ที่มหา’ลัยแห่งนี้ ผมก็ไม่มีใครที่สนิทพอจะทักทายกันได้อยู่แล้ว
พอเข้าไปในห้องบรรยายขนาดใหญ่ ผมก็ตรงไปนั่งแถวหน้าสุด กลางห้อง คาบบ่ายวันพุธ อาจารย์เสียงเบา ฟังแทบไม่รู้เรื่อง แถมยังเป็นช่วงหลังอาหารกลางวันอีก นักศึกษาเลยพากันเรียกคาบนี้ว่า [คาบหลับ]
ด้านหลังห้อง มีกลุ่มนักศึกษาชายหญิงแต่งตัวจัดจ้าน คุยกันเสียงดัง จากบทสนทนา น่าจะเป็นเรื่องเที่ยวกลางคืน ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบหนังสือเรียนออกมา
น่าจะเป็นนักศึกษาคณะสังคมวิทยานะ แปลกดีแฮะ แต่ละคณะก็จะมีบุคลิกของนักศึกษาที่แตกต่างกันออกไป ส่วนผมเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์
คนเริ่มทยอยเข้ามาในห้อง ที่นั่งเริ่มเต็ม อีกห้านาทีก็จะเริ่มเรียนแล้ว
[…เอ่อ… ขอโทษนะคะ ตรงนี้… นั่งได้ไหมคะ?]
ผมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผมยาวสีน้ำตาลอ่อนสลวยพลิ้วไหวอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมหวานราวกับดอกไม้ลอยมาแตะจมูก ผมเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
สาวสวยสุดฮอตที่ผมเพิ่งเก็บลิปสติกให้เมื่อกี้เอง แต่ผมยังจำชื่อเธอไม่ได้
[เอ่อ… อ๊ะ… อืม…]
ผมตอบตะกุกตะกัก บ้าจริง ทำไมฉันต้องประหม่าด้วยเนี่ย
[รบกวนด้วยนะคะ]
เธอยิ้มให้ผม แล้วนั่งลงข้างๆ อย่างรวดเร็ว
[ซางาระคุง ขอบคุณสำหรับเมื่อกี้นะ เรียนคาบนี้เหมือนกันเหรอ?]
[…อืม]
[อาจารย์คนนี้เสียงเบามากเลยเนอะ ถ้านั่งข้างหลังจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เนื้อหาน่าสนใจดี วันนี้เลยตั้งใจว่าจะมานั่งข้างหน้า ขอโทษนะ ที่จู่ๆ ก็เข้ามาทัก]
[…ไม่เป็นไร]
ผมตอบสั้นๆ ไม่อยากคุยกับเธอมาก ผมไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็ไม่ได้อยากจะพูดด้วย
แล้วผมก็นึกชื่อเธอออก ถ้าจำไม่ผิด… [นานาเสะ ฮารุโกะ]
ผมคิดในใจว่าถ้าเธอชวนคุยไม่หยุดแบบนี้ คงแย่แน่ๆ แต่พออาจารย์เดินเข้ามาในห้อง นานาเสะก็เงียบเสียง ตั้งใจจดเลคเชอร์ เธอนั่งตัวตรง ราวกับมีไม้บรรทัดติดอยู่ที่หลัง
ถึงจะอยู่ชมรมเดียวกัน แต่ผมกับนานาเสะก็แทบจะไม่เคยคุยกัน นอกจากชื่อ ผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม จะยังไงก็ได้
ถึงจะบอกว่ายังไงก็ได้ แต่ผมก็แอบมองนานาเสะ
เธอสวยที่สุดในชมรม… ไม่สิ สวยที่สุดในมหา’ลัยเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายในชมรมจะพากันคลั่งไคล้เธอ การแต่งตัวของเธอก็ดูดีมีสไตล์ ผู้หญิงแบบนี้คงไม่สนใจผู้ชายจืดชืดอย่างผมหรอก ผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าใกล้เธออยู่แล้ว
ผมมองใบหน้าด้านข้างของเธอ ที่กำลังตั้งใจฟังอาจารย์ จู่ๆ ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
…หน้าตาแบบนี้ ฉันเคยเห็นที่ไหนนะ?
ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้ใกล้ๆ แบบนี้มาก่อน คงคิดไปเองล่ะมั้ง ผมละสายตาจากเธอ
พอหมดคาบ ผมก็เก็บหนังสือเรียนกับกล่องดินสอใส่กระเป๋า ทันใดนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้าวิ่งเข้ามาหานานาเสะ
[ฮารุโกะ! มานั่งตรงนี้นี่เอง!]
สำเนียงคันไซ ที่ผมคุ้นเคยดีตั้งแต่ย้ายมาอยู่เกียวโต ผมจำชื่อเธอไม่ได้ แต่เหมือนจะอยู่ชมรมเดียวกัน เธอเป็นผู้หญิงสวย ตาเฉี่ยว ดูมั่นใจในตัวเอง เพื่อนของสาวสวยสุดฮอต ก็ต้องสวยสุดฮอตเหมือนกันสินะ ผมคิด
[นี่ๆ ฮารุโกะ วันเสาร์หน้าว่างไหม? พวกในชมรมจะไปบาร์บีคิวกัน ฮารุโกะไปด้วยกันไหม?]
[อ๊ะ เหรอ เอ่อ… ขอเช็คตารางก่อนนะ]
[แล้วก็ มีคนฝากมาบอกว่า ชวน [คิวะจัง] ที่ตัวติดกับเธอตลอดไปด้วยสิ ฉันเลยบอกไปว่า อย่ามายุ่งกับฮารุโกะของฉันนะ!]
[บ้าจริง ซัจจังนี่ล่ะก็]
นานาเสะหัวเราะคิกคัก ต่างหูสีทองที่ห้อยอยู่ข้างใบหูสั่นไหวเป็นประกาย
[พอเลิกเรียนแล้ว ไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนหน่อยสิ แล้วก็ไปร้านโดนัทร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดด้วยกัน]
[อืม! ไปสิๆ! ฉันอยากซื้ออายแชโดว์รุ่นใหม่อยู่พอดี]
ผมไม่ได้อยากจะแอบฟังผู้หญิงคุยกัน เลยลุกขึ้น คาบต่อไปเป็นวิชาภาษา เรียนที่ตึกสี่ ผมควรจะรีบไปทบทวนบทเรียนก่อน
[อ๊ะ ซางาระคุง เจอกันนะ]
ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกไป นานาเสะก็โบกมือลา ผมแปลกใจที่เธอทัก เลยแค่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะออกจากห้อง ผมได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า [อะไรกัน เย็นชาจังเลยนะ]
…ถึงจะบอกว่าเจอกันนะ แต่ต่อไปผมคงไม่ได้เจอนานาเสะอีกแล้วล่ะ
ตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมา ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม ผมไม่สนใจทั้งชมรมและกิจกรรม เพราะหน้าที่หลักของนักศึกษาคือการเรียน ผมควรจะตั้งใจเรียน สอบ และเก็บหน่วยกิต ไม่ใช่ไปทำเรื่องไร้สาระ
ถ้าจำเป็นจริงๆ ผมก็คุยกับคนอื่นบ้าง แต่ผมไม่มีเพื่อน เรื่องแฟนยิ่งแล้วใหญ่ คงมีคนบางคนหาว่าผมเป็นพวก [โดดเดี่ยว] แต่ช่างหัวพวกเขาสิ ผมชอบใช้เวลาอยู่คนเดียว ทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร การอยู่คนเดียวมันดีที่สุดแล้ว
ชีวิตมหา’ลัยแบบ [ตัวคนเดียว] ของผม ที่ตัดขาดจากคนอื่น มันแสนสบายและอิสระจริงๆ
พอเลิกคาบห้า ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ผมต้องรีบกลับไปกินข้าว แล้วไปทำงานพิเศษต่อ โชคดีที่กะดึกได้ค่าแรงเยอะกว่า ผมขึ้นจักรยาน ปั่นกลับอพาร์ตเมนต์
ผมเป็นคนนาโกย่า เพิ่งย้ายมาอยู่คนเดียวตอนเดือนเมษายนนี่เอง ที่เลือกเรียนมหา’ลัยเอกชนในเกียวโต เพราะอยากออกมาอยู่เอง แล้วก็วันที่สอบเข้ามหา’ลัยรัฐ ผมดันเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยต้องเข้ามหา’ลัยเอกชนที่เป็นตัวสำรอง ผมมักจะโชคร้ายแบบนี้เสมอ เวลาต้องเลือกทางเดินชีวิต
ผมปั่นจักรยานผ่านย่านที่อยู่อาศัยใกล้ๆ มหา’ลัย ลงไปทางใต้ตามถนนนิชิโอจิ ตอนเช้าขามาเป็นทางขึ้นเนิน เหนื่อยมาก แต่ขากลับสบายหน่อย ตรงป้ายรถเมล์มีนักเรียนมัธยมปลายใส่ชุดนักเรียนยืนกันเต็มไปหมด รถติดยาวเหยียด แปลกดี วันธรรมดาแท้ๆ แต่รถเมล์ก็แน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยว สงสัยนักเรียนที่ต้องนั่งรถเมล์ไป-กลับคงลำบากน่าดู
ผมปั่นลงไปทางใต้เรื่อยๆ จนถึงถนนซันโจ ก็เจอกับรางรถไฟที่ตัดผ่านกลางสี่แยก เป็นทางรถรางที่เรียกว่า [รันเด็น]
ระหว่างรอไฟเขียว ผมเผลอมองไปฝั่งตรงข้าม แล้วก็ต้อง [อ๊ะ] ออกมา ผู้หญิงคนนั้น ที่ยืนตัวตรง จูงจักรยานสีขาว ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วไหวตามลม นานาเสะ คนที่ผมคุยด้วยเมื่อตอนบ่ายนี่เอง
ผมไม่อยากให้เธอเห็น เลยรอจนคนอื่นๆ ข้ามถนนไปหมดแล้ว ค่อยปั่นจักรยานตาม
แต่ไม่ว่าจะปั่นไปไกลแค่ไหน ผมก็ยังเห็นนานาเสะอยู่ข้างหน้า ผมเริ่มกังวล [หรือว่า… เธอจะอยู่แถวๆ นี้?] ผมชอบที่นี่เพราะมันไกลจากมหา’ลัย ไม่ต้องมาเจอคนรู้จัก แต่ถ้าเธออยู่แถวนี้จริงๆ ก็แย่สิ
ผมปั่นผ่านสี่แยกไป เห็นนานาเสะเลี้ยวขวาตรงหัวมุมที่ทำการไปรษณีย์ ผมก็ปั่นตามไปช้าๆ พอเลี้ยวไปก็เห็นเธอกำลังจอดจักรยาน แล้วเดินขึ้นบันไดอพาร์ตเมนต์เก่าๆ ผมถึงกับพูดไม่ออก
[…ไม่จริงน่า อยู่ที่เดียวกันเนี่ยนะ…]