โชคชะตาที่ล่วงหล่น - ตอนที่ 16 โต๊ะนี้ฉันจองไว้แล้ว
“จองโต๊ะไว้แล้วงั้นเหรอ?”
ฮ่าฮ่า หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ
หลี่เมิ่งเหยามั่นใจในความคิดของตัวเองมากว่าลู่หยวนไม่ได้มาที่นี่เพื่อทานอาหาร แต่เข้ามาเพื่อเปิดหูเปิดตาเพียงเท่านั้น เขาคงไม่คาดคิดว่าจะเจอเธอที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงแกล้งทำเหมือนว่าตัวเองนั้นมาทานอาหารที่นี่จริงๆ
ที่นี่คือมิชลินร้านอาหารสุดหรูหรา การที่จะมาทานอาหารที่นี่ได้ต้องเป็นคนที่มีฐานะระดับหนึ่ง แต่เธอรู้จักเขาดีว่าเขานั้นเป็นแค่คนยากจนเท่านั้น จองโต๊ะไว้ที่นี้แล้วงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า ไม่มีทาง!
ตอนที่พวกเขาคบกันแค่ร้านอาหารข้างทางนานๆทีลู่หยวนถึงจะพาเธอไปด้วยซ้ำ
หลี่เมิ่งเหยาคิดว่าลู่หยวนจะต้องตกใจกับราคาอาหารที่สูงลิ่วของมิชลินอย่างแน่นอน หน้าของเขาตอนนั้นมันต้องตลกมากแน่ๆ เธอจึงโฟกัสกล้องมือไปที่ลู่หยวนเพื่อไม่ให้พลาดช็อตเด็ดนั้น
“นี่น้องชายที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ ออกไปได้แล้ว!” ผู้จัดการร้านเริ่มขึ้นเสียงเธอพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง
แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงท่าทางดูถูกเหมือนที่หลี่เมิ่งเหยาทำ แต่สายตาที่เธอมองไปที่ลู่หยวนนั้นก็บ่งบอกว่าเธอไม่มีทางเชื่อว่าลู่หยวนนั้นจะสามารถจ่ายค่าอาหารที่นี่ได้
ผู้จัดการร้านเองก็เชื่อคำพูดของหลี่เมิ่งเหยาไปแล้วว่าลู่หยวนมาที่นี่เพื่อเข้าห้องน้ำ
ในตอนนี้จางเซี่ยรู้สึกกังวังเป็นอย่างมาก
เธอรู้ดีว่าเมื่อลู่หยวนพูดอะไรออกไปแล้ว เขาจะไม่มีทางกลืนน้ำลายตัวเองแน่นอน!
จางเซี่ยรีบควานหากระเป๋าสตางค์ของเธอเพื่อดูว่าพอจะมีเงินเหลือที่จะทานอาหารราคาต่ำสุดในร้านได้ไหม แม้ว่าจะช่วยไม่ได้มากแต่เธอจะเป็นคนจ่ายให้เขาเอง เพื่อไม่ให้หลี่เมิ่งเหยาได้ใจไปมากกว่านี้
“น้องชายถ้าหากว่านายจองโต๊ะไว้จริงๆ ฉันขอถามได้ไหมว่ามันคือโต๊ะไหน?” แม้ว่าผู้จัดการจะไม่เชื่อลู่หยวน 100% แต่เธอจำเป็นต้องแสดงความเป็นมืออาชีพ
“ฉันต้องโต๊ะ 6 เอาไว้” ลู่หยวนกล่าว
“ห๊ะ! นายพูดว่าจองโต๊ะ 6 ไว้อย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อลู่หยวนพูดประโยคนี้มันทำให้หลี่เมิ่งเหยาหยุดหัวเราะไม่ได้ “นายนี่โชคร้ายจริงๆเลยนะโต๊ะมีตั้งหลายสิบโต๊ะ แต่ดันเลือกโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่สะได้ ฮ่าๆ ช่างเป็นคนยากจนที่น่าสงสารเสียจริง!”
หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะลั่น
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ 6 และยังทานอาหารไม่เสร็จ แต่ลู่หยวนกับบอกว่าจองโต๊ะ 6 เอาไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจองโต๊ะที่เธอกำลังนั่งทานอาหารอยู่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการจุดไฟเผาตัวเอง
“ผู้จัดการคุณรีบเอาไอ้ยาจกนี่ออกไปเลยนะ เขาโกหก! พวกเรานั่งอยู่ที่โต๊ะ 6 จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะจองโต๊ะเดียวกับเรา” หลี่เหมิงเหยากล่าวในขณะที่กำลังกอดแขนตู้เหลียง
ในตอนนี้หลี่เมิ่งเหยารู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนี้ผู้จัดการร้านไม่ฟังคำพูดของลู่หยวนอีกต่อไปเธอตะโกนเรียก “รปภ.!”
“เดี๋ยวก่อน!”
“ฉันมีข้อความยืนยัน คุณลองอ่านดูสิ” ลู่หยวนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและส่งให้ผู้จัดการร้าน
“โอ้ นี่มันโทรศัพท์ที่ฉันทิ้งไปนี่ นายยังใช้มันอยู่อีกเหรอ? คงไม่มีเงินที่จะซื้อเครื่องใหม่สินะ?” แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการดูถูก
แม้ว่าผู้จัดการจะคิดว่านี่เป็นเพียงการยื้อเวลาเท่านั้น แต่เธอก็ยอมอ่านข้อความที่ลู่หยวนส่งให้ ในตอนนั้นหลังจากที่เธออ่านข้อความท่าทางก็เปลี่ยนไป
“นี่เป็นข้อความยืนยันการจองโต๊ะของร้านเราซึ่งเขาได้จองโต๊ะ 6 เอาไว้จริงๆ!”
“จะเป็นไปได้ยังไง!”
หลี่เมิ่งเหยาเสียงดังขึ้น “มันเป็นของปลอมแน่นอน! พวกเรานั่งอยู่ที่โต๊ะ 6 แล้วอาหารก็เพิ่งเริ่มเสิร์ฟได้ไม่นาน”
“มันแปลกมาก คุณช่วยแสดงข้อความยืนยันการจองโต๊ะของคุณให้ฉันดูได้ไหม?” ผู้จัดการร้านถามหลี่เมิ่งเหยาและตู้เหลียง
ตู้เหลียงไม่ยอมเสียหน้า เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแสดงข้อความยืนยัน
“คุณเห็นหรือยังว่าผมเป็นเจ้าของโต๊ะ 6 ไอ้หมอนี่มันโกหก นั่นเป็นข้อความปลอม!” ตู้เหลียงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย
ตอนนี้ทั้งคู่ได้ยืนยันว่าจอง 6 เอาไว้ หนึ่งในนั้นต้องเป็นของปลอมแน่ๆ
ตู้เหลียงมั่นใจ 100% ว่าเขานั้นเป็นเจ้าของที่นั่งโต๊ะ 6
ฮ่าๆ งั้นเรามาคอยดูกันว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น!
เมื่อผู้จัดการร้านอ่านข้อความของตู้เหลียงเธอก็กระจ่างขึ้นมาทันที เธอหัวเราะอย่างกะทันหันและพูดกับตู้เหลียง “คุณสองคนไม่ผิดคุณทั้งคู่ได้จองโต๊ะที่ 6 ไว้แล้ว แต่โต๊ะที่พวกเขาจองเอาไว้ไม่ใช่โต๊ะ 6 ธรรมดา แต่เป็นโต๊ะ VIP หมายเลข 6 ซึ่งโต๊ะของคุณเป็นเพียงโต๊ะธรรมดาหมายเลข 6 ”
หลี่เมิ่งเหยาถึงกับตะลึง
อะไรนะสิ่งที่ลู่หยวนพูดนั้นกลับกลายเป็นเรื่องจริง?
ยิ่งไปกว่านั้นโต๊ะที่พวกเขาจองยังเป็นโต๊ะ VIP ที่แพงกว่าโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
เมื่อผู้จัดการร้านรู้ว่าเธอเข้าใจผิดลู่หยวนและจางเซี่ย ท่าทีของเธอก็ได้เปลี่ยนไป 180 องศาทันทีและเธอยังให้ความเคารพลู่หยวนมากขึ้น “คุณทั้งสองฉันต้องขอโทษจริงๆที่หยาบคาย ฉันจะนำทางไปที่โต๊ะ โปรดเชิญทางนี้”
ผู้จัดการร้านนำทางทั้งสองคนไปยังโต๊ะ VIP หมายเลข 6
เมื่อไปถึงผู้จัดการก็พูดอย่างร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้น ลูกค้าจองโต๊ะนี้ไว้ทำไมพวกคุณถึงยังไม่ทำความสะอาด!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับผู้จัดการ ลูกค้าที่จองไว้มาถึงแล้ว พวกเขาน่าจะไปเข้าห้องน้ำ….อ๊ะ! นี่ไงมาพอดีเลย” บริกรรีบชี้ไปที่ด้านหลัง
เป็นหลี่เมิ่งเหยาและตู้เหลียงที่เดินตามมา
เมื่อหลี่เมิ่งเหยาเห็นผู้จัดการร้านพาลู่หยวนและจางเซี่ยไปที่โต๊ะของเธอ เธอก็รีบพุ่งมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเธอแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก
“ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะคุณทั้งสอง นี่คือโต๊ะ VIP.6 มันเป็นของคุณลู่และคุณผู้หญิงท่านนี้ ส่วนโต๊ะของคุณ คือโต๊ะ 6 ที่อยู่ในพื้นที่ปกติ”
ผู้จัดการร้านหันหน้ามาพูดกับหลี่เมิ่งเหยา
ในที่สุดหลี่เมิ่งเหยาก็เข้าใจแล้ว
ในตอนแรกเธอก็คิดว่าทำไมโต๊ะหมายเลข 6 นี้ถึงหรูหรามาก มีเพียงแค่ห้าโต๊ะที่คล้ายกันในห้องโถงทั้งหมด แถมยังใช้ชุดจานที่ทำมาจากเงินแท้อีกด้วย
ปรากฎว่านี่คือตำแหน่ง VIP!
และตอนนี้เธอกำลังจะถูกขับออกไปนั่งที่โต๊ะปกติ เพื่อให้ลู่หยวนและจางเซี่ยเข้ามานั่งแทน นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากสำหรับหลี่เมิ่งเหยา
“ฉันจะไม่ไป! นี่มันไม่ใช่ความผิดของเรา ทำไมฉันต้องไปด้วย?”
หลี่เมิ่งเหยานั่งลงที่เก้าอี้และตบโต๊ะอย่างไม่พอใจ เธอยืนยันที่จะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น
ผู้จัดการร้านขมวดคิ้ว
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเธอก็ปวดหัวเช่นกันเธอจึงได้แต่ถามบริกรที่อยู่ข้างๆเธอ “ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้? คุณไม่ได้ตรวจสอบข้อความจองโต๊ะของแขกเหรอ?”
บริกรมีท่าทีตื่นตระหนกและรีบพูดว่า “คนที่สั่งโต๊ะ VIP6 นั้นจองมาในชื่อ ‘คุณลู่‘ และโน๊ตในหมายเหตุว่าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาผมจึงถามว่า ‘ใช่ คุณลู่ หรือไม่‘ เขาก็ตอบกลับมาว่าใช่ และก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิงด้วย ดังนั้นผมจึงไม่ได้ตรวจสอบข้อความ”
“ลู่เล่ออะไรกัน? ตอนนั้นคุณถามว่าผมใช่ คุณตู้หรือเปล่า!”
ตู้เหลียงก็รู้ในทันที่ว่าตอนนั้นเขาฟังผิด จึงทำให้ได้ยินจากลู่กลายเป็นตู้
ใช่แล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันเพราะว่าเขาจ่ายเงินไปแค่ 1,000 หยวนสำหรับโต๊ะนี้ แต่การบริการนั้นดีมาก นั่นเป็นเพราะว่าเขานั่งผิดโต๊ะ
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ตู้เหลียงก็กัดฟันปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามันเป็นความผิดของเขา
ผู้จัดการร้านมีประสบการณ์มากมายและในตอนนี้เธอก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
“โอเค คุณยืนยันที่จะไม่ไปใช่ไหมคะ?”
ผู้จัดการร้านถามหลี่เมิ่งเหยาอีกครั้ง
“ฉันจะไปลุกไปไหนทั้งนั้น! แค่โต๊ะ VIP ทำไมจะนั่งไม่ได้!” หลี่เมิ่งเหยาพูดเสียงแข็ง ตอนนี้เธอจะไม่ยอมเสียหน้าโดยเด็ดขาด
“เอาล่ะ! หากคุณยืนยันที่จะนั่งอยู่ที่นี่คุณจำเป็นต้องจ่ายเงินสำหรับที่นั่ง VIP 500 หยวน เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเงินอีก 500 หยวน สำหรับนักดนตรีอีก 3,000 หยวน พนักงานเสิร์ฟต่างหาก 1,000 หยวนและค่าอาหารทั้งหมดที่เสิร์ฟไปแล้วรวมๆก็ 10,000 หยวน ไม่รวมเครื่องดื่มหากคุณยืนยันที่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ก็ย่อมได้ ฉันเพียงบอกค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้า” ผู้จัดการร้านกล่าว
ในตอนนี้หลี่เมิ่งเหยาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเธอยังคงไม่ยอมแพ้ 15,000 ไม่แพงเกินไปที่จะเอาชนะลู่หยวนเพราะยังไงเธอก็ไม่ได้เป็นคนจ่าย
เธอจะไม่ยอมออกไปอย่างคนแพ้!
“หึ! มันก็แค่เงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่รักนั่งลงสิ” หลี่เมิ่งเหยาพูดและมองไปยังตู้เหลียง
แต่ในตอนนี้ตู้เหลียงเริ่มเหงื่อตกแล้ว เขามามิชลินครั้งนี้ตั้งราคาสูงสุดในใจคือ 2,000 หยวน แต่ตอนนี้ต้องใช้เงินถึง 15,000 หยวนเขาจะไปเอาเงินจากไหนมาจ่าย
“เหยาเหยา ปล่อยไปเถอะ!” ตู้เหลียงดึงแขนหลี่เมิ่งเหยา
ตอนนี้หลี่เมิ่งเหยารู้สึกโมโหและหน้าแตกเป็นอย่างมาก มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเดินจากไป!
“คุณจะทำอะไร! คุณไม่มีเงินจ่ายเหรอ?!” หลี่เมิ่งเหยายังคงดื้อรั้น เธอโกรธตู้เหลียงมากในตอนนี้
ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆกำลังมองมาที่เธอ ลู่หยวนและจางเซี่ย ผู้จัดการร้าน พนักงานเสิร์ฟและลูกค้าคนอื่นๆ เธอจะยอมออกไปง่ายๆในขณะที่สายตาของทุกคนจ้องมองมาได้อย่างไร?
“ถ้าคุณไม่ไปงั้นคุณก็อยู่ที่นี่ต่อ แต่ผมจะไปล่ะ!”
จู่ๆตู้เหลียงก็ปล่อยมือของหลี่เมิ่งเหยาและทิ้งให้เธอยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น
ตู้เหลียงเดินจากไปด้วยท่าทีเร่งรีบ เขาไม่มีวันยอมจ่ายเงิน 10,000 เพื่ออาหารมื้อเดียวอย่างแน่นนอน! แม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นที่สองที่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ถึงขั้นมหาเศรษฐี
เขาเดินหนีไปโดยไม่สนใจว่าหลี่เมิ่งเหยาจะรู้สึกอย่างไร
ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าตัวเองต้องรอดจากสถานการณ์ในตอนนี้ก่อน
ตอนนี้หลี่เมิ่งเหยารู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ เธอไม่คิดว่าตู้เหลียงจะทิ้งเธอไว้แบบนี้
ตู้เหลียงเดินหายไปแล้ว มันไม่มีเหตุผลที่เธอจะอยู่อีกต่อไป
หลี่เมิ่งเหยารู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เธอรีบก้มหน้าลงและวิ่งตามตู้เหลียงออกไปให้ไกลจากสายตาผู้คน
“คุณลู่…ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต”
ผู้จัดการร้านสั่งให้บริกรรีบทำความสะอาดโต๊ะ และเชิญลู่หยวนกับจางเซี่ยนั่งลง จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่าหลี่เมิ่งเหยาและตู้เหลียงไม่ได้ออกจากมิชลิน แต่พวกเขามานั่งที่โต๊ะ 6 ธรรมดาที่ได้จองเอาไว้
ถ้าเป็นตอนแรกแม้ว่าจะเป็นโต๊ะธรรมดาหมายเลข 6 หลี่เมิ่งเหยาก็คงจะมีความสุขมาก
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
เมื่อเห็นลู่หยวนและจางเซี่ยนั่งในตำแหน่งวีไอพี นั่งอยู่บนเก้าอี้หรูหราที่มีบริกรคอยดูแลพวกเขาอยู่ นอกจากนี้ยังมีวงดนตรีพิเศษที่เล่นให้กับพวกเขาด้วย
ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าหัวใจของหลี่เมิ่งเหยานั้นรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าสิ่งที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นในใจของเธอคือ เธอกำลังสงสัยว่าลู่หยวนเอาเงินจากไหนมาทานอาหารที่ร้านราคาแพงเช่นนี้?
ในตอนนั้นผู้จัดการร้านยังบอกว่าราคาอาหารทั้งหมดราวๆ 15,000 ไม่รวมเครื่องดื่ม ถ้าหากดื่มอะไรดีๆคงทะลุ 20,000 แน่นอน
หลี่เมิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง
เธอเห็นว่าบริกรถือขวดไวน์แดงกำลังรินไวน์ให้กับลู่หยวนและจางเซี่ยอย่างระมัดระวัง ท่าทางที่ระมัดระวังของพนักงานเสิร์ฟดูเหมือนกำลังปรนนิบัติเจ้าชายและเจ้าหญิง
เมื่อเห็นอย่างนั้นมันทำให้หลี่เมิ่งเหยายิ่งลุกลี้ลุกลน
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่หลี่เมิ่งเหยาที่กำลังรู้สึกแปลกใจ แต่จางเซี่ยก็รู้สึกเช่นกัน เธอกำลังสงสัยว่าลู่หยวนเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าอาหารมื้อนี้
“ลู่หยวนนายเอาเงินมาจากไหน? นายจองโต๊ะนี้เมื่อไหร่? ฉันอยู่กับนายตลอดทำไมฉันไม่เห็นนายโทรจองโต๊ะ?”
จางเซี่ยถามคำถามหลายชุด
“เธอไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าฉันไปแอบจองโต๊ะตอนไหน”
แน่นอนว่าลู่หยวนจะไม่บอกจางเซี่ย เมื่อตอนที่อยู่บนรถแท็กซี่เขาส่งข้อความไปหาเหล่าเซี้ยงว่าให้จองโต๊ะไว้ที่ร้านมิชลิน ส่วนที่เหลือนั้นเหล่าเซี้ยงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด หลังจากจองเรียบร้อยเขาก็ส่งข้อความมาบอก
“ส่วนเรื่องเงิน ฉันถูกลอตเตอรี่มาน่ะ ฮิฮิ” ลู่หยวนกล่าว
ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ เขาจึงบอกกับจางเซี่ยว่าเขาถูกรางวัลได้เงินมาประมาณ 100,000 หยวน
หลังจากที่จางเซี่ยได้ยินเช่นนั้นเธอก็บ่นออกมาทันที
“เรากินอาหารมื้อนี้ไปไม่ต่ำกว่า 20,000 หยวนถ้านายยังใช้เงินจ่ายของแพงๆแบบนี้เรื่อยๆ อีกไม่นานนายก็จะใช้เงินจนหมดนะ!”
จางเซี่ยรู้สึกทุกข์ใจจริงๆ
ถ้าลู่หยวนเป็นรุ่นที่สองที่ร่ำรวยก็คงไม่สำคัญแต่เป็นเพราะเขานั้นยากจนมาก เธอจะรู้สึกดีกว่าถ้าเห็นลู่หยวนได้เอาเงินส่วนนี้ไปซื้อเสื้อผ้าหรือทำอะไรเพื่อตัวเขาเอง
“ไม่เป็นไรหรอกจางเซี่ย เธอดูแลฉันอย่างดีมาตลอด ฉันอยากจะเลี้ยงขอบคุณเธอสักครั้งแต่ก็ไม่มีเงิน ครั้งนี้ฉันถูกรางวัลมาและความคิดแรกก็คือพาเธอไปกินอะไรอร่อยๆ เงินนี้คุ้มค่ามากเพราะฉันใช้จ่ายไปกับคนที่ห่วงใยฉัน มันไม่สำคัญว่าฉันจะมีเงินเท่าไหร่” ลู่หยวนมองไปที่จางเซี่ยและกล่าว
คำพูดเหล่านี้ลู่หยวนสามารถพูดได้อย่างจริงใจ
จางเซี่ยทำดีกับเขามาตลอดเธอคอยถามไถ่อยู่เสมอว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แม้แต่ตอนที่หลี่เมิ่งเหยาทิ้งเขาไป เธอก็เป็นหนึ่งคนที่คอยอยู่ข้างๆเขา
แม้ว่าลู่หยวนจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาและจางเซี่ยจะเป็นแฟนกัน แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ในตอนนี้จางเซี่ยไม่ได้คิดเช่นนั้น…..เธอกำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในใจ