โชคชะตาที่ล่วงหล่น - ตอนที่ 4 เล่าเรื่อง
หญิงสาวคนนี้สวยมากเธออยู่ในชุดลูกไม้สีขาวและกระโปรงที่รัดรูปเนื้อผ้าเรียงเป็นชั้นๆดูสง่างามมาก
“พวกนาย ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับแฟนของฉัน เธอชื่อว่าเหอหมินเธอเรียนอยู่คณะศิลปศาสตร์เหมือนกับฉัน”
ในตอนนี้เฉินเฟิงเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
เฉินเฟิงมีหน้าตาที่หล่อเหลามากเขาสูง 180 เซนติเมตรไว้ผมหน้าม้าดูมีเสน่ห์น่าค้นหาสำหรับพวกผู้หญิง
“หมินหมิน นี่คือกลุ่มเพื่อนสนิทที่สุดของฉันพักอยู่ด้วยกันที่นี่ ลู่หยวน จางฮุยและซงชุน”
“เอิ่ม สวัสดี.”
เหอหมินดูไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก เธอทักทายลู่หยวนและคนอื่นๆด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
“นี่ลู่หยวน พี่ได้ข่าวว่านายเลิกกับหลี่เมิ่งเหยาแล้วเหรอ” เฉินเฟิงถอนหายใจและยิ้มอีกครั้ง เขาตบไหล่ของลู่หยวนเบาๆและพูดว่า “แต่อย่ามัวเศร้าไปเลยน้องลู่ ตอนที่พี่ไปรับหมินหมินมาที่นี่ พี่ได้ชวนเพื่อนๆของหมินหมินมาด้วย และอยากจะบอกว่าสาวๆพวกนั้นเด็ดๆทุกคน เดี๋ยวอีกสักพักพวกนายก็ได้เจอแล้ว ฮ่าฮ่า!”
“ว้าว จริงหรือ?!”
จางฮุยและซงชุนเก็บอาการตื่นเต้นของพวกเขาไว้ไม่ไหวที่จะได้พบกับสาวๆ
เหอหมินมาจากคณะศิลปศาสตร์ ได้ข่าวมาว่าสาวๆที่เรียนคณะนี้สวยมาก
แต่ถึงอย่างนั้นจางฮุยและซงชุนก็บ่นพึมพำ พวกเราไม่หล่อแถมจนอีกต่างหากขนาดสาวๆทั่วไปยังเมิน ไม่มีทางที่พวกเธอจะมาสนใจพวกเขาอย่างแน่นอน
“ฉันจองห้องที่คลับต้งหลีเอาไว้แล้ว เราเตรียมตัวไปกันเถอะหมินหมิน ความสวยของเธอพร้อมออกเดินทางแล้วหรือยัง?” เฉินเฟิงกล่าว
เหอหมินพยักหน้า “จิ่วเอ๋อร์ Wechat มาหาฉันว่าพวกเธอถึงกันแล้ว”
ขณะนั้นเหอหมินก็มองไปที่ลู่หยวนและคนอื่นๆ
“พวกนายก็รีบไปเปลี่ยนชุด เอาให้หล่อที่สุดเลยนะ พวกฉันจะไปรอข้างนอก”
“เร็วเข้า น้องชาย!”
เฉินเฟิงขยิบตาและพาเหอหมินออกไป
ทั้งสองรออยู่ที่ประตูอาคารหอพัก
เหอหมินขมวดคิ้ว “เฉินเฟิงสามคนนั้นดูธรรมดาเกินไป เพื่อนของฉันไม่ชอบผู้ชายที่ดูธรรมดาหรอก แต่ว่าลู่หยวนคนนั้นพอใช้ได้นะถ้าแต่งตัวดีๆ แต่อีกสองคนตัดทิ้งไปได้เลยพวกเธอไม่ชอบพวกเขาแน่ หน้าตาไม่ดึงดูดแถมไร้รสนิยมอีก “
“แต่ว่าพวกเขาเป็นคนดีมาก ลู่หยวนเขายอมทำงานหนักเป็นเวลากว่านึงเดือนเพื่อแลกกับเงินเพียงแค่ 3,000 หยวน เพื่อไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้หลี่เมิงเหยา แต่เธอก็ทิ้งเขาไป” เฉินเฟิงกล่าว
“ก็แหงล่ะ จืดชืดขนาดนี้ถูกทิ้งก็คงไม่แปลก”
เหอหมินเม้มปาก
และพูดว่า “จิ๋วเอ๋อร์ใช้เครื่องสำอางที่ราคาแพงกว่า 3,000 หยวนต่อชิ้นด้วยซ้ำและเธอค่อนข้างปากร้าย พวกเธอต้องไม่ชอบพวกเขาแน่ๆ “
“ทำยังไงดีล่ะ?” เฉินเฟิงคิดตามเมื่อแฟนของเขาพูดเช่นนั้น
เฉินเฟิงเริ่มคิดหนักหากน้องๆของเขาถูกดูหมิ่นนี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉินเฟิงต้องการเห็น “แต่ฉันพูดไปแล้วนี่ ยังไงก็ต้องไปก่อนล่ะ ป่านนี้พวกเขาคงคิดไปไกลแล้วแน่ๆ “
“นั่นสิ” เหอหมินตอบอย่างทำอะไรไม่ได้
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันลู่หยวนและอีกสองคนก็เดินออกมา
ทั้งจางฮุยและซงชุนเปลี่ยนชุดทำให้ดูหล่อขึ้นมาระดับหนึ่ง แถมซงชุนยังใส่ร่องเท้าหลี่หนิงที่เขาหวงแหนออกมาอีกด้วย
มีเพียงลู่หยวนเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม
“ลู่หยวนทำไมนายไม่เปลี่ยนชุดล่ะ?” เหอหมินถาม
“ชุดนี่ก็ดีอยู่แล้วนี่”
เหอหมินไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ถอนหายใจ ในใจหวังว่าจิ่วเอ๋อร์จะพอใจกับผู้ชายคนนี้
ในเวลานี้ที่คลับต้งหลี
มีกลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ
ทุกคนสวยและดูสะดุดตามากๆ
โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ตรงกลางใบหน้าดึงดูด เพียงแค่เธอยิ้มที่มุมปากก็ทำให้ใครหลายคนต้องหันมอง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอจิ่วเอ๋อร์? ฉันเห็นเธอดูอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆถามคนที่อยู่ตรงกลาง
“ตอนแรกฉันก็อารมณ์ไม่ดีแหละ แต่พอนึกถึงมันขึ้นมาฉันก็อยากจะหัวเราะ” จิ่วเอ๋อร์กล่าว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? บอกฉันมาสิ”
“ใช่ๆ เล่ามาเลยนะ”
สาวๆชอบเรื่องซุบซิบกันมากและต่อมความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
“เมื่อเช้าตอนที่ฉันไปกินอาหารในมหาวิทยาลัย มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่โต๊ะข้างๆ ถึงแม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าขาดๆ แต่เขาก็จริงจังกับการอ่านหนังสือเรียนมาก ในตอนแรกฉันรู้สึกชื่นชมเขามาก แต่หลังจากที่ฉันไปเข้าห้องน้ำมา พวกเธอลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” สาวๆตาเบิกกว้าง
“เขามานั่งแทนที่ฉันหยิบของกินที่ฉันวางเอาไว้เข้าปาก ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมาก!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จิ่วเอ๋อร์ก็เอามือกุมหน้าอก เหมือนว่าตอนนี้เธอก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่
“มีคนแบบนี้อยู่จริงๆเหรอ”
“ฉันคิดว่าเขาคนนั้นคงไม่มีเงินที่จะกินข้าว เขาคงคิดว่าจิ๋วเอ๋อร์ออกไปแล้วเลยเข้ามากินอาหารที่เหลือต่อ”
“ว้าวมันน่าอับอายมากที่มีคนแบบนี้อยู่ในมหาลัย!”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าเป็นฉันคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่นอน”
“ฉันว่าเขาน่าจะเป็นพวกคนจน!”
“เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ” เหอหมินไม่อยากนึกถึงมัน “ฉันเพิ่งส่งข้อความไปหาหมินหมินบอกว่าเรามาถึงแล้ว และอยากจะบอกว่ามีผู้ชายอีกสามคนที่อยู่หอพักเดียวกับเฉินเฟิง ตามมาด้วยแหละ ฮิฮิฮิ” จิ่วเอ๋อร์หัวเราะอย่างกระดี๊กระด๊า
“ฉันได้ยินมาว่าเขาเรียนแผนกบริหาร” ฉินจิ่วเอ๋อร์กล่าว
“ว้าว! ผู้ชายที่เรียนแผนกนี้ต้องหล่อมากแน่ๆเลยล่ะ” เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆพูดอย่างตื่นเต้น
“คนที่เรียนบริหารจะต้องเป็น CEO ในอนาคต ฉันจะต้องจับเขาให้ได้” ฉินจิ่วเอ๋อร์พูดอย่างมุ่งมั่น
“ฉันได้ยินมาว่านักเรียนที่เลือกเรียนเอกบริหารล้วนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย นี่พวกเธอดูให้หน่อยสิว่าฉันแต่งหน้าจัดเกินไปหรือเปล่า”
ขณะที่พูดคุยกันนั้นพวกสาวๆก็หยิบกระจกบานเล็กที่อยู่ในกระเป๋าของตนขึ้นมาเช็คทันที
ในตอนนี้เฉินเฟิงและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว
“เข้าไปด้านในกันเถอะ” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
จางฮุยและซงชุนทั้งสองคนต่างก็ตื่นเต้น สีหน้าของพวกเขาดูประหม่า
“จิ่วเอ๋อร์ นานา หมานหมานฉันมาแล้ว!” เหอหมินตะโกนเรียกเพื่อนของเธอและเดินเข้ามา
“อ้าวหมินหมิน เฉินเฟิง ทางนี้ๆ”
“นานา หมานหมาน สองคนนี้ชื่อว่าจางฮุยและซงชุน เป็นเพื่อนของเฉินเฟิง”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทำความรู้จักกัน
แต่เมื่อฉินจิ่วเอ๋อร์และคนอื่นๆเห็นเพื่อนทั้งสองคนของเฉินเฟิงความกระตือรือร้นและความตื่นเต้นก็จางหายไป
ทั้งสองคนดูธรรมดามาก
พวกเขาไม่มีความน่าสนใจเลย
“กำลังคุยถึงเรื่องอะไรกันอยู่ ฉันเห็นพวกเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาแต่ไกล” เหอหมินถาม
มีเพียงแค่เหอหมินและเฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้จักกับสาวๆพวกนี้ เธอจึงพยายามหาเรื่องชวนคุย
เมื่อเห็นว่าฉินจิ๋วเอ๋อร์ไม่สบอารมณ์เธอทำได้เพียงสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นเท่านั้น
“ไหนๆเมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ” เหอหมินพูดต่อ
“พอดีเมื่อเช้าจิ๋วเอ๋อร์เจอผู้ชายแปลกๆที่มหาวิทยาลัยน่ะ จิ๋วเอ๋อร์เธอเล่าให้หมินหมินฟังสิ” กู่นาพูด
จิ๋วเอ๋อร์เล่าเหตุการณ์ที่มีคนมาขโมยอาหารของเธออีกครั้ง
ทุกคนหัวเราะหลังจากได้ฟังเรื่องนี้
“จางฮุยไปนั่งข้างๆหมานหมานตรงนั้นสิ ส่วนซงชุนนั่งกับนานาละกัน” เหอหมินกล่าว
เธอจงใจให้เป็นเช่นนั้น
เธอเว้นที่ว่างข้างๆฉินจิ๋วเอ๋อร์ไว้เพราะในบรรดาเพื่อนสาวของเธอนั้น ฉินจิ๋วเอ๋อร์สวยและฮ็อตที่สุด
ในบรรดาเพื่อนของเฉินเฟิงลู่หยวนดูดีที่สุดแม้ว่าเขาจะสวมชุดธรรมดาแต่ลู่หยวนก็หล่อที่สุด
ดังนั้นเหอหมินจึงตั้งใจจัดให้ลู่หยวนนั่งข้างๆฉินจิ่วเอ๋อร์ นั่นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เพราะถ้าเป็นจางฮุยหรือซงชุนล่ะก็ เธอต้องไม่พอใจเอามากๆ
แน่นอนว่าเหอหมินรู้ดี แม้ว่าลู่หยวนจะถูกจัดให้นั่งกับฉินจิ่วเอ๋อร์แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ฉินจิ๋วเอ๋อร์ไม่มีทางสนใจลู่หยวนแน่นอนเพราะต่อให้เขาหน้าตาดีแต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นน่าสนใจ
“ทำไมเพื่อนของเฉินเฟิงมาแค่สองคนล่ะ?” ฉินจิ่วเอ๋อร์ถาม
“อ๋อ ลู่หยวนไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวก็ตามมา” เฉินเฟิงพูด “ระหว่างนี้ก็สั่งอาหารกันก่อนเลยก็ได้”
ระหว่างนั้นเฉินหมานและกู่นาก็ชวนจางฮุยและซงชุนพูดคุย
จริงๆแล้วพวกเธอไม่ได้อยากคุยกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำแต่ต้องรักษาหน้าของเฉินเฟิงและเหอหมิน พวกเธอจึงต้องแสร้งทำ
แม้ว่าปกติแล้วจางฮุยและซงชุนเป็นคนพูดเก่งและขี้เล่นเวลาอยู่กับเพื่อนๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวยแล้วพวกเขาก็ทำตัวไม่ถูก และไม่รูู้จะพูดอะไรดี
พวกเขาพยายามหาเรื่องชวนคุย
ฉินจิ่วเอ๋อร์ตอนนี้เธอนั่งเงียบ ไม่ได้สนใจจางฮุยและซงชุน
ตอนนี้เธอจดจ่อรอการมาของผู้ชายอีกคน
การที่ได้เห็นจางฮุยและซงชุนนั้นมันทำให้รู้สึกค่อนข้างผิดหวัง
ในตอนนี้เธอหวังว่าลู่หยวนจะเป็นคนที่หล่อรวยและหวังว่าลู่หยวนคนนั้นเลือกที่จะมาเรียนคณะบริหารก็เพื่อที่จะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว
“จิ่วเอ๋อร์คิดอะไรอยู่เหรอ? ทำไมถึงชอบมองไปที่ทางออกของห้องน้ำล่ะ” กู่นาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยังต้องถามอีกหรอ เธอกำลังมองหาลู่หยวนคนนั้นอยู่น่ะสิ” เฉินหมานพูดด้วยรอยยิ้ม
พูดตามตรงพวกเธอทั้งสองคนก็อยากเจอเขาเหมือนกัน
แม้ว่าลู่หยวนจะไม่ได้นั่งข้างๆพวกเธอ แต่จางฮุยและซงชุนก็ทำให้พวกเธอรู้สึกผิดหวัง พวกเธอจึงหวังว่าลู่หยวนจะหล่อและรวยต่างจากสองคนนี้
“เฮ้ลู่หยวน! ทางนี้ๆ”
เฉินเฟิงโบกมือเรียกลู่หยวนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ