โชคชะตาที่ล่วงหล่น - ตอนที่ 5 ชายปริศนาผู้บ้าคลั่ง
ขณะที่ฉินจิ่วเอ๋อร์ได้เห็นลู่หยวนเธอก็ตกตะลึง
“ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?”
ลู่หยวนพูดอะไรไม่ออก ทำไมผู้หญิงคนนั้นที่มหาวิทลัยกลับกลายเป็นเพื่อนของเหอหมิน
“พวกเธอรู้จักกันอยู่แล้วเหรอ?”
เหอหมินก็แปลกใจเหมือนกัน เธอไม่คิดมาก่อนว่าทั้งสองคนนั้นจะรู้จักกัน
“แน่นอนล่ะ! เราเคยเจอกันมาก่อน” ฉินจิ่วเอ๋อร์ตอบ
“เขาก็คือคนที่ขโมยอาหารของฉันที่มหาวิทยาลัยเมื่อเช้ายังไงล่ะ!” ฉินจิ่วเอ๋อร์พูดอย่างประชดประชัน
อะไรนะ!
ทุกคนตกตะลึง
ทุกคนเงียบไปพักหนึ่ง
เหอหมินไม่รู้จะพูดอะไร
เธอคิดว่าไม่ควรพูดอะไรออกไปในตอนนี้
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดขึ้น
จางฮุยไม่ได้รู้สึกเขินอีกต่อไปเขาพูดกับลู่หยวนแบบโกรธๆ”ลู่หยวนนายไม่มีเงินกินข้าว ทำไมไม่บอกเรา นายไม่เห็นเราเป็นเพื่อนเหรอ?!”
“นั่นสิพี่ลู่ ทำไมถึงไม่บอกพวกเรา” ซงชุนพูดเสริม
“นั่งก่อนสิลู่หยวน เธอคนนี้ชื่อว่าฉินจิ่วเอ๋อร์น่าจะเคยเจอกันแล้วใช่ไหม?” เฉินเฟิงพยายามเปลี่ยนประเด็น
ลู่หยวนไม่ได้ตอบอะไรและนั่งลง
จากนั้นฉินจิ่วเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืน
“โทษทีนะ พอดีฉันลืมไปว่ามีธุระด่วน ต้องไปเดี๋ยวนี้”
เธอคว้ากระเป๋าและเดินออกไป
ในความคิดของฉินจิ่วเอ๋อร์ เธอมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมองหาผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้นเธอคาดหวังว่าจะได้เจอผู้ชายที่ร่ำรวยและหล่อเหลา มันจะดีมากถ้าหากว่าได้มีแฟนแบบนั้น
มันจะมีความสุขแค่ไหนกันนะถ้าได้เจอผู้ชายแบบนั้น
อย่างไรก็ตามเธอไม่คาดคิดว่าเพื่อนอีกคนของเฉินเฟิงจะไม่ต่างอะไรจากจางฮุยและซงชุน
เธออุส่าห์เฝ้ารอที่จะได้เจอกับเพื่อนคนสุดท้ายของเฉินเฟิง แต่กับไม่เป็นไปอย่างที่คิด
มันต่างจากที่เธอคิดเกินไป เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว
ฉินจิ่วเอ๋อร์รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
เธอคว้ากระเป๋าและเดินไปได้ไม่ไกล
จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาขวางเธอ
ผู้ชายคนนี้ตัวไม่สูงนักแต่เขาแต่งตัวดีมาก ที่ข้อมือของเขามีนาฬิกาRolex
พร้อมกับถือไวน์สองแก้วไว้ในมือ
“ผมเดิมพันกับเพื่อนไว้ว่าผมจะสามารถชวนสาวสวยดื่มไวน์ได้ ช่วยไปดื่มกับผมหน่อยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขาดูมั่นใจ ท่าทางเขาค่อนข้างเป็นคนเหย่อหยิ่งสะด้วย
ดูแล้วท่าทางผู้ชายคนนี้จะมีเงินด้วย
ถึงแม้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์จะชอบรุ่นที่สองที่ร่ำรวย แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะไปกับผู้ชายคนนี้
นอกจากนั้นเธอเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอกำลังอารมณ์เสียเพราะเรื่องของลู่หยวน
“ไม่ค่ะ!”
ฉินจิ่วเอ๋อร์ตอบอย่างเย็นชา
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มในตอนแรกของผู้ชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึงทันที
เขาคิดว่าเธอจะไปกับเขาแต่มันไม่เป็นไปอย่างที่คิด เธอปฏิเสธ!
แม้ว่าเขาจะบอกว่าได้พนันกับเพื่อนไว้ แต่ความจริงแล้วเขาต้องการที่จะเข้ามาทักฉินจิ่วเอ๋อร์
ในตอนนี้ท่าทีของฉินจิ่วเอ๋อร์ทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
“เธอคิดว่าตัวเองสวยมากเหรอ?” เมื่อเห็นว่าฉินจิ่วเอ๋อร์กำลังเดินต่อไปเขาจึงเอื้อมมือไปคว้าแขนเธอไว้
ฉินจิ่วเอ๋อร์รู้สึกตกใจ
และยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
เพี๊ยะ!
เธอตบหน้าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นอย่างแรงและพูดขึ้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ชายคนนั้นไม่คิดว่าเขาจะถูกตบ เขามองไปที่ฉินจิ่วเอ๋อร์ด้วยท่าทีตกตะลึง
อีกด้านหนึ่งของร้าน เฉินเฟิง เหอหมินและคนอื่นๆก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปช่วยนั้น ฉินจิ่วเอ๋อร์ก็ได้เดินจากไปแล้ว
หลังจากที่จิ่วเอ๋อร์ออกไป ทุกคนนั่งเงียบและบรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างอึดอัด
ทั้งจางฮุย ซงชุนและเฉินเฟิงนั้นต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับลู่หยวน แม้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์จะทำผิดจริง แต่พวกเขาก็คิดว่าไม่ควรจะนินทาเธอต่อหน้าเพื่อนๆของเธอ
และมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะพูดถึงเรื่องที่ลู่หยวนขโมยอาหารอีกครั้ง
แน่นอนว่าลู่หยวนก็สังเกตุเห็นเรื่องนี้เช่นกัน เขาจึงหาข้ออ้างที่จะจากไป
เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่ต่อจะยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด
เขาเดินกลับไปที่หอพักคนเดียวพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้รวมถึงเรื่องของหลี่เมิ่งเหยา
สาเหตุทั้งหมดมาจากเรื่องเงิน
ถ้าหลี่เมิ่งเหยารู้ว่าจริงๆแล้วเขารวยมาก เธอก็คงจะไม่ทิ้งเขาไป
จิ่วเอ๋อร์ก็ด้วยถ้าเธอรู้ว่าเขานั้นคือรุ่นที่สองที่ร่ำรวยก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
แต่เรื่องนี้มันก็มีข้อดีอยู่
เพราะการที่เขาแสร้งทำเป็นคนยากจน จึงได้กลายเป็นเพื่อนกับจางฮุยและคนอื่นๆ
มิตรภาพนี้ไม่ได้แลกมาด้วยเงิน แต่เป็นมิตรภาพที่แท้จริง
ท้ายที่สุด จางฮุย ซงชุนและเฉินเฟิงต่างก็รู้ว่าเขานั้นยากจนแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกับเขา
การที่เขาแกล้งทำเป็นคนจน มันทำให้ลู่หยวนได้พบกับความลำบากที่คนรุ่นที่สองไม่มีวันได้เจอ สิ่งนี้ได้สอนอะไรมากมายให้กับลู่หยวน ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับชีวิต
ความจริงแล้วลู่หยวนนั้นไม่ชอบทำตัวเป็นคนเย่อยิ่งและใช้อำนาจเหนือใคร เขาชอบเป็นคนธรรมดาแบบนี้
และด้วยเหตุนี้เขาได้รู้ว่าใครที่หวังดีกับเขาจริงๆ
ตัวอย่างเช่นจางเซี่ย
แต่เขาคิดผิดเหรอ?
เขาควรจะทำตัวหยิ่งงั้นเหรอ?
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นประตูของห้องพักก็ถูกเปิดออก จางฮุยและซงชุนก็กลับมาถึงแล้ว
“ไปเที่ยวเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่หยวนถาม
“เฮ้อออ แม้ว่ากู่นากับเฉินหมานจะไม่หยิ่งและเป็นกันเองไม่เหมือนฉินจิ่วเอ๋อร์ แต่พวกเธอก็ต่างจากเรา เธอพูดถึงแต่เรื่องการท่องท่องเที่ยวอาหารราคาแพงที่พวกเราไม่รู้จัก ทำให้พวกเราไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี”
จางฮุยพูดอย่างน้อยใจและเปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกม
“แต่ว่าเหอหมินเธอน่ารักดีนะ เธอพยายามที่จะพูดคุยกับเรา เราตกลงกันว่าสัปดาห์หน้าจะนัดกันไปทานข้าวเย็นอีกครั้ง” ซงชุนกล่าว
“ก็ดีแล้ว” เขาหวังว่าทั้งสองคนจะหาแฟนได้ “แต่ครั้งหน้าฉันไม่ไปนะ”
“ให้ตายเถอะ!ลู่หยวน ทำไมนายถึงไม่ไปเป็นเพราะฉินจิ่วเอ๋อร์เหรอ? อย่าไปสนใจเธอเลย” จางฮุยพูดขณะเล่นเกม
“นี่พี่ลู่ ผมจะพอมีเงินที่จะให้พี่ลู่ยืมได้อยู่นะ” ซงชุนพูดขณะที่ยืนมองจางฮุยเล่นเกมอยู่ด้านหลัง
“ไม่เป็นไร ขอบใจนายมากนะ”
ลู่หยวนไม่ชอบเล่นเกมเขาจึงหยิบโทรศัพท์ oppo ขึ้นมาเพื่อเริ่มหาอะไรดู
ถึงแม้ว่าหลี่เมิ่งเหยาจะไม่ชอบโทรศัพท์เครื่องนี้ แต่สำหรับลู่หยวนแล้วเขาไม่เคยได้ใช้โทรศัพท์ที่ดีขนาดนี้มาก่อน
เขาเข้าสู่ระบบ QQ
มีข้อความแจ้งเตือนมาจากแชทกลุ่มของชั้นเรียน
“เฮ้ทุกคน ตอนนี้ฉันกำลังจะ Live อย่าลืมเข้ามาดูกันนะ… “
ทันทีที่ข้อความนี้ถูกโพสต์ แชทก็ระเบิดทันที
“หยินยี่กำลังจะ Live เหรอ?”
จางฮุยรีบหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาและตะโกน
“จริงเหรอ! เยี่ยมไปเลยยย”
ซงชุนหยุดมองจางฮุยเล่นเกมและรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ว้าว! ลู่หยวนนายมาดูนี่สิ” จางฮุยชักชวนลู่หยวนขณะที่จ้องมองไปที่โทรศัพท์
หยินยี่เป็นสาวฮ็อตของชั้นเรียน
เธอดูเด็กและน่ารักมาก หลายๆคนที่เพิ่งเคยเห็นเธอเป็นครั้งแรกมักจะคิดว่าเธอเป็นเพียงสาวน้อยมัธยมปลาย
แถมเธอยังดูราวกับเป็นวัวนมที่ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
หน้าอกของเธอใหญ่จนเธอได้รับฉายาจากกลุ่มเด็กผู้ชายว่า ‘แม่วัว‘
เธอสนิทอยู่กับแค่กลุ่มของตัวเองเท่านั้น แม้ว่าเขาจะอยู่ชั้นเรียนเดียวกับเธอแต่ลู่หยวนก็แทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย
“เธอ Live ด้วยเหรอ?”
ลู่หยวนสมัครสมาชิกแล้วคลิ๊กเข้าไปดู
เธอหุ่นดีแต่งตัวเซ็กซี่ สวมหูแมวสองข้างทำหน้ามุ่ยดูน่ารักและน่ามองมาก
“สวัสดี ทุกคน!”
เธอโบกมือทักทายและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“สวัสดีคร๊าบบบ!” ซงชุนยิ้มและโบกมือให้โทรศัพท์และแน่นอนว่าหยินยี่ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“นายคิดว่าเธอจะได้ยินเหรอ!” จางฮุยแซวซงชุน
หยินยี่ร้องเพลงพร้อมกับโยกตัวไปมาเบาๆอย่างน่ารัก
ขณะนี้คนกำลังดู Live อยู่ 33 คน และส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนในชั้นเรียนด้วย
แถบแชทเด้งขึ้นไม่หยุด
[หยินยี่ ลองเดาดูสิว่าฉันคือใคร?]
[ฉันคืออาจารย์เหว่ย เธอทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง?]
[เย้! ในที่สุดก็เริ่ม Live สักที ]
จากนั้นก็มีข้อความจากระบบว่า กระดาษชำระ1แผ่นถูกแบนจากช่องแชท
“เชี่ย! ฉันถูกแบน!” ซงชุนโวยวาย (ซงชุนแกล้งเป็นอาจารย์)
“ขอของขวัญหน่อยสิ ขอของขวัญหน่อยสิ!”
หยินยี่ตะโกนใน Live
“เราเป็นเพื่อนรวมชั้นกัน ขอกุหลาบหน่อยไม่ได้เหรอ?” หยินยี่ทำหน้ามุ่ย
กุหลาบเป็นของขวัญราคาห้าหยวน
วิธีของเธอได้ผล
หลังจากนั้น
“ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบนะคะพี่เทียน”
“เสี่ยวซีขอบคุณสำหรับผ้าพันคอนะ”
“หยินยี่พี่ชื่อลี่เทียนนะ” พี่เทียนพิมพ์ในช่องแชท
“ขอบคุณนะคะ พี่ลี่เทียน” หยินยี่พูดพลางแสร้งทำตัวน่ารัก
“ขอบคุณค่ะ เหว่ยหง”
“ขอบคุณนะคะ หวังห่าว”
“น้องเจิ้น ขอบคุณน้าาาา”
. . .
เธอขอบคุณอย่างต่อเนื่อง
ของขวัญส่วนใหญ่เป็นกุหลาบห้าดอก ไม่ก็ผ้าพันคอสิบผืน
“กระดาษชำระ1แผ่นส่งผ้าพันคอ!”
“อ่า กระดาษชำระ1แผ่นนี่เป็นใครกันนะ?” หยินยี่ปิดปากหัวเราะ
“ฉันเอง! นั่นคือฉันเอง!” ซงชุนกระวนกระวายราวกับมดบนกระทะร้อน
“ให้ตายเถอะจางฮุยนายช่วยฉันส่งข้อความไปบอกเธอหน่อยว่ากระดาษชำระ1แผ่นนั่นคือฉันเอง ฉันพิมพ์เองไม่ได้!” (ถูกแบนแชทอยู่)
[กระดาษชำระ1แผ่นคือซงชุน] จางฮุยมองซงชุนด้วยความรำคาญ
“ซงชุน ขอบคุณนะ” หยินยี่กล่าว
[แม้แต่ยาจกอย่างซงชุนยังให้ของขวัญกับเธอได้เลย ฉันคงยอมไม่ได้แล้ว] ในเวลานี้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า‘ปีศาจน้อยจินหลิง‘ได้พิมพ์เข้ามา
ทันใดนั้นซงชุนก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ใช่ ถึงแม่ว่าเขานั้นจะจนจริงๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกดีที่โดนดูถูกกลาง Live แบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นคนส่วนใหญ่ในห้องสตรีมสดก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาด้วย
[เฮ้ย ให้เกียรติกันหน่อย!] จางฮุยยอมไม่ได้ที่เห็นเพื่อนโดนดูถูก
“ปีศาจน้อยจินหลิงส่งซุปเปอร์คาร์!” ระบบแจ้งเตือนขึ้นมา